มี 53 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[สงบสุข]

ปลื้มกับทุกคนค่ะ สงบสุขมาทีหลังเลยอด แหมเสียดายจัง ได้แต่ถอนหายใจ ขออนุโมทนาบุญกับเพื่อนๆ ด้วยค่ะ ขอให้ทุกคนมีสันติสุขในใจค่ะ

[Sareochris]

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2541 เวลา 16.42 น.

ดวงอาทิตย์ มีลักษณะใสเหมือนดวงแก้ว มองเห็นก้อนเมฆที่ลอยอยู่ข้างหลัง

หมุนรอบตัวเอง โดยหมุนไปทางขวา บางครั้งเหมือนภาพที่ซูมเข้ามาใกล้ๆ

มีรัศมี 6 สี คือ 1เขียว 2แดง 3เหลือง 4เงิน(ขาวๆ) 5ทอง 6สีเลื่อมๆฟ้าอมชมพู

ขอยืนยัน ไม่ใช่สีรุ้งแน่นอนครับ เพราะไม่มีสีน้ำเงิน สีแสดและ สีม่วง

เป็นของ"อสาธารณะ" เล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้เพราะเขาไม่เข้าใจ ต้องเห็นเอง

สีเหลืองกับสีทองก็ไม่เหมือนกัน มันบอกอธิบายไม่ถูก แต่รู้ว่าเหลืองคือเหลือง ทองคือทอง

โดยเฉพาะ สีสุดท้าย เกิดมาเพิ่งเคยเห็น หลังจากนั้นไม่เคยเห็นสีนี้ในที่ไหนอีกเลย

[ครูอุ๋ย]

เย้...พบต้นตอ คนที่เห็นเป็นคนแรกแล้ว อยากรู้มาตั้งนานแน่ะค่ะ คุณ somo นี่เอง ไม่งั้นเราอาจไม่มีโอกาสเห็นกันก็ได้นะคะ สาธุ

คุณสงบสุข และทุกท่านที่เข้าวัดมาภายหลัง หรือท่านที่พลาดโอกาสในครั้งนั้น ก็ไม่ต้องหมดหวังนะคะ ที่พูดเช่นนั้น ก็เพราะก่อนหน้า ที่จะเกิดอัศจรรย์ตะวันแก้วที่กล่าวขานกันไปทั่วนั้น ดิฉันก็เคยได้ยินมาก่อนแล้วเรื่องที่ คนในวัดเค้าเห็นดวงอาทิตย์เป็นดวงแก้ว ครี้งหนึ่งเคย ได้ยินเค้าพูดกันตอนเดินกลับ จากพิธีบริเวณเจดีย์ แต่เราไม่เห็นอะไรเลย ตอนนั้นเห็นกันเพียงกลุ่มน้อยๆเพียงไม่กี่คน เราก็ยังนึกอยู่ว่า บุญของเราคงยังน้อยเกินไปที่จะเห็นอย่างเขากระมัง อีกใจก็คิดว่าเป็นสิ่งที่เหลื่อเชื่อเหลือเกิน ฟังเค้าเล่า ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่า จะเป็นอย่างไร เพราะเป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้จริงๆ

เรื่องเหลือเชื่อหลายๆอย่างมีเกิดขึ้นที่วัดเราอยู่บ่อยๆ เช่น มีคนเคยเจอกับคนเมืองลับแล มีคนเคยเห็นนางฟ้า เห็นเทวดา มาประชุมอนุโมทนาบุญกับพวกเราที่วัด และอีกมากมาย จนมาถึง เห็นตะวันเป็นดวงแก้ว เมื่อยังไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ก็ยังเป็นเรื่องเหลือเชื่อ สำหรับเราอยู่นั่นล่ะ จนกระทั่งได้เห็นจะๆ กับตาตัวเอง จึงได้เชื่ออย่างสนิทใจ

เรื่องราวที่เล่า มีมากมายหลายเรื่อง คนในวัดเค้าคุยกันเป็นเรื่องธรรมดา เห็นหรือไม่เห็น เค้าไม่ค่อยตื่นเต้นกันสักเท่าไหร่ ถ้าใครเห็นอะไรมา เค้าฟังแล้ว ก็ สาธุ สาธุ กัน เรานั่งฟังอยู่ด้วย ทั้งงง ทั้งมึน เป็นไปได้ยังไง

ดังนั้นคุณสงบสุข ไม่ต้องเสียดายหรอกค่ะ อีกหน่อย เมื่อเจดีย์เสร็จ เราซึ่งอยู่ในยุคสถาปนา ก็จะได้รับบุญกันอย่างมโหฬารเลยล่ะค่ะ แล้วตอนนั้น ใจเราก็คงจะใสพอที่จะ ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ยิ่งกว่านี้อีก แต่ตอนนี้เราจะต้องรีบเก็บเกี่ยวบุญให้มากๆ ไปพร้อมๆกับทำใจใสๆ เพื่อรองรับสิ่งที่จะเป็นบุญตา ในวันข้างหน้าด้วยกันทุกคนเลยนะคะ

[บุญโต]

ขอโทษค่ะ...แล้วข้อมูลที่ได้เคยอ่านมาต่อไปนี้...ใช่วันเดียวกันหรือปล่าวค่ะ
..........................................

๑๕. ปาฏิหาริย์หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๑ เป็นวันรวมพลังผู้นำบุญ ทดแทนคุณผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

ผู้คนจำนวนมาก มาประชุมกันที่ อาคารสภาธรรมกายสากล (หลังใหม่) วัดพระธรรมกาย ภาคเช้า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ แสดงพระธรรมเทศนา และสอนการปฏิบัติธรรมเป็นปกติ ประจำวันอาทิตย์ในเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ กลางวัน สาธุชนผู้พบเหตุการณ์ อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุเล่าประสบการณ์

ภาคบ่าย พระเดชพระคุณหลวงพ่อแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ภาษีเจริญ และมีพิธีรับพระมหาสิริราชธาตุ หลังจากนั้นจึงร่วมเดินทางไปปฏิบัติธรรมอธิษฐานจิต และ ถ่ายภาพที่มหาธรรมกายเจดีย์

วัตถุประสงค์ในการจัดประชุมครั้งนี้มุ่งหมายเพื่อเชิญชวนสาธุชนสร้างพระธรรมกาย ประดิษฐานที่แกนกลางขององค์เจดีย์ บูชาพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ภาษีเจริญ โดยมีคำขวัญว่า ทุ่มชีวี...เหมาหมดแกนแทนคุณ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ภายใน ๕ ก.ย. นี้

เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจริง ผู้คนนับ เป็นร้อยๆ คนเห็นด้วยตาตนเอง ต่างออกความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ วัดปากน้ำฯ ครั้งนี้จะเล่าไว้เพียง ๒ รายก่อน หากมีโอกาสอาจทยอยเล่ารายอื่นๆ ต่อไป

รายแรกชื่อ คุณวรรณี ทองพิพัฒกุล ชาวกรุงเทพมหานคร เล่าว่า

เมื่อเลิกพิธีในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ สิงหาคม ขณะเดินมาเพื่อขึ้นรถกลับบ้านพร้อมเพื่อนชื่อ ณัฐกมล ได้ยินเสียงชายสูงอายุผู้หนึ่ง ตะโกนเสียงดังลั่นว่า

หลวงพ่อสดอยู่บนดวงอาทิตย์ หลวงพ่อสดอยู่บนดวงอาทิตย์ หลวงพ่อสดอยู่บนดวงอาทิตย์

ทุกคนที่ได้ยินเสียงตะโกน ต่างพากันหยุดเดิน แล้วแหงนมองไปที่ดวงอาทิตย์ คุณวรรณีไม่กล้ามอง เต็มที่ เกรงแสงแดดทำอันตรายดวงตา จึงถามเพื่อนว่า "ณัฐ เธอเห็นมั้ย เห็นหลวงพ่อสดที่ดวงอาทิตย์มั้ย" เสียงเพื่อนตอบเต็มเสียงอย่างตื่นเต้น แสดงว่ากล้ามองดวงอาทิตย์ "นั่นไง หลวงพ่อ มีสีเหลือง สีชมพู สวยจริงๆ "

คราวนี้คุณวรรณีลืมกลัวแสงอาทิตย์ ทำอันตรายดวงตาเสียโดยสิ้นเชิง มองดวงอาทิตย์เต็มตา แสงอาทิตย์ไม่แผดกล้า กลับมีสีเหลือง สดใสปนกับสีชมพูเข้มบ้างอ่อนบ้าง เหมือนสีกลีบบัว มองได้เต็มตา ไม่ระคายเคือง คุณวรรณีเห็นดังนั้นก็คิดว่า แสงแดดไม่แผดจ้าเพราะมีเมฆก้อนใหญ่บังไว้นี่เอง เมฆทำให้ พระอาทิตย์สะท้อนแสง เป็นสีสวยมากจริงๆ

ครั้นมองไปยังก้อนเมฆที่หุ้มดวงอาทิตย์อยู่ก็ต้องตกตะลึง ลักษณะก้อนเมฆเป็นรูปร่างหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ภาษีเจริญอยู่ในท่านั่งสมาธิ มีดวงอาทิตย์สีสวยงามอยู่ กลางท้องท่าน เห็นรูปร่างชัดเจน ส่วนสัดของร่างกายบริบูรณ์ครบตั้งแต่ศีรษะ ลำคอ ไหล่ ช่วงแขน ลำตัว กระทั่งท่อนขานั่งขัดสมาธิ จะมองเป็นภาพอื่นไปไม่ได้เลย คุณวรรณีและเพื่อนยืนดูอยู่นานประมาณ ๕ นาที ด้วยความปีติใจ แล้วจึงเดินทางกลับ

ขณะนั้นเกิดความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่า ภายในวันที่ ๕ กันยายนนี้ จะต้องมีผู้นำบุญสร้างองค์พระ ครบจำนวนแน่นอน หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ท่านแสดงปาฏิหาริย์ให้กำลังใจ สำหรับตัวคุณวรรณีเองตั้งใจตั้งแต่เช้า มาแล้ว ขณะที่เห็นพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ท่านฉันยา ระหว่างที่แสดงพระธรรมเทศนา ในใจคิดว่า หลวงพ่อเจ้าขา หลวงพ่อไม่สบาย หนูสงสารหลวงพ่อ หนูต้องช่วยชวนคนทำบุญสร้างพระบูชาคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ตามที่ หลวงพ่อตั้งใจให้สุดกำลัง ต้องสร้างให้ครบจำนวนอย่างช้าวันอาทิตย์ที่ ๕ กันยายนนี้ให้ได้

ขณะที่เล่าเรื่องให้ฟังทางโทรศัพท์ ในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๑ คุณวรรณีได้ชักชวนผู้คนทำบุญ ได้แล้วประมาณสิบกว่าราย ส่วนคุณณัฐกมล ทำงานอยู่กับบิดามารดา พูดกับคุณวรรณีในขณะเห็นเหตุการณ์ ปาฏิหาริย์ว่า คืนนี้ฉันจะต้องขอเงินพ่อแม่ สร้างพระถวาย หลวงพ่อสด ให้ได้ ขอเอาใจช่วยให้สำเร็จ และชักชวน คุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งญาติสนิท มิตรสหายให้ได้อีกหลายๆ คน อย่าให้น้อยหน้า คุณวรรณีเป็นอันขาด ได้เห็น ปฏิหาริย์ด้วยตาตนเองทั้งสองคน อนุโมทนาบุญด้วยจริงๆ

รายที่สอง คุณนงชนก ปัญญาจงเจริญ พนักงานองค์การโทรศัพท์ เล่าให้ฟัง เมื่อวันที่ ๑ กันยายนว่า

เมื่อเลิกพิธีในตอนเย็นวันที่ ๓๐ สิงหาคม ขณะเดินตามทางเพื่อมาขึ้นรถ พร้อมเพื่อนและญาติๆ ของเพื่อน มีคุณนิตยา คุณเรณู คุณนพเกล้า นามสกุล ขันธ์นภา ทุกคน เพราะเป็น พี่น้องสามสาวโสด คุณประเทือง เป็นญาติข้างสามีของลูกพี่ลูกน้อง หลานสาวหนึ่งคน และญาติอีกสองคน

ขณะเดินจากมหาธรรมกายเจดีย์มาได้ประมาณ ๑๐ นาที เสียงเด็กสาวคนหนึ่งในหมู่คนที่เดินตามมา ข้างหลังพูดเสียงดังกับมารดาด้วยความตื่นเต้นว่า แม่จ๋า ดูซี รูปหล่อทองคำหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ อยู่ในดวง อาทิตย์ หลวงพ่ออยู่ในดวงอาทิตย์ ดูซีแม่ ดูซีแม่

ทุกคนที่ได้ยินเสียงเด็กสาวต่างพากันหยุดเดิน ยืนนิ่งอยู่กับที่ หันหน้ามองดวงอาทิตย์กันหมด ต่างพากันเห็นด้วยสายตาตนเองอย่างชัดเจน กระทั่งภาพปาฏิหาริย์เปลี่ยนแปลงปรากฏการณ์ไปต่างๆ นานา ทุกคนก็เห็นเหมือนกันหมด ดังนี้คือ

เริ่มต้นเห็นเหมือนรูปหล่อทองคำสุกปลั่งของหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ อยู่กลางดวงอาทิตย์ ครั้นแล้ว รูปหล่อก็ขยายขนาดออกช้าๆ กระทั่งคลุมดวงอาทิตย์ทั้งดวง กลายเป็นพระอาทิตย์อยู่ในท้องรูปหล่อทองคำ เวลานั้นท้องฟ้าใสสะอาด ปราศจากเมฆหมอก รูปทองคำองค์ใหญ่จึงชัดเจนมาก ลอยทาบท้องฟ้าอยู่

ตอนนี้ญาติผู้ชายชื่อคุณประเทือง ของกลุ่มสามสาวโสดทรุดตัว คุกเข่าลงกับพื้นดิน ก้มกราบแล้ว กราบเล่า ๓ ครั้ง (ปกติเป็นคนเชื่ออะไรยาก แต่ภาพที่เห็นชัดเจนมากจนหมดความดื้อ) พร้อมกับส่งเสียงพูดว่า หลวงพ่อครับ ขอให้ลูกเข้าถึงพระธรรมกายโดยเร็วพลันด้วยครับ

จากนั้นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ทองคำก็เปลี่ยนเป็นสีต่างๆ คือจากสีทองสุกปลั่ง เป็นสีเหลือง สีส้ม สีชมพูแก่ และเป็นสีฟ้าครามเข้มตัดกับสีฟ้าของพื้นท้องฟ้า ทั้งภาพหลวงพ่อยังย้ายที่ตั้งไปต่างๆ มีทั้งอยู่ในดวงอาทิตย์ ออกมานอกดวงอาทิตย์ ย้ายมาอยู่ข้างขวาบ้าง ซ้ายบ้าง ข้างล่างบ้าง ข้างบนบ้าง รอบๆ ดวงอาทิตย์ พอภาพเปลี่ยนที่ตั้ง คนเห็นก็ร้องถามกัน ทุกคนก็ตอบว่าเห็นตรงกันเป็นส่วนมาก ส่วนบางคนเห็นเป็นพระมหาสิริราชธาตุก็มีอยู่หลายราย มีน้อยคนเต็มทีที่เห็นแต่แสงอาทิตย์มีสีสวยงามแปลกตา ไม่เห็นรูปร่างอย่างอื่น ขณะนั้นผู้คนยืนดูกันเป็นกลุ่มๆ รวมแล้วเกินกว่าร้อยคน

เมื่อยืนชมนานพอสมควรราว ๑๐ นาที ก็พากันเดินต่อ มาจนกระทั่งถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ คุณนงชนก แหงนมองท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนก้าวขาขึ้นรถ ครั้นแล้วต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อปรากฏว่าทางด้านทิศตะวันออก เฉียงเหนือของมหาธรรมกายเจดีย์ ท้องฟ้าเบื้องบน มีรูปร่างชัดเจนเป็นรูปหล่อทองคำสุกปลั่งของหลวงพ่อ วัดปากน้ำ ฯ ลอยเด่นอยู่ ขนาดใหญ่โตนับเป็นสิบๆ เท่าของรูปที่ลอยอยู่กับดวงอาทิตย์ รูปนี้อยู่ทิศตรงข้าม กับดวงอาทิตย์ วงหน้าของรูปหล่อเป็นสีชมพูเข้ม ส่วนตรงบริเวณองค์ท่านเป็นสีส้มทั้งองค์

คุณนงชนก ตะโกนเรียกให้ใครๆ ดูกันอีกครั้ง ต่างก็พากันเห็น รูปนั้นปรากฏอยู่นานหลายนาที ในที่สุดภาพทั้งหมด จึงจางชมพูเข้มและสีส้ม กลายเป็นสีฟ้าครามเข้ม ตัดกับสีฟ้าธรรมดาของท้องฟ้าชัดเจนอีกครู่ใหญ่ แล้ว จึงจางหายไป

รายนี้เห็นแล้วมีกำลังใจเช่นเดียวกับรายแรก พร้อมที่จะชักชวนผู้คนทำบุญสร้างองค์พระบูชาคุณหลวงพ่อ วัดปากน้ำฯ ยังเล่าเพิ่มเติมถึงอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุว่า เธอปรารถนาได้ไว้บูชาสักหนึ่งองค์ แต่เมื่อมีเงิน ไม่พอทำบุญ ก็ไม่ต้องการยืมใคร เวลานั่งสมาธิครั้งใดก็คิดถึงแต่องค์พระมหาสิริราชธาตุ จนบางครั้งเห็นองค์ท่าน ชัดเจนอยู่ในศูนย์กลางกาย จึงอธิษฐานขอพรจากท่านว่า หากตนเองมีบุญจะได้เป็นเจ้าของแล้ว ขอให้มีคนเอาเงินมา ใส่มือให้ยืมด้วยความเต็มใจ ไม่ต้องออกปาก

พอออกจากสมาธิ เพื่อนชื่อ คุณนพเกล้า ออกปากให้ยืมเงินโดย โอนเงินจากบัญชีเข้าวัดให้ในชื่อทำบุญ ของคุณนงชนก ในวันที่ ๑๙ สิงหาคม พอวันที่ ๒๓ สิงหาคม ยังไม่ถึงวันกำหนดรับพระมหาสิริราชธาตุ แต่มีผู้มี สิทธิ์รับติดธุระมาวัดไม่ได้ คุณนงชนกได้รับสิทธิ์แทน เมื่อรับไปแล้ว นำกลับไปบ้านใช้ไฟฉายส่องดูเห็นที่ เนื้อหินระหว่างอุณาโลมขององค์พระมีเหมือนเพชรเม็ดเล็กๆ สะท้อนแสงไฟฉายสุกสว่าง เป็นประกายระยิบ ระยับเหมือนแสงเคลื่อนไหวดิ้นได้ ทำให้นึกชมช่างผู้ทำว่า เก่งจริงนะ เอาเพชรเม็ดเล็กนิดเดียว ฝังไว้ในเนื้อหิน ได้ยังไง

ขณะเดียวกันก็คิดขึ้นมาว่า พระองค์นี้มีลักษณะพิเศษไม่เหมือน ของคนอื่นๆ น่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่พระเดช พระคุณหลวงพ่อฝึกฝนจนได้ สมาธิขั้นสูง (ทำวิชชา) แล้วถ้าอย่างไรควรนำไปถวายคืนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ดีกว่า

สัปดาห์ถัดมา ในวันอาทิตย์จะนำพระไปถวายคืน นำออกมาดูอีกครั้ง มองไม่เห็นเพชรสุกใสตรงอุณาโลม ของท่านอีกแล้ว จึงตกลงใจ แขวนคอไว้อย่างเดิม นั่งทำสมาธิจิตตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนเป็นประจำ ทุกวันอาทิตย์ในพรรษานี้ โดยนึกอาราธนาพระมหาสิริราชธาตุ ไว้เป็นนิมิตที่ศูนย์กลางกายเหมือนเคย เมื่อออกจากสมาธิ บังเอิญองค์พระที่ห้อยคออยู่ ท่านแกว่งกลับด้านหลังออกมาทางหน้า

คนที่นั่งใกล้ทักว่า ทำไมด้านหลังองค์พระ ของคุณเป็นรูปใบโพธิ์สีแดง เต็มเกือบทั้งองค์เลย ดีจังนะ คุณนงชนกรู้สึกแปลกใจมาก เพราะวันแรกที่รับองค์พระ ไป สังเกตดูแล้ว ทั้งส่องด้วยไฟฉายอย่างถี่ถ้วน นอกจากเห็นเพชรที่อุณาโลม แล้ว ธาตุสีแดงขยายจนเกือบเต็มหลัง และยังเป็นรูปใบโพธิ์ชัดเจนอีก

พบความอัศจรรย์อย่างนี้แล้ว คุณนงชนกถือว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ ของพระของขวัญของเธอแสดง อานุภาพให้เห็น ทำให้มีศรัทธาเลื่อมใสยิ่งขึ้น ตั้งใจร่วมงานบุญ ช่วยกิจการของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจนสุดกำลัง

[ครูอุ๋ย]

อัศจรรย์จริงๆนะคะ มีตอนต่อไปด้วยใช่ไหมค่ะ

รออ่านอย่างใจจดใจจ่อ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ

[โปปิโอ้]

วันนั้นเป็นวันที่น่าประทับใจมาก

ผมเห็นดวงอาทิตย์เปลี่ยนสีไปเป็นสีต่างๆ แดง ชมพู เหลือง ฟ้า ม่วง เหมือนสีรุ้งเลย ครับ

แทบร้องให้เลย

[sukdmc]

ตอนนั้นดิฉันก็ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยคะ

[คนรักวัด]

ทำไมในระยะหลังจึงไม่เกิดเหตการณ์เช่นนี้อีกครับ

[ครูป้อม]

เป็นกำลังใจให้ทำความดีค่ะ

เพราะได้รับผลเป็นอัศจรรย์ที่ใจ

[สัมมาอะระหัง]

อยู่ในเหตุการณ์ตะวันแก้วเหมือนกัน ตอนนั้นกำลังนั่งสมาธิอยู่ด้านหน้าเจดีย์ ปกติเป็นคนขี้ร้อน จำได้ว่าวันนั้นใส่เสื้อหยุดแขนยาวด้วย แต่ก็แปลกใจว่าทำไมไม่ค่อยร้อน ในช่วงที่หลวงพ่อนำนั่งสมาธิแล้วเงียบไปสักพักนึง ก็แอบลืมตาขึ้นมา เลยเห็นว่าแดดวันนี้สีแปลก แล้วก็กวาดตาไปรอบๆ เอ่อจริงๆด้วยทำไมแดดวันนี้ดูสีสวยจังหรือเป็นเพราะเรานั่งตากแดดนานไปเลยรู้สึกอย่างนั้น ก็ขยี้ตาดูแต่ก็ไม่หายเลยค่อยๆลองมองย้อนขึ้นไปตามดวงอาทิตย์ พอเห็นดวงอาทิตย์ว่าทำไมวันนี้มันใส มองเห็นทะลุไปอีกด้านนึงได้ เอ๊ะ ตาเราเป็นอะไร ทำไมวันนี้เรามองพระอาทิตย์ได้เฉยเลย สักพักคนที่นั่งอยู่ห่างออกไปก็ลุกขึ้นยืน แล้วก็ยืนๆๆๆๆ ต่อๆกันไป ทุกคนเห็นเหมือนอย่างที่ผมเห็นจริงๆ ตอนนั้นน้ำตาไหลเลย เข้าใจแล้วล่ะว่าปาฏิหาริย์มีจริงๆ นี่กลางวันแสกๆนะ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาเราวันนี้คงเป็นพยานให้เรามั่นใจในการทำบุญให้หนักแน่นยิ่งๆขึ้นแน่เลย ตอนนั้นยังเป็นยุคการสร้างเจดีย์ โอ้โหความมั่นใจในบุญ ความมั่นใจว่าจะต้องช่วยกันสร้างเจดีย์ให้สำเร็จให้ได้เกิดขึ้นมาเต็มหัวใจเลย สำหรับคนที่มาไม่ทันก็ถือว่าแชร์ประสบการณ์ให้ฟังละกัน แต่ก็ไม่ต้องเสียดาย ตั้งใจสั่งสมบุญทุกบุญที่หลวงพ่อบอกก็แล้วกัน แล้วจะได้บอกกับตัวเองได้ว่า ไม่เสียทีที่เกิดมาชาตินี้แล้วได้สร้างบารมีกับหลวงพ่อจริงๆ สาธุครับ

[jumily]

อยู่ในเหตุการณ์ค่ะ อึ้งไปตอนที่เห็น แล้วก็ปิติใจเชื่อมั่นในบุญเคารพรักหลวงปู่มาก
น้ำตาก็ไหลเพื่อนที่อยู่ด้วยก็ไหลไปตามๆกัน
มันเป็นอาการที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

[peter10]

สามครั้ง สามครา ที่ได้เห็นภาพที่ไม่เคยปรากฎและได้เห็นบนโลกมนุษย์ ใบนี้มาก่อนในชีวิต

หมดสิ้นความสงสัย คาใจ ในวิชชาธรรมกายที่หลวงปู่ได้ค้นพบ


พิมพ์ไปก็ไม่เท่ากับพูดกันต่อหน้า จะได้บรรยาย ให้เป็นภาพ ได้อารมณ์ขนลุก
ชูชันมากกว่ามาก

โดยเฉพาะครั้งหลังสุด นั้น เห็นตอนจบพิธี ทุกอย่างดูวุ่นวาย รอบตัว แต่อัศจรรย์ตะวันแก้ว ได้หยุดใจให้ได้ปลาบปลื้มมาจนทุกวันนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากๆ สุดๆ แล้วในชีวิต

ตั้งใจตามหลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ ไปถึงที่สุดแห่งธรรมเลยคับ

[จักรตะวัน]

มาช้าไปหน่อยครับ----เห็นไม่รู้กี่รอบแล้วครับ

แต่เห็นครั้งแรกเห็นพระพุทธเจ้านั่งในกลางดวงอาทิตย์---แล้วมีแสงหมุนตวัดทางขวาออกมา--ทำให้ฟ้าเปลี่ยนสี---เขียว---ชมพู---สารพัดสี
แต่ที่ตินตะลึง คือ วันอุบาสกแก้ว----------เห็นแสงสีชมพูต่อยๆ ลอยจากพื้นดิน-----ไปรวมบนดวงอาทิตย์แล้วหมุนขวา----เป็นจักรขนาดใหญ่

เราก็เปล่ง---ชิตัง---เม------จักรสีชมพูก็หมุนใหญ่เต็มฟ้าเลย

[Nu]

ไม่เคยเห็นเลยค่ะ ดีใจแทนทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

[แก้วสารพัดนึก]

ตอนนั้นยังเด็กอยู่เลยค่ะ เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก รู้แต่ว่าเห็นพระอาทิตย์ได้ชัดเจน และหมุนได้ค่ะ ถึงตอนนี้ยังจำได้อยู่เลยค่ะ ประทับใจมาก มาก

[ปัจเจกชน บนทางสายกลาง]

เห็นเหมือนกันครับ หมดสิ้นความสงสัย ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย

[jane_072]

อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และผู้ตอบกระทู้ทุกท่านครับ สาธุๆๆ

[tep072]

      ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้และขออนุโมทนาท่านที่ได้เล่ามาที่ได้ช่วยให้จำได้  ผู้เขียนได้เข้าวัดมาตั้งแต่ปี 2524
ปรากฎการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นได้พบหลายครั้ง  จนเคยได้ถามคุณครูไม่ใหญ่ด้วยตนเองว่าจริงหรืออะไรหรือ คนรุ่น
แรกๆมีโอกาสได้ฟังได้ถามและถ้ามีโอกาสได้ขึ้นดอยสุเทพ ก็จะเข้าใจได้ว่าสิ่งที่ปรากฏในพระไตรปิฎกไม่ใช่แต่ง
เติมอย่างนิยายแฟนตาซี  
      ในกรณีนี้ ผู้ที่ชวนมาวัดแล้วได้ทำให้ได้ขี้นดอยสุเทพ ได้บอกไว้ล่วงหน้าหลายปีในทำนองที่ว่า ถ้าเราสา
มารถควบคุมดวงอาทิตย์ได้  นั่นเป็นสัญญลักษณ์งานของเราใกล้จะสำเร็จ  ฟังก็งั้นๆ  พอได้เห้นตะวันแก้วก็นึกถึง
ผู้ที่ชวนมาวัด  โดยส่วนตัวแล้วตะวันแก้วมีทุกวัน  ช่วงตะวันขึ้นตอนเช้าทำใจหยุดนิ่งจะพบจะเห็นได้
       เหตุการณ์ที่เล่ากันยังมีเรื่องเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อมองจีวรพระที่ท่านนั่งอยู่บนเจดีย์จะเห็นเป็นสีชมพู แล้วคล้ายๆ
เล่น wave อย่างที่เขาทำกันตอนดูฟุตบอล พอเรากวาดสายตาไป สีชมพูก็จะจับบนจีวรขององค์ถัดไปเรื่อยๆ และ
พระท่านก็มองเห็นสาธุชนที่ใส่ชุดขาวเป็นสีทอง
       ในแง่เหตุผลแล้ว พุทธานุภาพมีอานุภาพที่จะควบคุมหรือทำให้สิ่งที่เคยเป็นผังซ้ำๆจนเราเชื่อเป็นปกติว่ามัน
เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ แต่ก็ต้องอาศัยต้นทุนคือบุญ ถ้าบุญมีปริมาณมากแล้ว ก็ทำลายสิ่งที่เป็นเห็นประจำกลาย
เป็นสิ่งอัศจรรย์ได้

[330371]

วันนั้นไปวัดพอมีเวลาว่างจะนั่งปักครอสติกและหลวงพ่อบอกให้ทั้งวันให้ทำใจใสๆอยู่ในองค์พระให้ได้ตลอดทั้งวัน พอช่วงเย็นก่อนเห็นอัศจรรย์ตะวันแก้ว อยู่ดีๆ อากาศก็เย็นลง ลมพลัดแรง ท้องฟ้ามืดครื้มแล้วท้องฟ้าก็แจ่มใส เห็นดวงอาทิตย์เป็นสีชมพู มองได้ด้วยตาเปล่า เห็นจีวรของพระที่อยู่ตรงพระมหาธรรมกายเจดีย์เป็นสีชมพู วันนั้นได้พาเจ๊ร้านขายยากับลูกน้องไปวัดประมาณ 10 กว่าคน เห็นเจ๊ยกมืออธิษฐานดังๆขอให้รวย ๆๆๆเจริญ ค้าขายขึ้น ร่างกายแข็งแรง และอื่นๆอีกมากมาย พี่ได้แต่ยกมือไหว้ที่ดวงแก้ว แล้วบอกว่าพี่ขออธิษฐานเหมือนเจี ร้านขายยา แต่ขอเพิ่มคือให้บรรลุวิชาธรรมกายในชาตินี้เถิด แล้วพอวันรุ่งขึ้นก็ขับรถไปที่ธรรมกายเจดีย์เวลา เดิม แล้วไปเพ็งดูดวงอาทิตย์อีกปรากฎว่าแสบตามากค่ะ ยังจำวันอัศจรรย์ตะวันแก้วได้ยังติดตาอยู่เลยค่ะ

[ผ้าขี้ริ้วหัวเราะ]

แม้จะเข้ามาช้าไปบ้างแต่ก็อยากแบ่งบันความรู้สึกในวันนั้น จริงๆแล้วก่อนวันเกิดอัศจรรย์ตะวันแก้วก็มีการผุดขึ้นของดวงแก้วให้เห็นด้วยตาเนื้อ ที่บริเวณศาลามุงจากมาก่อนหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งไม่ใช่วันบุญใหญ่แต่เป็นวันอาทิตย์ธรรดา และก็มีผู้เห็นบางคนเท่านั้นที่ใจใสพอ ดังนั้นในบุญใหญ่ที่ธรรมกายเจดีย์ ผู้เขียนจึงนั่งทำใจใสๆทั้งวันและนึกถึงบุญจนปิติใจขนาดอั้นน้ำไม่อยู่ทั้งวัน และไม่ได้คิดหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่อยากได้บุญที่บริสุทธิ์จริง และเราก็โบรกธงหลวงพ่อสดร่วมกันแล้วกล่าวว่า"ชิตังเม" หลังจากนั้นท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี เป็นสีทองชมพูสวยงามมาก แล้วเราก็ได้ยินเสียงคนร้องว่าฮือหือมองไปที่ดวงอาทิตย์ด้วยกันหมด สิ่งที่เห็นคือพระอาทิตย์ที่มองได้อย่างสบายตามีวงแหวนสีขาวสลับรุ้งหมุนรอบดวงอาทิตย์แล้วดวงอาทิตย์ก็ขยายเข้าขยายออก คล้ายไฟกระพริบแต่ไม่ใช่ดับมืด พร้อมกับเปล่งรัศมีสีรุ้งสลับขาวเป็นวงกลมขยายออกมาเป็นวงๆกว้างออกๆวิ่งตรงมาหาเรา ผู้เขียนตื้นตันใจมากจนเปล่งวาจาออกมาว่า ผมเชื่อแล้วครับหลวงพ่อว่านรกสวรรค์มีจริง กับคนข้างๆผมก็ตะโกนเช่นกันว่าเชื่อแล้วๆๆๆๆๆ สาธุ แต่อีกคนที่ข้างๆผมทำหน้างงถามว่าเห็นอะไรกัน ผมบอกว่าดวงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นดวงแก้วแล้ว เขาก็ยังมองอยู่นานแล้วบอกว่าไม่เห็นอะไรเลยนอกจากดวงอาทิตย์ ผมเลยบอกว่าให้เอาใจจดที่ศูนย์กลางกาย สักพักเขาก็ร้อง ผมเห็นแล้วๆ ผมเชื่อแล้วๆ พร้อมกับ ลงไปกราบที่พื้น ส่วนแม่ผมและน้องสาวผม ใจเค้าละเอียดกว่าผมมาก สามารถมองเห็นหลวงปู่ นั่งครอบดวงอาทิตย์อีกทีหนึ่ง ใสเป็นแก้วใส ท่านพยายามชี้ให้ผมดู แต่ผมเห็นแค่อัศจรรย์ตะวันแก้ว เท่านี่ผมก็เชื่อสนิทแล้วว่าบุญบาปนรกสวรรค์มีจริง และสามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ทางฟ้ากหนึ่งของท้องฟ้าที่ตรงข้ามกับพระอาทิตย์ แม่ผมท่านก็มองเห็นหลวงพ่อปู่สดอีกด้วย อะไรกันนี่อัศจรรย์อะไรอย่างนี้ เป็นไปได้อย่างไร เห็นด้วยตาเนื้อชัดเจนจริงๆ ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง ขณะที่เราเดินกลับมาเรายังคุยกันว่า เป็นไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ตาฝาด ไม่ใช่อะไรที่น่าสงสัยทั้งสิ้น มันคือความจริงแล้วก็ไม่คิดว่าจะเกิดมาแล้วได้พบเห็นสิ่งนี้เลย ทุกวันนี้ใจพวกเราจึงเต็มร้อยมาตลอดว่ามาไม่ผิดทางแน่นอน ทุกวันนี้ยังจำคำสอนหลวงพ่อได้ว่าเรามันมีกายอย่างนี้ ยังยากที่จะชนะเขา ต้องกายมหาบุรุษเท่านั้นที่พอจะต่อกรกันได้ ดังนั้นคนที่จะได้กายมหาบุรุษต้องมีบารมี30ทัศฑ์เต็มเปลี่ยมเท่านั้น เราจึงต้องสร้างบารมีกันอีกมาก ทั้งหยาบทั้งละเอียด ก็สะสมกันไป แต่บุญใหญ่ๆที่หลวงพ่อมอบมาให้เรานั้น ก็เพื่อที่จะทำให้บารมีเราโตข้นได้เร็วไวนั้นเอง ด้วยเหตุนี้จึงมีบุญใหญ่ให้เราได้ทำแบบไม่มีหยุดกันตลอด ทำไงได้เมื่อก่อนสะสมบารมีมาน้อย ถ้ามากจริงคงได้กายที่สมบูรณ์ดุจมหาบุรุษไปแล้ว

[Gemball007]

วันนั้นผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติจะเรียกว่าบุญบันดาลก็ได้ คือเห็นดวงอาทิตย์ใสหมุนขวาเปล่งรัศมีออกมาเป็นสีชมพูเป็นเวลานานประมาณ ครึ่งชั่วโมง ใครไม่เห็นก็ยากที่จะเชื่อ

[หยุด นิ่ง ใส]

สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนอื่นขอกกราบอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้
และเหล่ากัลยาณมิตรที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ทุกท่านครับ

เหตุการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้วเกิดมาแล้วครั้งแรก เดือนสิงหาคม 2541 วันนั้นผมไม่ได้ไป
มีผู้มาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง บอกตามตรงว่าเป็นผู้นำบุญเองที่มาเล่าให้ฟัง
ผมคิดในใจว่าจะเชื่อดีไม่เชื่อดีหนอ ขนาดผมเข้าวัดมาตั้ง แล้ว 5 ปีในตอนนั้น
แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่เคยเข้าวัดเลย ผลออกมาอย่างไรคงทราบดี

แต่ใจหนึ่งผมก็มีความเชื่อลึก ๆ ว่าอาจเป็นไปได้(ขนาดผมเข้าวัดนะนี่)
ผู้นำบุญเล่าว่า วันที่ 6 กัยยายน 2541

(วันที่ 6 แน่นอน ครับผมเช็คกับปฎิทิน 100 ปีแล้ว วันที่ 6 กันยายน 2541 ตรงกับวันอาทิตย์ต้นเดือน)



จะเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2
ผมคิด ในใจอีกว่าอะไรจะปานนั้นรู้วันล่วงหน้ากันเลยหรือ
ระหว่างที่รอวันที่ 6 ผมใจจดใจจ่อเพื่อให้ถึงเร็ว ๆ และจินตนาการต่าง ๆ นา ๆ
และแล้ววันที่ 6 ก็มาถึง ตลอดทั้งวัน ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดความอัศจรรย์ใด ๆ
จนถึงช่วงที่หลวงพ่อนำนั่งสมาธิที่ ธรรมกายเจดีย์ เวลา ประมาณ 17.00 น.ทุกคนส่วนใหญ่นั่งหันหน้าเข้าทิศตะวันตก
ผมประเมินคนคล่าว ๆ ได้ 1 แสนคน รอบ ๆ ธรรมกายเจดีย์จุดที่คนส่วนใหญ่นั่ง จะอยู่ที่ทิศตะวันออกของเจดีย์

ผมนั่งอยู่ทิศใต้ของเจดีย์ ดังนั้นหากเกิด อัศจรรย์ตะวันแก้วขึ้น ผมจะเห็นดวงอาทิยต์โดยหันข้าง
หากเห็นปรากฎการณ์อะไรที่เจดีย์ ต้องหันหน้าไปอีกทางผมนั่งหันหน้าเข้าเจดีย์
ผมนึกในใจว่าอยากเปลี่ยนที่นั่งจริง ๆ จะได้มองไปข้างหน้าแล้วเห็นเจดีย์และพระอาทิยต์พร้อม ๆ กันเลย
ผมคิดในใจอีกว่า หากเห็นพร้อมกันคงเป็นภาพที่สวยงามมาก คิดไปนั่น
แต่ก็ได้แต่คิด เพราะคนเยอะมาก เลยนั่งอยู่ที่เดิม
(ผมเตรียมกล้องไปด้วยครับ)
จนได้เวลาประมาณ 17.00 น. ผมคิดในใจอีกว่า หากวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมจะคลายความสงสัยทั้งหมด

และแล้ว ผมก็เห็นจีวรพระที่นั่งบนลาน ธรรมกายเจดย์ เป็นสีชมพูทั้งหมด และเหมือนสีจีวรเล่นเวฟ สวยงามมาก
ผมคิดในใจว่าคงตาฟาดมั้ง แปลกดีนะ
สักพักมีคนลุกขึ้น.....เสียงฮือ.....ดังขึ้น ณ ตอนนั้นผมคิดว่าเอาแล้วต้องมีอะไรแน่ ๆโดยที่ผมยังไม่หันไปมองอีกทาง
และบอกกับตนเองว่า เราจะเห็นสิ่งที่เขาเรียกว่ามหัศจรรย์จริง ๆ หรือ ผมพรรณากับตัวเอง
และผมก็หันไปอีกทางด้าน ทิศตะวันตก (พูดตอนนี้ขนลุกเลยครับ)
ไม่ใช่ตาฝาดแน่นอน ผมเห็นพระอาทิตย์ใสกลายเป็นลูกแก้ว เฉยเลยครับ
ผมนึกในใจว่านี่หรือเป็นสิ่งที่ผมค้นหามาตลอดชีวิต เป็นเรื่องจริงหรือ นี่คือเรื่องจริง
จากนั้น พระอาทิยต์ที่กลายเป็นลูกแก้ว ขยายใหญ่ขึ้นและหดลงเท่าเดิม หลายครั้งมาก

เหมือนซูมเข้าซูมออก และท้องฟ้า สลับหลากสีมาก ชมพู แดง เขียว ส้ม ฟ้าเหลือง สวยจับใจ
สุดท้ายเป็นสีทองอร่าม แล้วพระอาทิตย์ วิ่งหมุนเข้าไปในกลีบเมฆเลยครับ
ระยะเวลาประมาณ 10 นาที ผมลืมหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายไปเลย

ตลอดระยะเวลาที่เกิดปรากฎการอัศจรรย์ตะวันแก้วขึ้น ผมน้ำตาไหลออกมาตอนไหนก็ไม่ทราบ มาทราบอีกที
ตอนพระอาทิตย์วิ่งหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว และมองไปรอบ ๆ สาธุชน ยิ้มกันใหญ่เลย
บางคนกระโดดกอดกันเลยครับ
คุ้ม ๆ ค่าที่สุดในชีวิตที่ได้เกิดมาแล้วครับ
แม้ว่าเหตุการณ์ จะผ่านมา 10 ปีแล้ว ก็ตามแต่ผมก็ไม่เคยลืมเลือน
หลังจากเหตุการณ์ผมจึงตัดสินใจบวชภาพฤดูร้อน ธรรมธายาท รุ่นที่ 27 ครับ(ใช้อุโบสถวัดพระธรรมกาย พรรพชารุ่นแรก)
ขอนอกเรื่องนะครับ
เหตุการณ์อัศจรรย์เรื่องที่ 2 ของผมคือ ฝนพันปีครับจะเกิด กับธรรมธายาททุกคน

ตอนนี้ผมทำงานแล้วครับไปวัดทุกอาทติย์ตนเดือน ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

สาธุ.............

[หยุด นิ่ง ใส]

เพิ่มเติมอีกนิดครับ มีวงแหวนวิ่งวนรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ด้วยครับ วิ่งวนอยู่หลายรอบทีเดียว

ผมเพิ่งนึกได้ว่าทำไมผมไม่หยิบกล้องมาถ่ายรูป

ผมคิดว่าเวลาที่เกิดปรากฎการณ์นั้นมีค่ายิ่ง ไม่ควรละสายตาเด็ดขาดครับ

กลัวว่าเหลือบไปดูกล้องในมือ เกิดปรากฎการณ์หายไปล่ะเสียดายแย่
เลยเก็บไว้ในความทรงจำดีกว่า

ผมคิดว่าผู้ที่ผ่านเหตุการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้วมา

รู้สึกไหมว่า เหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเมื่อวานเอง ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาได้ 10 ปีแล้ว

มีอยู่ช่วงหนึ่งหลังเหตุการณ์ 2 เดือน ผมแทบตกอยู่ในผวังค์ทุกวัน
คอยมองดวงอาทิตย์ตลอด เวลาขับรถมาทำงานตอนเช้า ๆ