http://www.ounamilit.com/b18_saht.htm
เครื่องรางของขลัง ในมิติวิทยาศาสตร์
เริ่มโดย บุญโต, Oct 20 2006 01:11 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 20 October 2006 - 01:11 PM
#2
โพสต์เมื่อ 20 October 2006 - 01:54 PM
เดี๋ยวนี้เขาไม่สนใจเรื่อง ไสยศาสตร์ กันแล้วคุณบุญโต เขาหันมากวนขนม กระยาสาท กินกันแล้ว อร่อยดีด้วย คุณกินแล้วหรือยัง 555
ปล สนิทกันล้อเล่นคงไม่โกรธกันนะครับ
ปล สนิทกันล้อเล่นคงไม่โกรธกันนะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 20 October 2006 - 03:07 PM
คุณสาครระวังเจอมุกแป๊กนะครับ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#4
โพสต์เมื่อ 20 October 2006 - 03:20 PM
QUOTE
เดี๋ยวนี้เขาไม่สนใจเรื่อง ไสยศาสตร์ กันแล้วคุณบุญโต เขาหันมากวนขนม กระยาสาท กินกันแล้ว อร่อยดีด้วย คุณกินแล้วหรือยัง 555
ปล สนิทกันล้อเล่นคงไม่โกรธกันนะครับ
ปล สนิทกันล้อเล่นคงไม่โกรธกันนะครับ
รอคุณสาครส่งมาให้รับประทานอยู่นี่แหล๊ะ...จะได้รับประทานป่าวไม่รู้!!!
สนิทกันมากเลยนะคะ...ระวังภรรยามาเห็นข้อความนี้นา!!! หยอกเล่นเช่นกันค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 24 October 2006 - 06:45 AM
from เครื่องรางของขลัง ในมิติวิทยาศาสตร์ to ..... uh....
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#6
โพสต์เมื่อ 02 November 2006 - 12:12 PM
คิดว่าเครื่องลางของขลังที่ศักดิ์สิทธิน่าจะเกิดจากแรงศรัทธาและความเชื่อของแต่ละบุคคล ก็เหมือนเรื่องจิตและสมาธิ ถ้าหากเราไม่เชื่อ สงสัย ค้างคาใจ เราก็จะทำสำเร็จได้ยาก และอีกอย่าง อาจเกิดจากความศักดิ์สิทธิของบุคคลที่ทำเครื่องลางนั้นขึ้นมา
ทางที่ดีนะคะอย่าไปยุ่งจะดีกว่าค่ะ
ทางที่ดีนะคะอย่าไปยุ่งจะดีกว่าค่ะ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"
น้ำฝนลูกพระธัมฯ
#7
โพสต์เมื่อ 02 November 2006 - 01:02 PM
ขอแจม เครื่องราง ในมิติไทยๆค่ะ แต่ขอชี้แจงนิดนะคะว่า อันนี้เอามาให้อ่านประดับความรู้นะคะ เห็นพูดถึงเครื่องรางกัน
koonpatt เชื่อว่า ทุกๆท่านมีเครื่องรางประจำตัวกันอยู่แล้วล่ะค่ะ คือ " บุญ "
ซึ่งแต่ละคน ทำขึ้นมาเอง ด้วยชีวิต ด้วยจิตใจ ดังนั้น ขอให้ " บุญรักษา " กันทุกท่านนะคะ สา...ธุค่ะ
.........................................................................................................................................
เครื่องรางของขลัง มีความผูกพัน กับคติความเชื่อของสังคมไทยมายาวนานมาก โดยเฉพาะสังคมไทยที่มีพุทธศาสนา เป็นแกนกลาง บรรดาเครื่องรางของขลังต่างๆ นับเป็นส่วนเสริมให้พุทธาคม กฤตยาคม และไสยาคม สามารถเข้ากันได้ และเดินไปด้วยกัน อย่างเป็นระบบ เป็นระเบียบ ซึ่งบางครั้งมันเป็น เรื่องจำเป็นเหมือนกันสำหรับสังคมคนไทย
อีกความหมายหนึ่งของ เครื่องรางของขลัง น่าจะเป็น "สัญลักษณ์" หรือ "สิ่งชี้นำ" ในยุคโบราณเราจะพบ ลูกปัดหินสี ในลักษณะของเครื่องราง ที่ฝังในหลุมศพ เพื่อเป็นเครื่องชี้นำให้ผู้ตายได้ข้ามภพข้ามชาติไปสู่สุคติตามความเชื่อ
อย่างประเทศอียิปต์ มีสารพัดเครื่องราง อันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมหลังความตาย
"เครื่องราง" กับ "สิ่งชี้นำ"
คนไทยเราก็ใช้ "เครื่องราง" เป็น "สิ่งชี้นำ" เช่นกัน เวลาจะทำอะไร ก็จะอาศัยเครื่องรางเป็นสิ่งบ่งชี้ ช่วยกำหนดการตัดสินใจ หรือคอยช่วยเหลือ ป้องกันภยันตรายต่างๆ อย่าง ขุนแผน เวลาจะออกรบก็จะต้องเตรียมเครื่องรางพร้อมสรรพ
"สะเอวคาดราตคตก็สีดำ คล้องประคำตะกรุดทองทั้งสองสาย
ใส่เสื้อยันต์ลงองค์นารายณ์ เข็มขัดขมองพรายคาดกายพลัน
ประจงจับประเจียดประจุพระ โพกศีรษะทะมัดทะแมงดูแข็งขัน
ทั้งพ่อลูกผัดผงที่ลงยันต์ แล้วเสกจันทน์เจิมหน้าสง่างาม"
เตรียมเสร็จก็จะเริ่มเห็นความหมายของ "เครื่องราง" ในฐานะของ "สิ่งชี้นำ"
เช่น หากไปแล้วจะ ดี ก็จะเห็นสิ่งอันเป็นมงคลแบบ..."ภาวนาตาเขม้น เห็นเมฆฉาย นิมิตเป็นรูปนารายณ์เรืองศรี"
"เครื่องราง" กับ "ลางสังหรณ์" แต่ถ้าไปแล้วน่าจะ ไปลับ อย่าง แสนตรีเพชรกล้า ก็จะเป็นอีก อย่างเช่น
"ครั้งนั้นขาดชันษาชะตาตาย นิมิตสายชลธีเป็นสีแดง"
เขาถึงเรียกกันว่า "เครื่องราง" คือเห็นรางๆ ชัดมั่ง ไม่ชัดมั่ง คล้ายๆ กับ ลางสังหรณ์" แต่ เครื่องราง จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดนิมิต ลางดี ลางร้ายต่างๆ เปรียบเหมือนการเตือนสติให้ระมัดระวัง ไม่ประมาท จะออกทางไหน ซ้ายหรือขวา เครื่องรางก็จะช่วยชี้นำตัดสินใจให้ น่าจะเรียกได้ว่าการเสี่ยงทายนั่นแหละ ซึ่งก็น่าจะมีส่วนดีจริงๆ สมมติว่า มีคนดักตีอยู่หัวตรอก ซึ่งปกติเราต้องออกทางนี้ทุกวัน พอเสี่ยงทายแล้ว เราอาจออกทางท้ายตรอก ก็เลยรอดเจ็บตัวไป
เครื่องรางของขลังโบราณของไทยเรา มีสารพัดชนิด เช่น ประคำ ผ้าประเจียด เบี้ยแก้ ยันต์นานาประเภท ปลัดขิก ตะกรุด ลูกอม กะลาตาเดียว เขี้ยวหมูตัน หนังหน้าผากเสือ รักยม กุมารทอง แหวนพิรอด รูปเคารพต่างๆ เช่น รักยม กุมารทอง นางกวัก แม่โพสพ หรือ เสือ สิงห์ วัวธนู ลิง หนุมาน ล้วนเข้าข่ายเป็นเครื่องรางของขลังทั้งสิ้น
"ฤกษ์ยามเป็นของคู่กันกับการทำเครื่องรางของขลัง" เครื่องรางของขลังของโบราณก็ไม่ใช่ทำกันง่ายๆ ต้องดูฤกษ์ดูยาม วัสดุอาถรรพณ์ กำลังวัน และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ตอนขุนแผนทำกุมารทอง ต้องขอจากนางบัวคลี่ก่อนแล้วทำตามพิธีกรรม
"วางย่ามเปิดกลักแล้วชักชุด ตีเหล็กไฟจุดเทียนขึ้นแดงร่า
เอาไม้ไชยพฤกษ์พระยายา ปักเป็นขาพาดกันกุมารวาง
ยันต์นารายณ์แผลงฤทธิ์ปิดศีรษะ เอายันต์ราชะปะพื้นล่าง
ยันต์นารายณ์ฉีกอกปกปิดกลาง ลงยันต์นางพระธรณีที่พื้นดิน
เอาไม้รักปักเสาขึ้นสี่ทิศ ยันต์ปิดปักธงวงสายสิญจน์
ลงเพดานยันต์สังวาลอัมรินทร์ ก็พร้อมสิ้นในตำราถูกท่าทาง
เอาไม้มะริดกันเกราเถากันภัย ก่อชุดจุดไฟใส่พื้นล่าง
ตั้งจิตสนิทดีไว้ที่ทาง ภาวนานั่งย่างกุมารทอง"
"ผ้าซิ่น เครื่องรางชั้นสูง"
สมัยก่อน เวลาชายไทยถูกเกณฑ์ไปรบทัพจับศึก "เครื่องรางของขลัง นับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องพกพาไปด้วย อาจารย์ดีมีวิชาก็จะปลุกเสกผ้าประเจียดบ้าง ตะกรุดบ้าง ลงนะอักขระเลขยันต์เอาไว้ ฯลฯ บางคนเอาชายผ้าซิ่นแม่พกไปรบ ก็ถือเป็นพระเหมือนกัน คือพระของลูกนั่นเอง ผ้าซิ่นแม่ไม่ใช่ของต่ำ เป็นเครื่องรางของขลังชั้นสูง ไม่ต้องไปปลุกเสกที่ไหน เพราะมีของดีในตัวเองอยู่แล้ว คือ ความรักความห่วงของแม่
บรรดา วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง อันเกิดจากฝีมือคนโบราณ ในอดีตนั้น ล้วนแล้วแต่มีความหมายและแฝง "นัย" ของภูมิปัญญาผู้คนในอดีตทั้งสิ้ ้น
ตะกรุด ก็เช่นเดียวกัน เรามักพบหลักฐานเกี่ยวกับการ "ใช้" ตะกรุดและเครื่องราง ในงานวรรณคดีไทยหลายต่อหลายเรื่อง เช่น ขุนช้างขุนแผน ที่จะมีครบเครื่องเรื่อง ของขลังชนิดเต็มสูบ มีพระเครื่อง พระภควัมบดี วัตถุมงคล และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ อาทิ ดาบฟ้าฟื้น กุมารทอง ผ้าประเจียด เสื้อยันต์ ลูกสะกด หอกสัตโลหะ ตะกรุด เรียกว่าจาระไนกันไม่หวาดไม่ไหว
"ตะกรุด" มหามงคลแห่งความ "ฮึกเหิม" แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเชื่อ และภูมิปัญญา ของบรรพบุรุษไทยแต่โบราณทั้งสิ้น มาว่ากันเรื่อง ความเชื่อ ก่อน เวลาคนจะไปรบทัพจับศึก ถ้าหากได้พกพาวัตถุ ที่เราเชื่อว่าเป็นมงคลในอันที่จะป้องกันอันตรายได้ ก็จะทำให้เรามีความมั่นใจและฮึกเหิมในการศึก ดังนั้นวัตถุมงคล เช่น ตะกรุด ที่ได้รับการจารพระคาถาบนโลหะอันวิเศษ และผ่านพิธีการปลุกเสก จึงเป็นที่พึ่งทางใจที่สำคัญมาก
คนเราถ้ามีกำลังใจดี ทำอะไรก็มักจะสำเร็จ ที่เรียกว่า กำลังใจดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
..เห็นได้จากบทความข้างต้นว่าคนไทยเรามีส่วนในการเชื่อถือเรื่องเครื่องราง เรื่องไสยศาสตรืมานานนับร้อยๆปีไม่ใช่พึ่งมีกันเมื่อไม่กี่สิบปี แสดงว่าเรื่องราวเหล่านี้ย่อมมีส่วนจริงบ้างไม่เช่นนั้นสิ่งเหล่านี้คงสูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว
koonpatt เชื่อว่า ทุกๆท่านมีเครื่องรางประจำตัวกันอยู่แล้วล่ะค่ะ คือ " บุญ "
ซึ่งแต่ละคน ทำขึ้นมาเอง ด้วยชีวิต ด้วยจิตใจ ดังนั้น ขอให้ " บุญรักษา " กันทุกท่านนะคะ สา...ธุค่ะ
.........................................................................................................................................
เครื่องรางของขลัง มีความผูกพัน กับคติความเชื่อของสังคมไทยมายาวนานมาก โดยเฉพาะสังคมไทยที่มีพุทธศาสนา เป็นแกนกลาง บรรดาเครื่องรางของขลังต่างๆ นับเป็นส่วนเสริมให้พุทธาคม กฤตยาคม และไสยาคม สามารถเข้ากันได้ และเดินไปด้วยกัน อย่างเป็นระบบ เป็นระเบียบ ซึ่งบางครั้งมันเป็น เรื่องจำเป็นเหมือนกันสำหรับสังคมคนไทย
อีกความหมายหนึ่งของ เครื่องรางของขลัง น่าจะเป็น "สัญลักษณ์" หรือ "สิ่งชี้นำ" ในยุคโบราณเราจะพบ ลูกปัดหินสี ในลักษณะของเครื่องราง ที่ฝังในหลุมศพ เพื่อเป็นเครื่องชี้นำให้ผู้ตายได้ข้ามภพข้ามชาติไปสู่สุคติตามความเชื่อ
อย่างประเทศอียิปต์ มีสารพัดเครื่องราง อันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมหลังความตาย
"เครื่องราง" กับ "สิ่งชี้นำ"
คนไทยเราก็ใช้ "เครื่องราง" เป็น "สิ่งชี้นำ" เช่นกัน เวลาจะทำอะไร ก็จะอาศัยเครื่องรางเป็นสิ่งบ่งชี้ ช่วยกำหนดการตัดสินใจ หรือคอยช่วยเหลือ ป้องกันภยันตรายต่างๆ อย่าง ขุนแผน เวลาจะออกรบก็จะต้องเตรียมเครื่องรางพร้อมสรรพ
"สะเอวคาดราตคตก็สีดำ คล้องประคำตะกรุดทองทั้งสองสาย
ใส่เสื้อยันต์ลงองค์นารายณ์ เข็มขัดขมองพรายคาดกายพลัน
ประจงจับประเจียดประจุพระ โพกศีรษะทะมัดทะแมงดูแข็งขัน
ทั้งพ่อลูกผัดผงที่ลงยันต์ แล้วเสกจันทน์เจิมหน้าสง่างาม"
เตรียมเสร็จก็จะเริ่มเห็นความหมายของ "เครื่องราง" ในฐานะของ "สิ่งชี้นำ"
เช่น หากไปแล้วจะ ดี ก็จะเห็นสิ่งอันเป็นมงคลแบบ..."ภาวนาตาเขม้น เห็นเมฆฉาย นิมิตเป็นรูปนารายณ์เรืองศรี"
"เครื่องราง" กับ "ลางสังหรณ์" แต่ถ้าไปแล้วน่าจะ ไปลับ อย่าง แสนตรีเพชรกล้า ก็จะเป็นอีก อย่างเช่น
"ครั้งนั้นขาดชันษาชะตาตาย นิมิตสายชลธีเป็นสีแดง"
เขาถึงเรียกกันว่า "เครื่องราง" คือเห็นรางๆ ชัดมั่ง ไม่ชัดมั่ง คล้ายๆ กับ ลางสังหรณ์" แต่ เครื่องราง จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดนิมิต ลางดี ลางร้ายต่างๆ เปรียบเหมือนการเตือนสติให้ระมัดระวัง ไม่ประมาท จะออกทางไหน ซ้ายหรือขวา เครื่องรางก็จะช่วยชี้นำตัดสินใจให้ น่าจะเรียกได้ว่าการเสี่ยงทายนั่นแหละ ซึ่งก็น่าจะมีส่วนดีจริงๆ สมมติว่า มีคนดักตีอยู่หัวตรอก ซึ่งปกติเราต้องออกทางนี้ทุกวัน พอเสี่ยงทายแล้ว เราอาจออกทางท้ายตรอก ก็เลยรอดเจ็บตัวไป
เครื่องรางของขลังโบราณของไทยเรา มีสารพัดชนิด เช่น ประคำ ผ้าประเจียด เบี้ยแก้ ยันต์นานาประเภท ปลัดขิก ตะกรุด ลูกอม กะลาตาเดียว เขี้ยวหมูตัน หนังหน้าผากเสือ รักยม กุมารทอง แหวนพิรอด รูปเคารพต่างๆ เช่น รักยม กุมารทอง นางกวัก แม่โพสพ หรือ เสือ สิงห์ วัวธนู ลิง หนุมาน ล้วนเข้าข่ายเป็นเครื่องรางของขลังทั้งสิ้น
"ฤกษ์ยามเป็นของคู่กันกับการทำเครื่องรางของขลัง" เครื่องรางของขลังของโบราณก็ไม่ใช่ทำกันง่ายๆ ต้องดูฤกษ์ดูยาม วัสดุอาถรรพณ์ กำลังวัน และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ตอนขุนแผนทำกุมารทอง ต้องขอจากนางบัวคลี่ก่อนแล้วทำตามพิธีกรรม
"วางย่ามเปิดกลักแล้วชักชุด ตีเหล็กไฟจุดเทียนขึ้นแดงร่า
เอาไม้ไชยพฤกษ์พระยายา ปักเป็นขาพาดกันกุมารวาง
ยันต์นารายณ์แผลงฤทธิ์ปิดศีรษะ เอายันต์ราชะปะพื้นล่าง
ยันต์นารายณ์ฉีกอกปกปิดกลาง ลงยันต์นางพระธรณีที่พื้นดิน
เอาไม้รักปักเสาขึ้นสี่ทิศ ยันต์ปิดปักธงวงสายสิญจน์
ลงเพดานยันต์สังวาลอัมรินทร์ ก็พร้อมสิ้นในตำราถูกท่าทาง
เอาไม้มะริดกันเกราเถากันภัย ก่อชุดจุดไฟใส่พื้นล่าง
ตั้งจิตสนิทดีไว้ที่ทาง ภาวนานั่งย่างกุมารทอง"
"ผ้าซิ่น เครื่องรางชั้นสูง"
สมัยก่อน เวลาชายไทยถูกเกณฑ์ไปรบทัพจับศึก "เครื่องรางของขลัง นับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องพกพาไปด้วย อาจารย์ดีมีวิชาก็จะปลุกเสกผ้าประเจียดบ้าง ตะกรุดบ้าง ลงนะอักขระเลขยันต์เอาไว้ ฯลฯ บางคนเอาชายผ้าซิ่นแม่พกไปรบ ก็ถือเป็นพระเหมือนกัน คือพระของลูกนั่นเอง ผ้าซิ่นแม่ไม่ใช่ของต่ำ เป็นเครื่องรางของขลังชั้นสูง ไม่ต้องไปปลุกเสกที่ไหน เพราะมีของดีในตัวเองอยู่แล้ว คือ ความรักความห่วงของแม่
บรรดา วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง อันเกิดจากฝีมือคนโบราณ ในอดีตนั้น ล้วนแล้วแต่มีความหมายและแฝง "นัย" ของภูมิปัญญาผู้คนในอดีตทั้งสิ้ ้น
ตะกรุด ก็เช่นเดียวกัน เรามักพบหลักฐานเกี่ยวกับการ "ใช้" ตะกรุดและเครื่องราง ในงานวรรณคดีไทยหลายต่อหลายเรื่อง เช่น ขุนช้างขุนแผน ที่จะมีครบเครื่องเรื่อง ของขลังชนิดเต็มสูบ มีพระเครื่อง พระภควัมบดี วัตถุมงคล และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ อาทิ ดาบฟ้าฟื้น กุมารทอง ผ้าประเจียด เสื้อยันต์ ลูกสะกด หอกสัตโลหะ ตะกรุด เรียกว่าจาระไนกันไม่หวาดไม่ไหว
"ตะกรุด" มหามงคลแห่งความ "ฮึกเหิม" แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเชื่อ และภูมิปัญญา ของบรรพบุรุษไทยแต่โบราณทั้งสิ้น มาว่ากันเรื่อง ความเชื่อ ก่อน เวลาคนจะไปรบทัพจับศึก ถ้าหากได้พกพาวัตถุ ที่เราเชื่อว่าเป็นมงคลในอันที่จะป้องกันอันตรายได้ ก็จะทำให้เรามีความมั่นใจและฮึกเหิมในการศึก ดังนั้นวัตถุมงคล เช่น ตะกรุด ที่ได้รับการจารพระคาถาบนโลหะอันวิเศษ และผ่านพิธีการปลุกเสก จึงเป็นที่พึ่งทางใจที่สำคัญมาก
คนเราถ้ามีกำลังใจดี ทำอะไรก็มักจะสำเร็จ ที่เรียกว่า กำลังใจดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
..เห็นได้จากบทความข้างต้นว่าคนไทยเรามีส่วนในการเชื่อถือเรื่องเครื่องราง เรื่องไสยศาสตรืมานานนับร้อยๆปีไม่ใช่พึ่งมีกันเมื่อไม่กี่สิบปี แสดงว่าเรื่องราวเหล่านี้ย่อมมีส่วนจริงบ้างไม่เช่นนั้นสิ่งเหล่านี้คงสูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#8
โพสต์เมื่อ 08 November 2006 - 10:39 AM
ขอบคุณค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 12 February 2008 - 09:54 PM
ขอบคุณครับบบบ
อนุโมทนาบุญนะครับบบบ
อนุโมทนาบุญนะครับบบบ