ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

มหิดลเผยผลสำรวจ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หวั่นน้ำท่วมรุนแรง + น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ไม่รู้ไม่ได้


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 25 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ตาล

ตาล
  • Members
  • 69 โพสต์
  • Location:ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตของบรมโพธิสัตว์

โพสต์เมื่อ 02 May 2006 - 01:05 AM

มหิดลเผยผลสำรวจ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หวั่นน้ำท่วมรุนแรง + น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ไม่รู้ไม่ได้

มหิดลเผยผลสำรวจ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หวั่นน้ำท่วมรุนแรง



มหิดลเผยปัญหาวิกฤติโลกร้อนเริ่มเห็นชัดขึ้น หลังพบก้อนน้ำแข็งขั้วโลกใต้ขนาดมหึมา 2 ก้อนเกิดการแยกตัวเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ด้านนักวิทยาศาสตร์ชี้มีความเป็นไปได้สูงเกิดน้ำท่วมรุนแรง

ดร.จิรพล สินธุนาวา อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน เกิดจากการใช้พลังงาน กิจกรรมทุกอย่างของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้น โดยส่งผลให้ในปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้น 0.7 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก กำลังวิตกว่าหากอุณหภูมิสูงขึ้น 2-5 องศาเซลเซียสจะส่งผลให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ละลาย ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นจะมีปริมาตรน้ำเพิ่มถึง 3 ล้านล้านลูกบาศก์กิโลเมตร หมายความว่าระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นอีกประมาณ 200 ฟุต ซึ่งผลกระทบที่ไทยจะได้รับเต็มๆ คือชายฝั่งทะเลของไทยจะถอยร่นไปอยู่แถวจ.ลำปาง จ.อุดรธานี บุรีรัมย์
ดร.จิรพล กล่าวว่า เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมามีธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้ขนาด 3,200 ตารางกิโลเมตรที่มีขนาดใหญ่กว่าเมืองลอนดอน 2 เท่าหลุดออกจากปลายแหลม และยังไม่รู้ว่าจะลอยลงทะเลหรือจะไปปิดบล็อกช่องทางที่มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทำงานอยู่ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาก้อนน้ำแข็งขนาด 120 กิโลเมตรที่ชื่อ B15A ก็หลุดแตกออกมาอีก ขณะนี้ดาวเทียมทุกดวงกำลังจับตาก้อนน้ำแข็งมหึมาทั้ง 2 ก้อนนี้อย่างไม่คลาดสายตา เพราะสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เคยวิตกกังวลกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า โดยเชื่อว่าอย่างช้าไม่เกิน 3 ปีจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทั้งมีบางประเทศที่ได้รับผลกระทบแล้ว เช่น แถบยุโรป พบว่าธารน้ำแข็งเริ่มละลายและหดตัว เอเชียใต้มีภาวะน้ำท่วมรุนแรง เป็นต้น ในเวทีสิ่งแวดล้อม จะหยิบประเด็นปัญหานี้มาเปิดเผยและให้ประชาชนทั้งประเทศรับทราบ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องในบ้านเมืองจะได้รับรู้ถึงปัญหา เพื่อเตรียมหาแนวทางการป้องกัน ดร.จิรพล กล่าว

----------------------------------------------------------------------------------------------------------


น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ไม่รู้ไม่ได้

วันคุ้มครองโลก หรือเอิร์ธเดย์ (Earth Day) เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา หัวข้อสิ่งแวดล้อมที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจะเป็นห่วงเป็นใยมากที่สุด คือปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน

นิตยสารไทม์ ฉบับประจำวันที่ 3 เมษายน ได้พาดหัวข่าวว่า "ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่พวกเราต้องกังวลกันให้มากๆ เพราะมันไม่ใช่ปัญหาในอนาคตอีกต่อไป แต่กำลังคืบคลานเข้ามาทำลายโลกสีน้ำเงินใบนี้อยู่ทุกขณะ"

รูปธรรมสำคัญต่อภาวะโลกร้อน และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพากันกังวลมากที่สุดก็คือ การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกที่กำลังละลายอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมา

ศูนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยการสำรวจขั้วโลกเหนือด้วยดาวเทียมสำรวจขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ พบว่าน้ำแข็งในบริเวณมหาสมุทรอาร์กติกละลายเร็วขึ้นกว่าเดิม และอุณหภูมิก็สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดาวเทียมของนาซาได้เก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2002 แสดงให้เห็นถึงฤดูใบไม้ร่วงอันเป็นช่วงน้ำแข็งละลายที่คืบคลานมาเร็วผิดปกติในแถบไซบีเรียเหนือและอลาสกา

เท็ด สคัมโบส จากมหาวิทยาลัยโคโลราโดชี้ว่า การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสัญญาณที่ระบุได้ชัดเจนก็คืออุณหภูมิบริเวณขั้วโลกเหนือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบทศวรรษนี้

สภาวะโลกร้อนได้ทำให้ปริมาณทะเลน้ำแข็งที่ละลายมีมากขึ้นผิดปกติ จนทำให้เหลือแผ่นน้ำแข็งปกคลุมบริเวณมหาสมุทรอาร์กติกน้อยมากที่สุดในรอบ 100 ปี

หรือพูดง่ายๆ ก็คือแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือมีขนาดเล็กที่สุดในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมของเกาะกรีนแลนด์ ได้ชี้ให้เห็นว่า เมื่อปีกลายเกาะน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้ละลายน้ำแข็งออกมากลายเป็นน้ำทะเลด้วยปริมาณถึง 220 ลูกบาศก์กิโลเมตร มากกว่าเมื่อสิบปีที่แล้วละลายออกมาแค่ 90 ลูกบาศก์กิโลเมตร น้ำ 1 ลูกบาศก์กิโลเมตรมีปริมาณเท่ากับน้ำ 1 พันล้านลูกบาศก์เมตร (ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์รวมกันเท่ากับ 5 ลูกบาศก์กิโลเมตรเท่านั้น)

เมื่อปีที่แล้วน้ำทะเลมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งเฉพาะเกาะกรีนแลนด์ถึง 220 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร

นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่า หากน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ละลายหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น 7 เมตร กลืนกินชายฝั่งรัฐฟลอริดา และประเทศบังกลาเทศที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มเกือบหมด

ส่วนทางด้านขั้วโลกใต้ หรือทวีปแอนตาร์กติกา ทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐ-ชิลี ได้พบว่า ธารน้ำแข็งเป็นจำนวนมากในทางตะวันตกของแอนตาร์กติกาหายไปมากกว่า 60%

นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซาได้คำนวณว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็งในตอนนี้ยังเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ธารน้ำแข็งมีศักยภาพเพียงพอที่จะเพิ่มระดับน้ำทะเลของโลกให้มากขึ้นกว่า 1 เมตร แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร

กรุงเทพมหานครของเรา ใครๆ ก็รู้ว่าอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึงเมตร บางพื้นที่ก็ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเสียอีก และหากน้ำแข็งทั้งขั้วโลกเหนือและน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปแอนตาร์กติกาบนขั้วโลกใต้พร้อมใจกันละลาย ระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นมากกว่า 65 เมตร

กรุงเทพฯคงอยู่ได้เฉพาะบนตึกระฟ้าสูง 20 ชั้นขึ้นไป

เรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่เชื่อว่า โอกาสที่น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายขนาดนั้นจะเกิดขึ้นได้

แต่ทุกวันนี้ในประเทศอาร์เจนติน่า บริเวณส่วนที่ใกล้กับขั้วโลกใต้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ เมื่อบรรดานักท่องท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกแห่กันมาเฝ้าชมการพังทลายของธารน้ำแข็ง "ไวท์ ไจแอนท์" แห่งอาร์เจนตินา ที่ก่อตัวมาหลายพันปีนี้กำลังจะละลายลงอย่างช้าๆ
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการที่ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่มหึมาชิ้นนี้พังทลายลง ย่อมเป็นสัญญาณที่เชื่อมถึงภาวการณ์โลกร้อนที่กำลังวิกฤตขึ้นทุกขณะ

ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโลก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญคนสำคัญเรื่องภาวะโลกร้อน ได้อธิบายให้อย่างน่าฟังว่า น้ำแข็งมีความสำคัญกับระบบนิเวศวิทยาอย่างมากโดยทำหน้าที่คล้าย "ป่า" ในเขตหนาว

หากเปรียบว่าป่าเสมือนฟองน้ำที่คอยอุ้มน้ำ แล้วค่อยๆ ปล่อยน้ำออกมา "น้ำแข็ง" ก็เป็นเสมือนฟองน้ำที่ชะลอการไหลบ่าของกระแสน้ำ และเมื่อถึงหน้าร้อนน้ำแข็งก็ละลายเป็นน้ำไหลไปรวมเป็นลำธาร และแม่น้ำหล่อเลี้ยงสายต่างๆ หล่อเลี้ยงผู้คนทั่วโลก

แม่น้ำโขงก็มีต้นกำเนิดส่วนหนึ่งมาจากน้ำแข็งบนยอดเขาหิมาลัย ที่ละลายตัวเองออกมากลายเป็นสายน้ำโขง ก่อนจะมารวมกับน้ำจากลำธารต่างๆ ที่มีต้นกำเนิดมาจากป่าดิบ

อย่างไรก็ดี ดร.อานนท์บอกว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ น้ำแข็งของโลกที่ประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ น้ำแข็งขั้วโลก น้ำแข็งบนยอดเขา และน้ำแข็งในทะเล เกิดปรากฏการณ์น้ำแข็งละลายมากผิดปกติ โดยน้ำแข็งมีการแตกตัวเป็นก้อนเล็กๆ เพิ่มมากขึ้น ส่วนก้อนเล็กๆ ที่มีอยู่เดิมก็หายไป ขณะที่น้ำแข็งบนยอดเขาก็ละลายเพิ่มมากขึ้น โดยสังเกตได้ชัดจากการเก็บภาพถ่ายมาเปรียบเทียบ และน้ำแข็งในทะเลก็บางลง แม้กระทั่งยอดเขาเอเวอเรสต์ก็มีรายงานว่า หิมะและน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามแนวเขาลดน้อยลงทุกขณะ

ระดับน้ำทะเลจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น สร้างความเดือดร้อนแก่พื้นที่ชายฝั่งทะเลทั่วโลก อุณหภูมิของกระแสน้ำในมหาสมุทร ความชื้นในอากาศและการไหลเวียนของอากาศโลก เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ไม่สมดุลกัน

ทุกวันนี้หากถามว่าใครคือผู้ร้ายที่ทำให้โลกร้อนขึ้น คำตอบก็คือก๊าซคาร์บอนที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากผืนโลกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศนั้นเป็นตัวป้องกันไม่ให้รังสีจากดวงอาทิตย์ผ่านทะลุออกนอกโลกไปได้ เฉกเช่นเดียวกับเราอยู่ในรถหรือเรือนกระจกที่ความร้อนไม่อาจระบายออกไปได้ ดังนั้นจึงเรียกปรากฏการณ์เช่นนี้ว่า "เรือนกระจก" ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางด้านอากาศและอุณหภูมิโดยรวมทั่วโลก เป็นเหตุให้อากาศร้อนขึ้น จนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย

และไม่ค่อยมีคนรู้ว่าพื้นผิวของน้ำแข็งขั้วโลกทำหน้าที่สะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์กลับสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 90% ขณะที่น้ำในมหาสมุทรกลับดูดเอาความร้อนจากดวงอาทิตย์ไว้ถึง 90% เช่นกัน

หรือพูดง่ายๆ ว่า ยิ่งโลกมีพื้นผิวน้ำแข็งน้อยลงเท่าใด โลกก็ร้อนมากขึ้น เพราะน้ำแข็งสะท้อนความร้อนออกสู่นอกโลกได้ดีกว่าน้ำทะเลมั่กๆ

แต่ถามว่ามนุษย์ปล่อยก๊าซคาร์บอนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลกเมื่อใด

เด็กนักเรียนก็คงทราบดีว่าเมื่อประมาณร้อยปีก่อน เมื่อมีการค้นพบน้ำมันเป็นครั้งแรกในโลก จนถึงทุกวันนี้ที่น้ำมันเบนซินลิตรละเกือบ 30 บาท เราก็ยังแย่งกันซื้อ จนน้ำมันขาดแคลน

Science วารสารวิชาการชื่อดังของโลก ได้ทำนายว่า ภายในสิ้นศตวรรษนี้เราอาจจะได้เห็นน้ำทะเลสูงขึ้นถึง 6 เมตร เพราะความหายนะมักมาเยือนเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้มาก

วันหนึ่งที่ไม่นานเกินรอ หากเกิดปรากฏการณ์ น้ำท่วมฟ้า ปลากินดาว ก็คงรู้ว่าคนกันเองทั้งนั้นที่เป็นต้นเหตุ

เราเตือนคุณแล้ว

www.palungjit.com ที่มา







#2 CEO

CEO
  • Members
  • 577 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 02 May 2006 - 04:40 AM

จะเชื่อดีไหมเนี่ย
เพราะผมมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่า
อีก 1000 ปี ก็ยังมีวัดพระธรรมกายอยู่และพื้นที่วัดก็มากกว่าตอนนี้มากด้วย
จากข้อมูลที่ผมเขียน ผมจึง...ไม่ขอเชื่อดีกว่าครับ
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#3 ตาล

ตาล
  • Members
  • 69 โพสต์
  • Location:ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตของบรมโพธิสัตว์

โพสต์เมื่อ 02 May 2006 - 10:20 AM

พี่ไม่ชื่อ ผมก็ไม่เชื่อ ผมแค่เอามาให้อ่าน อะครับ เค้าว่าอย่าง งั้น( หนูไม่รู้ ก็เค้าว่ากันว่า )



#4 ideal

ideal
  • Members
  • 605 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:TRANG
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 02 May 2006 - 12:11 PM

http://www.vcharkarn...id=19&Pid=38333



DMC The only one

ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
ไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี้แหละเป็นตัวสำเร็จ
ผลไม้ดกนกชุม น้ำเย็นปลาชอบอาศัย


คติธรรม พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)

#5 CEO

CEO
  • Members
  • 577 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 02 May 2006 - 05:53 PM

คร้าบ~~~

สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#6 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 01:24 PM

ลำพังเพียงน้ำแข็งที่ขั้วโลกตามความคิดผมคิดว่าคงไม่ถึงกับทำให้เกิดน้ำท่วมโลกหรอกครับ
ถ้าเป็นตามในหนังที่ฝรั่งเขาจินตนาการก็น่าจะเป็นสาเหตุมาจากดาวเคราะห์น้อยชนโลก
หรือไม่ก็อุกาบาตชนโลกอันนี้ยังพอมีมูลความจริงอยู่มากเลยครับ

ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงก็แสดงว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยงครับ





#7 lnwน้oe

lnwน้oe
  • Members
  • 3 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 05:37 PM

[size=3]ม่ายรุจิงอ่ะป่าวเหมือนกานอ่ะ เชื่อ50%ดีก่า
พอถึงเวลานั้นปุ๊บก้อเตรียมซื้อห่วงยางคนละห่วงใส่เอาไว้ละกาน B)

[size=3]ม่ายรุจิงอ่ะป่าวเหมือนกานอ่ะ เชื่อ50%ดีก่า
พอถึงเวลานั้นปุ๊บก้อเตรียมซื้อห่วงยางคนละห่วงใส่เอาไว้ละกาน B)

ไฟล์แนบ



#8 watcharasit

watcharasit
  • Members
  • 17 โพสต์
  • Location:49/10 ถนนเลี่ยงเมือง หมู่23 ตำบลขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลฯ. 34000
  • Interests:กฏแห่งกรรม

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 11:08 PM

ไม่มีอะไรจีรังยั่งนยืนหรอกนะ
วัชรสิทธิ์ ศรีธัญรัตน์

#9 BOG-BOG

BOG-BOG
  • Members
  • 293 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 08:44 PM

อ่ะก็ต้องหมั่นทำความดี ทำบุญ ทำทาน นั่งสมาธิ เวลาเกิดอะไรขึ้นเราจะได้มีสติอ่ะจ๊ะ














#10 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 09:03 PM


ชอบภาพนี้จังครับ พอดูรวมๆ กับภาพอื่นๆ ทำให้รู้สึกว่า
ควรตั้งชื่อภาพนี้ว่า "การเดินทางของทากน้อยในวัฎฎะสงสาร"



#11 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 14 May 2006 - 07:49 PM

พุทธทํานาย ๑๖ ข้อ
ในครั้งพุทธกาลโน้น พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินนิมิตที่แปลกใจเป็น
อย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุดีร้ายอย่างไร จึงได้นําเรื่องนี้ไปนมัสการ ทูล
ถามพระพุทธเจ้า รวมทั้งหมด ๑๖ ข้อ
.........................................
สุบินนิมิตข้อที่ ๑
พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นโคล่ําสัน ๔ ตัว วิ่งมาจากทิศทั้ง
๔ มีลักษณะอาการเกรี้ยวกราดประดุจจะชนกันด้วยความโกรธแค้นกันมานาน
พอโคทั้ง ๔ วิ่งเข้ามาใกล้กันแล้ว กลับถอยห่างออกจากกันไป ไม่ชนกันเลย
พระพุทธเจ้าให้คําทํานายว่า
อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น จะเกิดภัยธรรมชาติขึ้น คือ ฟ้าฝนจะ
ไม่ตกต้องตามฤดูกาล จะมีก้อนเมฆขนาดใหญ่ลอยมาจากทิศทั้ง ๔ เหมือนกับ
ฟ้าฝนจะตกลงมาในพื้นปฐพีอย่างหนัก เมื่อก้อนเมฆทั้ง ๔ ลอยเข้ามาใกล้กัน
แล้วก็ลอยถอยห่างออกจากกันไป ไม่มีฝนตกลงมาในพื้นปฐพีเลย ข้าวกล้าใน
นา พืชผลธัญญาหารต่างๆ ก็แห้งแล้งตาย มนุษย์ และสัตว์ทั้งหลายก็พากันอด
อยากยากเข็ญล้มตายเป็นจํานวนมาก เหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดมีในภายภาคหน้า
โน้น
...................................................................
Ref : พระอาจารย์ทูล วัดป่าบ้านค้อ ตำบลเขือน้ำ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี



ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#12 pp_072

pp_072
  • Members
  • 209 โพสต์
  • Interests:ดีครับ

โพสต์เมื่อ 18 May 2006 - 06:18 PM

ไม่เชื่อครับแต่น่ากลัวเหมือนกันนะครับ
พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว

#13 ป่าน072

ป่าน072
  • Members
  • 371 โพสต์
  • Location:โคราช
  • Interests:การศึกษาต่อในวิชา วิทยาศาสตร์<br />วิศวะปิโตรเคมี

โพสต์เมื่อ 22 August 2006 - 04:29 PM

ดังนั้นเราควรหันมาทำความดีกันเยอะนะคะ

เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง

#14 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 17 October 2006 - 09:13 PM

ยังไม่คิดดีกว่าสร้างบารมีไปถึงที่สุดดีกว่า อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#15 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 04 November 2006 - 08:56 PM

ใจใสไว้
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#16 อ้อแอ้

อ้อแอ้
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 September 2007 - 04:20 PM

เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง
คำว่าโลกร้อนไม่ได้หมายถึงโลกจะร้อนอย่างเดียว แต่จะทำให้ภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงทุกอย่างและแปรปรวน
ทั่วโลกจะเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติมากขึ้นและรุนแรงขึ้น
ได้มีนักวิชาการบอกว่าอีก 10 ปี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น โลกจะถึงวิกฤตนั่นก็หมายถึงว่ามนุษย์จะไร้ที่อยู่อาศัยขาดแคลนอาหาร และสิ่งที่กำลังจะมาถึงใน10ปีนี้ มันไม่ใช่คำทำนาย แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนจะต้องเจอ ทั่วโลก!!

#17 Crystar Boyz

Crystar Boyz
  • Members
  • 107 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 March 2008 - 04:34 PM

เป็นจริงได้แน่นอนครับ
เพราะมนุษย์เราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวันๆ
การใช้พลังงานต่างๆก็มากขึ้น
เมื่อมากขึ้นส่งผลให้การเผาพลาญเพื่อให้การได้พลังงานมากขึ้น

ก็จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น
ทำให้ไปตันอยู่บนอากาศ ก็เกิดเปนภาวะโลกร้อน
ซึ่งหนาขึ้นแล้ว หนาขึ้นอีก

ความร้อนก็อยู่ในโลก
น้ำแข็งขั้วโลกก็ละลาย

เป็นไปได้ไหม เป็นไปได้ถ้าคนบนโลกยังไม่ตระหนักและให้ความสำคัญ
เป็นไปได้ไหม เป็นไปไม่ได้ ถ้าคนบนโลกหันมาใส่ใจในปัญหานี้ร่วมกัน

ขณะนี้ วัดทางจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเคยอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเล 1 กิโลเมตร
จมอยู่ใต้น้ำ พร้อมกับหอระฆังของวัด

นี่แหละครับ คำเตือนจากธรรมชาติ !!!!



รู้สึกหดหู่ใจทุกครั้งเวลาไปวัด
เพราะผมอยู่ด้านอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
เห็นทางวัดแจกอาหารโดยใช้ถ้วยโฟม (ผมก็ทานนะครับ)
ในแต่ละอาทิตย์ จะเยอะเอาซะมากๆนะครับ
ลองตีว่า อาทิตย์ละ 1,000 ใบ ไม่รวมต้นเดือน 5,000 ใบ ไม่รวมงานบุญใหญ่นะครับ
1 เดือน 4,000 ใบ 6,400 ใบ

แล้วถ้วยโฟมย่อยสลายเองไม่ได้
ก็ไปทับถมอยู่ในที่พักขยะ ทำให้เกิดก๊าซ มีเทน
ซึ่งมีเทนเนี่ย เป็นก๊าซที่หนักกว่าและกักเก็บความร้อนได้ดีกว่า คาร์บอนไดออกไซด์

เห็นแล้วยังคิดอยู่ว่า ไม่อยากให้วัดที่เรารักใช้โฟมเลย
แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่า จะหาวิธีออกใด ให้ได้ดีที่สุด

- -*


ขอบคุณครับ สวัสดีครับ


#18 usr31865

usr31865
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 October 2009 - 11:37 PM

คนเชื่อกันน้อยคับพวกไม่รู้จิง จะบอกแค่ว่า "ไม่เกิดขึ้นหรอก ถ่วมก็ถ่วมไม่หมดแค่ตามชายฝั่ง" ดูอย่างข่าวจิเขายังบอกแค่น้ำจะถ่วมเลยเอามาบอกไม่หมดว่าพอขั้นต้อนต่อจากน้ำถ่วม ต่อไปจะมีอะไรจะมีอะไรตามมาอีก
แต่ก็จิงถ่วมแต่พื้นที่ต่ำกว่า 7 เมตร แต่กรุ่งเทพทั้งเมืองก็ต่ำกว่า 7 เมตร
ยังไงก็แก้ไม่ทันแล้วแหละตอนนี้อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ผลจากการกระทำเมื่ออตีต ก็ส่งผลถึงอนาคต เป็นไปตามเวรตามกรรม
หมั่นทำความดีไว้เยอะ ๆ และกัน

มันร้อนเพราะชั้นบรรยากาศมันหนาเกินนะไม่ใช่ร้อนเพราะบางขึ้นมันหนาเพราะกาดคาบอนไดออกไซตมันไปออกันอยู่ก่อนจะถึงชั้นโอโซนทำให้ความร้อนจากโลกระบายไปได้น้อยลง ถ้ามีอะไรสักอย่างที่สามารถเอากาดคาบอน พวกนั้นลงมาได้ก็คงจะดี

#19 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 January 2011 - 05:19 PM

อยากดูรูปภาพของธรรมชาติ..เยอะๆมีอีกไหมคร้า สบายตามากเลย ดูแล้วมีฟามสุข สวยมากๆๆ/แต่ทำไมมนุษย์ไม่เห็นคุณค่า/และไม่รักษาเอาไว้ จ้องแต่จะทำลาย สมควรแล้วที่ธรรมชาติจะโต้ตอบและเอาคืนบ้าง.เพราะพวกคุณทำร้ายเขาก่อน จริงมะ+

#20 *เดกวัด*

*เดกวัด*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 04 March 2011 - 01:37 PM

มีทางนึงนะค่ะ ที่จะช่วยลดปัญหาการใช้โฟมได้
แต่ต้นทุนของวัดก้จะสูงขึ้นด้วย

คือ การหันมาใช้วัสดุที่เป็นไบโอ คือ ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ
เช่น กล่องที่ผลิตมาจากชานอ้อย มันสำปะหลัง
ราคาสูงหน่อย แต่ปลอดภัยและไม่สร้างภาระให้โลกมากเหมือนกับโฟม
และสามารถย่อยสะลายได้ง่ายด้วย

#21 *human*

*human*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 23 May 2011 - 08:18 PM

ดูแลโลกบ้างนะ

#22 *จาจ้า*

*จาจ้า*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 03 November 2011 - 05:34 PM

คนที่ฉลาดในปัจจุบัน คือ พยายามทำอย่างไรให้ตัวมีชีวิตรอด จะเหยียบย่ำใครก็ได้
คนที่ฉลาดในยุคต่อมา คือพยายามทำบุญเพื่อให้ตนมีชีวิตรอดเมื่อเกิดหายนะ
แต่คนที่ฉลาดกว่า คือ ทำอย่างไรชีวิตหลังความตายของเราจะไม่ทุกข์ทรมานกับเวรกรรมที่เราทำไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์

#23 *ติ๊ก*

*ติ๊ก*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 07 November 2011 - 12:04 AM

ดิฉันเชื่่อนะค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมคนอื่่นไม่เชื่่อ ถามหน่อยซิว่า น้ำท่วมกรุงเทพ เค้าพูดกัน ก็ไม่เชื่่อ แต่พอท่วมจริงเป็นไงล่ะ เชื่่อยัง น้ำไม่เคยถ้วมขนาดนี้้ เป็นเพราะ ใครล่ะ ก็มนุษย์เรากัน ทั้งนั้น ตัดไม่ทำลายป่า โลก ก็ร้อนขึ้น รถก็เยอะขึ้น คนในโลกนี้ก็เพิ่่มขึ้ัน โรงงานก็มากขึ้นอีก แล้วจะให้ทำยัไงล่ะ ก๊าชคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ก็มีมาก ทำให้เกิด ปรากฎการณ์ เรือนกระจก เป็นไงทีนี้ โลกร้อน น้ำแข็งขััวโลกละลาย ฤดูกาลก็เปลี่ียนสิ ทีนี้น่ะ ฝนก็ตกเยอะมาก มาก น้ำไม่ท่วมไม่รู้จะว่า อย่างไร บ้าง เมืองนอกเขาไปถึงไหนแล้ว เขารู้กันหมด แต่คนไทย จะไปรู้เรื่องอะไร ทำมาหากินกัน งก งก ระวังวังเถอะ คนรวยมาก ๆ ตายไป ก็เอาไปด้วยไม่ได้ ไม่รู้จัก ทำบุญทำทานบ้าง ทำไว้เถอะค่ะความดี จะอยู่หรือจะไป สรุป ตายกัน ทุกคน แต่ต้องมีสติ เป็น ลาภกันประเสริฐ

#24 *BeatBall*

*BeatBall*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 14 November 2011 - 02:12 PM

เชื่อมาตลอด และมันก็เกิดขึ้นแล้วจิงๆ

#25 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 November 2011 - 11:15 PM

ไม่ได้เกิดเฉพาะไทยนะครับ นี่เป็นการรวบรวมตลอดปี 2554

<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.c...ed/gNjL94b3sF8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

#26 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 November 2011 - 11:53 PM

อ่าวสคริปไม่ติด เข้ามาตามนี้ก็ได้ครับ(ไม่ซ้ำ) แต่หากใครเคยศึกษาไปแล้วขออภัยครับ

http://www.youtube.c...bed/gNjL94b3sF8