ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

โทรจิต...ระบบสื่อสารแห่งอนาคต


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 09:52 PM

วิวัฒนาการของระบบสื่อสารของมนุษย์ได้ก้าวออกมาจากร่างของพวกเขา กระโดดขึ้นบนหลังสัตว์
เหินฟ้าไปกับขานก (พิราบ) และมาบัดนี้ล่องหนหายตัวไปกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณไฟฟ้า คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ หรือคลื่นแสง
ระบบสื่อสารของมนุษย์กำลังพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง มันกำลังก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคตกาล


แต่ขณะเดียวกัน มันกำลังถอยหลังกลับเข้าสู่ทางเดิมของมัน นั่น คือ

ร่างกายของมนุษย์ แหล่งกำเนิดคลื่นพลังจิตของโทรจิต : ระบบสื่อสารแห่งอนาคต

โทรจิต หรือ Telephaty

คือ การรับรู้ความรู้สึกพิเศษจากความคิดของบุคคลอื่นหรือ
หมายถึงการติดต่อสื่อสารทางจิตจากจิตหนึ่งไปสู่อีกจิตหนึ่ง คำๆ นี้อนุพันธ์มาจากภาษากรีด
คือ tele หรือโทร ซึ่งหมายถึง “หนทางไกล” (distance)
และ pathe หรือ จิต หมายถึง “ความรู้สึก” (felling)
หรือ “เกิดความรู้สึกขึ้น” (occurrance)
และนอกจากนี้ยังมีคำอื่นๆ ที่อธิบายปรากฎการณ์นี้อีก เช่น
“การติดต่อสื่อสารทางชีวภาค” (biocommunication) ซึ่งรัสเซียชอบใช้คำนี้มาก


ความจริงแล้วมนุษย์เราได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ทางโทรจิตมาตังแต่สมัยบรรพกาลแล้ว แต่คนสมัยก่อนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เช่น
การเกิดลางสังหรณ์ หรือฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

อันที่จริงมนุษย์สมัยโบราณมีการติดต่อกันด้วยพลังจิตดีกว่าคนสมัยนี้เสียอีกเพราะภาวะจิตใจไม่ถูกรบกวน
และภาษาในสมัยนั้นก็ไม่สลับซับซ้อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัญลักษณ์ หรือ รูปภาพ
ซึ่งสามารถเข้าใจและถ่ายทอดกันได้ง่าย


แต่พอความศิวิไลซ์ของมนุษย์ก้าวเข้ามา อำนาจพิเศษในด้านพลังจิตของมนุษย์นั้นก็ถูกบดบังไปอย่างน่าเสียดาย
และมิหนำซ้ำ กลับกลายเป็นว่าเรื่องของอำนาจจิตเป็นเรื่องของพวกคลั่งศาสนาและไสยศาสตร์ไปเสียอีก

นักวิทยาศาสตร์เพิ่มจะหันมาสนใจเรื่องของโทรจิตเมื่อไม่กี่สิบปีมานี่เอง
นักวิทยาศาสตร์ชาติที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากที่สุด คือ รัสเซีย

เหตุที่ทำให้รัสเซียสนใจเรื่องราวของการติดต่อด้วยพลังจิตนี้ก็เพราะแรงกระตุ้นจากนักแสดงละครสัตว์
ชื่อ วลาดิมีร์ ดูรอฟ เขาเป็นนักฝึกสัตว์ที่มีความชำนิชำนาญมาก
ดูรอฟเชื่อว่าสัตว์ที่เขาฝึกสามารถอ่านจิตใจของเขาออก และมันสามารถจับกระแสจิตของเขาได้ อย่างในการสั่งให้สนุขวิ่งไปที่โต๊ะแล้วคาบเอาหนังส่อที่วางอยู่บนนั้นมาให้เขา

ดูรอฟก็จะเริ่มการส่งโทรจิตด้วยการจับหัวสุนัขตัวนั้นเข้ามาไว้ในระหว่างมือทั้งสองข้าง
แล้วก็จ้องมองมันตาเขม็ง จากนั้นเขาจะค่อยๆ ถ่ายทอดคลื่นความคิดเข้าไปในดวงจิตของมัน อธิบายถึงสิ่งที่จะให้มันทำทีละขั้นตอนด้วยจิตต่อจิตโดยไม่ปริปากพูดเลยสักคำ แล้วสุนัขแสนรู้ของเขาก็วิ่งปร๋อเข้าไปคาบหนังสือมาให้เขาดังประสงค์
สร้างความประหลาดใจและประทับใจแก้ผู้ชมยิ่งนัก

หลังจากที่เฝ้าดูละครสัตว์ของดูรอฟแสดงอยู่ได้ไม่นาน
วลาดิมีร์ เบคห์เทเรฟ (พ.ศ.2400-2470) นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโซเวียต
ก็อดรนทนไม่ไหวต้องกระโดดเข้ามาศึกษาในเรื่องนี้ และผลการศึกษาก็เป็นที่น่าพอใจมาก เพราะดูรอพสามารถส่งกระแสจิตให้สุนัขของเขาทำตามคำสั่งได้แม้ว่าสุนัขตัวนั้นจะไม่เห็นตัวเขาก็ตาม

และที่ทำให้เบคห์เทเรฟปักใจเชื่อในเรื่องการส่งถ่ายความคิดนี้ยิ่งก็คือ
คำสั่งเหล่านั้นเขารู้เพียงคนเดียวโดยที่ดูรอพไม่เคยรู้มาก่อนเลย

จากงานทดลองร่วมกับดูรอพนี่เองที่ทำให้เบคห์เทเรฟมีแรงหนุนเนื่องให้หันมาศึกษาเรื่องของโทรจิตอย่างจริงจัง

หลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นหัวหน้าสถาบันวิจัยสมอง แห่งมหาวิทยาลัยเลนินกราด

ในปี 2465 เขาตั้งคณะกรรมการเพื่อการศึกษาการสะกดจิต และทดลองส่งกระแสจิตระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ขึ้นในการทดลองครั้งหนึ่งบันทึกไว้ว่า

ส่ง : รูปสามเหลี่ยมที่มีรูปวงกลมอยู่ข้างใน ผู้รับก็สนองตอบในทันที (วาดรูปเป้า)

ส่ง : ภาพเครื่องจักรวาดด้วยดินสอแบบง่ายๆ ผู้รับก็ปฏิบัติตามได้อย่างแน่นอนและยังตรวจดูเส้นร่างรูปของเครื่องจักรใหม่อีกตั้งหลายครั้ง

ในปี พ.ศ. 2467
เบคห์เทเรฟได้ตัวผู้ที่อุทิศตนให้กับการทดลองทางโทรจิตอีกคนหนึ่ง
คือ ลีโอนิค แอล. วาซิลิเอฟ (พ.ศ. 2434 - 2509) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขาเอง (ต่อมาได้เป็นศาสตรจารย์ทางประสาทสรีระวิทยาประจำสถาบันวิจัยสมอง)

วาซิลิเอฟปักใจเชื่อในเรื่องของโทรจิตที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
เนื่องจากประสบการณ์ที่เขาต้องเอาชีวิตเข้าแลก ตอนอายุ 12 ขวบ
เขาตกลงไปในแม่น้ำและเกือบจะจมน้ำตายเขาบอกผู้ปกครองของเขาฟังว่า
เธอเห็นเขากำลังจะจมน้ำและยังเห็นรายละเอียดอีกด้วยว่า
หมวกสีขาวใบใหม่ของเขาถูกพัดพาไปับกระแสน้ำด้วยนี่เอง
ที่ทำให้วาซิลิเอฟต้องหันเหชีวิตมาทุ่มเทให้กับการศึกษาทางโทรจิต
เพื่อหาข้ออรรถาธิบายทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องนี้

อีกสองปีต่อมา วาซิลิเอฟได้ดำเนินชุดการทดลองของเขาเองที่โรงพยาบาลเลนิน กราด ซึ่งเป็นการศึกษาการสะกดคนให้คนที่ถูกสะกดจิตแสดงกิริยาท่าทางอันน่ารำคาญเล็กๆ น้อยๆ
เช่น ให้ยกแขน ยกขา หรือแม้กระทั่งเกาจมูก
เขาประสบความสำเร็จ 16 ครั้งจากการทดลอง 19 ครั้ง

ภายหลังจากการที่ทดลองซ้ำ เขาก็ประกาศว่าการเคลื่อนไหวของร่างกายเนื่องจากจิตสำนึก
หรือจิตไร้สำนึก อาจมีสาเหตุมาจากการสะกดจิตเพียงอย่างเดียว

นอกจากนี้แล้ววาซิลิเอฟยังพบอีกว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำให้บางคนหลับหรือตื่นได้
โดยการควบคุมทางจิตระยะไกลแม้ว่าระยะจะไกลถึง 1600 กิโลเมตร ยิ่งกว่านั้นเขายังพบอีกว่า

แม้จะจับเอาผู้ส่งกระแสจิตเข้าอยู่ใน กรงฟาราเดย์
(Faraday cage : ในนั้นเกือบจะไม่มีรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าใดๆ ผ่านเข้าไปได้เลย)
ก็ไม่มีผลใดๆ ต่ออัตราความสำเร็จของเขา

แต่อย่างไรก็ตามวาซิลิเอฟก็ยังประสบความล้มเหลวในจุดมุ่งหมายหลักของเขา
ในการที่จะหาคำอธิบายพื้นฐานทางฟิสิกส์เกี่ยวกับโทรจิต
(ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขามีเสียงเล่าลือกันว่าเขาได้ทำการวิจัยอย่างลับๆ ให้กับรัฐบาลโซเวียตเพื่อศึกษาและนำเอากลไกของโทรจิตมาประยุกต์ใช้กับงานทางด้านการทหาร)

โทรจิตเป็นระบบการสื่อสารที่เกิดขึ้นได้เองโดยธรรมชาติ


มิเกล คูนิ นักพลังจิตอีกคนหนึ่งที่สนใจงานพัฒนาด้านนี้
เชื่อว่าความกดดันทางอารมณ์สูงสุดที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของคนเรา
เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ทางอำนาจจิตได้ จากการศึกษางานด้านพลังจิตกับคนจำนวนมาก

เขาพบว่าอารมณ์ของคนเรานั้น เป็นสวตซ์ปิดเปิดการส่งโทรจิตธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติอย่างเช่น

เมื่อเราต้องประสบกับเหตุการณ์รุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุกับญาติพี่น้องหรือคนสนิท อารมณ์ที่เครียดสูงสุดนี้ก็จะเป็นตัวเปิดสวิตซ์การส่งหรือรับโทรจิตโดยฉับพลันทันที

อย่างในกรณีที่เกิดกับทหารเรือดำน้ำรัสเซียคนหนึ่งซึ่งป่วยและต้องนอนพักอยู่ที่ฐานทัพ
จึงไม่ได้เดินทางออกไปกับเรือเที่ยวนั้น

พอตกบ่ายเขาก็ฝันไปว่า เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลง
เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในเรือได้ ตัวเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำพร้อมกับเรือ
เขาสำลักน้ำเข้าไปหลายอึกและรู้สึกว่ากำลังจะจมน้ำตาย

จนบัดนี้เขายังจำฝันร้ายนั้นได้ติดตา เพราะหลังจากที่เราเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพ เขาก็ทราบว่าเพื่อนของเขาจมน้ำตายเนื่องจากติดอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ

นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า โทรจิตเป็นประสาทสัมผัสที่ 6 ของคนเรา ที่นอกเหนือไปจาก หู , ตา , ลิ้น , จมูก และกายซึ่งทุกคนมีความสามารถพิเศษทางโทรจิตนี้แฝงอยู่ หากแต่ถูกบดบังด้วยจิตใจที่หม่นหมอง ดังที่มีคำกล่าวอ้างกันอยู่เสมอว่าอำนาจทางโทรจิตของคนเรานั้นมีอยู่มากในคนรุ่นบรรพกาล และมาเหือดหายไปเมื่อมนุษย์มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น

ยูริ คาเมนสกี้ นักชีวฟิสิกส์ นักส่งกระแสจิต ผู้ร่วมทดลองกับคาร์ล นิโคลิเอฟ
นักแสดงพลังจิตผู้ลือชื่อของรัสเซีย ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า

ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่งและรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น
แต่ความสามารถพิเศษนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน

บางคนอาจมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าคนอื่นๆ
ในวิชาปรจิตวิทยา (Parapsychology) ของรัสเซียนั้นถือว่าผู้ส่งและผู้รับกระแสจิตนั้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะถ้าผู้ส่งกระแสจิตส่งมโนภาพที่เลือนลางมาให้เราก็จะได้แต่ภาพที่เลือนลางนั้นด้วย

ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับและผู้ส่งข่าวสารทางจิตจักต้องฝึกปรือกันมาอย่างดี และต้องสามารถสร้างมิตรสัมพันธ์ทางจิตหรือรับคลื่นกระแสจิตให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีด้วย

คาเมนสกี้ ให้คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการเป็นนักโทรจิตว่า

จงทำตัวให้สบายผ่อนคลายอารมณ์ ลดภาวะความตรึงเครียดทางกายและทางใจลง และควรจะกำจัดความกังวล
หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัวออกให้หมดสิ้น จงทำให้มีความเชื่อมั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้


เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสารและข้อมูลที่จะส่ง

พร้อมกับนึกถึงหน้าของผู้รับกระแสข่าวสารทางจิตจากเราให้กระจ่างอยู่ในดวงจิต
เมื่อท่านฝึกเช่นนี้บ่อยๆ จนมีความคุ้นเคยและสามารถปรับคลื่นกระแสจิตเข้ากันได้แล้ว
ในไม่ช้าไม่นานท่านก็จะเปรียบเสมือนมี โทรจิเตอร์ (เครื่องรับส่งโทรจิตยังไงละครับ)
ติดตัว ใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่และทุกสภาวะดินฟ้าอากาศ

ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียเชื่อว่าอำนาจจิตธรรมชาตินั้น
น่าจะเกิดมาจากความสอดคล้องกันระหว่างคลื่นสมองของผู้ส่งและผู้รับ
ที่มีอำนาจสัมพันธ์กันซึ่งเรื่องนี้คนทั่วไปสามารถฝึกปรับระดับจิตของพวกเขาให้เข้ากันได้ภายใน 3 เดือน
(จริงหรือไม่คุณลองฝึกเอาดูแล้วกัน)

แล้วยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกโทรจิต ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด
นอกจากจะปฏิบัติตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว
เราควรจะมีการนัดหมายเวลาเพื่อให้ปฏิบัติพร้อมเพรียงและสอดคล้องกัน
(ในที่นี้หมายถึงต้องสอดคล้องกันทั้งทางกาย จิตใจ และเวลาด้วย)

ดร.อิปโปลิท โคแกน เป็นนักวิทยาศาสตร์รัสเซียอีกท่านหนึ่งที่มีความสนใจในงานด้านโทรจิต และได้นำเอาระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาศึกษางานด้านนี้ที่สำคัญคือ

เขาได้นำเอาเครื่องมือทดสอบอีอีจี หรือเครื่องวัดคลื่นสมอง (Electroencephalograph)
มาใช้ในการทดลองการส่งและรับกระแสจิต
ซึ่งจะแสดงให้เห็นตำแหน่งของการโฟกัสคลื่นความคิดในสมองส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น
เมื่อผู้รับได้รับภาพ ก็จะทำให้เกิดคลื่นกระตุ้นที่สมองส่วนออกซิปิตอล (occipital lobe)

ซึ่งเป็นสมองส่วนที่กี่ยวกับการมองเห็นหรือถ้าได้รับกระแสจิตเกี่ยวกับเสียงเข้ามา
ก็จะเกิดคลื่นกระตุ้นขึ้นที่สมองส่วนเทมพอรอล (temporal lobe)
ซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวกับการได้ยินเสียง

เมื่อรัสเซียก้าวเข้าสู่สมัยอวกาศ มีการส่งดาวเทียมขึ้นโคจรรอบโลก และส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปล่องลอยในอวกาศการทดลองทางโทรจิตของเขาก็ก้าวตามขึ้นไปด้วย

นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้แย้มเรื่องราวดังกล่าวเมื่อครั้งที่ไปประชุมเกี่ยวกับมนุษย์อวกาศที่กรุงปารีส
ในประเทศฝรั่งเศส พ.ศ.2509 ว่า

นักวิทยาศาสตร์ระดับมันสมองของพวกเขาจำนวนมากเชื่อว่า การวิจัยค้นคว้าทางพลังจิตนั้นนับว่ามีความสำคัญต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ มาก
โดยเฉพาะในการผจญภัยในอวกาศนั้น มนุษย์ควรนำเอาพลังจิตไปใช้ในกาสื่อสาร

เป็นที่ทราบกันดีว่ารัสเซียพยายามอย่างยิ่งที่จะฝึกมนุษย์อวกาศของพวกเขาให้มีความสามารถ
ที่จะนำเอาโทรจิตไปใช้เป็นระบบสื่อสารส่วนบุคคลในอวกาศ

พวกเขาได้ฝึกการเพ่งสมาธิตามหลักการฝึกพลังจิตของโยคี และฝึกการส่งและรับกระแสจิตติดต่อกันระหว่างมนุษย์อวกาศกับผู้ที่อาศัยอยู่บนโลกนับครั้งไม่ถ้วน

และนอกจากนี้แล้วยังฝึกหัดการสะกดจิตตัวเองเพื่อนำไปใช้ในการเดินทางท่องอวกาศ
เป็นเวลานานแสนนานอีกด้วยอย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ก็รู้มาเพียงระแคะระคายเท่านั้น
เพราะข้อมูลและผลการทดลองนั้น พี่รัสเซียเขาเก็บไว้เป็นความลับ
ที่รั่วไหลออกมาก็เป็นการโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่ง

เพราะจริงๆ แล้วรัสเซียกำลังนำเอาพลังจิตไปใช้ในงานทางด้านการทหาร
ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ
เพื่อเสริมความแข่งแกร่งให้แก่ข่ายการติดต่อสื่อสารแบบที่เรียกว่าศัตรูตรวจจับไม่ได้

และที่สำคัญกว่านั้นข่าวแว่วเข้ามากระทบหูว่า รัสเซียกำลังสร้างอาวุธพลังจิต

เพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้ารัสเซียในเรื่องนี้ สหรัฐก็ได้ทำการทดลองรับและส่งกระแสจิตติดต่อระหว่างนักบินที่อยู่บนอวกาศกับคนที่อยู่บนพื้นโลกบ้าง

การทดลองนี้ทำกันขึ้นเมื่อครั้งที่ส่งอพอลโล 14 ขึ้นไปดวงจันทร์
โดยมีนักบินอวกาศ อี ดี มิทเชลล์ เป็นผู้ส่งภาพของไพ่ อีเอสพี
มายังผู้รับซึ่งเป็นนักพลังจิต 4 คนบนโลก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า

การทดลองครั้งนี้ทำได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะมิทเชลล์มีภาระหน้าที่อันหนักหน่วงต้องทำ
(เรื่องที่เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า สหรัฐล้าหลังรัสเซียอยู่ประมาณ 30 – 50 ปี ทีเดียว)

ในอนาคตกาลนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า

โทรจิตจะกลายเป็นระบบสื่อสารที่นำมาใช้ติดต่อกันในยามฉุกเฉิน

เช่น กรณีที่เครื่องมือติดต่อสื่อสารบนยานอวกาศขัดข้อง
และถ้าหากมนุษย์อวกาศได้รับการฝึกพลังจิตด้านอื่นๆ เช่น

การรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า (Precognition) ด้วยแล้ว อาจจะช่วยในการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกดขึ้นในการเดินทางด้านยานอวกาศที่มีความเร็วสูง
ยิ่งกว่านั้นนักปรจิตวิทยายังคาดหวังไว้ว่า

การสื่อสารทางจิตนี้จะเป็นสื่อภาษาสากลจักรวาลที่มนุษย์โลกจะใช้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวกาแล็คซีอื่นได้

อันจะเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างโลกและอายธรรมในกาแลคซีและในมวลเอกภพแห่งนี้
………

ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#2 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 10:45 PM

ดูนี้ที่ คุณdangdee เอามาลง แล้วเลื่อนขึ้นเลื่อนลง รู้สึกว่า.......จะตาลายจ๊ะ


#3 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 10:59 PM



ปกติ ผมดูภาพนิ่งก็ ลายตาแล้ว

ลองวิธีคุณ joysa ยิ่งตาลาย ญ่าย

เห็นว่าภาพแปลกดี ไม่ได้สะกดจิตใครนะครับ

dangdee




#4 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 11:20 PM

ลองนั่งดูนิ่งๆรู้สึกเหมือนภาพจะขยายเข้าออกว่าไหมจ๊ะเป้นรูปที่แปลกมาเลยจ๊ะ หามาจากไหนจ๊ะ คุณdangdee

#5 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 09 February 2006 - 11:55 PM

nice pic but alas it make me dizzy and close to get an headache. can u use other imagge and clors pls it woulsd be really nice....like the top view of the glass Buddha it would be great. thank you in advance kah.
" โทรจิต...ระบบสื่อสารแห่งอนาคต " I think its only for some people not every body. In the future it might me more people who use Telephaty
more than today's people.
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#6 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 10 February 2006 - 12:21 AM

ภาพนี้ นานแล้ว จำไม่ได้ครับ

ผมว่าถ้าฝึกมองผ่านๆ จะอื้อเฟื้อ เวลาปฏิบัติธรรม

คือ มองผ่านๆ เข้าไปภายใน ใจจะเป็นกลาง

มองผ่านๆ ไม่มุ่งเน้นเห็นรายละเอียด

ได้ผลอย่างไร มาแบ่งปันความสุข สงบ สว่าง กันนะครับ

.... ดีใจที่ คุณLily มองแล้วนึกถึง องค์พระ

...... ส่วนเรื่องโทรจิต...ระบบสื่อสารแห่งอนาคต

ผมเข้าใจว่า ความสนใจของวิทยาศาตร์ ตามพุทธศาสตร์เสมอ

ถึงแม้ฝึกทดลองจิตได้ ก็อยู่นอกตัว

ถ้าเขาฝึกเอาใจไว้ภายในตัว ที่ 072 - gravity centre

ใจหยุด ถูกส่วนเข้า จะพบสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งกว่าเกินคาดนะครับ

เพราะไม่เพียงแค่รู้สึก แต่สามารถ เห็นภาพ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

และไม่ใช่เห็นแค่ 3 มิติ แต่เห็นได้รอบตัว

อุปมา 072 เป็นเสมือน ระบบเครือข่าย network ของวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี

แต่อัศ-มหัศจรรย์ เกินพรรณา เกินที่จะจินตนาการด้วยความคิด

พูดเรื่องแบบนี้ แล้วเพลิน

ขอไปนอนก่อนนะครับ

ขอให้ทุึกท่าน นอนหลับฝันดี ฝันถึงกุศลนิมิต กุศลธรรม พบพระธรรมกาย นะครับ ... สาธุ




















ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  1006.67.jpg   271.5K   246 ดาวน์โหลด


#7 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 10 February 2006 - 08:02 AM


QUOTE
เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสารและข้อมูลที่จะส่ง


[/b]อย่าปล่อยใจให้ล่องลอย

....

ขออภัยทานที่แปลความหมาย คุณ Lily ผิด

ดูภาพองค์พระ แทนภาพลายตา ละกันนะครับ




#8 Somsakul V.

Somsakul V.
  • Members
  • 106 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Nonthaburi, Thailand + Tochigi Japan
  • Interests:Personal Computer

โพสต์เมื่อ 13 February 2006 - 01:37 PM

เห็นข้างรถบรรทุก ที่ขับในวัด เขามีสติ๊กเกอร์แปะว่า

"มองกลาง"


#9 *PK.*

*PK.*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 24 March 2006 - 03:02 PM

คือสนใจเรื่อง โทรจิตอะครับ แล้วก็ การส่งพลังงานจากร่างกาย ออกไปทั่วๆ

ใครรู้เรื่องนี้ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ

#10 ป่าน072

ป่าน072
  • Members
  • 371 โพสต์
  • Location:โคราช
  • Interests:การศึกษาต่อในวิชา วิทยาศาสตร์<br />วิศวะปิโตรเคมี

โพสต์เมื่อ 22 August 2006 - 05:10 PM

มีอย่างนี้ด้วย
สุดยอด
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง

#11 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 06:26 PM

จริงครับหลักการนี้เคยอ่านนะครับ แต่ไม่ได้อ่านยาวแบบนี้ล่ะสุดยอดเลยไปหามาจากใหนเนี้ย
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี