ไปที่เนื้อหา


สาธุธรรม

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 01 Jun 2007
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด ส่วนตัว
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ให้ทานโดยไม่กระทบตนเอง และผู้อื่น

12 September 2010 - 05:23 PM

บังเอิญเจอกระทู้เก่า ที่มีคุณค่า และ ช่วยเตือนกันและกันในฐานะคนวงศ์บุญเดียวกันค่ะ

ขอขอบคุณ น้อง มัชฌิมา072 ค่ะ

ที่มา : http://www.dmc.tv/fo...showtopic=17362

ความว่า...........


การให้ทาน โดยไม่กระทบตนเองและผู้อื่น หมายความว่า...
..ไม่กระทบคุณงามความดีของตน และ ไม่กระทบคุณงามความดีของผู้อื่น
...
บางคน ทำทานด้วยทรัพย์สินและเงินทองครั้งละมากๆ
แต่บางคน ก็ทำเพียงครั้งละเล็กๆ น้อยๆ ตามศรัทธา และ ฐานะของตน

แต่ถ้าคนที่ทำทานมาก แล้วก็ชอบข่มคนอื่น หรือ ชอบกล่าววาจาดูถูก ผู้อื่นที่ทำน้อยกว่า
เป็นการยกตนข่มท่าน อย่างนี้ ชื่อว่าเป็นการทำให้คุณงามความดีของตนลดน้อยลง
...เพราะอะไร...
เพราะเราอุตส่าห์ละความตระหนี่ นำทรัพย์สินเงินทองออกทำบุญให้ทาน
แต่แล้ว เราก็กลับทำลายความดีของเราเอง ด้วยการเพิ่มกิเลส คือดูถูก ดูหมิ่นผู้อื่น
...
ถ้าเกิดผู้ที่ทำบุญให้ทานน้อยนั้น เกิดได้ยินคำพูดอันไม่เพราะหูนั้นเข้า
แล้วถ้าเขาขาดโยนิโสมนสิการ จิตใจที่เป็นกุศลของเขา ก็จะดับวูบลง
..แล้วอกุศล คือความโทมนัสเสียใจ ก็จะเกิดขึ้นแทน
....
อย่างนี้ขึ้นชื่อว่า ทำลายคุณงามความดี ของผู้อื่น
..ทำให้ผู้อื่น เสื่อม จากคุณความดี คือกุศลกรรมที่เขามีอยู่
...
หรือบางคน ตั้งใจรักษาศีล ๕ โดยเคร่งครัด แต่กลับให้สุรายาเมาเป็นทานแก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม
ทาน ที่ทำให้ผู้รับมึนเมา ขาดสติ สามารถเป็นต้นเหตุที่จะกระทำบาปอกุศลต่างๆ
เช่นมีการฆ่าสัตว์เป็นต้น อย่างนี้ก็เป็นการให้ ที่กระทบความดีของตนและผู้อื่นเช่นกัน
เพราะเรา เป็นผู้มีศีลอยู่แล้ว แทนที่ จะชักชวนคนอื่นให้เขามีศีลอย่างเรา
กลับสนับสนุน ทำให้เขาเสื่อมเสียจากศีล ทานอย่างนี้ สัตบุรุษท่านไม่กระทำ
...
...สัตบุรุษ ครั้นให้ทานโดยไม่กระทบตน และผู้อื่นแล้ว
ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก
และโภคทรัพย์นั้น ย่อมไม่เป็นอันตรายจากไฟ
จากน้ำ จากพระราชา จากทายาทหรือจากคนที่ไม่เป็นที่รัก ในที่ๆ ทานนั้นให้ผล
...นี่คือการให้ทานของสัตบุรุษ ถ้าตรงกันข้ามก็เป็นทานของอสัตบุรุษ...




พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ใน เรื่องทานของอสัตบุรุษและทานของสัตบุรุษ ตามที่แสดง
ไว้ใน อสัปปุริสสูตร และ สัปปุริสสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต

จากบทความ ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
ของประณีต ก้องสมุทร




เมื่อพิจารณาก็เห็นว่าน่าจะจริง เพราะ สมัยที่มหาทุกขตะ และ ภรรยา ได้ทำทานด้วยการไปรับจ้างทำงานให้หนักขึ้น เพื่อถวายภัตตาหารแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น นั่น ก็กระทำไปด้วยจิตศรัทธาเต็มเปี่ยม ตั้งใจทำงานเพื่อนำไปทำทาน มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะทำทานนั้นให้สำเร็จลงให้ได้ เพียงอย่างเดียว

หรือ แม้ มหาทุกขตะอีกคนหนึ่ง ที่ถวายผ้าชิ้นเดียวที่ตนมี หลังจากที่ใคร่ครวญจนผ่านไป 3 ยาม ก็ถวายด้วยใจที่เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา ได้ผ้ามาใหม่ก็ทำอีก ทำอีก ทำอีก โดยไม่มีความคิดว่าลำบากตนเลย

และ ทั้งสองท่าน ไม่ได้คิดเลยว่า ต้องการทำบุญให้ทัดเทียมใครๆ
ความตระหนี่เท่านั้นที่หลุดร่อน ออกจากใจ อย่างแท้จริง



หรือท่านอื่นเห็นว่าอย่างไรคะ



น้อง มัชฌิมา 072 ยังบอกอีกว่า

เคยอ่านกระทู้ที่เพื่อนๆ บ่นเสียใจเวลามีผู้ตำหนิว่าทำบุญน้อย
เลยนำมาฝากพวกเราที่ขยันทำหน้าที่บอกบุญ เป็นกัลยาณมิตรแด่ผู้อื่น
อย่าให้พลาดพลั้ง ทำให้ท่านอื่นเสียใจเด็ดขาดทีเดียวนะจ๊ะ โดยเฉพาะท่านที่มาใหม่..
ชม และเชียร์ อย่างเดียวจ้า เดี๋ยวเขาจะเข้าใจเอง...



ขอกราบอนุโมทนากับน้องมัชฌิมา072 ด้วยค่ะ สาธู๊

relax กันบ้าง เอาภาพมาฝากค่ะ

08 September 2010 - 05:28 PM

สบายๆ สบายๆ.... ค่ะ

แนบไฟล์  m268042.jpg   121.07K   63 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  m268043.jpg   85.2K   53 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  m268054.jpg   64.99K   60 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  m270052.jpg   115.32K   54 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  m270058.jpg   74.78K   56 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  m270062.jpg   84.24K   56 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  m270064.jpg   49.42K   49 ดาวน์โหลด
[attachment=35422:m270065.jpg]
[attachment=35423:m278255.jpg]
[attachment=35437:m278257.jpg]
[attachment=35426:46399_11...457238_n.jpg]
แนบไฟล์  269465.jpg   50.76K   48 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  m263556.jpg   264.86K   59 ดาวน์โหลด
[attachment=35430:m268237.jpg]
แนบไฟล์  m270076.jpg   222.36K   65 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  269460.jpg   98.87K   46 ดาวน์โหลด



*** บุญอะไรหรือคะ ที่คุณปลื้มที่สุด? ***

05 September 2010 - 11:40 PM

อยากจะนึุกถึงบุญและอยากให้ทุกท่านได้นึกถึงบุญที่ตนเองปลื้มจังเลย

อยากจะแชร์ และ อยากจะอนุโมทนากับทุกท่านค่ะ



บุญที่ปลื้มจังเลย :

บุญที่ 1

เมื่อ 2 ปี ก่อนได้ถวาย
ได้ถวายพระธาตุ แก่หลวงพ่อค่ะ (ปลื้ม มากกว่าเิงิน กว่าทองอีก)
ท่านหยิบมากำไว้ ระดับศูนย์กลางกาย นิ่งสักครู่ 2-3 วินาที แล้วถามว่า "ได้มาอย่างไรจ๊ะ"
ตอบว่า ......

แล้วท่านก็ให้อุปัฏฐาก เก็บแยกไว้ต่างหาก

วันนั้น เหมือน เพิ่งเกิดเมื่อวาน แจ่มจรัส ชัดเจนในใจ สาธู๊



บุญที่ 2

กฐินหลวงปู่เมื่อ 2 ปีก่อน วันนั้นเป็นวันที่อบอุ่นมาก แสงสีัทองทั่วสภาธรรมกายสากล
เหมือนอยู่ในดินแดนสุขาวดี ความทุกข์ไม่มีติดที่ใจได้เลย...


บุญที่ 3

เดินเวียนประทักษิณ รอบมหาธรรมกายเจดีย์ เดินเอง ปลื้มเอง แม้ไม่ใช่งานบุญใหญ่ใดๆ
เหมือนมีพุทธานุสติอยู่ตลอดเวลา



ฯลฯ



แล้วคุณล่ะคะ บุญไหนที่จดจำได้แม่นยำ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ระลึกถึง...

เล่าให้ฟังบ้าง อยากจะอนุโมทนาค่ะ biggrin.gif

ลักษณะและวิธีใช้ ดวงแก้วกายสิทธิ์

03 September 2010 - 05:06 PM

ได้รับบทถอดความนี้มาอีกทีหนึ่ง
ถอดคำในวันที่ 27 สิงหาคม ของ.......(อ่านเอาเดี๋ยวก็ทราบได้ค่ะ)


ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับอนุญาตให้โพสเนื้อความนี้หรือไม่

หาก web master ไม่ว่าอะไร และ สิ่งที่ทำนี้ไม่เป็นผลเสียอะไร
ก็ขอให้ได้บุญด้วยกันนะคะ สาธู๊


---------------------------------------------------------------------------------------------------------



ลักษณะพิเศษของแก้วกายสิทธิ์


ทำหน้าที่ ถ้าอุปมาแล้วก็จะอยู่กับผู้ที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม เขาจะทำหน้าที่คล้ายกับลูกศิษย์วัด คือ ดูแลตามสมบัติให้กับผู้ที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม นั่น

ประการที่1 เหมือนเด็กวัดดูแลพระภิกษุดูแลสามเณร

ในเวลาที่เจ้าของดวงแก้ว ตั้งใจทำภาวนา ตั้งใจปฏิบัติธรรม เขาก็ทำหน้าที่ของเขาอีกเหมือนกัน คือ ช่วยกันดึงดูดใจของผู้ปฏิบัติธรรมให้เข้าติดอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่7ได้ง่าย เพราะคุณยายก็ใช้คำว่าเขาคุมบุญให้, ช่วยคุมยายเวลาทำธรรมะให้ เพราะว่าเขาก็มีฤทธิ์เดช โบราณเรียกกันว่า แก้วกายสิทธิ์ ถ้าใครได้อ่านคัมภีร์โบราณทั้งของจีน ของอินเดีย ของไทย เราก็จะเจอคำว่า “ดวงแก้วกายสิทธิ์” คือ

1) ตามสมบัติให้นั่นเอง
2) เมื่อเวลาปฏิบัติธรรม ช่วยคุมธรรมะให้
3) เมื่อมีอุปสรรค จะช่วยทำหน้าที่เหมือนบอร์ดี้การ์ด,เหมือนขุนพล,เหมือนร.ป.ภ. คือ ดูแลรักษาคุ้มครองเจ้านายของเขา

เขาจะอยู่กับผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเท่านั้น อาหารของพวกเราเนี่ยเป็นข้าว, เป็นน้ำ,เป็นคำๆ แต่อาหารของเขาเป็นตัวเขาเอง ทำบุญด้วยตัวเองไม่ถนัด อาศัยผู้ที่เป็นเจ้าของดวงแก้วปฏิบัติธรรมได้ดี เพราะเขามีฐานะไปช่วยตามสมบัติ, ไปช่วยคุ้ม ครองปกป้องให้, แล้วก็ช่วยคุมธรรมะให้ เขาก็เลยได้บุญร่วมกับเรา

*แต่มีข้อแม้* ผู้ที่ได้ไปแล้ว เมื่อได้ไปแล้ว คุณยายใช้คำว่า “ต้องตั้งใจสร้างบุญ” ถ้าไม่ได้ตั้งใจสร้างบุญก็เหมือนปล่อยเขาอดอาหาร เขาก็ไม่เกิดฤทธิ์
ตรงกันข้าม ถ้าตั้งใจสร้างบุญ พวกกายสิทธิ์พวกนี้จะยิ่งรัก ยิ่งเคารพ ยิ่งเทิดทูนเจ้าของ เพราะว่าเขาได้บุญโดยอาศัยเรา
โดยสรุปก็เป็นอย่างนี้ พวกเราต้องพึ่งพาอาศัยกัน

-เขาช่วยคุ้มครอง ปกป้องรักษาให้เราอย่างดี
ยามป่วย ยามเจ็บ ยามไข้ คุ้มครองเราก็ได้
และเขาจะขยันมากๆ เมื่อเราตั้งใจอยู่ในบุญ เราได้บุญ เขาก็ได้บุญ

-คุณยายแถมอีกนิดนึง !
ดวงแก้วกายสิทธิ์ของคุณยาย เริ่มต้นหลวงปู่ก็ให้คุณยาย แล้วก็สอนคุณยายให้ฝึกกายสิทธิ์เหล่านี้ให้เป็น ยิ่งฝึกเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่ของเขามากเท่านั้น
ถ้าเป็นกายสิทธิ์ที่ไม่ได้ฝึก ก็มีฤทธิ์แบบทั่วๆไป อย่างที่ร่ำลือกันว่า ที่โน่นมีแก้วกายสิทธิ์ ที่นี่มีแก้วกายสิทธิ์ ปรากฏลอยขึ้นมาบนท้องฟ้า เวลาวันพระบ้างอะไรบ้าง เหมือนอย่างที่เขาแก้วเสด็จของเรา นั้นก็เคยมีอย่างนั้นมาแต่ก่อน แต่นั่นไม่ได้ฝึก

-คุณยายบอก หลวงปู่สอนวิธีฝึกกายสิทธิ์ให้ ทำให้เขามีฤทธิ์ แล้วเขาก็อยากอยู่กับยาย,ยายก็เลยตั้งใจฝึกเขาเอาไว้,ตั้งใจฝึกเขาเต็มที่ตั้งแต่ตอนมายู่วัดพระธรรมกาย เพราะว่าวัดพระธรรมกายมีทุนเริ่มต้นเพียง 3,200บาท เพราะฉะนั้น มีทุนอย่างนี้สร้างวัดไม่ได้หรอก! ต้องอาศัยพวกนี้ ซึ่งรักบุญ แล้วเขาก็ไปช่วยตามคนมีบุญอีกด้วย เขาเตรียมทำหน้าที่

ก็ขอให้เราชี้เขาให้ชัดเจน, เราตั้งเป้าจะทำบุญเท่าไหร่ พวกนี้รับทราบ แล้วก็มีหน้าที่ต้องมาช่วยเรา,

แต่ว่าถ้าเราปล่อยปละละเลย ทิ้งๆ ขว้างๆ พวกนี้ถ้าพูดภาษาชาวโลกอย่างเรา ก็บอกว่า ก็เฉาก็เหี่ยวกัน ฉันก็ไม่อยู่เหมือนกัน ฉันก็ต้องไปหานายใหม่ นายที่ตั้งใจใช้ฉัน ใช้ฉันสร้างบุญ , สร้างบาปฉันก็ไม่เอา

-เมื่อเริ่มสร้างวัด คุณยายก็บอกว่า “ หลวงพ่อทัตตะ ไม่ต้องออกไปเทศน์นอกวัด,
10ปีแรก ห้ามเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวไม่ทันโลก
หลวงพ่อก็ถามยาย “ ยายแล้วอยู่ที่วัดใครเขาจะฟังเทศน”
คุณยาย “ ท่านไม่ต้องกลัว ”,ยายจะใช้กายสิทธิ์เขาไปตามมาให้”
“ ท่านตั้งใจเตรียมเทศน์ให้ดีก็แล้วกัน ยายจะตามมาให้ ”
ตอนนั้นหลวงพ่อก็รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง , แต่ก็เป็นอย่างที่ยายบอก คือ ถ้าเทศน์ที่วัดพระธรรมกาย อย่างที่เราเห็น มีกันมาเป็นหมื่น เป็นแสน, เป็นหลาย ๆ แสน เหยียบ ๆ ล้านก็เคยมี , แต่ถ้าให้หลวงพ่อไปเทศน์ที่สนามหลวง สงสัยไม่มีใครมาฟัง , ทำไม... กายสิทธิ์เขามีหน้าที่ทำที่นี่เจ้าค่ะ เขาไม่ได้ไปสะเปสะปะ ยกเว้นต้องบอกเขาให้ชัดเจนว่าไปทำอะไร , ได้บุญมากมายขนาดไหน เขาก็ทุ่มเต็มที่เขาก็ต้องการบุญ เหมือนอย่างกับเรา

เพราะฉะนั้น ทุกท่านที่ได้ไปแล้ว อย่าวางเอาไว้เฉย ๆ ให้คิดถึงเขา แล้วก็ชวนเขาทำบุญทุกบุญเลย , นึกถึงหน้าใครได้ ก็บอกกายสิทธิ์ให้ไปตามไอ้หมอนั่นมาร่วมสร้างบุญกับฉันด้วย , อันนีเป็นหน้าที่ของเขา แล้วก็ไม่ต้องกลัวเขาเหนื่อย , เขาต้องการการทำงาน เพราะเขาต้องการบุญเช่นเดียวกับเรา,แต่เขาไม่ใช่เทวดา เขามีสภาพอีกสภาพหนึ่ง คอยหล่อเลี้ยงมนุษย์ เช่นข้าวปลาอาหารที่มาหล่อเลี้ยงกายมนุษย์ แต่เขามีหน้าที่อีกประเภทหนึ่ง

เมื่อได้ไปแล้วเก็บรักษานะ แม้คราวไม่ว่าจะประกอบธุรกิจการงานใด , บอกเขาไปเลย เอาบุญร่วมกันนะ แล้วไปตามลูกค้ามาเยอะ ๆ ด้วย , ถ้าใครเป็นครูบาอาจารย์ , ที่เป็นนักฝึกอาชีพอะไรก็บอกเขาเถอะ เดี๋ยวเขาก็มาช่วย เวลาเราทำงาน ทำไร่ – ทำสวน ก็บอกเขาด้วย เดี๋ยวผลหมากรากไม้เต็มสวน รสชาติดีเป็นพิเศษ , ใครจะรับราชการ การเมืองอะไร ใช้งานเขาเถอะ

“ แต่มีข้อแม้ ” ทานต้องทำเป็นประจำ , ศีล รักษาเป็นประจำ สมาธินั่งเป็นประจำแล้วเขาจะเป็นเหมือนแก้วสารพัดนึกของเรา
กายสิทธิ์ประเภทนี้ เรารู้จักกันดีในนามของ แก้วจักรพรรดิ์ เช่น เวลาพระเจ้าจักรพรรดิ์บังเกิด จะมีจักรแก้วจักรพรรดิ์เกิดขึ้น กายสิทธิ์ประเภทนี้ เป็นแก้วชุดเดียวกับแก้วจักรพรรดิ์ ที่พระเจ้าจักรพรรดิเขามีกัน
กำลังบุญของพวกเราขณะนี้.....ยังไม่ถึงกับได้จักรแก้ว เหมือนอย่างกับ พระเจ้าจักรพรรดิ์ ได้จักรแก้วมาปกครองเมือง แต่ว่า...ได้ ขุนพลแก้ว เหมือนอย่างกับที่ คุณยายเตรียมทำไว้นี้แล้ว..เก็บรักษาให้ดี ขยันใช้เขาด้วยนะจ๊ะ..(สาธุ) แล้วเขาจะมีฤทธิ์ เหมือนอย่างกับจักรแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ์ นั่นแหละ เจ้าค่ะ...... (สาธุ)


ความเป็นมากรุแก้วกายสิทธิ์คุณยายชุดสุดท้าย ( 30 ส.ค. 53 )



เมื่อวันอาสาฬหบูชาที่ผ่านมา (26 ก.ค.53) หลวงพ่อฝันเห็นคุณยายมาหา ยิ้มให้ และ ได้พูดคุยเหมือนสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ฝันเหมือน จริงมาก หลวงพ่อไม่เคยฝันเห็นยายเลย ตั้งแต่ ยายละสังขารมา 10 ปี (ยายละสังขาร 10 ก.ย.2543) เหมือน ยายอยากมาบอกอะไรกับหลวงพ่อ หลวงพ่อเลยตั้งใจทำอาคาร 100 ปี คุณยายให้เสร็จภายในปีนี้ เพื่อบูชาธรรมคุณยาย 101 ปี

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน หลวง พ่อได้ไปที่กุฏิเก่าคุณยายเพื่อเอาของ พอเดินผ่านห้อง ที่หลวงพ่อเคยนั่งธรรมะกับคุณยาย ทำให้คิดถึงคุณยาย เหมือนมีอะไรดลใจให้หลวงพ่อเข้าไปในห้องนั้น และ อยากจัดข้าวของให้เข้าที่เหมือนสมัยที่คุณยายมีชีวิตอยู่ (ปกติ หลวงพ่อเอาของเสร็จก็จะกลับเลย ไม่เคยแวะเข้าไปที่ห้องนั้น ) วัน นั้นหลวงพ่อสวมวิญญาณซุปเปอร์แมน ยกของ จัดของเองจนเหนื่อย ในนั้นมีกล่องไม้ใบใหญ่ๆ อยู่ 4-5 ลัง หลวงพ่อลากออกมาแล้วให้อุปัฏฐากช่วยดูว่าของใน กล่องไม้เป็นอะไร ? ปรากฏว่าเป็นดวงแก้วกับองค์พระ ดวงแก้วจะห่อกระดาษหนังสือพิมพ์อย่างดี ซึ่ง หลวงพ่อเองก็จำไม่ได้ว่ามีของชุดนี้อยู่ พอสืบค้นความ เป็นมาของแก้วชุดนี้แล้วปรากฏว่า เป็นดวงแก้วที่มาจาก ญี่ปุ่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 (โดยดูจากกระดาษหนังสือ พิมพ์ที่ห่อดวงแก้ว เป็นหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่นพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1984 ) แสดงว่าเป็นแก้วชุดแรกๆ ที่หลวงพ่อได้มา แล้วเอาไปฝากไว้ที่คุณยาย ให้คุณยายช่วยซ้อนวิชชาให้ เพราะคุณยายจะเชี่ยวชาญ เรื่องแก้วมาก เพราะสมัยที่อยู่กับหลวงปู่ท่านใช้ ยายให้ไปค้นเรื่องแก้ว

สมัยก่อนดวงแก้วเป็นสิ่งที่หายากมาก เวลาหลวงพ่อ คุณยายสอนทำสมาธิจะให้นึกองค์พระ เป็นนิมิต เมื่อหมู่คณะได้ย้ายจากบ้านธรรมประสิทธิ์มา ที่วัดพระธรรมกายในปี 2517 มาอยู่ได้ 4-5 ปี ถึง ได้ข่าวว่าญี่ปุ่นมีดวงแก้ว จึงได้เริ่มสั่งนำแก้วเข้า มา

คุณยายจะรักดวงแก้วมาก ของอย่าง อื่นคุณยายจะเฉยๆ ดวงแก้วเป็นของรักของคุณยาย แล้วอะไรที่ท่านรัก ท่านจะซ้อนวิชชาธรรมกายเข้าไป เรื่อยๆเลย ท่านไปถึงไหนก็ซ้อนไปถึงนั่น ยาย รู้เห็นถึงไหนเขาก็รู้เห็นถึงนั่น คุณ ยายอยากให้กายสิทธิ์มีฤทธิ์ขนาดไหนท่านก็ควบเข้าไปเลย คุณ ยายท่านจะซ้อนทั้งกลางวันกลางคืน ซ้อน ตลอดเวลา เพราะท่านผูกพันธ์กับสิ่งนี้

ดวงแก้วต้องเลี้ยงเขาด้วยบุญ ต้อง ใจใส ไม่งั้นเขาจะไม่อยู่ เพราะ เขาเป็นกายสิทธิ์ แวบหายได้ ถ้าเจ้าของไม่มี บุญหล่อเลี้ยง พอเราเอาบุญหล่อเลี้ยง เขาจะ ร่วมมือกับเรา จะใช้ให้เขาทำอะไร ให้นึกเขา ไว้ที่ศูนย์กลางกายให้ชัดแจ่ม อย่างน้อยให้มีความรู้สึก ว่า เขาอยู่ในตัวเรา ชัดใสแจ่มที่กลางกาย ถ้าชัดใสแจ่มไม่ว่าจะเป็นเส้นทางธุรกิจ หรือ อะไรก็จะแจ่มหมดเลย ถ้าได้ขนาดนี้จะเอาอะไรก็เอาได้

พรรษานี้หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ซ้อนดวงแก้วชุดนี้ 3 เดือนเลย ซ้อน ตลอดจนออกพรรษา อีก 9 เดือน ทั้งในและนอกพรรษา แก้ว ดวงใหญ่ข้างในมีฤทธิ์มาก ลดหลั่นกันตามขนาด ดวง เล็กก็มีฤทธิ์ในระดับหนึ่ง ถ้ายิ่งใหญ่ฤทธิ์ก็จะมีมากขึ้นไป ตามลำดับขนาด ดวงแก้วทั้งหมดซ้อนเข้าไปในสนามรบเดียวกัน แต่มีฤทธิ์ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับเจ้าของ เจ้า ภาพระดับกองก็ได้ระดับกอง ทำระดับแผ่นก็ได้ระดับแผ่น ทำบุญห้องก็ได้ระดับห้อง กำลังบุญของเจ้าของจะไปหล่อ เลี้ยงเขา ฤทธิ์จะเยอะตามกำลังบุญ ทุกดวงมีฤทธิ์ทั้งนั้น เพียงแต่กำลัง ฤทธิ์ไม่เท่ากัน เหมือนนักมวยรุ่น Flyweight กับ Heavyweight มัน จะเท่ากันได้ยังไง หรือแมวมันจะมีกำลังเท่ากับเสือก็ไม่ ใช่ เพราะฉะนั้นจะแตกต่าง กันกำลังฤทธิ์ขึ้นอยู่กับกำลังบุญของเจ้าของ

ดวงแก้วต้องคุยกับเขาบ่อยๆ เหมือน โทรหากัน เหมือน SMS. หา เขา เราต้องพูดเรื่อยๆ บ่อยๆ เขาฟังได้เป็นสิบๆเรื่อง เขาไม่ได้มีกายเดียว สามารถ ปาฏิหาริย์กายนับไม่ถ้วนเลย คุณยายสอนไว้หมดแล้ว เขาจะรู้เรื่องหมด บอกได้หลายๆเรื่อง แต่ให้บอก เรื่องหลักๆก่อน เช่น ขอให้คนนี้ทำแผ่นทอง ถ้าอยากได้อะไรเร็วๆ ต้องเห็นเขาชัดใสแจ่มก่อน กายสิทธิ์เขาจะรู้ว่าเรารักเขาจริง ถ้า รักกันจริงอะไรก็ยอม ถ้าเรานึกให้เขาสว่างๆ กายเขาสวยๆ เขายิ่งชอบมาก เพราะ กายสิทธิ์เกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญ ปึบ ! เกิด ขึ้นมาแบบไม่มีพ่อไม่มีแม่ เกิดด้วยบุญฤทธิ์ จึง เรียกว่ากายสิทธิ์

กำลังฤทธิ์ของแต่ละดวง ขึ้น อยู่กับกำลังบุญของเจ้าของ ทำบุญมากก็กำลังฤทธิ์มาก ดวง แก้วทุกดวงมีเจ้าของ ใครที่โลภอยากได้ 2 ดวง กายสิทธิ์ข้างในหาย เหลือแต่เรือน เหมือน บ้านร้าง แต่ถ้าทำ 2 กองรับ 2 ดวงไม่เป็นไร หรือ รับดวงเดียวทำหลายกองก็ยิ่งดี แต่ถ้าใครรับไปฟรีๆแล้วไม่ทำ บุญ ก็จะเหลือแต่เรือน กายสิทธิ์ข้างใน หาย.....



การปรากฏตัวของแก้วชุดนี้ มา เพื่องานกฐินคุณยาย 101 ปี สร้างอาคาร 100 ปีคุณยาย

ถึงคุณตำรวจ "รัก" บุญ

03 September 2010 - 04:35 PM

เรียนเชิืญ

พ่อแม่พี่น้อง วงศ์บุญ มาให้กำลัง คุณตำรวจ "รัก" บุญ กันหน่อยดีกว่าค่ะ




เราไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน ในชาตินี้
แต่ตลอดห้วงแห่งวัฏฏะที่ไม่เห็นฝั่ง ไม่เห็นเบื้องต้น ท่ามกลาง และ เบื้องปลาย
ไม่มีใครไม่เคยเป็นญาติกัน

ในชาตินี้ เราเป็นพี่น้อง พ่อเดียวกัน ยายเดียวกัน ปู่เดียวกัน
กินข้าวหม้อใหญ่หม้อเดียวกัน
อยู่ร่วมบ้านหลังใหญ่ 2000 กว่าไร่ ด้วยกัน
และร่วมแรงร่วมใจกัน ทำงานให้แก่พระศาสนาที่รักยิ่งของเรา

พี่บางคนมาเร็ว
น้องบางคนมาช้า
มีพ่อและอาจารย์คนเดียวกัน

พ่อสอนให้เราทำดีขนาดนี้

พ่อสอนว่าอย่าท้อ

พ่อสอนว่าให้นึำกถึงบุญ

พ่อสอนให้เราเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร อย่างที่ไม่เคยมีใครสอนให้เข้าใจได้ละเอียดอย่างนี้

เรามีจุดมุ่งหมายแห่งการเดินทางในห้วงแห่งวัฏฏะสงสารที่ชัดเจน

เรายังจะหวั่นไปใย

จำได้ว่าปีที่ชวนคนทำบุญโมดุล กฐินหลวงปู่ ก็ถูกโจมตี
อยากทำเยอะๆ ก็ทำได้เท่านี้แหละ แค่ปีละ S บ้าง S เศษ บ้าง
อึดอัด(ว่ะ) อยู่ไม่น้อย

งวดนี้ไม่ได้ปวารนามากนัก แต่แน่ใจว่าจะทำ จึงเขียนไปว่า "อย่างน้อย" ขอทำเท่านี้
และ ได้เขียนตั้งความปรารถนาของตัวเอง ลงไปด้วยว่า

ใครหลายคนถามว่าเขียนเท่าไร
จะตอบอย่างไร สิ่งที่ฉันคิด เวลาพูดออกมาทีไร มีแต่คนนิ่งบ้าง หัวเราะ หึหึ ในลำคอบ้าง บ้างก็ว่าอย่างนั้นคงต้องรอให้บารมีมากๆซะก่อนล่ะนะ
(อืมห์ ทราบค่ะ) แต่ใจมันคิดอย่างนี้ คิดมานาน คิดมาตลอด (นี่หว่า)

เพราะสิ่งที่อยากทำคือ........

" อยากทำทั้งหลัง ทั้งวัด ทั้งเจดีย์ "
" อยากได้สร้างมหาธรรมกายเจดีย์เหมือนที่หลวงพ่อทำนี้ ทั้งหมดโดยลำพัง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา"
" อยากจะถวายทะเลแ่ห่งประทีปอย่างน้อยอย่างนี้ อย่างที่หลวงพ่อทำบ้าง"

แล้วจะทำไม ก็คิดอย่างนี้ ก็เลยพูดอย่างนี้ และ พิมพ์ให้เห็นอย่างนี้

วันนี้ทำไม่ได้ ก็ช่าง(หัว)มัน(บุญของเรา)ทำไม เราตั้งความปรารถนาได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องสำเร็จอย่างใจวันนี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องตั้งความปรารถนานานเท่าไร กว่าจะทำสิ่งที่พระองค์ต้องการได้สำเร็จ

แล้วเราเป็นใคร..
มีปัญญา ที่จะคิดทำอย่างที่เราๆ ท่านๆ ทำอยู่ นี่ก็ไม่ธรรมดาแล้ว

คิดสิ่งที่ำทำให้ปลื้ม
คิดถึงบุญที่เราอยากทำ แค่คิด ก็ปลื้มแล้ว ไม่เห็นจะเป็นไร
หลวงพ่อสอนว่า คิด...ไม่ได้เสียเงิน

ยิ่งคิดเรื่องดี เรื่องบุญกุศล ยิ่งดีเข้าไปใหญ่
ยิ่งคิดก็ยิ่งปลื้ม ไม่มีประมาณ ราวกับว่าจะมาถึงวันนี้ วันพรุ่ง
สักวันหนึ่ง...สักวันหนึ่ง....

ขอให้มีกำลังใจ ที่เข้มแข็ง อดทน
ปลื้มหรือไม่ ช่างมัน
แต่ให้ "เชื่อ" ไปเลยว่า

"สักวันหนึ่ง เราจะทำมันได้แน่นอน
เพราะเราคือ วงศ์บุญพระโพธิสัตว์ จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อวัฏฏะนี้
ด้วยปณิธาน หาญกล้า พร้อมยอมพลี
ทุกย่างก้าวนี้
ไกลเกินกว่าจักรวาล"


สู้ สู้ ค่ะ แนบไฟล์  post_16230_122786815.gif   4.32K   46 ดาวน์โหลด