แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล" พิษร้ายกว่า "งูเห่า" 3 เท่า
เริ่มโดย
*innerspot*
, Jan 28 2009 12:01 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1 *innerspot*
โพสต์เมื่อ 28 January 2009 - 12:01 PM
หัวข้อ : เตือน! "แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล" พิษร้ายกว่า "งูเห่า" 3 เท่า ออกอาละวาดแล้ว
________________________________________
image003.jpg 48.48K 248 ดาวน์โหลด
นักวิจัยเตือนภัย "แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล" สุดอันตราย พิษร้ายแรงกว่างูเห่า 3 เท่า ยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ อาละวาดในไทยแถบชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แนะวิธีสังเกตรูปร่างลักษณะ ตัวขนาด 1 ซม. ท้องจะกลมป่องใหญ่กว่าหัวหลายเท่า มีสีน้ำตาลสลับขาวลายเป็นริ้วๆ ชอบแฝงตัวในที่ต่ำ ให้ระวังลูกหลานที่ชอบเล่นน้ำ
นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยจากภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ศึกษาเรื่องแมงมุมในประเทศไทย เปิดเผยวันที่ 18 มกราคม ว่า จากการศึกษาและเก็บข้อมูลเรื่องแมงมุมในประเทศไทย พบว่าขณะนี้มีแมงมุมพิษชนิดหนึ่ง ชื่อ "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" ซึ่งเดิมพบแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แถบฟลอริดา เท็กซัส และบริเวณเขตเส้นศูนย์สูตร ปัจจุบันได้แพร่ กระจายเข้ามาในประเทศไทยแล้ว เชื่อว่าขณะนี้แมงมุมดังกล่าวได้ขยายพันธุ์กระจายไปยังชุมชนต่างๆ รอบๆ ปากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง และอ่าวไทยตอนบนแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเจอแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลชุกชุมที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม และมีรายงานมีคนถูกกัดที่นั่น แต่ยังไม่ได้ลงไปตรวจสอบความชัดเจน
นายประสิทธิ์กล่าวว่า แมงมุมชนิดนี้ มีพิษรุนแรงทำลายระบบเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน พิษร้ายแรงกว่าพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำ 2 เท่า และร้ายแรงกว่าพิษงูเห่า 3 เท่าทีเดียว เพียงแต่เวลาแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลกัด จะปล่อยพิษออกมาไม่หมด ความร้ายแรงอาจจะไม่เท่าแม่หม้ายดำ เพราะแม่หม้ายดำ หรืองูเห่า กัดแล้วปล่อยพิษออกมาทั้งหมด เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ หากโดนงูเห่า หรือแม่หม้ายดำกัด จะปล่อยพิษออกมาในระดับมิลลิกรัม คือ 1 ส่วนในพันส่วน แต่แม่หม้ายน้ำตาลจะปล่อยพิษออกมาในระดับ ppm คือ 1 ส่วนในล้านส่วน อย่างไรก็ตาม หากถูกกัดหลายตัวพร้อมกันปริมาณพิษก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
นายประสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับลักษณะ ทั่วไปของแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลนั้น พบว่าขนาดของตัวมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณท้องจะโตกว่าหัวหลายเท่า ท้องจะกลมป่อง ด้านล่างมีลักษณะคล้ายรูปนาฬิกาทรายสีส้ม ด้านบนมีสีน้ำตาลสลับขาวลายเป็นริ้วๆ มีจุดสีดำสลับขาวตรงท้องข้างละ 3 จุด รวมเป็น 6 จุด วางไข่ครั้งละ 200-400 ฟอง
สาเหตุการแพร่ระบาดนั้น คาดว่า จะเข้ามากับเรือสินค้าเป็นหลัก และมีรายงานด้วยว่า มีพ่อค้าบางคนนำมาขายให้คนที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลก โดยไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่า มีผู้เสียชีวิตจากการถูกแม่หม้ายน้ำตาลกัด แต่มีรายงานการถูกกัดแล้วจากหลายพื้นที่ ส่วน ใหญ่ผู้ถูกกัดจะมีอาการแพ้อย่างแรง แผลจะเหวอะหวะ และเป็นผื่นบวมแดงเจ็บปวด มีหนอง แผลจะหายช้ามาก เพราะพิษทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลือง และทำลายเม็ดเลือดขาว คนที่ถูกกัดส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าแผลดังกล่าวเกิดจากอะไร ขณะนี้ ยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ ทำได้แค่รักษาตามอาการเท่านั้น ยัง โชคดีว่า แมงมุมชนิดนี้ไม่มีนิสัยดุร้าย ไม่โจมตีหรือบุกกัดใครอย่างไม่มีเหตุผล จะหลบมากกว่าสู้ และจะกัดเมื่อถูกรุกรานที่อยู่เท่านั้น
image004.jpg 18.13K 1947 ดาวน์โหลด
นักวิจัยแมงมุมให้ข้อสังเกตความแตกต่างระหว่างแมงมุมทั่วไปกับแมงมุมแม่ หม้ายน้ำตาลว่า นอกจากลักษณะลำตัวแล้ว ให้สังเกตลักษณะการทำรัง หรือการชักใย แมงมุมทั่วไปจะชักใยค่อนข้างสวยงามเป็นระเบียบ และชักใยอยู่ที่สูง เช่น ตามขื่อ ตามคาน หรือหลังคาบ้าน แต่ แม่หม้ายน้ำตาลจะทำรังอยู่ที่ต่ำ สูงไม่เกิน 1 เมตร ลักษณะรังหรือใยจะยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ พบเห็นได้ตามใต้โต๊ะ เก้าอี้ รองเท้าเก่าในบ้าน ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กๆ ที่ชอบคลานเข้าไปอยู่ตามซอกมุมบ้าน หากไปเจอแมงมุมชนิดนี้อาจจะถูกกัด และตกอยู่ในอันตรายได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งเรื่องการกระจายพันธุ์ จึงขอความร่วมมือ สำหรับผู้พบเห็นแมงมุมที่มีลักษณะดังกล่าว ขอความกรุณาแจ้งมายังภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ด้วย
ที่มา...http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1232288256&grpid=10&catid=04
#2
โพสต์เมื่อ 28 January 2009 - 12:39 PM
น่ากลัวจังไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ที่ประเทศลาวคงไม่มีนะแมงมุมชนิดนี้ยังไงก็อย่าประมาทก็แล้วกันโชคดีนะไปละ
#3
โพสต์เมื่อ 28 January 2009 - 11:32 PM
ขอบคุณคุณ innerspot ที่นำข่าวมาให้รู้กันค่ะ
ต้องระวังให้มากกว่านี้แล้ว ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ต้องระวังให้มากกว่านี้แล้ว ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#4
โพสต์เมื่อ 29 January 2009 - 10:39 AM
ต้นเหตุแห่งความวุ่นวาย คือ ความอยากได้อยากมีของสวยๆงามๆของมนุษย์ท่านนั้น
เมื่อเกิดปัญหาลุกลามแล้วควบคุม-กำกับไม่ได้ ก็ไม่รับผิดชอบ กลับหายตัวเข้ากลีบเมฆ ปล่อยปัญหาไว้ให้สังคมแก้ไขนั่นเอง
เช่นเดียวกับหลายๆกรณี อาทิ ยาบ้า...ผู้ผลิตคนแรกแม้ถูกอาญาแผ่นดินแล้วพ้นโทษ ก็ไม่สามารถรับผิดชอบกับการขยายผลร้ายไปทั่วโลกได้ กลับตอบว่าไม่คิดไม่รู้ว่าจะเสียหายขนาดนี้ แล้วเขาก็รับโทษทางกฎหมายแล้ว(น่าจะเจ๊ามั้ง) ผลตามมาจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ไม่ชี้
เมื่อเกิดปัญหาลุกลามแล้วควบคุม-กำกับไม่ได้ ก็ไม่รับผิดชอบ กลับหายตัวเข้ากลีบเมฆ ปล่อยปัญหาไว้ให้สังคมแก้ไขนั่นเอง
เช่นเดียวกับหลายๆกรณี อาทิ ยาบ้า...ผู้ผลิตคนแรกแม้ถูกอาญาแผ่นดินแล้วพ้นโทษ ก็ไม่สามารถรับผิดชอบกับการขยายผลร้ายไปทั่วโลกได้ กลับตอบว่าไม่คิดไม่รู้ว่าจะเสียหายขนาดนี้ แล้วเขาก็รับโทษทางกฎหมายแล้ว(น่าจะเจ๊ามั้ง) ผลตามมาจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ไม่ชี้
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#5
โพสต์เมื่อ 29 January 2009 - 11:22 AM
ขอบคุณที่เอาข้อมูลดีๆ อย่างนี้มาบอกน่ะค่ะ เจ้าหลานสาวตัวน้อยของพี่ ก็อยู่ใกล้ๆ แถวนั้น ยิ่งซนเป็นลิงลมอยู่ด้วย จะไปกินแมงมุมเข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้
#6
โพสต์เมื่อ 01 February 2009 - 03:34 AM
ขอบคุณที่นำสาระดีๆแบบนี้มาบอกกันนะคะ จะได้ไม่ประมาทค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 01 February 2009 - 11:47 PM
แผลที่โดน Brown Recluse Spider
ไฟล์แนบ
#8
โพสต์เมื่อ 05 February 2009 - 10:35 AM
อึ๋ย เห็นแผลแล้วสยองครับ
“ความทุกข์ที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่เพราะมันจากไป หากแต่เพราะมันยังอยู่ต่างหาก”
#9
โพสต์เมื่อ 07 February 2009 - 04:13 PM
น่ากลัวๆๆๆ