ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

นิราศ ปรโลก


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 01:55 AM

นิราศ ปรโลก


“ นิราศปรโลก” เป็นบทร้อยกรองโดยผู้ประพันธ์คือ พระมหากวีวรรณ วงษ์ประเสริฐ
เป็นหนังสือที่หาอ่านได้ยากเพราะว่าเป็นหนังสือธรรมบรรณาการในงานผูกพัทธสีมา วักรวกบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร เมื่อ ๒o – ๒๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑ และเป็นวรรณกรรมที่ได้รับรางวัลชมเชยพิเศษ จากงานประกวดงานวรรณกรรมไทยประเภทร้อยกรอง ครั้งที่ ๑๖ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ ของมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ ดังนั้นจึงไม่มีการพิมพ์ เพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่มากนัก

ผู้ประพันธ์ได้กำหนดตัวแสดง คือชายหนุ่มผู้หนึ่งเป็นไข้หลับไปเห็นภาพในโลกอื่นที่มิใช่โลกมนุษย์ ได้เห็นสิ่งต่างๆในเมืองนรกที่มีแต่ความน่ากลัว ได้เห็นความรื่นรมย์จากธรรมชาติในเมืองสวรรค์ ในตอนท้ายของบทประพันธ์ชายหนุ่มผู้นี้ได้พบมารดาที่ตายไปแล้วไปอยู่บนสวรรค์จึงได้รู้ว่าเหตุที่มารดามีทิพยสมบัติเพราะประกอบกรรมดีแล้วมารดายังได้สอนลูกให้ทำแต่ความดีเมี่อยังมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์เพื่อพบกับความสุขในภพปัจจุบันและบุญกุศลนี้เองจะส่งผลต่อเมี่อละโลกมนุษย์ไป



นิราศปรโลก ( คัดมาบางส่วน )

ผู้ประพันธ์เริ่มต้นด้วยการจำลอง ว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งเป็นไข้หลับไปได้เห็นภาพในโลกอื่นที่ไม่ใช่มนุษยโลกประหนึ่งว่าได้ไปชมเมืองเปรต เมืองนรก เมืองสวรรค์ โดยเริ่มจากชมเมืองนรกและเมืองเปรต

สอบไล่เสร็จ เตร็จเตร่ ห่างเคหา
เป็นเวรกรรม จำใจ อาลัยลา พลัดยุพา เพียงครู่ ดูสักเดือน
ยามสายัณห์ ตะวันรอน จรจากบ้าน ดวงวิญญาณ ลอยล่อ ไร้ผองเพื่อน
เหลือร่างนิ่ง อิงหมอน นอนในเรือน ญาติมาเยือน เยี่ยมไข้ ร้องไห้โฮ
ออกจากทับ เดินทาง มากลางเถื่อน รวดเร็วเหมือน หมู่นก เที่ยวผกโผ
ลุเมืองหนึ่ง พึงใจ ยาวใหญ่โต แต่พอโผล่ ประตู หดหู่ใจ
เหมือนเมืองผี ปีศาจ หวาดวิตก บุรีรก เป็นพง แสนสงสัย
รีบลัดเลาะ เหยาะย่าง เข้าข้างใน มีแสงไฟ ส่องสว่าง กลางพารา


เมืองยมโลก เปตโลก และนรก

บรรยากาศสิ่งแวดล้อมในนรกล้วนน่าสะพรึงกลัวเต็มไปด้วยสัตว์นรกมากมายที่กำลังถูกทัณฑ์ทรมานด้วยอาการต่างๆ อึ่งมี่ด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสของสัตว์นรก อึ่งมี่ไปด้วยเสียง
สัตราวุธ เครื่องทรมานประหัตประหาร ในหลายแห่งมีนายนิรยบาลกายสูงใหญ่นุ่งผ้าสีดำหยกใช้อาวุธต่างๆ เช่น ดาบ หอก มีด ขวาน ค้อน กระบองเหล็ก เป็นต้น ไว้สับ แทง ทุบ ตีสัตว์นรกเหล่านั้น
หลายแห่งไม่มีนายนิรยบาล มีแต่อาวุธนานาชนิดคอยประหัตประหารสัตว์นรกเองเป็นอัติโนมัติตามกรรมทางกาย วาจา ใจ ของสัตว์นรกเหล่านั้น ดังตัวอย่าง

เห็นงิ้วหนาม หนาน่า หวาดหวั่น ขึ้นลดหลั่น เรียงราย ทั้งซ้ายขวา
หมู่หญิงชาย ป่ายปีน จนตีนชา ทั่วกายา เปลือยเปล่า หนังเน่าพอง
หนามแหลมตำ เนื้อหนัง เลือดหลั่งไหล หมู่หนอนไช ชอนทั่ว ตัวเป็นหนอง
ร้องโหยหวน ครวญคร่ำ น้ำตานอง พี่เหม่อมอง เมินหน้า ไม่กล้าดู
ฝูงแร้งกา จับกิ่ง ชิงกันจิก สั่นระริก หลังไหล่ นัยน์ตาหู
ตรงใต้ต้น คนคุม กุมหอกชู ฝูงหมากรู เข้ากัด ผู้พลัดลง
ถูกหอกแทง แรงถอย เลือดย้อยหยด เอวเคล็ดคด ลำเค็ญ คอเป็นผง
เร่งมือตีน ปีนขึ้น หัวมึนงง หอกสวนส่ง เสียบตี น ก่นโศกี
ลอบคบชู้ คู่เขา เมาตัณหา ไม่รักษา ศีลสัตย์ น่าบัดสี
คิดนอกใจ ใฝ่เสน่ห์ ประเวณี วายชีวี ปีนงิ้ว ริ้วรอยลาย
ควรซื่อสัตย์ ต่อกัน มั่นในรัก สงวนศักดิ์ ศรีตัว กลัวเสียหาย
ผิดเมียผัว ชั่วช้า น่าอับอาย ทั้งหญิงชาย ยับยั้ง ระวังตน


ถึงถิ่นหนึ่ง อึงมี่ เสียงตีตบ พี่รีบหลบ มุมมอง สยองขน
กงจักรใหญ่ ไล่พัด ตัดคอคน หมุนอยู่บน ศีรษะ เลือดกระเซ็น
ตาถลนลิ้น ห้อยเห็น รอยแผล เลือดรักแร้ ไหลริน กลิ่นปากเหม็น
ขาถูกคราด ฟาดพลัก หักกระเด็น เนื้อตัวเต้น กระตุก ทุกข์ทวี
ตีพ่อแม่ พระเณร เวรกรรมหนัก ถูกกงจักร ตัดหัว ตัวเป็นฝี
ด่าปู่ย่า ตายาย ร้ายเหลือดี ปากจึงมี กลิ่นเหม็น มิเว้นวาย
มือพ่อแม่ เปลไกว ปากเห่กล่อม เฝ้าถนอม แนบข้าง ไม่ห่างหาย
คอยคุ้มครอง ป้องกัน อันตราย ลูกทั้งหลาย ควรหมั่น กตัญญู
อย่าขึ้นเสีย เถียงพ่อ ด่าทอแม่ ตายายแก่ ก่นว่า น่าอดสู
อย่าเป็นศิษย์ คิดร้าย ทำลายครู อย่าลบหลู่ คุณคน จำจนตาย


เห็นแร้งกา นกตระกรุม รุมบุรุษ แย่งยื้อยุด กายยา พาบินหาย
จิกกินร่าง กลางหาว ปวดร้าวกาย นัยน์ตาลาย ร้องคราง กลางอัมพร
เพียงพริบตา สิ้นเนื้อ เหลือกระดูก มิวายถูก ปักษา จิกหาหนอน
หล่นลงมา หมากัด ฟัดกระดอน ใจรอนรอน ร้าวราน ปานเป็นลม
บาปฆ่าสัตว์ สี่ขา น่าอนาถ ไม่หวั่นหวาด เวรกรรม ทำไว้ถม
ส่ำเสือสิงห์ ลิงค่าง ช้างโคนม วัวควายล้ม แล่เนื้อ เพื่อเลี้ยงตน
วัวควายช่วย ทวยชน พ้นอดอยาก ทนลำบาก ไถนา มาทุกหน
งานหนักเบา เอาสู้ รู้อดทน ยังถูกคน เข่นฆ่า ปราศปรานี





เห็นชายหนึ่ง น่ากลัว ตัวเป็นผื่น ขนเป็นปืน เปลือยร่าง พองอย่างผี
ปากกระบอก ยอกย้อน รอนชีวี หันหาที่ กายตัว เร่งรัวยิง
ปากจมูก ตาหู เป็นรูเหวอะ เลือกไหลเลอะ ร้องคราง อย่างผีสิง
ถูกกระสุน พรุนทั่ว น่ากลัวจริง นั่งลงพิง กำแพง แรงไม่มี
บาปยิงนก ตกปลา ฆ่าคนอื่น พวกมือปืน รับจ้าง ฆ่าล้างหนี้
ยิงนกวัด สัตว์สงวน ล้วนราคี วายชีวี รับกรรม ทนลำเค็ญ

ชายหนึ่งขน เป็นดาบ เลือดอาบร่าง เชือนเฉือนคาง ขาแขน ทุกข์แสนเข็ญ
ทนเจ็บปวด รวดร้าว ทุกเช้าเย็น เนื้อหนังเป็น แผลเปื่อย เรื่อยลงมา
ร้องโหยหวน ครวญคร่ำ น้ำตาร่วง นั่งโงกง่วง เงียบเหงา เนาในป่า
ลิ้นเลียแผล แก้คัน จนปัญญา ฝูงแร้งกา จิกกิน โบยบินไกล
ชาติก่อนฆ่า หมูขาย คนใจบาป ขนเป็นดาบ เชือดเฉือน เลือดหลั่งไหล
นึกถึงเจ๊ก เง็กจู หดหู่ใจ เพราะชอบไป ฆ่าหมู อยู่ทุกวัน
หากเขาได้ มาเห็น เช่นพี่พบ คงหลีกหลบ เลิกทำ กรรมมหันต์
งดฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต นิจนิรันดร์ เกรงโทษทัณฑ์ ติดตาม ยามวางวาย


ถึงภูเขา สูงใหญ่ ไฟลุกท่วม ชายหญิงร่วม ร้อยนอน ร้อนเหลือหลาย
ไฟลวกร่าง ครางครวญ เจ็บจวนตาย พื้นดินกลาย เป็นเหล็ก เหมือนเสกมนต์
แผ่นดินเหล็ก ลุกร้อน คนนอนดิ้น หนังขาดวิ่น เนื้อแหว่ง ทั่วแห่งหน
เผาตับไต ไส้พุง ผ้านุ่งตน ดิ้นทุรน ทุราย ปิ่มวายปราณ
ผลบาปกรรม โกงที่กิน ที่ดินเขา ถูกเพลิงเผา ผลาญพร่า น่าสงสาร
รังวัดล้ำ ทำกล คนใจพาล กรรมบันดาล เดือดร้อน นอนระทม

ถึงถิ่นหนึ่ง พวกหนุ่ม มือกุมอก ฝนเหล็กตก ต้องตัว ทั่วถึงผม
เป็นโจรป่า ฆ่าคน ปล้นสดมภ์ ถูกฝนคม ครางครวญ ซวนซบเซา
บาปฆ่าเจ้า เอาของ จ้องปืนจี้ ให้บอกที่ ซ่อนทรัพย์ บังคับเขา
หากขัดขืน ปืนตี ไม่มีเบา รุมชำเรา นารี ไม่มีอาย
เกรงเจ้าทรัพย์ จำหน้า ฆ่าปิดปาก ซ้ำเผาซาก ศพเสร็จ นำเพชรขาย
เผาบ้านเรือน เกลื่อนรอย ไม่น้อยราย ตอนตัวตาย ตกนรก หน้าอกกลวง

ชายหนึ่งถูก น้ำกรด ราดรดร่าง ไหม้คอขาด คร่ำครวญ กลางสวนหลวง
ไหลเข้าปาก ครากเปื่อย เรื่อยลงทรวง เจ็บปานป่วง ปวดท้อง เนื้อพองพัง
กัดตับไต ไส้พุง ถุงอัณฑะ แผลเหวอะหวะ แหว่งโหว่ พ้นผิวหนัง
ไส้เรี่ยราด ขาดวิ่น กลิ่นเหม็นจัง ทั่วไหล่หลัง หนังลอก ปอกเปิกไป
บาปดื่มเหล้า เมายา อาละวาด เข้าพิฆาต เข่นฆ่า มิปราศัย
ตีพ่อแม่ แก่เฒ่า ด้วยเมาใจ น้ำกรดไหล ลวกร่าง ครางระงม

ชายหนึ่งถูก หนอนใหญ่ ไชชอนปาก แสนลำบาก บิดร่าง ครางขรม
ไชออกหู รูจมูก เป็นลูกกลม เกาะเต็มผม หน้าผาก เหมือนทากปลิง
บาปพูดปด มดเท็จ ไม่เข็ดขาม พูดเหยียดหยาม หยาบคาย ว่าชายหญิง
เที่ยวด่าทอ ส่อเสียด น่าเกลียดจริง หนอนจึงชิง กันไช เพราะใจทราม

ชายหนึ่งครวญ ครางฮือ มือถูกเชือด นอนหลั่งเลือด โลมร่าง กลางสนาม
ข้อมือขาด บาดแผล แผ่ลุกลาม เป็นตุ่มตาม เนื้อตัว ทั่วทั้งกาย
บาปฉกชิง วิ่งราว เอาของหวง แอบลักล้วง กระเป๋า ทรัพย์เขาหาย
เที่ยวตัดช่อง ย่องเบา เอาสบาย ตอนตัวตาย กรรมตาม ไฟลามเลีย


ถึงบ้านหนึ่ง น่าขาม ไฟลามลุก เผาคนทุกข์ ถมทับ ทรัพย์สูญเสีย
ร้อนหนังเนื้อ เหลือหลาย กายอ่อนเพลีย ไหม้ลูกเมีย แม่ผัว ทั่วทุกคน
กายเกรียมดำ ด่าวดิ้น สิ้นทางหนี เหล็กแดงจี้ จ่อหน้า ตาถลน
ถูกย่างสด หมดสุข รับทุกข์ทน ดิ้นทุรน ทุราย ปิ่มวายปราณ

บาปวางเพลิง เผาบ้าน ร้านตลาด เพื่อพิฆาต ขับไล่ ไม่สงสาร
ลอบเผาเหย้า เอาประกัน อันธพาล วางเพลิงพลาญ ซ่องสาว โสเภณี
สงสารเหล่า นารี ที่ถูกกัก หล่อนสำลัก ควันไฟ ไม่อาจหนี
เพลิงลุกลาม งอนงาม ร้อนเหลือดี เพียรหลบลี้ สิ้นแรง กำแพงกัน
โซ่เหล็กคล้อง สองขา กานดาแน่น ไฟโลดแล่น เร็วรุด สุดผายผัน
ย่างสดสาว ด่าวดิ้น สิ้นชีวัน ญาติสุดกลั้น โศกา น้ำตาพรู

กลางถ่านเถ้า ขาวผ่อง กองกระดูก สายโซ่ผูก ล่ามขา น่าอดสู
ชามข้าวนาง วางไว้ ใกล้โฉมตรู ถูกตะปู ตอกหลัง หล่อนนั่งตาย
ใจโหดร้าย ทารุณ บุญไม่รับ เพลิงเผายับ ประยูร สูญสลาย
ผลทำผิด คิดคด หมดยางอาย ชีพวางวาย เวรสนอง หมองอุรา

หญิงหนึ่งฝี เต็มตัว หัวเป็นเป็ด แกะสะเก็ด ฝีกิน แลบลิ้นหรา
กินเลือดหนอง ของตน ก่นโศกา น้ำเหลืองทา ทั่วร่าง ร้องครางฮือ
ร่างสั่นเทิ้ม คันทั่ว ตัวผื่นผุด จมูกหลุด ตาถลน กลกระสือ
ปากเหม็นฉู่ หูเน่า ถึงเท้ามือ วิกลคือ ปีศาจ น่าหวาดกลัว
บาปทรงเจ้า เข้าผี วจีเท็จ ให้บนเป็ด ไก่หมู พร้อมหูหัว
เรียกขวัญข้าว เงินทอง เป็นของตัว ให้ฆ่าวัว ควายใหญ่ ไหว้บูชา
จัดหมากพลู ใส่พาน บนบานบอก พูดลวงหลอก ให้หลง พะวงหา
เงินผูกคอ หม้อดิน รินสุรา ขับโรคา หายห่าง มิวางวาย
อ้างตนคือ ผีปู่ ผู้เป็นใหญ่ ใครเจ็บไข้ บนตู สูจะหาย
ถูกกระทำ ย่ำเยีย ไม่เพลียตาย เคราะห์ร้ายกลาย เป็นดี ไม่มีภัย



เห็นชายหนึ่ง น่ากลัว หัวขาดด้วน นอนครางครวญ เพ้อคลั่ง เลือดหลั่งไหล
เลื่อยตัดกลาง ร่างขาด เลือดสาดไป บาดตับไต ไส้เส้น เอ็นออกกอง
ร้องโอดโอย โหยหวน ส่วนตรงหัว รอบลำตัว เขียวช้ำ ซ้ำมีหนอง
ดิ้นกระแด่ว แผ่วเบา เนื้อเน่าพอง พลางยกสอง มือคลำ ที่ลำคอ
บาปลักตัด เศียรพระ พุทธรูป เจาะสถูป พระเจดีย์ พระที่หอ
ลอบงัดแงะ วัดวา ไม่รารอ ทองหลวงพ่อ ลอกขาย ไม่อายคน

ชายหนึ่งอัณ ฑะใหญ่ เท่าไหโอ่ง กลิ่นเหม็นโขลง คละคลุ้ง ฟุ้งทั่วหน
น้ำหนักมา กลากลู่ ดูพิกล ยกพาดบน บ่าแบก น่าแปลกใจ
เดินซวนเซ นั่งทรุด หยุดนั่งทับ ถุงใหญ่คับ หว่างขา น้ำตาไหล
ลุกโก้งโค้ง โยงโย่ โซเซไป เมื่อยหัวไหล่ ปวดหลัง นั่งไม่ลง
แร้งกานก ตะกรุม รุมยื้อแย่ง จิกเนื้อแหว่ง ฟัดเหวี่ยง ร้องเสียงหลง
แสนเจ็บปวด รวดร้าว ทะท้าวองค์ หกล้มตรง ตอไม้ ตำไส้ตน
บาปตัดสิน ความสวน ทวนความสัตย์ ผู้แพ้คัด ชนะ อกุศล
ไม่เที่ยงตรง คงคำ ทำเล่ห์กล กินสินบน คู่ความ ตามใจตัว

ชายหนึ่งอง คชาต ขาดเลือดชุ่ม ตัวเป็นตุ่ม ต่อมไต ไปถึงหัว
จมูกวิ่น ลิ้นแหว่ง แข้งสั่นรัว หูตามัว ปากเหม็น แทบเป็นลม
ขนเป็นเข็ม เข้าตา มาออกหู สวนเข้าสู่ ร่างกาย โผล่ปลายผม
คอหอยพอก หนอกโน แสนโสมม ตัวเป็นปม ปุ่มปอน เน่าหนอนไช
บาปข่มขืน ฆ่าทิ้ง ทำหญิงทุกข์ ต่อยจนจุก เจ็บท้อง นั่งร้องไห้
ฉุดเข้าดง พงหญ้า ฆ่าขืนใจ ชีพบรรลัย ตกนรก หมกไหม้นาน

เห็นชายหนึ่ง ลำบาก ปากเหมือนหมู จมูกหู วิ่นแหว่ง เลือดแดงฉาน
นัยน์ตาพอง หนองเน่า เท้าพิการ ก้มลงคลาน สี่ขา เหมือนหมาจู
บาปปากกลบ้า ด่าพระ ไม่ละโกรธ เที่ยวยกโทษ โพนทะนา น่าอดสู
ชอบรานระ พระสงฆ์ องค์เจ้ากู ปากเหมือนหมู เหม็นเน่า โฉ่เฉ่านาน


เห็นชายหนึ่ง ปากเน่า นั่งเศร้าสร้อย หนอนทยอย ออกมา หาอาหาร
รุมกัดกิน ลิ้นไก่ ไชทวาร กายวิการ กลิ่นเหม็น มิเว้นวาย
บาปยุยง สงฆ์แยก แตกจากหมู่ มิให้อยู่ ร่วมกัน ฉันสหาย
ผลความผิด ติดตาม ยามตัวตาย วิการกาย กลิ่นเหม็น เหมือนเห็นมา

เห็นงูใหญ่ กายยาว สิบเก้าโยชน์ ไฟรุ่งโรจน์ ลวกร่าง ไหม้มังสา
หัวเป็นคน ตนเป็น งูอยู่ในนา พี่ถามว่า เข้าทำ กรรมอะไร
เขาตอบว่า ชาติก่อน ลักถอนกล้า เผาไร่นา พินาศ คราดคันไถ
เคืองเจ้าของ หมองจิต คิดก่อภัย ลักวัวไป ฆ่าขาย ลักความกิน
ลอบเผาวัด วอดวาย ทำลายของ ลอกเลาะทอง พระไป ใจโฉดหิน
พังกุฏิ วิหาร ขุดลานดิน ชีวิตสิ้น กรรมส่ง บาปบงการ
เป็นงูเหลือม ยาวใหญ่ ไฟลุกทั่ว ลามจากหัว จรดหาง ตามล้างพลาญ
จากหางย้อน ร้อนลน บนกบาล ไหม้สองด้าน สีข้าง กลางลำตัว

เห็นกาใหญ่ กายยาว เก้าโยชน์เศษ น่าสมเพช เพลิงเผา เท้าถึงหัว
ตาถลน ขนขาด น่าหวาดกลัว สั้นระรัว ร้องคราง กลางอรัญ
ชาติก่อนเกิด เป็นกา อยู่ป่าชัฏ คาบข้าววัด บินว่อน ก่อนพระฉัน
เพียงสามคำ นำกลืน ชื่นชีวัน ผลกรรมนั้น ตามสนอง นองน้ำตา

หญิงหนึ่งนอน เปลือยร่าง กลางป่าปก กินทารก ลูกรัก เป็นภักษา
กลิ่นเหม็นคลุ้ง นุ่งลม ห่มนภา เหลือบลิ้นมา ไต่ตอม ตัวมอมแมม
อดข้าวน้ำ ลำบาก ปากเป็นหนอน รุมไชชอน ทั่วท้อง ร้องเสียงแหลม
ไฟลวกร่าง ย่างยับ แสงวับแวม ทั้งขึ้นแรม ร้อนรน เหลือทนทาน
บาปทำแท้ง ยามท้อง ต้องทนทุกข์ เวรกรรมรุก ไล่ล่า น่าสงสาร
ฆ่าลูกตน จนตาย คล้ายยักษ์มาร กรรมบันดาล เดือดร้อน ยามตัวตาย


เห็นหญิงหนึ่ง กายคล้ำ ดำดุจถ่าน ตาเหลือกลาน ร่วงโรย โหยไม่หาย
มีเขี้ยวงอก ออกยาว ราวนางพราย เหม็นกลิ่นกาย คละคลุ้ง ผมรุงรัง
ปากคอเน่า มีหนอน ไชฟอนฟอนเฟะ หน้าตาเละ หนองไหล เลอะไหล่หลัง
เป็นเหยื่อแห่ง แร้งกา น่าเกลียดชัง น่ากลัวดัง ผีดิบ ตายสิบวัน
น้ำใจบาป หยาบช้า ดุด่าผัว ข่มให้กลัว ปากกล้า ว่าเย้ยหยัน
ทั้งตบตี บีฑา สารพัน ด่าถึงบรร –พบุรุษ สุดหยาบคาย
ไม่อ่อนน้อม ถ่อมตัว ให้ผัวรัก ชอบหาญหัก หวงหึง ปึ่งไม่หาย
ซ้ำลบหลู่ ดูหมิ่น สิ้นละอาย ชีพวางวาย ปากแหว่ง แร้งการุม

หญิงหนึ่งน่า เกลียดกลัว หัวเท่าไห ตาเท่าไข่ ห่านเห็น หลังเป็นหลุม
ร่างผอมโซ โผเผ เร่หลบมุม เส้นเอ็นสุม สะพรั่ง ขึ้นทั้งกาย
ยืนเปลือยร่าง ตากลม ระทมจิต ตัวเป็นหิด หูดฝี ไม่มีหาย
ซี่โครงขึ้น ลื่นถลา นัยน์ตาลาย ผมสยาย ยืดยาว ราวรากไทร
บาปทำร้าย เมียหลวง จิตหวงหึง ขึ้นกูมึง ตีตบ สลบไสล
ซ่อนเสื้อผ้า ด่าทอ จนพอใจ หมามุ้ยใส่ ที่นอนใ ห้หล่อนคัน
โปรยฝุ่นผง ลงหัว ตัวอิจฉา ลักบุบผา แป้งผลัด ผ้ารัดถัน
สับภูษา อาภรณ์ หล่อนขาดพลัน วายชีวัน เวรซ้ำ กรรมประดัง
ชายหนึ่งร่าง ไร้หนัง เนื้อยังอยู่ กลิ่นเหม็นฉู่ ถูกเชือด เลือดไหลหลั่ง
แร้งกาจิก พลิกเจาะ กระเพาะพัง น่าเกลียดชัง ครางครวญ ซวนเซไป
บาปจับแพะ แกะขัง ลอกหนังขาย ฆ่าตีตาย มีดเชือด เลือดหลั่งไหล
ถลกหนัง บั้งเนื้อ ร้ายเหลือใจ ชีพบรรลัย กรรมส่ง ลงโทษทัณฑ์

เห็นก้อนเนื้อ ยาวใหญ่ ในอากาศ น่าประหลาด ลอยได้ ไม่นึกฝัน
ฝูงแร้งกา ถลาบิน จิกกินกัน เสียงเนื้อนั้น ร่ำร้อง ก้องนภา
ชาติก่อนเป็น พรานป่า ฆ่านกขาย วิหคตาย เพราะตน คนบาปหนา
ยิงปืนผา หน้าไม้ ไร้เมตตา วายชีวา เป็นก้อน เนื้อร่อนไป


ถึงภูเขา สูงใหญ่ ในป่าโปร่ง คนสูงโย่ง ยืนหยัด พื้นไศล
เอวถึงตี น หินถม จมภายใน โผล่พ้นได้ ครึ่งตัว น่ากลัวตาย
ถูกลมแดด แผดเผา เร่าร้อนร่าง เหมันต์ย่าง เยือนยาว หนาวไม่หาย
อดข้าวน้ำ ลำบาก ทุกข์ยากกาย กินน้ำลาย ต่างน้ำ กรรมของตน
ชาติก่อน เป็นชาว ไร่ใกล้ที่วัด ความโลภจัด ดลจิต คิดฉ้อฉล
เลื่อนเสาหลัก ปักล้ำ ทำเล่ห์กล รุกล้ำจน ที่สงฆ์ ลดลงไป
บาปปักเสา หินบุก รุกที่สงฆ์ ชีพปลิดปลง จ่อมจม ล่มไศล
กรำแดดฝน ทนหนาว ปวดร้าวใจ แถมถูกไฟ ลวกร่าง เพราะสร้างกรรม

เห็นแผ่นดิน ยาวใหญ่ ในป่ากว้าง มีคอคาง แขนขา ช่างน่าขำ
เดินดูเล่น เห็นเหตุ สังเกตจำ หินเอ่ยคำ ว่าไม่ ใช่ศิลา
ชาติก่อนเคย ขุดดิน กินที่วัด ล้ำขนัด สวนสงฆ์ ตรงภูผา
เผาพืชไร่ ไม้ล้ม ถมที่นา ร่างกลายมา เป็นหิน สิ้นสุขใจ
ต้องอดอยาก ปากแห้ง เรี่ยวแรงลด ถูกไฟกรด ไหม้เกรียม เหลี่ยมไศล
ทนทุกข์นอน ร้อนหนาว ร้าวทรวงใน บาปเผาไร่ นาวัด กรรมซัดตน

เห็นชายหนึ่ง ไถนา ใกล้ป่าเปลี่ยว ไล่วัวเดี่ยว ผิวด่าง กลางแดดฝน
มิได้พัก สักครู่ ผิดผู้คน ไถเวียนวน เดินยืน ทั้งคืนวัน
พลบค่ำคน โคไถ ไฟลุกท่วม เนื้อหนังน่วม ร้อนใน ใจคอสั่น
อดอาหาร นานมา เจ็บจาบัลย์ จนนานั้น สูงถึง หนึ่งพันวา
ชาติก่อนเป็น ชาวนา วาจาหยาบ พูดจ้วงจาบ พระสงฆ์ ทรงสิกขา
หากพระเจ้า เอาใจ ช่วยไถนา จะบูชา ชื่นชม พนมกร
ด้วยเวรกรรม ทำไว้ ตามให้ผล รับทุกข์ทน หม่นไหม้ เกินไถ่ถอน
เดินไถนา หน้าตั้ง อดนั่งนอน ควรสังวร วาจา ยามพาที

ชายหนึ่งถูก เผาร่าง กลางที่แจ้ง แผ่นเหล็กแดง คลุมทั่ว ตัวร้อนจี๋
ร่างแดงโร่ โผล่หน้า หาอัคคี ทุกข์ทวี ดิ้นรน มิพ้นภัย
นับร้อยวัน พันปี ไม่มีสุข ไฟลามลุก ร้อนแรง กว่าแห่งไหน
ร้องโหยหวย ครวญคราง กลางกองไฟ ข้าวน้ำไม่ ได้กิน สิ้นกับกัลป์
บาปลักผ้า ห่มโพธิ์ ด้วยโลภะ คลุมศีรษะ ห่มตัว ชั่วมหันต์
ธาตุเจดีย์ มีผ้า ลักมาพลัน ผลกรรมนั้น นำให้ ไฟเผาตน


เห็นชายหนึ่ง ปากจู๋ เท่ารูเข็ม กลากเกลื้อนเต็ม กายตน ทุกข์ล้นหลาม
ตาบอดโบ๋ โสโครก โรคคุกคาม ไฟลุกลาม เลียร่าง กลางอรัญ
ชาติก่อนเป็น นักเลง เก่งฉกาจ ยื้อแย่งบาตร พระสงฆ์ องค์อรหันต์
ทุ่มทิ้งลง ตรงหิน บาตรบิ่นพลัน ของขบฉัน สูญเสีย หกเรี่ยราย
โมโหพระ เพราะไม่ กราบไหว้เขา ข่มขู่เอา อวดกล้า บ้าเหลือหลาย
ถลึงตา หาเรื่อง เคืองระคาย ชีพวางวาย เวรเวียน เบียนบีฑา
กายวิการ เป็นกลาก ปากเน่าเหม็น บาปขู่เข็ญ พระสงฆ์ ทรงสิกขา
นัยน์ตาบอด ปอดบวม รวมโรคา บาปจ้องตา อาฆาต น่าหวาดกลัว


ชายหนึ่งนั่ง กอบแกลบ ไฟแลบลุก แสนสนุก นำไป ไว้บนหัว
เผาผมผิว นิ่วหน้า ตามืดมัว ไหม้เนื้อตัว แตกพอง หนองทลาย
ชาติก่อนเป็น พ่อค้า โกงตาชั่ง ให้สัดถัง ถ่ายเท เล่ห์กลหลาย
ข้าวปนแกลบ แอบเพิ่ม เติมมากมาย ตักตวงขาย เช้าค่ำ เอากำไร

ชายหนึ่งนั่ง ยิ้มร่า ท่าผยอง กุมกระบอง เหล็กแดง แสงสุกใส
ตีหัวตน จนแตก น่าแปลกใจ เลือดหลั่งไหล เป็นทาง พลางร้องพลาง
ชาติก่อนโกรธ บิดา ว่าไม่รัก เพียงแต่ตัก เตือนหา ว่าข่มเหง
ฉวยไม้ตี ที่หัว พ่อตัวเอง ไม่กลัวเกรง บาปกรรม ทำลงคอ
บาปตีพ่อ ตอนตาย กลายเป็นเปรต แสนทุเรศ ลำบาก อ้าปากหวอ
ต้องตีหัว ตัวเอง เก่งเกินพอ ไม่รีรอ กระหน่ำ ตีร่ำไป

หญิงหนึ่งเศร้า กำสรด เหมือนหมดหวัง ฉีกเนื้อหนัง ตัวกิน เลือดรินไหล
แสนเจ็บแสบ แปลบปวด รวดร้าวใจ เนื้อหมดไม่ หายอยาก ลำบากกาย
ชาติก่อนเป็น สะใภ้ ใจคิดคด ลักเนื้อสด แม่ผัว ชั่วเหลือหลาย
ถูกซักถาม ตามหา หน้าไม่อาย ว่าใส่ร้าย ป้ายสี ไม่มีจริง
สบถว่า ถ้าลัก เนื้อสักนิด สิ้นชีวิต ชาติหน้า ผีบ้าสิง
ฉีกเนื้อหนัง นั่งกิน สิ้นชังชิง ไม่ประวิง เวลา ขอสาบาน

เห็นกัญญา อดอยาก ลำบากยิ่ง ทุกวันวิ่ง ไปมา น่าสงสาร
กินมูตรคูถ บูดเน่า ไม่เข้าการ ทรมาน ร่างกาย หลายร้อยปี
ชาติก่อนใคร ยืมของ ต้องโกหก หวงแหนปก ปิดไว้ ใจตระหนี่
มีของหลอก บอกได้ ว่าไม่มี ถูกเซ้าซี้ สาบาน เดือดดาลใจ
หากปกปิด โป้ปด ไม่อดสู ของมีอยู่ บอกว่า หามีไม่
ให้กินมูตร คูถเหม็น มีเวรภัย เกิดชาติใด เดือดร้อน นอนระทม

ชายหนึ่งร้อง ดิ้นรน ขนเป็นหลาว หลุดเหินหาว หกลง ตรงแสกผม
ทิ่มแทงตน จนหนำ ช้ำระบม ร้องระงม นอนหงาย ปิ้มวายปราณ
ชาติก่อนเป็น เพชฌฆาต ประมาทจิต ฆ่าคนผิด กฎหมาย – ให้ประหาร
ประสงค์ทรัพย์ รับทำ กรรมสามานย์ เวรบันดาล นอนดิ้น เพียงสิ้นใจ

ชายหนึ่งขน เป็นเข็ม เล่มเขื่องเขื่อง งอกขึ้นเนือง แน่นหนัง เลือดหลั่งไหล
กระเด็นออก นอกตน พ้นขึ้นไป ตกลงใส่ สองตา กายาตน
แสนเจ็บแสบ แปลบปลาบ ด้วยบาปเคราะห์ ขนเข็มเจาะ จี้ไช ในขุมขน
ร้องเสียงลั่น สั่นรัว กลัวเข็มกล สุดทานทน ทุกข์ถม ล้มทันใด
ชาติก่อนรับ ฝึกม้า ได้ค่าจ้าง ให้สอนย่าง วิ่งเหยาะ เพาะนิสัย
ม้าดึงดื้อ ถือปฏัก ปักหลังไป ขนจึงได้ เป็นเข็ม ขึ้นเต็มตัว


เห็นดอกบัว เหล็กแดง ไฟแรงลุก หญิงสาวซุก ซ่อนร่าง กลางบัวหลวง
ห่อหุบกลีบ หนีบหน้า สุดาดวง นั่งข้อนทรวง โศกา น้ำตานอง
เลือดไหลหยด เยิ้มทั่ว กลีบบัวสด กายถูกกด จมลึก นึกสยอง
ไฟลวกร่าง ย่างยับ ตับไตพอง ดิ้นรนร้อง โหยหา กว่าสิ้นกรรม
ชาติก่อนเป็น เจ้าหนี้ ไม่มีชื่อ แก้หนังสือ สัญญาเช่า ช่างน่าขำ
หมื่นเป็นแสน แผนชั่ว ตัวกระทำ นาจำนำ จำนอง ยึดครองพลัน

หญิงหนึ่งเล็บ มืองอก เป็นหอกดาบ ผมยาวหยาบ สูงใหญ่ ไม่มีถัน
เกาเนื้อหนัง หลังหน้า แขนขาคัน ร้องเสียงลั่น ดิ้นรน ไม่พ้นภัย
เล็บฝังลึก เนื้อเละ เทะทะลัก ปลากหอกปัก ปวดพิษ โลหิตไหล
แผลพุพอง หนองเน่า หนอนเข้าไช กัดตับไต ไส้พุง ขาดรุงรัง
ชาติก่อนชอบ เล่นแชร์ แม่นกฮูก โกงเงินลูก วงเร้น ไม่เห็นหลัง
หลอกให้เล่น เป็นล้าน วิมานพัง ดับความหวัง ลูกวง ได้ลงคอ

ชายหนึ่งนอน แนบพื้น ยืนมิได้ เกลือกกลิ้งไป เหมือนปลา อ้าปากหวอ
เข้าถึงใน ไร่อ้อย ค่อยเหนี่ยวกอ เอื้อมมือพอ จะหัก ชะงักงัน
ลำอ้อยแข็ง ขืนขัด สะบัดหลุด เงื้อตีสุด กำลัง ดังสนั่น
ถูกหัวโน โศกา เจ็บจาบัลย์ ยังไม่ทัน ได้กิน จวนสิ้นใจ
ชาติก่อนแบก มัดอ้อย ค่อยก้าวย่าง กัดกินพลาง ร้องเพลง เปล่งเสียงใส
สองลุงหลาน ผ่านมา รีบคลาไคล เด็กอยากได้ อ้อยกิน ร้องดิ้นรน
ลุงเอ่ยขอ อ้อยเขา เอาให้หลาน ฟังคำขาน ทำเป็น ไม่เห็นหน
ลุงอ้อนวอน งอนง้อ ของร้องตน ตัดกมล โยนให้ ไปหนึ่งลำ
มิเต็มใจ ให้ทาน รำคาญจิต เพราะใจติด ตระหนี่ ไม่มีหนำ
ไม่เคารพ จบให้ จำใจทำ ต้องรับกรรม ถูกตี ศีรษะตน
ก่อนให้ต้อง ตั้งใจ ไม่ตระหนี่ ขณะที่ ให้เห็น เป็นกุศล
มิเสียดาย ภายหลัง จิตกังวล ทานมีผล สมบูรณ์ พูนทวี

ชายหนึ่งจม หลุมคูถ ชะลูดร่าง คูถท่วมคาง คับแค้น ใคร่แล่นหนี
เพียรปีนป่าย หงายหก ตกวารี ร่างกายมี กลิ่นเหม็น มิเว้นวาย
คูถเปื้อนทั่ว หัวหู ดูน่าเกลียด แขนยาวเหยียด ชูหรา ตาหลุดหาย
โผล่หัวขึ้น ยืนขึ้น มือตีนตาย หมู่หนอนว่า ไชชอน บ่อนเนื้อตน
ชาติก่อนลอบ สมสู่ คู่ครองเขา ข่มขืนเอา ไม่อาย ผิดหลายหน
ลวนลามหญิง วิ่งฉุด บุตรสาวคน ต้องรับผล เวรกรรม ช้ำอุรา


พระหลายรูป ลอยล่อง ท่องอากาศ สบงบาตร จีวร ร้อนเหลือหลาย
เพลิงเผาร่าง กลางหาว ปวดร้าวกาย เลือดเปื้อนสาย ประคด หยดเป็นยาง
ชาติก่อนบวช เป็นพระ ประพฤติผิด ไม่ตั้งจิต ศึกษา ว่าถากถาง
รับดูดวง ลวงโลก ให้โชคลาง หากินทาง ทุจริต ผิดวินัย

ชายสองตน โผเข้า กอดเตาถ่าน เพลิงเผาพลาญ หนังพอง เลือดหนองไหล
ก้มหน้าลง ผจงจูบ ลูบเปลวไฟ ปากคอไหม้ หม่นหมอง ร้องระงม
ชาติก่อนเป็น พี่น้อง สองหนุ่มใหญ่ แต่ยังไม่- มีคู่ จะสู่สม
เที่ยวฉุดคร่า อนาจาร มานานนม ร่วมกันข่ม ขืนฆ่า พวกบ้ากาม

ชายหัวเท่า เขาใหญ่ ไฟลวกร่าง ร้องครวญคราง เจ็บขา น่าเกรงขาม
เหล็กแดงร้อน ก้อนใหญ่ ไฟลุกลาม ตกต้องตาม เนื้อตัว หัวหูตน
หกหมื่นก้อน ตกค้าง กลางศีรษะ เพลิงเผากระ- หม่อมหาย เจ็บหลายหน
ประเดี๋ยวงอก ออกใหม่ ถูกไฟลน ร้อนเหลือทน ทุกข์ถม วิ่งซมซาน
หลบไม่พ้น ผายผัน สั่นสะทก ก้อนเหล็กตก ต้องตา น่าสงสาร
กองซับซ้อน ร้อนรน บนกบาล ทรมาน กายใจ ผมไหม้เตียน
ชาติก่อนก่อ กรรมชั่ว ยิงหัวพระ ลูกปืนกะ เก็งแม่น แล่นถูกเศียร
เลือดโทรมกาย วายวาง ใกล้ทางเกวียน ผลกรรมเวียน วนสนอง หมองอุรา

หญิงหนึ่งหน้า ซีดเผือด เลือดหลั่งไหล ไม่มีหนัง หุ้มเนื้อ ไร้เสื้อผ้า
นกตะกรุม รุมทึ้ง ดึงสุดา ฝูงแร้งกา จิกกิน เจ็บอินทรีย์
ร้องโหยหวน ครวญคราง ยืนกลางทุ่ง ผมยาวยุ่ง หยาบใหญ่ ไม่เคยหวี
แผลเหวอะหวะ ทะลุ เปื้อนธุลี แมลงหวี่ แมลงวัน พากันตอม
อดข้าวน้ำ ลำบาก ตากลมฝน ร้องดิ้นรน ร่างกาย ซูบผ่ายผอม
หมากัดน่อง ร้องไล่ มันไม่ยอม ฝีสุกงอม งอกทั่ว หูหัวตน
ชาติก่อนชอบ คบชู้ มิรู้ชั่ว นอกใจผัว ผิดศีล หมิ่นกุศล
ไม่จงรัก ภักดี มีเล่ห์กล ลอบเปรอปรน ชายอื่น ชมชื่นใจ
ร่างกายตัว ผัวหวง ลักล่วงสิทธิ์ เชิญชูชิด เชยชม อารมณ์ใคร่
หนังจึงลอก ออกเหลือ แต่เนื้อใน หนอนชอนไช เพราะชั่ว ที่ตัวทำ


เห็นงูเหลือม ยาวใหญ่ ในดงหญ้า เลื้อยปราดมา ม้วนขด ขนดหาง
สูงตระหง่าน ปานภู อยู่ริมทาง อ้าปากกว้าง ดุจถ้ำ คำรามดัง
เฝ้าจอมปลวก นานปี ไม่หนีหน้า ใครไม่กล้า ยุ่งเกี่ยว เสียวสันหลัง
สัตว์เล็กใหญ่ ไล่ถอย คอยระวัง จนกระทั่ง มืดมิด ไม่นิทรา
เลื้อยร่างไป เข้าป่า หาอาหาร ถึงลำธาร ไล่งับ จับมัจฉา
พบกวางเก้ง เร่งรัด มัดกายา ตายแล้วอ้า ปากอม กินสมใจ
ทำตัวแบน วิดบ่อ ก็ชาญเชี่ยว หัวหางเกี่ยว กิ่งยาง ข้างสระใหญ่
หย่อนร่างลง ตรงกลาง พลางวิดไว เหมือนคนไกล เปลเปล่า จับเอาปลา
ชาติก่อนเป็น เศรษฐี มีเงินแสน หากหวงแหน เก็บไว้ บุญไม่หา
ฝังจอมปลวก พวกไม่- ได้พึ่งพา จึงต้องมา นอนเฝ้า ทุกเช้าเย็น
หาทรัพย์ได้ ใช้ดี ไม่มีชั่ว เลี้ยงครอบครัว ของตัว พ้นทุกข์เข็ญ
ญาติมิตรป่วย ช่วยหาย คลายลำเค็ญ บ่มบุญเป็น กุศล ตามตนไป
เสียภาษี อากร ต้อนรับแขก พบผู้แบก ทุกข์แปล้ ช่วยแก้ไข
ช่วยพวกพ้อง พี่น้อง มีน้ำใจ ญาติตักษัย เจือจุน บำเพ็ญบุญ

เห็นช้างเผือก เชือกใหญ่ ในเนาป่า หนามไผ่อ้า ปากงับ รับทุกข์เข็ญ
หนามตำลิ้น ดิ้นรน ทนลำเค็ญ เลือดกระเซ็น โทรมกาย ปิ้มวายปราณ
ชาติก่อนตัด- สินความ ตามสินจ้าง ละทิ้งทาง เที่ยงธรรม ประจำศาล
ไม่เทิดทูน คุณค่า ตุลาการ กรรมบันดาล เดือดร้อน นอนระทม

ชายหนึ่งไฟ ไหม้เรือน เดือนละหน ร้องดิ้นรน แร้นแค้น แสนขื่นขม
ไฟลวกร่าง ย่างเนื้อ เหลือระบม เที่ยวซานซม ซัดเซ พเนจร
ชาติก่อนเขา เผาป่า ไล่ล่าสัตว์ จุดพงชัฏ ลุกโชน โดนหมู่หนอน
ส่ำเสือสิงห์ ลิงค่าง ร้างแรมรอน ไม่มีบ่อน อาศัย จำใจลา

ถึงภูเขา ข้างดง ล้วนพงหนาม เพลิงลุกลาม เร็วไว ไหม้ทั่วป่า
ชายพันคน ลนลาน ซมซานมา เสียงร้องท้า- ทายกัน ลั่นพงไพร
กุมกระบอง เหล็กแดง แสงไฟจ้า คล้ายคนบ้า โบยกัน สนั่นไหว
เดินโซเซ เฮฮา เร่งคลาไคล บ้างร้องไห้ หัวเราะ เกาะมือกัน
ชาติก่อนเมา สุรา อาละวาด ตกเป็นทาส เทรัย ใจหุนหัน
กัดปลาปน ชนไก่ ใฝ่พนัน สารพัน นักเลง ไม่เกรงกราม


หญิงห้าร้อย เปลือยร่าง ข้างเขาเขียว รูปร่างเพรียว ทุกผู้ ดูคมขำ
กินของทิพย์ ลิบโลก โชคหนุนนำ อาศัยถ้ำ ที่อยู่ เป็นอู่นอน
นั่งหงอยเหงา เจ่าจุก ทนทุกข์เศร้า โฉมเฉลา ละอาย กายสมร
อดท่องเที่ยว เลี้ยวลด บทจร ไร้อาภรณ์ เสื้อผ้า มิกล้าไป
ชาติก่อนเลี้ยง หมูขาย รายได้มาก บริจาค ทำบุญ คุณไสว
ซื้อเสื้อผ้า อาภรณ์ ท่อนสไบ เครื่องลูบไล้ แต่งหน้า สำอางตา
ลุวันพระ ละบาป กราบรัตน์ไตร ถือศีลสัตย์ สุขสันต์ สิ้นพรรษา
ถวายทาน การกุศล ตนศรัทธา วายชีวา บุญส่ง บาปบ่งการ
เลี้ยงหมูขาย ได้เงิน เพลินแต่งร่าง นำให้นาง เปลือยกาย อายลูกหลาน
รูปร่างสวย ด้วยศีล คุ้มวิญญาณ เพราะผลทาน ได้หยิบ ของทิพย์กิน

นารีหลบ แดดร้อน นอนร่มไม้ มะม่วงใหญ่ ขึ้นอยู่ คู่เขาหิน
ลมพัดแรง แกว่งไกว ใบตกดิน เป็นดาบสิน คอขาด น่าหวาดกลัว
งูยาวใหญ่ ไล่งับ ขยับดิ้น กาจิกกิน นกตระกรุม รุมจิกหัว
ไฟลวกร้อน นอนผวา ตามืดมัว ร่างสั่นรัว ร้องคราง กลางพงไพร
ชาติก่อนลัก สอยพวง มะม่วงวัด ขายเอาอัฐ เลี้ยวตัว ชั่วไฉน
ขนของสงฆ์ ลงเรือ เพื่อลักไป ชีพบรรลัย ลงนรก หมกไหม้นาน

เห็นชายแช่ ชลเค็ม เต็มสระศรี แสบอินทรีย์ โศกา น่าสงสาร
หวายเหล็กบาก ปาดคอ ทรมาน บัวเหล็กบาน ห่อกลีบ หนีบหน้าตน
สาหร่ายเหล็ก ลุกร้อน รัดท่อนแขน หอกหลาวแหลน เหล็กแดง แทงขุมขน
เบ็ดเกี่ยวลิ้น ปลิ้นพอง ร้องดิ้นรน ร้อนเหลือทน ทั่วท้อง น้ำทองแดง
บาปทำกรรม การประมง ลงอวนมาก ร่วมกันลาก ล้ำลุก ไปทุกแห่ง
จับมัจฉา หน้าไข่ โทษร้ายแรง ถูหอกแทง มีดเถือ เหลือทนทาน

ชายหนึ่งนอน ตัวงอ ในหม้อเหล็ก มิใช่เล็ก ราวภู ต้มผู้พลาญ
ไฟร้อนรน ก้นหม้อ ทรมาน น้ำเดือดพล่าน ลวกร่าง ร้องระงม
ชาติก่อนจับ ปลาเป็น เห็นสนุก จี่จนสุก คาเตา เผาหอยขม
จับเป็ดไก่ ไปย่าง ต่างนิยม จับเต่าต้ม ทั้งเป็น เวรตามทัน


ขอข้ามความโหด สยอง อีกมากมายไปสู่บรรยากาศอื่น ดีกว่าครับ

นอกจากความสามารถของผู้ประพันธ์ ที่พร่ำพรรณนาความโหดร้ายน่าสะพรึงกลัวแล้ว
พระภิกษุรูปนี้ยังพรรณนาในบทชมนกชมไม้ได้อย่างไหลลื่น จนผู้อ่านเคลิบเคลิ้มตามอารมณ์สุนทรีของ
ท่านที่ชมนกชมไม้งามไปก็เกี่ยวกระหวัดใจถึงคู่รัก ซึ่งดูเหมือนเป็นมาตราฐานที่นักประพันธ์
ดำเนินตามกวีโบราณหลายๆท่าน ที่ชมธรรมชาติไปก็ยิ่งคิดถึงนางในดวงใจ

ไฟล์แนบ



#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 03:36 AM

เลื่อมใสๆๆๆๆ ในวิริยะบารมีที่พิมพ์มาได้เยอะขนาดนี้จิงๆๆ ครับ
สาธุ....ยาววว........ววววว อีกแล้ว
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#3 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 04:50 PM

ประเด็นที่น่าวิจารณ์

ปรโลก หรือโลกอื่น มีจริงหรือไม่
ปร แปลว่า อื่น อันหมายถึงโลกอื่นที่มิใช่โลกมนุษย์ที่เราอาศัย
จากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนั้น เราต่างยอมรับกันว่า นับตั้งแต่มีกล้อง Hubble
ผลิตขึ้นมาเมื่อร้อยกว่าปีนี้ นักดาราศาสตร์จึงเห็นว่าจักวาลไม่ได้มีเพียงจักวาลเดียว แต่มีนับไม่ถ้วน ยิ่งเครื่องมือคือกล้องส่องทางไกลวัฒนาการมากแค่ไหนก็ยิ่งเห็นจักรวาลมากขึ้นเท่านั้น
แต่น่าประหลาดว่า เมื่อกว่า ๒,๕oo ปีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงตรัสเรื่องอนันตจักรวาลมาแล้ว
ทั้งที่สมัยนั้นไม่มีกล้องส่องทางไกลที่นักดาราศาสตร์ใช้

แม้ในความเชื่อของแต่ละศาสนาก็ยอมรับว่า ปรโลก (โลกอื่น) มีจริง เช่น
- คริตส์ชนถูกสอนให้เชื่อว่า คนปาปตายแล้วไปนรก นักบุญตายแล้วไปสวรรค์ ( โลกอื่น )
ชาวมุสลิมก็มีความเชื่อว่า มีนรก มีสวรรค์

การยอมรับว่ายังมีจักรวาลอื่นๆอีกมากมายก็แสดงว่า
เป็นไปได้มากที่มีโลกอื่นนอกจากโลกมนุษย์ที่เราอาศัย การยอมรับว่า มีนรก มีสวรรค์ ก็แสดงว่า มีโลกอื่น แสดงว่าโลกอื่นมีจริงอย่างแน่นอน

วิธีพิสูจน์ว่า มีโลกอื่น จริงหรือ

๑ ) ลองตายแบบไม่ฟื้นดู ( วิธีนี้ไม่ควรทำอย่างยิ่ง )
๒ ) ตายแล้วฟื้น มีหลายท่านที่มีประสบการณ์นี้ คงเคยได้ข่าวได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง
๓ ) ขยันนั่งสมาธิเจริญภาวนา ให้จิตบริสุทธิ์ หยุดนิ่ง ได้ญาณทัสสนะ ไปเห็นนรก สวรรค์ เอง
๔ ) กฎแห่งกรรม มีจริงหรือไม่

กฎหมายยังเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ยามยุคสมัย แต่กฎแห่งกรรมใช้ได้ยุคยุคสมัยไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือ

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

กฎแห่งกรรม คือ กฎแห่งการกระทำ ตามนัยของพระพุทธศาสนาหมายถึง เมื่อเรากระทำสิ่งใดๆ
ทางกาย วาจา แม้แต่ทางความคิด นั่นคือ การประกอบเหตุ เมื่อประกอบเหตุก็ต้องมีผลตามมา เพียงแต่
การส่งผลไม่ทันใจมนุษย์เท่านั้นเอง หลายเรื่องที่เราเห็นคนทำดี แต่ชีวิตมีปัญหารุมเร้า หรือเห็นคนทำชั่ว
กลับร่ำรวย ได้รับเกียรติในสังคม

ข้าพเจ้าเชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง เพราะอย่างน้อยที่สุดเมื่อตนเองคิดร้าย พูดร้ายๆกับผู้อื่น ตนเองก็
ไม่สบายใจ และโดนผู้อื่นว่าร้ายกลับเสมอ

วิธีพิสูจน์ว่า ทำดีได้ดี จริงหรือ

คิด คือ ตื่นเช้ามาคิดถึงเรื่องที่สบายใจ คิดอยากให้ทุกคนในโลกไม่มีทุกข์ มีแต่ความสุข หน้าตาสดชื่น
ทำ คือ ใส่บาตรพระทุกเช้า มีรอยยิ้ม มีปิยวาจาให้ทุกคนรอบข้าง ก่อนนอนสวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา
ให้มนุษย์และสัตว์ทั้งมวล ภายใน ๑ เดือนท่านคงเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

วิธีพิสูจน์ว่า ทำชั่วได้ชั่ว จริงหรือ

ตื่นเช้ามาดื่มสุราให้เต็มที่ เจอใครก็ทุบตี ด่าว่าเขา แย่งชิงทรัพย์เขา แย่งสามีหรือภรรยาของผู้อื่น
สร้างเรื่องโกหกทุกคนรอบข้าง แค่คิดตามก็รู้แล้วว่า ทำชั่วจะได้ชั่ว คือมีความทุกข์หรือไม่


บทประพันธ์ นิราศปรโลกที่สามารถปรับทิฎฐิคือ ความเห็นของผู้อ่านให้ตรงกับความเป็นจริงในโลก ชีวิตมนุษย์และสรรพสัตว์ว่า ชีวิตเป็นเรื่องของเหตุกับผล Input ย่อมสัมพันธ์กับ Output เสมอ
คือ ประกอบเหตุอย่างไรก็ได้ผลอย่างนั้น ตามกฎแห่งกรรม ซึ่งเป็น Law of the Truth ที่ใช้ได้กับชนทุกเพศทุกวัย
ทุกชนชาติ ผิวพรรณ และทุกความเชื่อ

ถ้าใครหมั่นประกอบเหตุ คือ Input ด้วยการ ลด ละ เลิก เว้นขาดจากความคิดที่ร้ายๆ คำพูดที่ร้ายๆ การกระทำ
ที่ร้ายๆ ไม่มีการแก่งแย่ง เบียดเบียนผู้อื่น ผลที่ตามมา ( Output ) คือ ตนเองก็มีความสบายใจ เบาใจ ไม่ต้องกังวลว่า ใครจะมาทำร้ายเรา

ถ้าแต่ละคนในบ้าน ในชุมชน ในสังคมทั่วโลกมีความเห็นตรงกันว่า การเอารัดเอาเปรียบ การแก่งแย่งทรัพย์
การแก่งแย่งอำนาจ การแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ การแสวงหาอำนาจในทางชั่ว การชิงดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ผู้อื่น การโกงกิน การทุจริต ( Corruption ) เป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรทำและไม่ทำ เพียงเท่านี้แต่ละบ้าน แต่ละชุมชนในทุกสังคมโลกก็จะปลอดจากภัยมนุษย์ด้วยกันเอง ความสงบสุข ก็จะเกิดขึ้น

ควรคิด พูด ทำแต่สิ่งดีๆในตนเองและทุกคนรอบข้าง ปฏิบัติอยู่ในศีลธรรมของศาสนาตนเอง ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ถูกต้องตามเพศ ภาวะ สถานะภาพ ตำแหน่งทางสังคม เช่นว่า ใครที่เป็นผู้นำ เป็นผู้ใหญ่ ก็ควรปฏิบัติพรหมวิหารธรรม ๔ คือ

เมตตา อยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วยมีความสุข

กรุณา อยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วยไม่มีความทุกข์

มุทิตา เมื่อเห็นใครได้ดีก็ไม่อิจฉาริษยา มีแต่พลอยยินดีกับท่านเหล่านั้นไปด้วย

อุเบกขา ไม่ให้คุณให้โทษ ด้วยอคติ ตัดสินอะไรตามหลักการไม่ใช่หลักกู หลักกฎหมาย ศีลธรรมของบ้านเมือง
ปัญหาหลายอย่างแก้ไม่ได้ ก็ปล่อยวางเสียบ้าง อุปมาปัญหาต่างๆก็เหมือนกับโรคร้าย
หลายโรค ไม่รักษาก็หาย รักษาก็หาย
หลายโรค ไม่รักษาก็ไม่หาย รักษาก็หาย แต่
หลายโรค รักษาแค่ไหนก็ไม่หาย ก็ต้องปล่อยวางเสียบ้าง

คนดี ต้องมีความจริงใจสื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อวาจา ต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง ต่อหน้าที่การงาน และต่อหลักคุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ

คนดีจะตระหนักเสมอถึงบุญคุณของแผ่นดินคือประเทศชาติที่ตนได้อาศัย และหมั่นหาทางตอบแทนบุญคุณประเทศ
ด้วยการเป็นพลเมืองดี ประพฤติตนอยู่ในกรอบกฎหมาย และศีลธรรมอันดีงาม
มีวิริยะอุตสาหะ ความซื่อสัตย์สุจริตในหน้าที่การงาน และสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ชุมชนใด สังคมใด รัฐใด ประเทศใดมีผู้นำดี ประเทศนั้นๆก็มีความมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งด้วยความสงบสุข

สรุปว่า
ควรมองที่ตัวเราก่อนว่า ได้ทำสิ่งดีๆให้ตนเอง คนในครอบครัว และทุกคนที่เราเกี่ยวข้องได้แค่ไหน
ถ้ามองในระดับสังคมระหว่างประเทศ คือ การที่แต่ละคน ซึ่งเป็นเสมือนแต่ละ Cell ในร่างกาย ร่วมกันคิดแต่สิ่งดีๆ
ร่วมมือกันพูดแต่สิ่งดีๆในทางสร้างสรรค์ มีปิยะวาจาให้กัน ร่วมมือกันสามัคคีกันทำแต่ความดี รู้จักประนีประนอม
ให้อภัยทานบ้าง ความสงบสุขและสันติภาพโลกที่ทุกคนใฝ่ฝันก็จะเป็นความจริง

โดยเริ่มต้นจากตัวเรา

#4 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 January 2006 - 01:10 AM

QUOTE
ปรโลก หรือโลกอื่น มีจริงหรือไม่
ปร แปลว่า อื่น อันหมายถึงโลกอื่นที่มิใช่โลกมนุษย์ที่เราอาศัย
จากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนั้น เราต่างยอมรับกันว่า นับตั้งแต่มีกล้อง Hubble
ผลิตขึ้นมาเมื่อร้อยกว่าปีนี้ นักดาราศาสตร์จึงเห็นว่าจักวาลไม่ได้มีเพียงจักวาลเดียว แต่มีนับไม่ถ้วน ยิ่งเครื่องมือคือกล้องส่องทางไกลวัฒนาการมากแค่ไหนก็ยิ่งเห็นจักรวาลมากขึ้นเท่านั้น

โมทนาสาธุการด้วยครับ
ใจผมเองเชื่อเต็ม 100% เลยว่าปรโลก หรือโลกอื่นนั้นมีจริงครับ ผมเชื่อในพุทธญาณ และสิ่งที่เรียกว่าโลกอื่นบางทีอาจจะเป็นมิติที่ 5 หรือ 6 ก็ได้ครับ ทุกวันนี้ในวงการวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบมิติได้ถึง 4 มิติแล้ว คือ มิติ กว้าง ยาว สูง และเวลา ผมก็หวังอย่างยิ่งว่าต่อไปมนุษย์จะสามารถค้นพบมิติที่ 5 หรือ 6 ที่เข้าไปสู่มิติแห่งภพได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ครับ
ผมจึงเชื่อว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์เอกของภพ 3 เลยทีเดียวครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#5 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 10 January 2006 - 11:09 AM

คะแนนไพเราะ 10
คะแนนน่าสนใจ 10
คะแนนยาว 100000000

สาธุให้แก่ความตั้งใจค่ะ
เพื่อนก็ชอบค่ะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#6 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 13 January 2006 - 10:35 PM

สาธุ ensure

#7 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 08:39 PM

อันพระธรรมคัมภีร์มีมากนัก ย่อเหลือสามตามหลักไตรสิกขา
รวมลงสิ้น ศีล สมาธิ ปัญญา เหมือนยานพาหนะรอรับต่อกัน
ศีล ดำรงส่งถึง สมาธิ จิตตั้งมั่นพลันดำริแยกธาตุขันธ์
รู้ประจักษ์ลักษณาของสามัญ นั่นคือ ปัญญา แสดงอย่าแคลงใจ
แม้ยังไม่ได้สำเร็จขั้นเด็ดขาด ก็สามารถอบรมบ่มนิสัย
ให้เกิดมีปรีชาปัญญาไว กว่าจะได้ลุถึงซึ่งนิพพาน
ยังมีลมควรระดมความเพียรไว้ อย่าปล่อยให้วันเวลาเข้ามาผลาญ
จนล่วงเลยไปเสียเปล่าไม่เข้าการ เร่งคิดอ่านหากำไรให้ได้มา


ควรดำริในสติปัฏฐานสี่ ตามบาลีคำสอนศาสนา
คือเป็นทั้งสมถวิปัสสนา จงเลือกหาถูกชนิดจริตตน
ตั้งสติตริตรึกระลึกไว้ อุตส่าห์ทำร่ำไปคงได้ผล
ไม่เสียทีที่กำเนิดเกิดเป็นคน ความเวียนวนก็จะน้อยลดถอยลง
ผู้ดำเนินเดินตามสติปัฏฐาน จะพบพานคุณาอานิสงส์
ในแบบท่านยืนยันไว้มั่นคง ได้ดำรงเป็นพระอนาคา
สติปัฏฐานในตำนานยังบอกบ่ง เป็นทางตรงมิได้ย้ายไปซ้ายขวา
ด้วยเป็นข้อปฏิบัติมัชฌิมา จะเห็นอาริยสัจชัดเจนใจ
คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แจ้งประจักษ์ธรรมชาติขาดสงสัย
ไม่มีเราไม่มีเขาไม่มีใคร วางเสียได้ทุกข์ดับลงฉับพลัน

สบโอกาสชาตินี้มีลาภเลิศ ได้มาเกิดพบปะธรรมขันธ์
พุทธศาสน์อันอุดมพรหมจรรย์ ต้องเชื่อมั่นพระมหาปัญญาคุณ
รีบศึกษาพยายามตามคำสอน มัวนิ่งนอนตัณหาจะพาหมุน
ทุกข์คงเพิ่มเติมมาทำทารุณ ต้องเวียนวุ่นเกิดดับนับอนันต์


#8 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 12:07 AM

อนุโมทนา สาธุ กับ กลอนธรรม นำหลุดพ้นของคุณ Joy สาธุ

#9 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 12:30 AM

ควรอ้างที่มาของกลอนธรรมด้วยนะครับ ว่าใครเป็นผู้ประพันธ์ (ถ้ารจนาเองล่ะก็ ต้องขอโมทนา สาธุ... อย่างแรงครับ)

#10 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 16 April 2007 - 01:03 PM

สาธุ