ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

การดูละคร ผิดศิลไหมค่ะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 PS-Junior

PS-Junior
  • Members
  • 247 โพสต์
  • Location:Bangkok
  • Interests:Meditation

โพสต์เมื่อ 02 March 2006 - 10:08 PM

เห็นมีคนถามเรื่องปานะ เลยมีคำถามติดใจมานานค่ะ ว่า
พระท่านที่ทำ animation ต่างๆให้เราดูอยู่ทุกวันนี้นะค่ะ หรือรูปอื่นก็ตาม ต้องมีความจำเป็นต้องดูละครทีวี อธิ แดจังกึม เป็นต้น หรืออ่านสื่อจากภายนอก อย่างนี้ถือว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไรค่ะ
แล้วอย่างเราๆ ถือศิล 8 จะสามารถดูละครทีวี บางเรื่องได้หรือไม่ค่ะ

#2 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 02 March 2006 - 10:21 PM

จะเป็นกรรมหรือไม่นั้น ผมขอสรุปว่า ทุกอย่างอยู่ที่เจตนาครับ (เพราะเจตนา คือ ตัวกรรม) การที่บรรดาพระเจ้าหน้าที่ฯ ท่านต้องดูก็เพื่อเลือกเฟ้นเพียงเนื้อหาบางส่วนอันแฝงไปด้วยคติสอนใจ แล้วเอามานำเสนอในโรงเรียนอนุบาลแต่เพียงเท่านั้น หาได้มีเจตนาดูเพื่อเป็นการละเล่นแต่อย่างใดไม่ เพราะฉะนั้นไม่ผิดศีลนะครับ และขอความกรุณาคุณจังกึมได้กลับไปอ่านกระทู้นี้เป็นการทบทวนด้วยครับ => http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2737

#3 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 03:10 AM

การให้ไม่จัดเป็นบุญ แต่โลกสมมติว่าเป็นบุญมี ๕ คือ
๑.ให้น้ำเมา ๒.ให้มหรสพ ๓.ให้สตรี ๔.ให้โคผู้ ๕.ให้จิตรกรรม

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว บรรเทาได้ยากมี ๕ คือ
๑.ราคะบังเกิดแล้วบรรเทาได้ยาก
๒. โทสะบังเกิดแล้วบรรเทาได้ยาก
๓. โมหะบังเกิดแล้วบรรเทาได้ยาก
๔. ปฏิภาณบังเกิดแล้วบรรเทาได้ยาก
๕. จิตที่คิดจะไปบังเกิดแล้ว บรรเทาได้ยาก

ที่มา : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.ph...8&A=8062&Z=8122


พระสุตตันตปิฏก
เล่ม ๑
ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
๑. พรหมชาลสูตร
เรื่องสุปปิยปริพาชกกับพรหมทัตตมานพ
มัชฌิมศีล
.........
[๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปุถุชนกล่าวชมตถาคต พึงกล่าวเช่นนี้ว่า-
๑. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการพรากพืชคามและภูตคาม เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังประกอบการพรากพืชคามและภูตคาม เห็นปานนี้ คือ พืชเกิดแต่เง่า พืชเกิดแต่ลำต้น พืชเกิดแต่ผล พืชเกิดแต่ยอด
พืชเกิดแต่เมล็ด เป็นที่ครบห้า.

[๑๐] ๒. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการบริโภคของที่ทำการสะสมไว้ เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังประกอบการบริโภคของที่ทำการสะสมไว้เห็นปานนี้ คือ สะสมข้าว สะสมน้ำ สะสมผ้า สะสมยาน สะสมที่นอน
สะสมเครื่องประเทืองผิว สะสมของหอม สะสมอามิส.

[๑๑] ๓. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังขวนขวายดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศลเห็นปานนี้ คือ การฟ้อน การขับร้อง การประโคมมหรสพ มีการรำเป็นต้น การเล่านิยาย การเล่นปรบมือ การเล่นปลุกผี การเล่นตีกลอง ฉากภาพบ้านเมืองที่สวยงาม การเล่นของคนจัณฑาล การเล่นไม้สูง การเล่นหน้าศพ ชนช้าง ชนม้า ชนกระบือ ชนโคชนแพะ ชนแกะ ชนไก่ รบนกกระทา รำกระบี่กระบอง มวยชก มวยปล้ำ การรบ การตรวจพลการจัดกระบวนทัพ กองทัพ.
...................
ที่มา : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=0&Z=1071


[๕๙๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี เราห้ามท่านไม่ได้แล้วว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน ดูกรนายคามณี

เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะอันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโทสะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโมหะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโมหะผูกไว้

นักเต้นรำย่อมรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น นักเต้นรำนั้น ตนเองก็มัวเมาประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป ย่อมบังเกิดในนรกชื่อปหาสะอนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริงด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาสะ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด ดูกรนายคามณี ก็เราย่อมกล่าวคติสองอย่างคือ นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ฯ

ที่มา : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.ph...8&A=7768&Z=7822

สรุปคือ ถ้าเป็นศีล 8 ไม่ควรดูทีวีครับเพราะจะเป็นการเปิดช่องทางให้บาปอกุศลเข้ามาในจิตครับ แม้เรื่องนั้นจะบันเทิงเริงใจ ก็จะทำให้ราคะหรือความกำหนัดยินดีกำเริบได้ครับ

สำหรับกิจของพระคิดว่าท่านน่าจะเคร่งครัดกว่าฆาราวาสที่ถือศีล 8 นะครับ กิจของสงฆ์ คือ ทำพระนิพพานให้แจ้งครับ ถ้ายังไม่แจ้งตราบใดกิจอื่นที่เป็นข้าศึกควรเว้นหมดทุกกิจครับ

"เว้นขาดจากการดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล" ประโยคนี้มีความหมายลึกซึ้งมากครับ คือ ไม่ดู และไม่เล่น ก็คือไม่ทำกิจอันเป็นข้าศึกแก่กุศล คำถามคือ การทำ Animation ของพระที่สอนให้คนละชั่วทำดี ทำจิตให้บริสุทธิ์ ถือเป็นกิจกุศลได้ไหมครับ น่าจะเป็นกุศลอยู่บ้างนะครับ แต่ก็ติดปัญหาตรงที่ว่าความบันเทิงหรือสิ่งบันเทิงแบบธรรมะ จะเป็นการเจือกิเลสอ่อนๆ หรือสนองกิเลสด้วยหรือป่าวนี่สิครับ คือ ดูแล้วเกิดความกำหนัดยินดี หรือมีอารมณ์ร่วมตาม และจะถือว่าเป็นความกำหนัดยินดีแบบราคะหรือฉันทะดีหละครับใครทราบบ้างช่วยตอบหน่อยครับ

หาดูเพิ่มเติมได้ที่ ธรรมกถึก\ในผู้มีสิกขาและสาชีพครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1931


#4 Dhamma Bot

Dhamma Bot
  • Members
  • 477 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 06 March 2006 - 02:02 PM

ถ้าดูแล้วเผลอปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับละคร ผมว่าคงไม่เหมาะนะครับ แต่ถ้าดูแล้วใจมุ่งอยู่ที่การศึกษาเพื่อนำมาปรับใช้ ก็ไม่น่าจะผิดอะไรครับ

#5 Sareochris

Sareochris
  • Members
  • 207 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:-
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 07 March 2006 - 11:52 AM

nerd_smile.gif nerd_smile.gif nerd_smile.gif

#6 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 12:07 PM

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ...สาธุๆๆ