ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

จริงหรือที่ ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี มีเทพผู้ยิ่งใหญ่ 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเทพ และฝ่ายมาร ปกครองร่วมกัน


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 16 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ideal

ideal
  • Members
  • 605 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:TRANG
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 09:07 AM

QUOTE
ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี เป็นสวรรค์ที่มีความแปลกอย่างหนึ่งคือ มีเทพผู้ยิ่งใหญ่ 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเทพ และฝ่ายมาร ปกครองร่วมกันบนสวรรค์ชั้นนี้


จริงหรือไม่จริง อ่านเจอในเวบวิชาการครับ

ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

#2 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 09:52 AM

อ่า...เท่าที่ได้เคยอ่านมานะครับ พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ดังนี้

บนสวรรค์ชั้นที่ 6 จะมีเทวบุตรองค์หนึ่งซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ โดยสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนมชีพอยู่ เทวบุตรมารองค์นี้ได้มาเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ในวันที่จะตรัสรู้ครับ ซึ่งเรารู้จักกันในนาม พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร แต่ก็ได้พ่ายแพ้ต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปในวันตรัสรู้นั่นเอง หลังจากนั้น ก็ไม่ได้กล่าวถึง เทวบุตรมารองค์นี้อีกเลย จนกระทั่ง....

สมัยต่อมา หลังพุทธปรินิพพาน ยุคพระเจ้าอโศกมหาราช หลังจากที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทำการสร้างเจดีย์ 84,000 องค์แล้ว ต้องการจะสมโภชใหญ่ทั่วแผ่นดิน พระอรหันต์ในยุคนั้นเล็งเห็นด้วยญาณว่า งานสมโภชนี้จะไม่ราบรื่น เพราะจะมีเทวบุตรมารองค์หนึ่งลงมาขัดขวาง ซึ่ง เทวบุตรมารองค์นั้นก็คือ พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร องค์เดียวกับที่มาเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ในวันตรัสรู้นั่นเอง และ พระอรหันต์ก็ได้รับมอบหมายให้ พระอุปคุตเถระ มาทำหน้าที่กำราบเทวบุตรมารองค์นี้ ไม่ให้มาขัดขวางงานสมโภชใหญ่ครั้งนี้ได้ โดยพระอุปคุตเถระ ได้ประลองฤทธิ์กับเทวบุตรมารองค์นี้ สุดท้ายเทวบุตรมารองค์นี้ก็พ่ายแพ้ไป และพระอุปคุตเถระยังได้จับเอาเทวบุตรมารองค์นี้ไปผูกมัดติดเอาไว้กับภูเขาลูกหนึ่งและเนรมิตหมาเน่าเอาไปห้อยคอเทวบุตรมารองค์นี้ด้วย

ต่อมาเทวบุตรมารองค์นี้ก็ได้สำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระโพธิสัตว์ในสมัยพุทธกาล ว่าถึงแม้ตนจะเบียดเบียนพระองค์แต่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยทำอะไรตอบโต้ตนเลย มานะและมิจฉาทิฏฐิจึงคลายตัวสลายหายไป แล้วอธิษฐานว่า ถ้าตนพอจะมีบุญเก่าที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ขอให้ตนได้บรรลุธรรม ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตเยี่ยงพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย

ในเวลานั้นเอง พระอุปคุตเถระ ได้แอบเฝ้าดูเทวบุตรมารองค์นี้อยู่ เมื่อได้ยินถึงคำอธิษฐานของเทวบุตรมารองค์นี้ ก็รีบมาคลายเชือกและเอาหมาเน่าออกทันที และ บอกว่า บัดนี้ ท่าน (หมายถึง พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร ) ได้เป็นผู้ที่น่ายกย่องแล้ว เพราะ การที่ท่านอธิษฐานแบบนี้ เท่ากับว่า ท่านได้เป็น พระโพธิสัตว์ ซึ่งจะเป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์ในอนาคต ภายภาคเบื้องหน้าแล้ว

หลังจากนั้น พระอุปคุตก็ได้ขอร้องให้ พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร ได้ช่วยเนรมิตกายให้ละม้ายคล้ายกับกายเนื้อของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องด้วย ตนและมหาชนรุ่นหลังพุทธปรินิพพานไม่เคยได้มีโอกาสได้เห็นกายเนื้อของพระมหาบุรุษเลย นอกจากได้เห็นแต่กายธรรม คือ พระธรรมกาย แต่เพียงอย่างเดียว พระยาวสวัตดีเทวบุตรมารก็รับคำว่าจะเนรมิตกายให้ด้วยเทวฤทธิ์ของตน แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามพระภิกษุและมหาชนทั้งหลายทำความเคารพตนในพระรูปกายของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่ง พระภิกษุและมหาชนทั้งหลายก็รับคำ

ต่อมา พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร ก็ได้เนรมิตกายตนให้เหมือนกับรูปกายเนื้อของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยอสีติมหาสาวกทั้ง 80 รูป ทำให้พระภิกษุและมหาชนทั้งหลายที่เฝ้ารอดูถึงกับตื่นตะลึงในความสง่างามและงดงามของพุทธลีลารวมไปถึงเหล่าอสีติมหาสาวก มีพระสารีบุตร พระมหาโมคคัลนะ เป็นต้น และพร้อมใจกันก้มลงกราบ ทำให้พระยาวสวัตดีเทวบุตรมารถึงกับตกใจ รีบคืนร่างสู่ร่างเดิมทันที และทำการต่อว่า ว่า ทำไมถึงก้มกราบตนทั้งๆ ที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว พระอุปคุตเถระได้ตอบว่า ที่ตนและมหาชนทั้งหลายก้มลงกราบนั้น ด้วยมีจิตเลื่อมใสในพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยอสีติมหาสาวกทั้ง 80 รูป ไม่ได้คิดจะกราบพระยาวสวัตดีเทวบุตรมารแต่อย่างไร เมื่อได้อธิบายจนเข้าใจกันแล้ว พระยาวสวัตดีเทวบุตรมารก็ขอตัวเหาะกลับไปยังวิมานของตนในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี และก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงอีกเลยทั้งในพระไตรปิฎกและพระคัมภีร์ต่างๆ ตราบจนถึงปัจจุบันนี้
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#3 ideal

ideal
  • Members
  • 605 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:TRANG
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 10:33 AM

สาธุ ครับ

DMC The only one

ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
ไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี้แหละเป็นตัวสำเร็จ
ผลไม้ดกนกชุม น้ำเย็นปลาชอบอาศัย


คติธรรม พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)

#4 tnawut

tnawut
  • Moderators
  • 2398 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Laksi
  • Interests:Internet, Computer, Electronic, Security, Merit, Meditation, อินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์, ทำบุญ, ปล่อยปลา, บูชาเจดีย์, ฝันในฝัน, DOU, หมู่บ้านปฏิบัติธรรม, บวช, บรรพชา, Web, CU, Chula

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 11:02 AM

อ่านแล้วตื่นเต้นมากครับ

#5 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 11:45 AM

สมเด็จพระวสวัตตีมาราธิราชนั้น บัดนี้ทรงดำรงอยู่ในพระฐานะแห่งความเป็นพระนิยตโพธิสัตว์ (หมายความว่า ทรงเป็นบรมโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน) โดยบริบูรณ์แล้ว ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าจักได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า "ธรรมสามี" มีรังไม้ใหญ่เป็นที่ตรัสรู้ สำหรับเหตุการณ์ที่พระอุปคุตเถระได้ทำลายห้วงอุทกขันธ์ขึ้นมากำราบพญามารนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังสมัยพุทธกาลในราวๆ ๒oo ปีครับ

#6 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 01:23 PM

ขออาสานำมาให้อ่านกันอีกครั้งหนึ่งนะครับ

พระธรรมสามี (พญามาราธิราช)

***สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแสดงพระธรรมเทศนาแก่พระสารีบุตรว่า ในกาลเมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าสองพระองค์ คือพระรามเจ้าและพรเจ้ากรุงโกศลราช ได้ตรัสในมัณฑกัปป์เดียวกัน ล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานแล้วในมัณฑกัปอันนั้น ตั้งอยู่ถ้วนกำหนดกาลช้านานครบ ๖๔ อันตรากัปป์เข้าแล้ว แผ่นดินนั้นก็บังเกิดกัปวินาศฉิบหายไปด้วยไฟ ไฟไหม้อยู่สิ้นกาลช้านาน จนถึง ๓ อสงไขย ล่วงไปได้ ๖๔ อันตรากัปป์ ๓ หนแล้ว ในกาลนั้นมีแผ่นดินตั้งขึ้นใหม่เป็นกัปป์อันหนึ่ง ชื่อว่าสารกัปป์ ในสารกัปแผ่นดินนานได้ ๖๔ อันตรากัปนั้น บังเกิดมีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาตรัสในสารกัปนั้นคือ พระยามาราธิราช จักได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทะเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระธรรมสามีสัพพัญญูผู้ประเสริฐ
- พระองค์มีพระชนมายุได้ ๑๐ หมื่นปีเป็นกำหนด
- พระวรกายสูงได้ประมาณ ๘๐ ศอก
- มีไม้รังเป็นพระมหาโพธิ
- ประกอบไปด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่างประดุจดวงพระจันทร์ พระอาทิตย์ และสายฟ้าแลบ
- ในเมื่อพระองค์ทรงพระดำเนินก็ดี ทรงนั่งก็ดี ไสยาสน์ก็ดี อยู่ในที่ใดๆ บังเกิดมีพระบวรเศวตฉัตร สูงและกว้างใหญ่ได้ประมาณ ๓๐ โยชน์ ผุดขึ้นมาในประเทศกลางเวหา
- ด้วยเดชานุภาพพระสัพพัญญูเจ้า บังเกิดมีขุมทองอันหนึ่งใหญ่สำเร็จในโลก มนุษย์ทั้งหลายในพระพุทธศาสนาพระยามาราธิราชนั้น ได้อาศัยขุมทองประพฤติเลี้ยงชีวิตเป็นสุข

ดูก่อนสำแดงสารีบุตร พระยามาราธิราชบรมโพธิสัตว์ ได้ก่อสร้างบารมี ๑๐ ประการ มีทานและศีลเป็นอาทิมามากแล้ว แต่กองบารมีอันหนึ่ง ปรากฏเป็นยอดยิ่งมิ่งมงกุฎบารมี เป็นปรมัตถคุณควรจะได้สำเร็จซึ่งพระพุทธสมบัติทั้งปวง พระองค์ตรัสดังนี้แล้ว จึงนำมาซึ่งอดีตนิทานแห่งพระยามาราธิราชบรมโพธิสัตว์ เป็นใจความว่า เมื่อครั้งพระพุทธศาสนาพระพุทธกัสสปทศพลญาณเจ้านั้น พระยามาราธิราชองค์นี้ได้บังเกิดเป็นมหาเสนาบดีใหญ่แห่งสมเด็จพระเจ้ากิงกิสสมหาราชา มีนามว่า โพธิอำมาตย์ อยู่มาวันหนึ่งองค์สมเด็จพระพุทธกัสสปสัพพัญญูเจ้าเข้าสู่ผลสมาบัติเชยชมพระนิพพานเป็นบรมสุข ถ้วนกำหนดกาลแล้วออกจากผลสมาบัติในที่ภายใต้ต้นไทรใหญ่ ส่วนสมเด็จบรมกษัตริย์พระเจ้ากิงกิสสราชทรงพระจินตนาในพระหฤทัยว่า แท้จริงอันว่า พระมหากรุณาธิคุณเจ้าเสด็จออกจากผลสมาบัติใหม่ๆนี้ ถ้าแม้นบุคคลผู้ใดได้ถวายทานแก่พระพุทธองค์เจ้าแล้ว จะบังเกิดผลอานิสงส์หาที่สุดมิได้ บัดนี้ควรเราจะทำทานรักษาศีลสดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระจินตนาดังนี้แล้วจึงมีพระราชโองการดำรัสสั่งราชบุรุษทั้งหลาย ให้ตีกลองร้องป่าวชาวเมือง ให้ทั่วกันว่า ถ้าบุคคลผู้ใดไปถวายทานแก่สมเด็จพระพุทธเจ้าก่อนเรา จะให้ลงพระราชอาญาผู้นั้น แล้วตรัสสั่งสหชาติโยธาทั้งหลาย ไปแวดล้อมพิทักษ์รักษาพระเชตุพนมมหาวิหารไว้โดยรอบ

ในกาลครั้งนั้น โพธิอำมาตย์ ได้ทราบเหตุดังนั้นแล้ว ก็มีความปรารถนาจะถวายทานแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าบ้าง ถึงว่าราชบุรุษทั้งหลายจะจับตัวอาตมาไปถวายพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์จะประหารชีวิตเราเสียด้วยความเพียรในการกุศลครั้งนี้ เสยฺโย ประเสริฐโดยวิเศษอันยิ่งแล้วเราจะคิดเกรงกลัวพระราชอาญานั้นด้วยเหตุใด โพธิอำมาตย์คิดดังนี้แล้ว ก็ไปบอกกับบุตร ภรรยา ให้แจ้งดังพรรณนามานี้ว่า เจ้าจงจัดแจงแต่งอาหารเครื่องไทยทาน กระทำเป็นห่อใหญ่ให้แก่เราสักห่อหนึ่ง กับผ้าสักผืนหนึ่ง ฝ่ายภรรยาได้ฟังสามีบอกดังนั้น ก็เกิดมีศรัทธารับวาจาว่าสาธุแล้ว ครั้นเวลารุ่งเช้า นางก็ไปจัดแจงแต่งเครื่องไทยทานทั้ง ๒ สิ่งนั้น เสร็จแล้วนำมาให้แก่สามี แล้วกระทำเครื่องไทยทานอีกส่วนหนึ่งให้เป็นของแห่งตน ฝากสามีให้ไปถวายทานด้วย ครั้นโพธิอำมาตย์ได้เครื่องไทยทานดังปรารถนาแล้ว ก็ตรงไปยังพระวิหารโดยเร็ว ครั้งนั้นพวกเสนาทั้งหลายที่แวดล้อมอยู่นั้นเห็นโพธิอำมาตย์เดินตรงมา จึงถามว่า โภเสนาบดี ดูก่อนท่านเสนาบดี เหตุดังฤาท่านจึงองอาจมายังสำนักสมเด็จพระพุทธเจ้า โพธิอำมาตย์ได้ฟังก็คิดว่า ถ้าเราจะบอกแก่คนทั้งหลายด้วยถ้อยคำมุสาวาทว่า พระมหากษัตริย์ใช้ให้เรามาอาราธนาองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าเข้าไปยังพระราชนิเวศน์ก็จะได้ แต่ทว่าหาควรที่เราจะกล่าวมุสาไม่ เราก็ตั้งใจว่าจะถวายทานแก่สมเด็จพระพุทธเจ้า เมื่อเรากล่าวมุสาวาทแล้ว ทานของเราจะมีผลานิสงส์หามิได้ ควรแก่เราจะบอกแก่คนทั้งหลายโดยความจริงเถิด เสนาบดีคิดแล้วก็บอกแก่ราชบุรุษทั้งหลายว่า เราจะไปถวายทานแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ราชบุรุษได้ฟังถ้อยคำแห่งโพธิอำมาตย์ ก็มีความขึ้งโกรธ กรูกันเข้าจับเอาตัวโพธิอำมาตย์ มัดมือไพล่หลัง ไปถวายแก่พระมหากษัตริย์ กราบทูลเหตุนั้นให้ทรงทราบ พระเจ้ากิงกิสสราชก็ทรงพระพิโรธ สั่งให้นายเพชฌฆาตเอาตัวไปตัดศีรษะเสียให้สิ้นชีวิต ฝ่ายเพชฌฆาตและนักการทั้งหลายก็พาเอาตัวโพธิอำมาตย์ไปตามรับสั่ง ถึงที่ป่าช้าเข้าเพื่อว่าจะฆ่าเสียฯ

ขณะนั้นองค์สมเด็จพระกัสสปทศพลญาณเจ้า ทรงทราบประพฤติเหตุดังนั้นแล้ว ทรงคิดว่าโพธิอำมาตย์นี้ เป็นหน่อบรมโพธิสัตว์ เสมอวงศ์แห่งพระตถาคต มีอภินิหารเหตุได้กระทำมาแต่ก่อน จะกระทำกาลกิริยาตายเสียในเวลาวันนี้ สมเด็จพระกัสสปสัพพัญญูเจ้า ทรงพระมหากรุณาแก่โพธิอำมาตย์จึงนิรมิตเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ให้สถิตอยู่ในพระเชตวันวิหาร ส่วนพระองค์ยังพระพุทธรูปขององค์ให้อันตรธานหายเสด็จไปประดิษฐานอยู่ในที่สุสานประเทศ ครั้งนั้นบังจักษุแห่งนายเพชฌฆาตไว้ให้เป็นมหาละลวยละลายไป นายเพชฌฆาตเห็นรูปสมเด็จพระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับเหล่าราชบุรุษทั้งหลายที่มานั่งอยู่นั้น กระทำแต่จักษุโพธิอำมาตย์ผู้เดียวให้เห็นเป็นรูปพระพุทธองค์ จึงมีพุทธฎีกาตรัสว่า ดูก่อนโพธิอำมาตย์ผู้เจริญ ท่านจงละชีวิตของท่านเสียเถิด อย่ากระทำอาลัยในชีวิตอยู่เลย อันว่าปัจจัยทานของท่านมีประการใด ท่านจงให้ทานยังน้ำจิตให้เลื่อมใสในพระตถาคตเถิด อันว่าเครื่องปัจจัยทานของโพธิอำมาตย์นั้น ราชบุรุษทั้งหลายเอามาวางไว้ตรงหน้าแห่งโพธิอำมาตย์ด้วยเดชะพุทธานุภาพ โพธิอำมาตย์ได้สดับฟังพระพุทธฎีกาดังนั้น ก็บังเกิดมีจิตโสมนัสหาที่จะอุปมามิได้ ก็ถือเอาเครื่องปัจจัยทานของอาตมาส่วนหนึ่ง ของภรรยาส่วนหนึ่ง ถวายแก่สมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วกราบทูลว่าข้าแต่พระองค์เป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตวโลกทั้งหลาย อันว่าชีวิตข้าพระบาทเสียสละแล้ว ด้วยเดชะผลทานของข้าพระพุทธเจ้าในกาลบัดนี้ ขอให้ได้บังเกิดเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าเห็นปานดังพระองค์ ในอนาคตกาลโน้นเถิด

โพธิอำมาตย์กระทำปณิธานความปรารถนาดังนั้น สมเด็จพระภควันตบพิตรผู้ประเสริฐ ทรงพระอนุเคราะห์ยื่นพระหัตถ์ไปปรามาสเหนือศีรษะแห่งโพธิอำมาตย์ แล้วมีพระพุทธฎีกาว่า ตัวท่านยังความสุขเป็นอันมากให้บังเกิดแก่ตน จะได้พ้นจากวัฏฏทุกข์ในสงสาร ท่านปรารถนาประการใด ความปรารถนานั้นจงพลันสำเร็จแก่ท่านเถิด ดูก่อนโพธิอำมาตย์ผู้เจริญเอ๋ย ในอนาคตเบื้องหน้าโน้น ท่านจะได้บังเกิดเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง สมดังความปรารถนาของท่าน ทรงพยากรณ์ทำนายโพธิอำมาตย์แล้วก็เสด็จกลับยังเชตวันมหาวิหาร กระทำภัตตกิจซึ่งปัจจัยทานบิณฑบาต ที่โพธิอำมาตย์ถวายสำเร็จแล้ว ขณะนั้นนายเพชฌฆาตก็ตัดศีรษะโพธิอำมาตย์ผู้เป็นเจ้าของทาน ขาดตกลงกระเด็นไปจากกาย โพธิอำมาตย์กระทำกาลกิริยาตาย มหาปฐพีอันใหญ่ก็ไหวหวาดเป็นมหัศจรรย์โกลาหล ครั้งนั้นเศวตฉัตรแห่งสมเด็จพระเจ้ากิงกิสสราชก็หักทบลง พระองค์เห็นเศวตฉัตรหักก็ประหลาดพระทัยนักให้สะดุ้งพระทัยไหวหวั่น สั่งให้ปิดประตูพระทวารให้มั่นฯ

ลำดับนั้น อันว่าทิพย์วิมานทอง อันประกอบไปด้วยนางเทพอัปสรสาวสวรรค์ประมาณพันนาง ก็บังเกิดผุดขึ้นมาในสุสานประเทศที่กระทำกาลกิริยาตายแห่งโพธิอำมาตย์นั้น กับขุมทองทั้งหลาย ๑๖ ขุม และไม้กัลปพฤกษ์ด้วยต้นหนึ่ง ประกอบไปด้วยสรรพสิ่งสาระพันต่างๆ บังเกิดขึ้นในที่นั้น อันว่าบุตร ภรรยา โพธิอำมาตย์นั้น ก็ได้อาศัยอยู่ในวิมานทอง ได้บริโภคซึ่งขุมทอง และไม้กัลปพฤกษ์ประพฤติเลี้ยงชีวิตสืบมา ถ้วนถึง ๕๐๐ ปีเป็นกำหนด ฝ่ายโพธิอำมาตย์ก็ได้ขึ้นไปบังเกิดในดุสิตาสวรรค์เสวยทิพยสมบัติด้วยเดชะผลทานนั้นฯ

ดูก่อนสำแดงสารีบุตร เมื่อครั้งศาสนาของพระยามาราธิราชนี้
- มหาชนทั้งหลายได้บริโภคซึ่งข้าวสาลีเป็นนิจจกาล ด้วยเดชะผลทานข้าวสุกห่อหนึ่งถวายแก่พระพุทธกัสสป ในกาลเมื่อเป็นโพธิอำมาตย์
- เมื่อพระยามาราธิราชได้ตรัสแล้ว บังเกิดมีเศวตฉัตรแก้วสูงได้ ๓ โยชน์ ด้วยเดชะผลทานถวายผ้าผืนหนึ่ง
- และพระองค์มีพระชนมายุประมาณถึงแสนปีนั้น ด้วยเดชะผลทานที่สละซึ่งชีวิตฯ

ดูก่อนสำแดงสารีบุตร พระยามาราธิราชองค์นี้ ต่อไปในอนาคตกาลจักได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระธรรมสามี
สำแดงมาด้วยเรื่องราวพระยามาราธิราชบรมโพธิสัตว์คำรบ ๔ ก็ยุติแต่เพียงนี้ฯ

จาก
อนิยตผู้มุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
ขอขอบคุณ www.84000.org


#7 laity

laity
  • Members
  • 214 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 03:54 PM

สาธุครับสำหรับบทความดี ๆ วันหน้าต้องนำมาเล่าอีกนะครับ
อย่าให้อุปสรรคใด ๆ มาขัดขวางในชีวิตการสร้างบารมี และ
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา

โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

#8 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 04:38 PM

อ่า...คือว่าเรื่องนี้ผมได้เคยอ่านในหนังสือวารสารกัลยาณมิตร ก็เลยเล่าออกมาจากความทรงจำน่ะครับ
แล้วก็มีข้อคิดที่ว่า คนที่เราเห็นว่าไม่ดีนั้น จริงๆ แล้วธาตุแท้เค้าอาจจะเป็นคนดี มีบุญบารมีก็ได้ เพียงแต่ว่า ภพชาตินี้ เค้าอาจจะโดนมิจฉาทิฏฐิเข้าครอบงำก็ได้ ถ้ามีใครทำให้เค้าสะกิดใจได้ ก็จะกลับมาเป็นคนดี อย่างเช่น พระยาวสวัตดีเทวบุตรมาร ก็ได้ เพราะท่านเป็นถึงพระโพธิสัตว์ แต่ภพชาตินี้โดนอกุศลเข้าสิงจิต จนเป็นมิจฉาทิฏฐิน่ะครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#9 chalermkiatad

chalermkiatad
  • Members
  • 47 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 09:22 AM

คุณ www.84000.com เป็นชื่อแฝงหรือครับผมเปิดดูแล้ว เป็น web ต่างชาตินะครับ

#10 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 10:31 AM

สำหรับเรื่องราวของสวรรค์ชั้นที่หก ที่มีเทพผู้ปกครอง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเทพ และฝ่ายมารนั้น เมื่อ 2500 ปีก่อน เป็นความจริงครับ
เรื่องนี้ ถ้าหลายคนได้ลองไปอ่านพุทธประวัติ จะรู้สึกแปลกใจเป็นอันมากครับ เพราะในพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้ากำลังจะตรัสรู้นั้น เทวดา 6 ชั้นฟ้า ตั้งแต่ท้าวจาตุโลกบาลทั้ง 4 พระอินทร์ ท้าวสุยามา ฯลฯ ก็มาร่วมอนุโมทนา ซึ่งก็หมายความว่า เทวดาผู้ปกครองภพชั้นที่ 6 คือ ท้าวปรนิมมิสวสวตี (ฝ่ายเทพ) มาร่วมอนุโมทนาด้วย แต่ต่อมา เทวบุตรมาร หรือ ท้าวปรมินมิสวสวดี (ฝ่ายมาร) ก็ยกพลเสนามารมา ปรากฏว่าเทวดา 6 ชั้นฟ้า หนีไปอยู่สุดขอบจักรวาล

อ่านถึงตอนนี้ ผมเคยงง อยู่พักหนึ่งว่า เอ้ แล้วท้าวปรนิมมิสวัตสวัตีทั้ง 2 นี่เป็นองค์เดียวกันหรือเปล่า องค์หนึ่งมาอนุโมทนา แต่อีกองค์หนึ่งมาขัดขวาง ถามใครก็ไม่มีใครทราบ จนกระทั่งวันที่ผมประทับใจที่สุดอีกวันหนึ่งก็มาถึง เมื่อครูไม่ใหญ่ฝันในฝันเรื่องของเทวบุตรมาร

โดยคุณครูบอกว่า เทวบุตรมารนี้ เดิมเป็นเทวบุตรเทพนิสัยดี ปกครองสวรรค์ชั้นที่ 6 อยู่ต่อมา ในช่วงปลายๆ บุญ (ใกล้ถึงคราวหมดอายุ) เทวบุตรองค์นี้ ก็เผลอไปกินน้ำจันทร์ (เหล้า) เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งบนสวรรค์ กินแล้วติดใจ เพลิดเพลิน ลืมปฏิบัติหน้าที่ผู้ปกครอง ทำให้เหล่าเทวดาทั้งหลายเอือมระอา จนกระทั่ง มีเทวบุตรผู้มีบุญมากองค์ใหม่ไปจุติ เหล่าเทวดาทั้งหลายจึงขับไล่เทวบุตรผู้ปกครององค์เดิมไปอยู่สุดขอบภพ แล้วตั้งเทวบุตรองค์ใหม่เป็นผู้ปกครองภพแทน (ฝ่ายเทพ)
ส่วนเทวบุตรองค์เดิม ตอนนี้เอง มารได้เข้าแทรก และส่งฤทธิ์ให้ (จึงมีฤทธิ์เหาะไปชั้นพรหม และไล่เทวดา 6 ชั้นฟ้า ไปสุดขอบจักรวาลได้ : หัดฝัน) ทำให้กลายมาเป็น เทวบุตรมาร (ฝ่ายมาร) ในที่สุด

แต่หลังจากนั้น เทวบุตรมารก็กลับใจ ดังที่คุณ มิราเคล ดรีม โพสมานั่นแหละครับ ปัจจุบันนี้จังไม่มีฝ่ายมารอีกต่อไป มีแต่ฝ่ายเทพครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#11 ideal

ideal
  • Members
  • 605 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:TRANG
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 02:17 PM

QUOTE
คุณ www.84000.com เป็นชื่อแฝงหรือครับผมเปิดดูแล้ว เป็น web ต่างชาตินะครับ


เวบนี้ครับ สงสัยพี่เกียรติก้องฯ ให้เว็บผิดไป เพราะ คง จะตาลาย ด้วยอายุ ครับ อิอิ http://84000.org

#12 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 03:28 PM

เผอิญผมไป copy มาจากฟอรั่มธรรมกถึกน่ะครับ เลยไม่ทันได้ตรวจสอบดูให้ดีเสียก่อน ต้องขออภัยต่อทุกท่านด้วยนะครับ

#13 จงมีสมบัตตักไม่พร่อง

จงมีสมบัตตักไม่พร่อง
  • Members
  • 57 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 08:37 AM

สาธุครับสำหรับบทความดี ๆ วันหน้าต้องนำมาเล่าอีกนะครับ




#14 คนรักวัด

คนรักวัด
  • Members
  • 626 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 04:02 PM

อนุโมทนาบุญครับ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ

เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก

Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain

#15 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 June 2007 - 08:31 PM

อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และผู้ตอบกระทู้ทุกท่านครับ สาธุๆๆ

#16 JJ.

JJ.
  • Members
  • 129 โพสต์
  • Location:คลอง4 ปทุมธานี
  • Interests:สมาธิ ความสงบ โลกหน้า

โพสต์เมื่อ 24 June 2007 - 09:07 PM

เทพก็ต้องสร้างบารมี...บางคร้งมีโมหะ มีโทสะ จิตก็เป็นมาร.....
ให้คุณ..คือ..เทพ ให้โทษ..คือ..มาร
มีบทลงโทษ...มีบททดสอบ......
...โปรดพิจารณา...นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว... ถ้าผิดพลาดประการใด...วอนผู้รู้ หรือ คิดแตกต่างช่วยแก้ไขให้ด้วย _/I\_ ขอบคุณครับ

#17 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 25 June 2007 - 09:16 AM

สาธุ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก