บุญกับบาป
#1
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 09:57 AM
ขอบคุณครับ
#2
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 10:34 AM
#3
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 10:59 AM
บุญ-บาปมากหรือน้อย สิ่งแรกที่บอกให้ทราบได้ก็คือ "ชนกกรรม" เมื่อมาเกิดได้ลักษณะมหาบุรุษกี่ข้อแล้ว มีอาการทุพพลภาพ ปากแหว่ง เพดานโหว่ ง่อยเปลี้ยหรือไม่ ถ้ามีก็แสดงว่าบาปเริ่มมากกว่าบุญแล้ว มีสติปัญญาความคิดอ่านไวหรือช้า มีทิฐิหรือจิตสันดานเป็นสัมมาทิฐิ หรือมิจฉาทิฐิ ถ้าเป็นสัมมาทิฐิก็มีบุญมาก ถ้าเป็นมิจฉาทิฐิก็บุญน้อย
อย่างที่สองคือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข บริวาร เพื่อนพ้อง มีพร้อมหรือไม่ คือ เป็นคนมีกิน มีใช้ หรือเหลือกิน เหลือใช้ มีอำนาจวาสนามากหรือน้อย มีชื่อเสียง หรือชื่อเสียมากกว่ากัน มีจิตเป้นสุขผ่องใสหรือขุ่นมัว ถ้ามีพร้อมก็บุญบารมีมากกว่าบาป ถ้าไม่ครบไม่พร้อมก็แสดงว่าบาปอาจจะมากกว่าบุญ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#4 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 11:19 AM
#5
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 12:23 PM
ถ้าดูตอนเป็นไม่ได้ก็จะไปเห็นเองตอนตาย
ยายเคยบอกนะคะ ว่าเห็นเป็นดวงเลย รู้เลยว่ามันมีแค่ไหน ขนาดนี้ได้บริวารได้วิมานขนาดไหน
สั่งสมหยุดนิ่งต่อไป แล้วก็ต้องเห็นเองได้แน่นอน
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#6 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 01:19 PM
#7
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 04:19 PM
แต่ถ้าจะมองง่ายๆ เมื่อใจหยุดในระดับหนึ่ง ก็คือ "ดวงบุญ" วัดกันที่ความสว่าง (สว่างมาก สว่างน้อย) กับ "ดวงบาป" วัดกันที่ความมืด (มืดมิด มืดปิดปี๋) เทวดาเค้าจะเห็นความสว่างของมนุษย์ผู้ใจบุญ ถ้าสว่างมากๆ เค้าก็จะมาห้อมล้อมแล้วก็จะมาปกปักรักษาเพราะอยากได้บุญด้วยค่ะ
บุญกับบาป สู้กันอยู่ตลอดเวลา มนุษย์เป็นหุ่นให้บุญและบาปเชิด
บางทีเกิดมารวย เพราะบุญได้ช่องส่งผลก่อน บางทีเกิดมาจน เพราะบาปได้ช่องไปดึงเอากรรมตระหนี่ในอดีตมารวมกันส่งผล เพราะฉะนั้น ไม่สามารถวัดได้ด้วยตาเนื้อค่ะ ถ้าอยากวัดได้เหมือนเป็นปริมาณ ลูกบาศก์ลิตร ก็ต้องไปคำนวณด้วยพระธรรมกายเท่านั้นค่ะ
คล้ายๆ กับที่หลวงปู่สั่งให้คุณยายไปคำนวนจำนวนเม็ดฝน ที่ตกเฉพาะในประเทศไทย ตลอดทั้งปี ว่ามีจำนวนกี่เม็ด นั่นแหล่ะค่ะ :)
#8
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 04:48 PM
คำตอบก็คือ ถ้าจะให้ตอบถูกต้องแบบชัวร์ๆ ก็คือ ต้องไปนับเงินทอง ทรัพย์สินที่ท่านมีอยู่ทั้งหมดว่ามีอยู่เท่าไหร่ ซึ่งในทางธรรมก็หมายถึง การรู้ได้ด้วยธรรมจักษุของธรรมกายนั่นเองครับ
ส่วนคำตอบแบบเลียบเคียงก็คือ ก็ศึกษาดูจากข้อมูลประกอบ เช่น สิ่งแวดล้อมล้อมรอบตัวท่าน พฤติกรรมของท่าน อาหารที่ท่านรับประทาน เสื้อผ้าที่ท่านใช้ ที่อยู่ของท่าน รถยนต์ที่ขับ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ก็พอจะดูได้ว่า ใครรวยหรือจน แต่อาจจะดูผิดได้เหมือนกัน โดยเฉพาะกับคนที่รสนิยมสูง แต่รายได้ต่ำ ดูเผินๆ อาจนึกว่าเขารวย แต่เขาอาจจนก็ได้ เช่นเดียวกัน บางคนดูธรรมดาๆ แต่อาจจะรวยก็ได้ มันยังไม่แน่นอน
การดูบุญบาป โดยวิธีดุจากข้อมูลประกอบก็ทำนองนี้เหมือนกันครับ ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ คือ มหาทุคคตะ ที่จนโครต ต้องขอทานเขากิน แสดงว่า บุญต้องน้อยสิ แต่ทำไมทำบุญกับพระพุทธเจ้าครั้งแรก มีฝนรัตนชาติตกจนรวยเป็นเศรษฐีล่ะ เพราะพระราชา เศรษฐีต่างๆ ก็ทำบุญกับพระพุทธเจ้าตั้งหลายต่อหลายครั้ง ไม่เห็นมีฝนรัตนชาติตกเลย
คำตอบก็คือ คุณครูฝันว่า มหาทุคตะนั้น บุญมากระดับอภิมหาเศรษฐีเลยล่ะครับ แต่เพราะความตระหนี่ในอดีตชาติหนึ่งมาขวางไว้ ทำให้กลายเป็นขอทาน แต่พอทำบุญกับพระพุทธเจ้า บุญมหาศาลชิงช่วงผลบาปตระหนี่นั้น แล้วเชื่อมกับบุญในอดีตที่ทำ ทำให้รวยไม่รู้เรื่องเลยเป็นต้น
#9
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 05:46 PM
#10
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 09:46 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#11
โพสต์เมื่อ 24 March 2006 - 01:54 PM
หรือก็คือการเปรียบเทียบสิ่งที่เข้าใจยากด้วยสิ่งที่เข้าใจง่าย
แสดงกลไกการทำงานหรือเงื่อนไขต่างๆที่เหมือนหรือต่างกันในทั้งสองสิ่ง
เทคนิคนี้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นการอธิบาย(หรือสอน)ที่มีประสิทธิภาพมาก
ทั้งนี้ผู้ใช้ Analogy ต้องมีตรรกะ (logic) ที่ดีมากด้วยจึงจะสามารถใช้วิธีนี้ได้ดี
ผมว่านี่แหละทำให้คำตอบของพี่หัดฝัน ที่ตอบทีไร "โดน" ทุกทีเลย
ขอคารวะในความ "โดน" ครับ
เห็นมาหลายต่อหลายคำตอบแล้ว ทนไม่ไหว ต้องโพสครับ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#12
โพสต์เมื่อ 24 March 2006 - 05:27 PM
#13 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 25 March 2006 - 12:32 AM
#14
โพสต์เมื่อ 25 March 2006 - 04:23 PM
#15
โพสต์เมื่อ 26 March 2006 - 10:26 PM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#16
โพสต์เมื่อ 27 March 2006 - 02:46 AM
ไม่คาดหวังได้พบอะไรใหม่
เป็นใจเพียงไม่อยากได้ต่อสิ่งใด
ก็จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ
#17
โพสต์เมื่อ 27 March 2006 - 04:10 PM
บุญมากก็สุขมาก
ส่วนบาปนั้นคือเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ เร่าร้อนใจ
บาปมากก็ทุกข์มาก
ถ้าเรามีสุขมากกว่าทุกข์ ก็แสดงว่าเรามีบุญมากกว่าบาปค่ะ
ผู้ที่มีความสุข(อย่างแท้จริง)มากที่สุด คือผู้ที่มีบุญมากที่สุดค่ะ
สุขทั้งวัน สุขทุกอนุวินาที ก็มีแต่บุญล้วนๆ
#18
โพสต์เมื่อ 29 March 2006 - 04:19 PM
#19 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 29 March 2006 - 08:46 PM
ทำอะไรแล้วใจผ่องใส ก็เป็นบุญ
ทำอะไรแล้ว ใจเศร้าหมอง ก็เป็นบาป
ส่วนปริมาณก็ดูว่า อกุศลกรรม 10 ข้อ ทำไปแล้วกี่ข้อ
และกุศลกรรม 10 ทำไปแล้วก็ข้อ