ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

คำสอนของหลวงพ่อขัดกับพระไตรปิฎกจริงหรือ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 44 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สุดดีดี

สุดดีดี
  • Members
  • 56 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 12:41 PM


ดิฉันเข้าไปอ่านใน web อื่น ๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
มีการโจมตีว่าทางคำสอนของทางวัดขัดกับพระไตรปิฎก
ในฐานะที่ดิฉันมีความรู้น้อย จึงมีความสงสัยว่าจริงหรือ
ขอให้ท่านผู้รู้ช่วยอธิบายหน่อยนะคะ
ขอขอบคุณคะ การโจมตีเกี่ยวกับเรื่อง
1. นิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา
2. การบูชาข้าวพระ
3. กรณีที่พระพุทธเจ้าอยู่ที่แดนนิพพาน

ขออนุโมทนาบุญคะ

#2 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 02:39 PM

คุณ สุดดีดี คะ koonpatt มีความคิดเห็นดังนี้ค่ะ

koonpatt อยากให้คุณ สุดดีดี ศึกษาด้วยตัวเองค่ะ ว่า ที่คุณ สุดดีดี ได้ยินได้ฟังมานั้น จริงหรือไม่จริง

และถ้า คุณสุดดีดี ได้ศึกษา หรือ ดีที่สุด คือ ปฏิบัติธรรม จนเข้าถึงธรรม คุณ สุดดีดี ก็จะรู้คำตอบได้ด้วยตัวเอง

อย่าหาคำตอบเลยค่ะ ว่า ใครถูก ใครผิด เพราะ แม้แต่ พุทธศาสนาเอง ยังแบ่งออกเป็นหลายนิกาย การปฏิบัติ ในรายละเอียดก็จะแตกต่างกันออกไป

สำหรับ ส่วนตัวของ koonpatt จะเชื่อในสิ่งที่สบายใจที่จะเชื่อ และ ทำในสิ่งที่สบายใจที่จะทำ เลยไม่มีอะไรสงสัยค่ะ เพราะ อย่างหนึ่งที่รู้ได้ จากการเข้าวัดคือ หลวงพ่อก็สอนให้ทุกคนเป็นคนดี

อันไหนยังไม่พร้อมจะรับ ก็ค่อยๆ ศึกษาไปนะคะ

เพราะ เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว koonpatt เชื่อว่า ทุกๆคน คือ ลูกของพระพุทธ ทั้งสิ้น

ทุกคนอยากเดินตามรอยของพ่อ คือ พระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#3 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 02:43 PM

โต๊..ตึ้ง..ตึ้ง.. ให้มันแล้ว แล้ว ไป ....ฯลฯ เถอะครับ อย่างที่ ในเพลงเขาว่าไว้
โอวาท ๓
ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

คนดี ไม่โจมตีใคร การโจมตีกันนั้น ไม่ใช้การทำความดี และใจก็ไม่ผ่องใส ในการโจมตีกัน

อัตตา อนัตตา ไม่สำคัญ นิพพาน ก็คือ นิพพาน จะเถียงกันอย่างไร นิพพานก็ไม่ได้เปลี่ยนไปตามคนที่เถียงกัน

คนถึงไม่เถียง

คนเถียงยังไม่ถึง

พระภิกษุ ก่อนฉันข้าว ก็ยังต้องบูชาข้าวพระ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า น้อมถวายพระองค์ก่อน แล้วลาข้่าวพระ จึงฉันภายหลัง อันนี้ทำกันมานานแสนนานแล้ว

พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหนแดนอะไร ไม่ต้องไปห่วงพระองค์หรอกครับ พระองค์ปราศจากความทุกข์แล้ว แต่พระองค์ตรัสไว้ว่า
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"

เห็นเมื่อไรก็รู้เมื่อนั้นแหละครับ

ภาษาบาลี มีอรรถเป็นร้อย ใครรู้น้อยก็ว่าผิด


ใครจะว่าอย่างไรก็ชั่งเขา คิดว่าเป็นกรรมของเราที่เคยทำไว้ แต่ในฐานะลูกหลานหลวงปู่วัดปากน้ำพึงทำดังนี้


ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป

กระทู้นี้ล่อแหลมมาก โปรดระมัดระวังในการโพสต์น่ะครับ (ถ้าไม่ถูกลบเสียก่อน อิ อิ ..)

สาธุ ขออนุโมทนา กับทุกท่าน ผู้ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส น่ะครับ


แม้แต่ในเว็ปที่โจมตีหลวงพ่อ ผมก็ขอให้ผู้ที่โจมตีทุกท่านได้ถึงนิพพาน ปราศจากกิเลสด้วยกันทุกท่าน ทุกคน โดยถ่วนหน้า เทอญ ... ส....า......ธุ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#4 พบพาน ผ่านภพ

พบพาน ผ่านภพ
  • Members
  • 236 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 04:02 PM

เรื่องนิพพาน ว่าเป็น "อัตตา - อนัตตา" นั้น
ลองอ่านเว็บนี้ดูสิครับ น่าสนใจดี

แต่อย่างไรก็ดี ผู้ที่ไม่มีญาณหยั่งรู้เช่นพวกเรา ไม่ควรรีบสรุปครับ
เอาเป็นว่า ลองอ่านดูก่อนก็แล้วกันนะครับ

เปิดใจให้กว้าง อย่าเพิ่งรีบสรุปว่าใครถูกใครผิด

happy.gif

http://www.geocities.com/pranipan/

ขอสริมอีกนิดนะครับว่า การถกเถียงเรื่องนิพพาน ไม่ใช่วิสัยของนักคิดครับ
ต้องเป็นนักปฏิบัติจึงจะเข้าใจ ซึ่งถึงจุดหนึ่ง นักปฏิบัติก็ไม่ยกมาถกเถียงกันอยู่ดี
เป็นกิจที่พึงปฏิบัติให้รู้แจ้งด้วยตนเองครับ

happy.gif
" พบพาน _ผ่านภพ "
เ พี ย ง พ บ พ า น . . . _ เ พื่ อ ผ่ า น ภ พ
Passing by to meet you.

#5 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 04:25 PM

ตอบด้วยคณิตศาสตร์ละกัน เพราะในเมื่ออีกฝ่าย ชอบใช้ตรรกะ กับวิทยาศาสตร์เข้ามาตอบ smile.gif ฮิๆ

* ป.ล. ความคิดเห็นนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ หลวงพ่อ หรือ วัดพระธรรมกาย นะครับ *

ในเมื่อไตรลักษณ์ หรือ อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา เป็นความ ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้วางไตรลักษณ์ เพื่อหาความสุข คือนิพพาน เพราะว่าไตรลักษณ์มันไม่เที่ยง แต่นิพพานเป็นสิ่งที่เที่ยงแท้ ควรแสวงหา

ต้องยอมรับกันก่อนนะครับ ว่า

NOT ทุกข์ = สุข
NOT สุข = ทุกข์
NOT ความไม่เที่ยง = ความเที่ยง
NOT ความเที่ยง = ความไม่เที่ยง
NOT อนิจจัง = นิจจัง
NOT นิจจัง = อนิจจัง
NOT ทุกขัง = สุขขัง
NOT สุขขัง = ทุกขัง
NOT อนัตตา = อัตตา
NOT อัตตา = อนัตตา
NOT ควรแสวงหา = ไม่ควรแสวงหา
NOT ไม่ควรแสวงหา = ควรแสวงหา

ถ้า assumption ข้างบน ยอมรับไม่ได้ ก็ไม่ต้องอ่านต่อแล้วล่ะ tongue.gif

ผม define สมการที่ 1 ว่าเป็น tuple ประกอบไปด้วย

(1) {อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา} = {ทุกข์, ความไม่เที่ยง, ไม่ควรแสวงหา}

อันนี้มี assumption อีกอย่างก็คือ (ขี้เกียจพิสูจน์ต่อง่ะ เดี๋ยวมันยาว แล้วไม่ยอมอ่านกัน)

NOT{A, B, C, ...} = NOT{A}, NOT{B}, NOT{C} ...

อ่ะ ใส่ NOT เข้าไป

(2) NOT {อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา} = NOT {ทุกข์, ความไม่เที่ยง, ไม่ควรแสวงหา}

(3) NOT {อนิจจัง}, NOT {ทุกขัง}, NOT {อนัตตา} = NOT {ทุกข์}, NOT {ความไม่เที่ยง}, NOT{ ไม่ควรแสวงหา }

(4) นิจจัง, สุขขัง, อัตตา = สุข, ความเที่ยง, ควรแสวงหา

แต่ว่าจริงๆ สุขขัง กับ อัตตา มันก็แปลว่า ความสุข กับความเที่ยงอยู่แล้วนี่นา tongue.gif

ในเมื่อความไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน เป็นความทุกข์

การแสวงหา บรมสุข ซึ่งก็คือนิพพาน กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน อีก ก็ออกจะขัดๆ ไปหน่อยนะครับ

ไม่ logic เลย tongue.gif


แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง


#6 สุดดีดี

สุดดีดี
  • Members
  • 56 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 04:27 PM

QUOTE
กระทู้นี้ล่อแหลมมาก โปรดระมัดระวังในการโพสต์น่ะครับ (ถ้าไม่ถูกลบเสียก่อน อิ อิ ..)


"ดิฉันตั้งกระทู้นี้เพื่อหาความรู้ และต้องการผู้รู้มาตอบให้หายสงสัย" ต้องเสียใจด้วยนะคุณบุญเย็นที่แปลเจตนาดิฉันผิดไป
ถ้าหาเป็นกระทู้ที่ผู้รู้ใน ณ ที่นี้ไม่พอใจ ก็ยินดีให้ลบได้ค๊ะ


เจตนาต้องการให้ผู้รู้เข้ามาตอบเพื่อที่จะแก้ต่างกระทู้ที่เขียนโจมตีก็เท่านั้นเอง

#7 ภสสรจิตโต

ภสสรจิตโต
  • Members
  • 140 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:บางบัวทอง นนทบุรี
  • Interests:ธรรมทายาท n21/590

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 04:39 PM

ไม่ได้ไปร่วมพิธี ต้องทำงาน เฮ้อ เรื่องของมารทั้งนั้น ระหว่างรอเวลาถ่ายทอดสด เลยมาตอบกระทู้ครับ

ขัดหรือไม่ ไม่ทราบครับ

แต่ผมถามตัวเองว่า ถ้าผมศรัทธาที่จะทำดี ปฏิบัติธรรม เรื่องของชีวิตหลังความตามจะเป็นอย่างไร นิพพานเป็นแบบไหน ไม่มีใครทราบหรอกครับ คนที่ทราบก็ไม่ได้มาบอกเรา เรื่องของความเชื่อ เป็นเรื่องที่ล่อแหลม

ถ้าไม่เชื่อ ย่อมไม่ถูกต้อง แบบนี้ ก็ย่อมมีคนไม่ถูกต้องทั้งโลกแหละครับ

เอาแค่ว่า ถ้าเราศรัทธาต่อการทำความดี ก็พึงนำสิ่งที่หลวงพ่อได้สอนสั่ง ไปปฏิบัติก็พอครับ


เพราะหลวงพ่อ สอนให้ทำความดี



ทำความดี แล้วไม่ดี ไม่มีหรอก
อยากจะบอก ว่าคำสอน เป็นไฉน
แต่ก็บอก ไม่ค่อยได้ เพราะอะไร
ก็เพราะว่า ไม่เข้าใจ เท่านั้นเอง

รู้แค่ว่า ถ้าทำดี ต้องได้ดี
ใครทำดี แล้วได้ชั่ว หามีไม่
คำสอนสั่ง องค์สัมมา พุทธเจ้าไง
พึงน้อมไว้ ใส่ดวงจิต ให้ติดตรึง

เรื่องทางวัด เรื่องคำสอน เรื่องอื่นๆ
ไม่แช่มชื่น กับทุกคน เป็นไรไหม
คนไม่ชอบ ไม่ถูกอก ไม่ถูกใจ
ว่ากันไป ลงข่าวดัง กันโครมๆ

แล้วจะหยุด ทำความดี กันหรือไม่
ก็บอกให้ ว่าไม่หยุด ทำต่อนี่
ใครจะว่า ดีร้าย เป็นไรมี
ขอแค่ได้ ทำดี กันต่อไป

แต่งกลอนตอบ กระทู้นี้ แล้วปวดหัว
สัมผัสมั่ว อ่านแล้วงง กันบ้างไหม
ถ้าอ่านแล้ว เกิดว่างง ก็จนใจ
ผมขอไป ดูทีวี ดีกว่า เอยยยยย...


#8 พบพาน ผ่านภพ

พบพาน ผ่านภพ
  • Members
  • 236 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 04:40 PM

ขอยกตัวอย่าง จากบางส่วนของพระธรรมเทศนาของ ท่านหลวงตามหาบัว นะครับ

... ใจนี้ไม่เคยตาย ตั้งกัปตั้งกัลป์ก็เป็นมาอย่างนี้ แม้จะไปตกนรกตั้งกี่กัปกี่กัลป์ก็ตาม การที่ว่าได้รับความทุกข์ในแดนนรกแต่ละหลุมๆ นั้นยอมรับ ส่วนที่จะให้ใจนี้ฉิบหายไม่มี ทุกข์ขนาดไหนก็ยอมรับว่าทุกข์ แต่ไม่เคยฉิบหายคือใจดวงนี้ เวลาชำระสะสางแล้วด้วยอำนาจแห่งคุณงามความดีของเรา ก็ค่อยสงบผ่องใสได้บริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขั้นความบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว ดังพระพุทธเจ้าและพระสาวกอรหันต์ทั้งหลาย ท่านถึงนิพพานเลย นั่น ถึงนิพพานก็ไม่สิ้นสูญ ใจดวงนี้ไม่มีคำว่าสูญ ตกนรกก็ไม่สูญใจดวงนี้ จนกระทั่งบริสุทธิ์เต็มที่แล้วไปถึงนิพพานก็ไม่สูญ นี่แหละท่านว่านิพพานเที่ยง ก็คือจิตดวงที่ไม่สูญนี้แหละเป็นผู้บริสุทธิ์เต็มที่แล้ว เรียกว่า ธรรมธาตุ อยู่ในแดนแห่งนิพพาน นี่แหละเป็นผู้เสวยความบรมสุขตลอดไป ท่านจึงเรียกว่านิพพานเที่ยงๆ ก็เพราะจิตดวงนี้ไม่ตาย มีความเที่ยงตรงอยู่ด้วยบรมสุขตลอดไป...

เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๗

happy.gif
" พบพาน _ผ่านภพ "
เ พี ย ง พ บ พ า น . . . _ เ พื่ อ ผ่ า น ภ พ
Passing by to meet you.

#9 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 05:00 PM

QUOTE
ไม่ได้ไปร่วมพิธี ต้องทำงาน เฮ้อ เรื่องของมารทั้งนั้น ระหว่างรอเวลาถ่ายทอดสด เลยมาตอบกระทู้ครับ


สงสัยคงกลัวคุณ peter10 ดุ tongue.gif

แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง


#10 บุญเท่านั้น

บุญเท่านั้น
  • Members
  • 55 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 05:17 PM

นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งคะ แล้วถ้าสูญจะเอาอะไรมาสุขคะ

#11 Meritorious Brother

Meritorious Brother
  • Members
  • 38 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 06:24 PM

ที่ไหนครับ

#12 konkruad

konkruad
  • Members
  • 5 โพสต์
  • Location:Osaka, Japan

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 06:59 PM

ผมขอเสนอแบบนี้นะครับ

1.เรื่องนิพพานเป็น อัตตาหรืออนัตตา เป็นเรื่องที่ได้พูดกันมานาน ผมได้ไปในเวปบอรืดในแต่ละที่ แล้ว 10 ปี ผ่านไป ก็ยังคงความเห็นตัวเองกันหมด ไม่ค่อยเปิดใจหากันเท่าไหร่ เถียงกันเรื่องนี้ คงไม่จบแน่นอน

--แบบเป็นความรู้ --- ผมศึกษามาน้อย แต่จะขอตอบตามที่ได้พอเล่าเรียนมาบ้าง
1.ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา มีการถกเถียงเรื่องแนวนี้เหมือนกัน สมัยแรกส่วนใหญ่ เป็นเรื่องตัวตนภายใน หลังจากนั้น ผ่านไปเรื่อยๆจึงเริ่มผูกไปถึงพระ นิพพาน พระถัมซัมจั๋ง เคยเขียนกลอนไว้เหมือนกัน เกี่ยวกับการว่า มีการเข้าใจพระนิพพานเป็นสอง
แต่ก็มีหลายนิกาย ที่บอกว่า นิพพานมีอยุ่ สามารถรับรู้ได้ ซึ่งก็หมายถึง เป็นอัตตานั่นเอง แต่เพียงว่า เขาไม่ใช้คำว่า อัตตา

ซึ่งถ้าบอกเป็น นิกายอื่นหละก็ จะมีคนโจมตีเราอีกว่า ไม่ใช่ สายเถรวาท แต่ผม คิดว่า ไม่ใช่เช่นนั้น การบอกว่า เป็น สายเถรวาท นั้น ผมว่ามีคนเข้าใจผิด คำนี้กันเยอะ ผมคิดว่า สมัยก่อน ก่อนจะแตกนิกาย นั้น ทุกคน เป็น เถระ หมด และก็ ได้ สืบทอดสายที่ตัวเอง ทรงจำและปฎิบัติกันมา การปฎบัติบางอย่างจึงแตกต่างและการเข้าถึงก็คงแตกต่างกัน ตรงนี้ ต้องไปว่ากันที่ เรื่องปฎิบัติ ซึ่งคงพิสูจน์กันได้เฉพาะพวกปฎิบัติ

อีกนิดนึง ขอเสริม คำว่า อายตนะ นิพพาน ที่ ฝ่ายต่างๆ บอกว่า ไม่มี ผมพบอยู่ หลายที่ ในคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งกล่าวถึง การแตกแยกกันของพระเถระในยุคแรกๆ แสดงให้เหนว่าที หลวงพ่อ พูด ไม่ใช่เลื่อนลอย มีกล่าวอยู่

เพียงแต่ว่า คนที่ไม่มองภาพรวม ชอบมองแต่ จุดเดียวหรือ ฝ่ายตัวเอง จึงทำให้วิเคราะเป็นเช่นนั้น

ส่วนข้อมูลอื่นๆ สามารถหาได้ จากทางเราเอง

อันนี้เป็นเพียงแค่เสริมเข้ามาครับ

#13 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 07:08 PM

ก็ไม่อยากจะตอบให้ตรงๆ แต่ก็อดไม่ได้
ที่เขาว่านิพพานเป็นอนัตตา เพราะเขาอ้างที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้ ว่า "สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา" ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา (ไม่มีตัวตน) เขาอธิบายไว้ว่า คำว่าธรรมทั้งปวงหมายถึง ธรรมที่เป็นไปในภูมิ๔ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ และนิพพาน ด้วย (คนที่ว่าไม่ใช้พระอรหันต์)

แต่ในอรรถกถาพระธรรมบท ที่ภิกษุชาวลังกา นามว่า พระพุทธโฆสาจารย์ เป็นผู้ทรงคุณวิเศษมีปฏิสัมภิทาญาณเป็นต้น (พระอรหันต์แท้แน่นอนครับ)ได้รจนาร่วบรวมพร้อมอธิบายไว้ ผมขอยกมาเป็นตัวอย่างดังนี้

สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ เมื่อใดที่พระโยคาวจร พิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา(สภาพที่ไม่มีตัวตน)
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยาติฯ เมื่อนั้นเธอย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์ นี้เป็นทางแห่งความหมดจด ฯ

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายเอาเฉพาะ สังขารเท่านั้น ในบทว่า สพฺเพ ธมฺมา ดังนี้ฯ (ไม่ได้รวมถึงพระนิพพานเลย)

นี้คือสิ่งที่พระอรหันต์ี่ท่านว่าไว้

นิพพานเป็น วิสังขาร มิใช้สังขาร คือเป็นสภาพที่ตรงกันข้ามกับสังขาร
สงสัยผู้ที่เขาโจมตี เขาคงจะไม่ทราบตรงนี้น่ะครับ
ก็ขอให้ทุกท่านตั้งจิตแผ่เมตตา ให้ผู้ที่ไม่ทราบ ได้ทราบ ได้ตาสว่าง จะได้เลิกโจมตีกันน่ะครับ

พระไตรปิฏกและ อรรถกถา มีกล่าวไว้มากเรื่องพระนิพพาน ่ผู้รู้จริงเรื่องนิพพานนี้ก็มีอีกมาก แต่ท่านเหล่านั้น ไม่ปราถนาให้เกิดความแตกแยกจึงไม่ออกมาแสดง
ผูที่ออกมา ก็อย่างที่เห็นๆ นั้นแหละครับ

เมื่อเรารู้เราทราบแล้ว ก็พอแล้วครับ อย่าไปถกกับใครเลย เว้นแต่ผู้ที่เราคิดว่า สมควร (พูดไปแล้วเขามีปัญญาพอที่จะรู้ตามความเป็นจริง)


สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#14 konkruad

konkruad
  • Members
  • 5 โพสต์
  • Location:Osaka, Japan

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 07:21 PM

2.การบูชาข้าวพระ อันนี้ ผมไม่เคยเหนในคัมภีร์ ถ้าเป็นทางวิชาการ ผมขอให้ท่านอื่นมาตอบแทน

3.การที่พระพุทธเจ้าอยู่ในดินแดน
คนส่วนใหญ่มักจะมองว่า พระพุทธเจ้าที่อยู่ในดินแดน คือ คำสอนของมหายาน และพวกมหายาน เกิดมาจาก นิกาย มหาสังฆิกะ

เราไม่ได้บอกว่า พระพุทธเจ้าอยู่ ในพุทธเกษตร ซึ่งเป็นที่นึง ทางส่วนไหน ของ โลก แบบ ทางมหายาน
แต่เราบอกว่า พระพุทธเจ้า ท่านอยู่ในนิพพาน ส่วนนิพพานเป็นดินแดนหรือเปล่านั้น

มีคำกล่าวนี้อยู่ ว่า เป็น บุรี ผมเคยเห็น แต่ ผมคิดว่า เรื่องนี้ นั้น ท่าจะว่าไป พระพุทธเจ้า ท่านพูดตรงๆ ตามที่เห็น สายวิชชาธรรมกาย ก็ เห็น แล้ว จึงพูด

ฉะนั้น ผม ว่า อาจจะตรงเกินไป ข้ามขอบเขตของสุตตและจินตมยปัญญา พวกปริยัติ ทั้งหลาย อาจจะรับไม่ได้ กับเรื่องนี้ เพราะ คัมภีร์ ที่เรียน ศึกษาส่วนใหญ่ คือ ให้ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา มอง ลงมาจากระดับสูง คือ ปรมัตถ แล้วบอกว่า มันไม่มีอะไร ตัวตนไม่มี เป็นขันธ์ห้า อะไรประมารนี้

อีกนิดนึงเกี่ยวกับ นิกายมหาสังฆิกะ อย่างนึง ถ้าตามตำราบอกว่า มีการขัดกันเรื่องศีล ซึ่งเรื่องนี้ผมว่าน่าติด ขัดกันเรื่องศีล แต่ไม่ใช่ คำสอน ฉะนั้น คำสอนขององค์พระศาสดา ก็ น่าจะไปอยู่ทางคัมภีร์ เขาด้วย แต่ จะดูว่าอะไรถูกผิด ก็ต้อง เอาธรรมปฎิบัติที่ได้จากเห็น มาวิเคราะห์กันอีกที

#15 มิตรธรรม

มิตรธรรม
  • Members
  • 134 โพสต์
  • Location:124/53-54 ม.10 ต. หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี THAILAND
  • Interests:MEDITATION ชอบเรื่องสมาธิ ต้องการบรรลุธรรม แสวงบุญ สร้างบารมี ทำพระนิพพานให้แจ้ง

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 08:43 PM


QUOTE
1. นิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา

มีผู้ตอบกันแยอะมากแล้วกับกระทู้นี้ผมขอนำ Copy ที่ทางวัดได้ชี้แจงในเว็บ DMC นี้นะครับ

การถกเถียงพระนิพพานว่าเป็นอัตตาหรืออนัตตานี้ไม่ได้มีแต่เฉพาะในประเทศไทยเราเท่านั้น แต่ในต่างประเทศทั้งในยุโรปและในประเทศทางตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น ก็มีการถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการ ทางพระพุทธศาสนามาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว มีทั้งผู้ที่คิดว่า นิพพานเป็นอัตตา และที่คิดว่านิพพานเป็นอนัตตา แต่ละฝ่ายล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางพระพุทธศาสนามีชื่อเสียงระดับโลกทั้งนั้นต่างฝ่ายต่างก็ได้หยิบยกหลักฐานในพระไตรปิฎก และอรรถกถาฎีกาขึ้นมาสนับสนุนความเห็นของตน หลักฐานที่หยิบยกนำขึ้นกล่าวในประเทศไทยเรา จริงๆ ในต่างประเทศเขาก็ได้หยิบยกขึ้นมาอ้างกันก่อนแล้วเป็นส่วนใหญ่ และยังวิเคราะห์กันอย่างละเอียด เป็นผลงานวิจัยเล่มโต ๆ ฝ่ายละหลายๆ เล่มด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตน
เรื่องอายตนนิพพานนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า มีอยู่จริง และทรงอธิบายด้วยการปฏิเสธว่าไม่ใช่ สิ่งนี้ เพราะอายตนนิพพานเป็นสิ่งที่เกินกว่าวิสัยและประสบการณ์ในโลกของปุถุชนใดๆ จะสามารถเข้าใจได้ ดังความในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 ข้อที่ 158 ปฐมนิพพานสูตร ความว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะอากิญจัญญายตนะโลกนี้โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสองย่อม ไม่มีในอายตนะนั้นดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้น ว่าเป็นการมาเป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์”
ดังนั้นสิ่งที่เราชาวพุทธพึงเชื่อมั่นก็คืออายตนนิพพานนั้นมีอยู่ และเป็นที่สุดแห่งทุกข์ เป็นเป้าหมายสูงสุดในการสร้างความดีของชาวพุทธทั้งหลาย และเมื่อทราบดังนั้นแล้ว
ก็ขอให้ขวนขวายทำความดีด้วยการเจริญมรรคมีองค์แปด ปฏิบัติตามหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อเราปฏิบัติจนสามารถเข้าถึง อายตนนิพพาน นั้นได้แล้ว เราย่อมตระหนักชัดด้วยตัวเราเองว่า นิพพานนั้นเป็นอัตตา หรืออนัตตา ดีกว่าการมานั่งทะเลาะ กันโดยไม่ลงมือปฏิบัติ



#16 somch

somch
  • Members
  • 249 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 10:10 PM

QUOTE
ดิฉันเข้าไปอ่านใน web อื่น ๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
มีการโจมตีว่าทางคำสอนของทางวัดขัดกับพระไตรปิฎก
ในฐานะที่ดิฉันมีความรู้น้อย จึงมีความสงสัยว่าจริงหรือ
ขอให้ท่านผู้รู้ช่วยอธิบายหน่อยนะคะ
ขอขอบคุณคะ การโจมตีเกี่ยวกับเรื่อง
1. นิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา
2. การบูชาข้าวพระ
3. กรณีที่พระพุทธเจ้าอยู่ที่แดนนิพพาน


ขออนุโมทนาบุญคะ


ขอตอบแบบฟันธงนะครับ
เชื่อพี่น้องที่ตอบในเว็บ DMC ครับ

#17 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 10:53 PM

ขอตอบแบบฟันธงนะครับ
เชื่อพี่น้องที่ตอบในเว็บ DMC ครับ


แม้ ไม่ใช้ธรรมดา ชัดเจนดีแท้แล
ขออนุโมทนาด้วยครับ คุณ somch
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#18 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 11:24 PM

QUOTE
1. นิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา

ไม่มีพุทธพจน์บทไหนเลยที่ฟันธงลงไปเด็ดขาดว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตาครับ มีแต่การตีความจากพระไตรปิฎกโดยเทียบเคียงเอาเท่านั้น ดังนั้นการเถียงกันด้วยการสรุปว่านิพพานเป็นอะไรนั้น ปล่าวประโยชน์ครับ เพราะไม่มีพระบาลีบทใดยืนยันทั้งสิ้น ถ้าจะมีพระบาลีที่พูดถึงนิพพานก็จะพูดบอกว่า นิพพานเป็นเยี่ยม นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ฯลฯ เป็นต้น
QUOTE
2. การบูชาข้าวพระ

อันนี้มีมาแต่โบราณกาล การตั้งข้าวปลาอาหารหน้าโต๊ะหมู่บูชาแล้วกล่าวคำถวาย อันนี้เป็นการบูชาแบบขอถึง ส่วนบูชาแบบเข้าถึงนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นความสามารถของผู้ที่เข้าถึงพระธรรมกายได้แล้ว อันนี้ก็อยากให้ลองไปพิสูจน์เอง วิธีก็ไม่ได้ยากเย็น เพียงแต่นั่งให้เข้าถึงพระภายในทีนี้ก็จะรู้ด้วยตัวเองว่า จริงหรือไม่จริง
QUOTE
3. กรณีที่พระพุทธเจ้าอยู่ที่แดนนิพพาน

สำหรับนิพพานนั้นก็ไม่มีการบอกอีกว่ามีแดนหรือไม่ ในลักษณะทำนองเดียวกับนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา บอกแต่ว่า อายตนะนิพพานนั้นมีอยู่ อายตะแปลว่าเครื่องดึงดูด แดนรับรู้

ดังนั้น ถ้าจะพูดให้ตรงๆ ตีแสกหน้าแบบไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม ก็จะบอกว่า การมาฟันธงในคำถามทั้ง 3 คำถามนี้ด้วยการเอาพระไตรปิฎกมาตีความนั้น ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่มีพุทธพจน์บทใดที่ฟันธงเลย คำว่า "นิพพานังอนัตตาติ" ก็ไม่มีในพระไตรปิฎก (นิพพานังอนัตตาติ คงแปลประมาณว่า นิพพานเป็นอนัตตา) จะมีก็แต่ "สัพเพธัมมาอนัตตาติ" คือ ธรรมทั้งหลายล้วนเป็นอนัตตา

อย่างไรก็ดี ธรรมทั้งหลายก็ยังแบ่งออกได้อีก หลายประเภท หลายวิธี เช่น สังขตธาตุ - อสังขตธาตุ, สังขตธรรม - อสังขตธรรม, วิราคธาตุ - วิราคธรรม ดังนั้นการเหมาว่าพระนิพพานเป็นธรรมและจัดเป็นอนัตตานั้น ก็ไม่น่าจะเป็นการสรุปที่ยืนอยู่บนเหตุผลและหลักฐานที่ชัดเจนพอ เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น จึงขอน้อมนำบางส่วนบทเทศน์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ เรื่อง ธรรมนิยามสูตร มาให้ลองอ่านกันดู
QUOTE
ธาตุที่ตั้งอยู่แล้วน่ะ ธาตุน่ะแบ่งออกไปเป็น ๒ มีธาตุอย่างหนึ่ง ธาตุแบ่งออกไปเป็น ๒ เป็น “สังขตธาตุ” “อสังขตธาตุ” ถ้าธาตุแบ่งออกเป็น ๒ ธรรมล่ะ ก็แบ่งออกเป็น ๒ เหมือนกัน “สังขตธรรม” “อสังขตธรรม” แบบเดียวกัน เรียกว่า “สังขตธาตุ สังขตธรรม” “อสังขตธาตุ อสังขตธรรม” ไม่ใช่แต่เท่านั้น ยังมี “วิราคธาตุ วิราคธรรม” อีก ยังมีอีก วิราคธาตุ วิราคธรรม ที่ท่านยกตำรับตำราไว้ว่า สงฺขาตา วา อสงฺขาตา วา วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายติ “สังขตธาตุ สังขตธรรม” ก็ดี “อสังขตธาตุ อสังขตธรรม” ก็ดี ไม่ประเสริฐเลิศเท่า “วิราคธาตุ วิราคธรรม” วิราคธาตุวิราคธรรม ประเสริฐเลิศกว่าสังขตธรรมและอสังขตธรรมเหล่านั้น นั่นต้องรู้ชัดลงไปอย่างนี้

สังขตธาตุสังขตธรรมน่ะเป็นอย่างไร นี่แหละที่เราอาศัยอยู่นี่แหละ ตัวสังขตธาตุ สังขตธรรมทั้งนั้น อยู่กับธรรมในกายมนุษย์ นี่ก็เป็นสังขตธรรม อยู่กับธาตุมนุษย์ นี่ก็เป็น สังขตธาตุ ธาตุธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งได้ บังคับบัญชาได้ เป็นสังขตธาตุสังขตธรรม

อสังขตธาตุอสังขตธรรมล่ะอยู่ที่ไหน ? อสังขตธาตุอสังขตธรรมตั้งแต่ธรรมกายขึ้นไป ธรรมกายที่เป็นโคตรภูทั้งหยาบทั้งละเอียด ธรรมกายที่เป็นโสดาทั้งหยาบทั้งละเอียด ธรรมกายสกทาคาทั้งหยาบทั้งละเอียด ธรรมกายอนาคาทั้งหยาบทั้งละเอียด ถ้ารวบทั้งหมด เช่นนี้ นี่ก็หมดสงสัยทีเดียว ส่วนที่เป็นธรรมกายแล้วเป็นอสังขตธาตุอสังขตธรรม แต่ยังไม่ใช่ “วิราคธาตุ วิราคธรรม” ธาตุที่เป็นธรรมกาย ไม่ต้องยกธรรมกายโคตรภูออก เป็นธรรมกาย ใสแบบเดียวกัน ที่เป็นธรรมกายทั้งหยาบทั้งละเอียด ธาตุธรรมที่เป็นธรรมกายทั้งหยาบทั้งละเอียด ธรรมกายหยาบ-ธรรมกายละเอียดที่เป็นโคตรภู ธรรมกายหยาบ-ธรรมกายละเอียดที่เป็นพระโสดา ธรรมกายหยาบ-ธรรมกายละเอียดที่เป็นพระสกทาคา ธรรมกายหยาบ-ธรรมกายละเอียดที่เป็นพระอนาคา ยกพระอรหัตออกเสีย ทั้ง ๘ กายนี้เป็นอสังขตธาตุ อสังขตธรรมทั้งนั้น ธาตุเหล่านี้ปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้ เป็นเหมือนแก้วใสสะอาดทีเดียว นี่เป็นอสังขตธาตุอสังขตธรรมทีเดียว แต่ว่ายังไม่ใช่ “วิราคธาตุ วิราคธรรม”

ถ้าจะเป็นวิราคธาตุวิราคธรรมล่ะ ต้องกายพระอรหัตทั้งหยาบทั้งละเอียดเป็นวิราคธาตุวิราคธรรม กายพระอรหัตทั้งหยาบทั้งละเอียดเป็นวิราคธาตุวิราคธรรมทีเดียว มีธาตุธรรมชนิดเดียวกันไม่ต่างกัน แต่ว่าละเอียดขึ้นไปเป็นชั้นๆ เป็นวิราคธาตุวิราคธรรม เออ รู้จักล่ะ

จากบทเทศน์จะเห็นว่าธรรมะนั้นมีความลึกซึ้ง ดังนั้นการหาคำตอบของทั้ง 3 คำถามนี้ด้วยลำพังการตีความตามตัวอักษรอย่างเดียวก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก ดีที่สุดคือต้องไปปฏิบัติให้รู้เห็นเอง เปรียบเหมือน การเถียงกันของนักดาราศาสตร์เรื่องรายละเอียดของดวงดาวอันไกลโพ้นซึ่งไม่เคยมีใครไปถึง แต่ก็พยายามที่จะอธิบายทั้งๆ ตนเองก็ไม่เคยไป ดังนั้น การจะฟันธงลงไปว่าดวงดาวเหล่านั้นเป็นอย่างไรก็มีแต่ไปให้ถึงแล้วไปดูด้วยตนเอง ฉันใดก็ฉันนั้น การจะบอกว่า นิพพานเป็นอย่างไร บูชาข้าวพระเป็นอย่างไร แดนนิพพานมีหรือไม่ ก็ควรที่จะปฎิบัติให้ไปรู้เห็นด้วยตนเองให้ได้ จริงไหมครับ

ไม่เชื่อลองถามกลับไปที่พวกที่บอกว่าหลวงพ่อสอนขัดกับพระไตรปิฎกสิครับว่า ขัดอย่างไร ขอให้ยกบาลีมาให้เห็นกันจะๆ ด้วย รับรอง ไม่มีใครยกมาได้หรอกครับ เพราะบาลีที่จะฟันธงคำถามพวกนี้มันไม่มี มีแต่จะยกพวกบาลีคำอื่นแล้วก็ตีความ เทียบเคียงเอาเท่านั้น
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#19 เด็กน้อยคอย(หา)บุญ ^^

เด็กน้อยคอย(หา)บุญ ^^
  • Members
  • 92 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 11:41 PM

QUOTE
ดังนั้นการหาคำตอบของทั้ง 3 คำถามนี้ก็ต้องไปปฏิบัติให้รู้เห็นเอง เปรียบเหมือน การเถียงกันของนักดาราศาสตร์เรื่องรายละเอียดของดวงดาวอันไกลโพ้นซึ่งไม่เคยมีใครไปถึง แต่ก็พยายามที่จะอธิบายทั้งๆ ตนเองก็ไม่เคยไป ดังนั้น การจะฟันธงลงไปว่าดวงดาวเหล่านั้นเป็นอย่างไรก็มีแต่ไปให้ถึงแล้วไปดูด้วยตนเอง ฉันใดก็ฉันนั้น การจะบอกว่า นิพพานเป็นอย่างไร บูชาข้าวพระเป็นอย่างไร แดนนิพพานมีหรือไม่ ก็ควรที่จะปฎิบัติให้ไปรู้เห็นด้วยตนเองให้ได้ จริงไหมครับ




อนุโมทนากับคุณ I cAn AlwayS MakE U SmilE ด้วยนะคะ
อาภรณ์ ชุดสุดท้าย        กาสายะ<br />  ชีพสุดท้ายคือพระ         ผ่องแผ้ว<br /> วิชชาสุดคือธรรมะ        พุทธเจ้า<br />จารจดไว้ลูกแก้ว          จักแคล้วบ่วงมาร<!--sizec--></span><!--/sizec--><!--colorc--></span><!--/colorc-->

#20 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 12:04 AM

โอ โห คนจริง จังโก้ ทั้งนั้นเลย เว็ปนี้
ยิ่ง สาธุ ยิ่งได้บุญหลาย

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#21 arraya

arraya
  • Members
  • 298 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 08:30 AM

อย่างนี้ต้องนั่งสมาธิให้มากๆ เข้าถึงธรรมเมื่อไหร่ก็หายสงสัย
และที่สำคัญคงทราบกันดีว่า ความรู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเป็นเพียงใบไม้ในกำมือท่าน ยังมีใบไม้ในป่าอีกเพียบ

#22 สุดดีดี

สุดดีดี
  • Members
  • 56 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 08:50 AM

ขออนูโมทนาบุญที่ให้ความรู้ความสว่างเกิดขึ้นที่ใจ

ต้องเร่งปฏิบัติแล้วเพื่อที่จะได้หายสงสัย


สาธุ สาธุ สาธุ


#23 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 09:26 AM

ขอบคุณด้วยคน
ขอบคุณ...คุณพบพาน ผ่านภพ...สำหรับเว็บที่มาลงคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ค่ะ

เรื่องนิพพานนี้ มีคนเคยถามสมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ สมเด็จโตวัดระฆังว่าเป็นเช่นไร ท่านก็ตอบว่า ท่านก็ไม่รู้แห่ง แต่ท่านอุปมาให้ฟังดังนี้*๒ (ประวัติชีวิต การงาน หลักธรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี). (หน้า ๑๔๗-๑๗๕) สำนักพิมพ์ธรรมสภา กรุงเทพมหานคร, ๒๕๓๘

“หญิงสองคนพี่น้องจ้องคิดปรารภปรารมภ์อยู่แต่การจะมีสามี อุตสาห์อาบน้ำ ทาขมิ้น นุ่งผ้าใหม่ ผัดหน้า หวีผมแปร้ ก็ประสงค์ความรักให้เกิดกับชายผู้เห็นจะได้มาสู่ขอเห็นสามีเท่านั้น ครั้นล่วงมาก็สบโชคสบช่องของคนพี่สาวผู้มีชื่อมีหน้ามาขอ ได้ตกลงต่างงานร่วมห้องร่วมหอกันแล้ว หญิงผู้ที่เป็นนางน้องสาวก็มาเยี่ยมแล้วตั้งวิงวอนเซ้าซี้ซักถามว่า “พี่จ๋า การที่พี่หลับนอนกับสามีนั้น มีรสมีชาติครึกครื้นสนุกสนานชื่นบานเป็นประการใด จงบอกให้ฉันรู้บ้าง”

พี่สาวก็ไม่รู้แห่งจะนำความรื่นรมย์สมสนิทด้วยสามีนั้น ออกมาตีแผ่เปิดเผยให้น้องสาวสมรู้ตามเห็นตามเห็นในรื่นรมย์แห่งโลกสันนิวาสได้ นางพี่สาวก็ได้แต่บอกน้องว่าให้มีสามีบ้างแล้วจะรู้เอง ไม่ต้องถามเรื่องกับพี่หรอก

ครั้นอยู่มาไม่ช้านาน นางผู้เป็นน้องได้สามีแล้วไปหาพี่สาว ๆ ถามว่า “การได้หลับนอนรมรื่นชื่นใจกับสามีน้องมีความรู้ว่าเป็นเช่นไร ลองเล่าบอกออกความให้พี่เข้าใจบ้างซีแม่น้อง”

นางน้องสาวฉอเลาะตอบพี่สาวทันทีว่า “พี่ไม่ต้องเยาะ ไม่ต้องเยาะ” แล้วพี่น้องหญิงคู่นั้นก็นั่งสำรวลหัวเราะกันตามฐานที่รู้รสสังวาสเสมอกัน...”

***อุปมาของสมเด็จโตเฉียบคมยิ่ง กล่าวคือ ใครที่จะมานั่งวิเคราะห์เรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน โดยการอ่านแต่ตำราหรือใช้การฟังแต่ส่วนเดียว แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าการตีความนั้นถูก ตำรานั้นน่าจะมีไว้เพื่อเป็นการเทียบเคียง คือถ้าปฏิบัติแล้วมีประสบการณ์เช่นไร ตรวจสอบมาจากตำราสอดคล้องไปกันได้ ก็ใช้ได้ ดังนั้น การตีความเรื่องนิพพานจากตำรา แล้วนำมาตัดสินความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติจึงถือว่า*ไม่สมควร*

#24 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 10:35 AM

(คัดจากหนังสือสุภัททานุสรณ์ ๒๕๑๑)

สมัยนี้คนเราชอบคิดและเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปนานแล้ว มรรคผลพ้นสมัยเสียแล้ว ทำไปปฏิบัติไปก็ไม่ได้บรรลุธรรมอะไรเลย ความจริงแล้ว พุทธภาวะ คือ พระพุทธเจ้าที่เป็นธาตุแท้นั้นตายไม่เป็น ยังอยู่ตลอดเวลา จะปรินิพพานไปเฉพาะท่านผู้บำเพ็ญตนจนเข้าภาวะอันนั้นเท่านั้น ส่วนพระธรรมคำสอนของพระองค์ก็ยังมีอยู่ ย่อมให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติที่ถูกต้องเสมอ (อกาลิโก) ไม่เลือกกาลไม่เลือกเวลา คนโง่เท่านั้นที่เข้าใจว่ามรรคผลพ้นสมัยเสียแล้ว แต่คนฉลาดเขาจะไม่พูด ไม่เข้าใจอย่างนั้น พูดง่ายๆ ก็เหมือนเราขุดบ่อเพื่อหาน้ำ สมัยพุทธกาลเขาก็ขุดเพื่อต้องการน้ำ โกยดินเจอรากไม้ เอารากไม้ออก เจอหินเอาหินออก ขุดได้ที่ดีแล้วย่อมได้น้ำ น้ำมันมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เราไม่จำเป็นต้องไปสร้างไปแต่งน้ำอีก แต่งแต่บ่อเพื่อให้พบน้ำเท่านั้น

สมัยนี้เราก็ขุดดินให้เป็นบ่อ เพื่อได้น้ำเช่นเดียวกัน เมื่อขุดได้ที่ดีแล้วย่อมได้น้ำ โดยไม่ต้องแต่งไม่ต้องเนรมิตอะไรทั้งนั้น คนโง่ที่อวดว่าตนฉลาดเท่านั้น จึงกล้าปฏิเสธว่าในดินไม่มีน้ำ และเขากล้ายืนยันว่าสมัยนี้ขุดบ่อแล้วต้องแต่งน้ำ ต้องเนรมิตน้ำอีก ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ยังเข้าใจว่า เมื่อเรายืนอยู่บนพื้นดินมองไม่เห็นน้ำ ต้องปฏิเสธทันทีว่าในพื้นดินไม่มีน้ำ พ้นสมัยเสียแล้วที่จะขุดบ่อ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ได้อาศัยน้ำจากบ่อที่คนอื่นขุดไว้ จึงพอได้ดื่มได้ใช้ทุกวัน คิดดูแล้วก็น่าสงสารคนประเภทนี้จริงๆ ซ้ำร้ายยังเที่ยวพูดดูถูก ดูหมิ่นคนที่เขากำลังพยายามขุดบ่อหาน้ำเสียอีก จึงขอฝากท่านทั้งหลายไว้พิจารณา


#25 สิทฺธิกโร(V-active)

สิทฺธิกโร(V-active)
  • Members
  • 486 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:สมุทรปราการ
  • Interests:ธรรมมะ และการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 10:39 AM

สาธุ สาธุ สาธุ ทุกท่านเลยนะครับ ที่มาตอบคำถาม

#26 panu

panu
  • Members
  • 530 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 10:43 AM

QUOTE
นิพพานเป็นเยี่ยม นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ฯลฯ เป็นต้น

QUOTE
บูชาแบบเข้าถึงนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นความสามารถของผู้ที่เข้าถึงพระธรรมกายได้แล้ว อันนี้ก็อยากให้ลองไปพิสูจน์เอง วิธีก็ไม่ได้ยากเย็น เพียงแต่นั่งให้เข้าถึงพระภายในทีนี้ก็จะรู้ด้วยตัวเองว่า จริงหรือไม่จริง

QUOTE
อายตนะนิพพานนั้นมีอยู่ อายตะแปลว่าเครื่องดึงดูด แดนรับรู้


สาธุ กับทุกท่านที่ตอบครับ สาธุ

เมื่อเรายังไม่เชื่อก็น่าจะลองใคร่ครวญดูให้ดีว่า
ผู้รู้ทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติได้เข้าถึงธรรมะภายในที่ละเอียดทุกๆท่าน ได้เมตตาให้ความรู้เป็นอย่างเดียวกันว่า พระนิพพานเป็นจริง การบูชาข้าวพระเป็นของจริง



#27 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 11:33 AM

เรื่องแบบนี้คุยไปเท่าไรก็ไม่จบหรอกครับอย่าไปเถียงเขาปล่อยเขาไปเดี๋ยวเขาก็เงียบเองล่ะ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#28 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:rayong

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 11:37 AM

เรื่องทั้งหมดนี้ ต้องอาศัยการปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมนะครับ

สำหรับผม ก็ยังฟุ้งเหมือนเดิม

แต่ประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีประสบการณ์บ้าง แต่ไม่ได้เห็นดวงธรรม หรือองค์พระหรอกครับ

ทว่า ประสบการณ์ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ๆด้รับนี้ ยังทำให้ผมมีความสุขแบบพูดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยนะครับ

ดังนั้น ขอให้หมั่นปฏิบัติธรรมกันเถิดครับ


ขอยกตัวอย่างเรื่องจริงทางวิทยาศาสตร์

จำได้ไหม เดิม ดาวเคราะห์มี 9 ดวง
มาปีนี้ นักดาราศาสตร์หาเหตุผลต่าง ๆ มาอธิบาย ดาวเคราะห์เหลือ 8 ดวง
ในอนาคตหละ ไม่มีใครรู้หรอกนะว่า ดาวเคราะห์จะกลับมามี 9 ดวง หรือ 8 ดวง หรือ ....

สิ่งที่เกิดขึ้นมา ขึ้นกับความรู้ การศึกษาค้นคว้าของแต่ละท่าน
จะบอกว่า นักดาราศาสตรืในอดีต ไม่รู้จริง ก็ไม่ใช่ทีเดียว แต่ความรู้สมัยนั้นเป็นอย่างนั้น

ในอนาคต เกิดมีการศึกษาแล้ว กลับมาเป็น 9 ดวง อีก จะบอกว่า นักดาราศาสตร์สมัยนี้ผิด ก็ไม่ใช่

แต่ที่ใช่ คือ ความรู้มีเท่านี้ ก็เลยทราบดังนี้

ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะครับ
ต้องประกอบกันทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และ ปฏิเวธ นะครับ

คือ ต้องมีความรู้เชิงทฤษฎี เชิงปฏิบัติ ควบคู่กันไป นะครับ


สรุป ต้องปฏิบัตินะครับ

#29 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 12:26 PM

คนที่จะมาตอบคำถามนี้ได้ถูกต้องที่สุด คือ พระอรหันต์ครับ เพราะฉนั้น ปุถุชน จึงตอบกันได้แบบภาคทฤษฏีเท่านั้น
คิดไปก็เหมือน อ่านหนังสือทฤษฏีสอนว่ายน้ำ ถ้าไม่ลงสระก็ว่ายไม่เป็นครับ




#30 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 11 October 2006 - 12:50 PM

เอาล่ะ เราไปนั่งสมาธิกันดีกว่า ...เย้..เย้...

สัมมาอะระหัง...ๆ....ๆ....ๆ....
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก