ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * - - 1 คะแนน

ขออนุญาติถามด้วยใจใสๆค่ะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Nu~NamMonz~

Nu~NamMonz~
  • Members
  • 107 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 12:28 AM

ชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านเป็นพระเวสสันดร

ในตอนที่มอบลูก กัณหาและชาลี ให้แก่ชูชก

อย่างนี้ เหตุใดจึงเรียกได้ว่าเป็นทานบารมีคะ

มันข้องใจอยู่ลึกๆน่ะค่ะ คงจะพอทราบใช่ไม๊คะว่าข้องใจว่าอะไร แต่ไม่ขออธิบายออกมาดีกว่า ไม่อยากให้เป็นกรรม แต่ขออนุญาติผู้รู้อธิบายให้กระจ่างทีค่ะ

ขอนุโมทนาบุญค่ะ
happy.gif


หนูชื่อ "น้องคิดดี" ค่ะ ^_^

#2 num_r

num_r
  • Members
  • 365 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 12:49 AM

ตอบเท่าที่พอจะตอบได้นะครับ

ตอนที่มอบบุตรทั้งสองให้ชูชก พระเวสสันดร ท่านก็ได้ตรวจตราดูแล้วแถมยังพิจารณาเรื่องการไถ่ถอนไว้เรียบร้อย กันไว้ไม่ให้ผู้อื่นมาไถ่ตัวไปนอกจาก ปู่ ( จำชื่อไม่ได้แล้ว อ่ะ )

ประโยชน์ที่จะได้รับ ตัดเครื่องกังวล มีเวลาเต็มที่ในการเจริญสมาธิภาวนา ไม่ใช่ไม่รักบุตรตนเองนะครับ รักมากเสียด้วยแต่รักโพธิญาณ มากกว่า เล็งเห็นประโยชน์ใหญ่ที่จะได้มากกว่า

ในระหว่างที่พี่น้องสองกษัตริย์ เดินทางไปกับชูชก ตอนที่ชูชกมั่วนิ่มพูดให้ร้าย พระเวสสันดร คนผู้พี่ยังแก้ต่างให้เลยครับ ที่ทั้งสองยอมไป เพราะเข้าใจ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับให้ไป

ถ้าอยากรู้รายละเอียดมาก ๆ แนะนำให้ติดตาม พระเวสสันดรชาดก ของวัดฯ นี่ล่ะ ละเอียดยิบ มีภาพสวย ๆ ให้ดูด้วย ได้ความรู้อีกต่างหาก

ที่เหลือรอเพื่อน ๆ ท่านต่อไปนะครับ

#3 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 02:32 AM

สาธุ ครับ

#4 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 07:54 AM

เคยมีที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโว ท่านได้เคยเทศน์ตอบเอาไว้นะครับ แต่ไม่รู้อยู่ตรงไหนแล้ว ใครมีบ้างช่วยลากมาลงให้หน่อยครับ เพราะพระเดชพระคุณท่านได้เมตตาตอบไว้ดีแล้วครับ

อนุมทนาบุญด้วยนะครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#5 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 09:03 AM

อยู่ในพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อทัตตะ ในรายการหลวงพ่อตอบปัญหาครับ ลองเข้าไปค้นดุแล้วกันนะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ค้นมาให้ เพราะมีเวลาไม่มาก ^ ^
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#6 Nu~NamMonz~

Nu~NamMonz~
  • Members
  • 107 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 09:58 AM

โอเคค่ะ
ยังไงจะลองเข้าไปหาอ่านดูค่ะ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

สาธุ


หนูชื่อ "น้องคิดดี" ค่ะ ^_^

#7 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 10:08 AM

คุณเจ้าของกระทู้ลองเปรียบเทียบง่ายๆ เช่น คนดีทั่วๆไป เขาย่อมรักลูกรักเมียอยากจะอยู่กับลูกเมีย เหมือนครอบครัวทั่วๆไป ใช่ไหมครับ แต่ถ้าคนดีๆ คนนั้น มีภารกิจที่สำคัญล่ะ เช่น เป็นทหารเป็นรั้วของชาติ

แล้วอยู่มาวันหนึ่งมีข้าศึกบุกเข้ามาโจมตีบ้านเมืองเรา ทหารคนนั้น ก็เลยจำต้องทิ้งลูกเมียไปรบปกป้องประเทศชาติ คุณว่าทหารคนนี้ยังเป็นคนดีอยู่หรือเปล่า ทำไมเขาต้องทิ้งลูกทิ้งเมียไปล่ะ

ตอบ เขายังเป็นคนดีครับ เพราะเขารักลูกรักเมีย แต่เหตุที่ต้องทิ้งลูกเมียไปรบ แม้รู้ว่าอาจจะไม่ได้กลับมา แต่เพราะตระหนักในหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กว่า คือ การป้องกันประเทคชาติ เพราะตระหนักดีว่า หากบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ ตนและลูกเมียก็ต้องอยู่ไม่ได้ เข้าใจไหมครับ

พระเวสสันดรก็เช่นกัน ในขณะที่คนทั่วๆไปคิดว่า บ้านเมืองเรากำลังสงบดี แต่พระเวสสันดรท่านเห็นข้าศึกที่กำลังเข้ามาจู่โจมมนุษย์ทุกๆ คนน่ะครับ ข้าศึกที่ว่านั้น ก็คือ กิเลสมาร เข้ามาครอบงำจิตใจมนุษย์ทุกคนให้เกิดความทุกข์ชั่วนิรันตร์

ท่านจึงตัดสินใจประกาศสงครามกับความทุกข์ ด้วยการตั้งใจจะขจัดกิเลสมารให้ได้ และด้วยบารมีท่านที่บำเพ็ญมายาวนาน ทำให้ท่านรู้ว่า หนึ่งในวิธีการนั้น คือ การสละความตระหนี่(หนึ่งในกิเลส)ที่ยิ่งใหญ่ออกจากใจ คือ การบริจาคลูกเมีย ซึ่งคนทั้งหลายทำได้ยาก
ดังนั้น สิ่งที่พระองค์กระทำจึงน่ายกย่องสรรเสริญ เพราะลูกเมียของพระองค์จะหลั่งน้ำตาชาตินั้นเป็นชาตสุดท้าย ชาติต่อไปเมื่อพระองค์ช่วยให้ทุกคนหมดกิเลสพ้นทุกข์ ก็จะไม่มีใครต้องหลั่นน้ำตาเพราะความทุกข์อีก ตลอดไป
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#8 Nu~NamMonz~

Nu~NamMonz~
  • Members
  • 107 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 10:16 AM

เจอแล้วค่ะ
สำหรับท่านใดที่สงสัยเหมือนกัน สามารถนำลิงค์ข้างล่างไปใส่ใน ช่อง Open URL ของ Window Media Player ได้เลยค่ะ
หรือดาวน์โหลดโดยการนำ URL ข้างล่างไปใส่ในช่อง Adress ของ Internet Exporer หรือ Fire Fox ได้เลยค่ะ
จะมีหน้าต่างให้ดาวน์โหลดขึ้นมาเลย

ลองดูกันค่ะ
happy.gif

http://203.147.62.17..._102/501128.wmv


ได้ฟังหลวงพ่อท่านแล้ว เข้าใจลึกซึ่งเลยค่ะ เนื่องจากเราฟังความ ฟังเรื่องของพระเวสสันดรไม่จบทั้งเรื่องจึงทำให้เข้าใจความไม่หมด เหมือน ฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด จริงๆ

ตอนนี้รู้แจ้งเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ

อนุโมทนาบุญแก่ทุกท่านที่ให้ ธรรมทานค่ะ

สาธุ



หนูชื่อ "น้องคิดดี" ค่ะ ^_^

#9 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 10:45 AM

หนูชื่อ "น้องคิดดี" ค่ะ happy.gif

ดี จ้ะ happy.gif

ไฟล์แนบ



#10 คนรักบุญู

คนรักบุญู
  • Members
  • 203 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 02:25 PM

ตามความเข้าใจของดิฉันที่ติดตามศึกษาจาก DMC ที่เรียกว่าเป็นทานบารมี เพราะท่านได้ละกิเลสออกจากใจไปได้น่ะค่ะ เพราะตามวิสัยของมนุษย์ ยังคงมีความห่วงหาอาวรณ์ในการที่ได้ครอบครองความเป็นบิดา และมีความรักใคร่สิเหน่หาในตัวบุตร แต่ที่ท่านยกบุตรให้กับพราหมณ์ไปได้แบบง่ายๆ ก็คือเป็นการตัดกิเลสออกไปจากตัวได้สำเร็จ คิดในแง่บวกนะคะ เพราะเรายังมีกิเลสเยอะอยู่เราก็เลยเกิดความสงสัยในข้อนี้ว่า ทำไมท่านถึงได้ยกบุตรให้กับพราหมณ์ได้อย่างนั้น เราต้องศึกษาลงให้ลึกและจริงจังค่ะ ถึงจะเข้าใจว่าทำไมและหมดความสงสัยไปได้โดยอัติโนมัติค่ะ สาธุ *-*

#11 เกิดมาสร้างบารมี

เกิดมาสร้างบารมี
  • Members
  • 23 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 11:26 PM

เคยฟังพระอาจารย์ เทศน์ให้ฟังทาง DMC ว่า ชาติสุดท้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะต้องทำทานด้วยการมอบบุตร ให้แก่คนอื่นครับ เหมือนจำได้คร่าวๆ ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้านี้ จำพระองค์ไม่ได้ครับ ได้ทำทานโดยการให้บุตรแก่ยักษ์ และยักษ์ก็จับบุตรมาฉีกกินต่อหน้าต่อตาครับ ลองไปหาฟังดูครับ น่าสนใจมากครับ....

#12 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 November 2008 - 08:37 AM

อย่างที่คุณหัดฝัน ว่าไว้นั่นแหละครับ เห็นภาพง่ายที่สุดเลย

แต่ถ้าจะเอาไปอ้างอิงกับคนอื่นๆ แนะนำฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวท่านสักนิดครับ จะได้มีข้อมูลรวมทั้งภาษาที่จะใช้ตอบครับ ไม่ต้องไปคิดหาคำพูดเองเลย ง่ายดี

อนุโมทนาบุญด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#13 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 November 2008 - 09:38 PM

คุณครูไม่ใหญ่เคยเทศนา ใน รร.อนุบาลฝันในฝัน เมื่อ 31 กรกฎาคม 2546 เกี่ยวกับท่านคุณานันทะเถระผู้กอบกู้พุทธศาสนาในประเทศศรีลังกาเมื่อร้อยกว่าปีก่อน โดยมีการโต้วาทะกับศาสนิกอื่นในเดือนสิงหาคม 2416...หนึ่งใน 5ข้อกล่าวหาของศาสนิกอื่น คือ กรณีพระเวสสันดรกับการบริจาคครอบครัว

ศาสนิกอื่นกล่าวว่า...กรณีพระเวสสันดรกับการบริจาคครอบครัวถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก ธรรมดาแล้วภรรยาย่อมเป็นบุคคลคนเดียวกับสามี ลูกเป็นประดุจโซ่ทองกระชับความสัมพันธ์ของพ่อแม่ การทอดทิ้งลูกเมียนั้น สมควรได้รับการประณามเหยียดหยามจากสังคมและเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

ท่านคุณานันทะได้ชี้แจงโดยย่อว่า...การบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะบรรลุพุทธภาวะนั้น พระองค์จักต้องชนะความโลภและความยึดมั่นถือมั่นของพระองค์ให้ได้ การบริจาคพระโอรสพระธิดาในครั้งนี้แท้จริงแล้วกลับเป็นผลดี คือ
- แทนที่พระโอรสพระธิดาจะต้องทนลำบากในป่ากับบิดาไม่นานนักจะได้กลับไปอยู่กับพระอัยกาในพระราชวัง
- ส่วนพระนางมัทรีเมื่อท้าวสักกะรับบริจาคแล้วก็ถวายคืนแก่พระเวสสันดร ณ ที่นั้นนั่นเอง มิได้หวังจะนำไปเป็นภรรยาจริงๆ

คุณครูไม่ใหญ่ได้เกริ่น...เราคงต้องดูในพระชาติสุดท้าย...พระนางมัทรีคือพระนางพิมพา ได้ประโยชน์ในการตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญานเป็นพระอรหันต์เถรี...ชาลี-พระราหุลก็เป็นพระอรหันต์...กัณหา-พระอุบลวรรณาเถรีก็เป็นพระอรหันต์เถรี หมายถึงภพชาติสุดท้ายได้ประโยชน์กันหมดโดยถึงเป้าหมายสูงสุดชีวิต คือ มรรค ผล นิพพาน พ้นสังสารวัฏ พ้นกฎแห่งกรรม และ พ้นจากไตรลักษณ์

ท่านคุณานันทะกล่าว...การบริจาคในพระเวสสันดร เป็นการมุ่งโพธิญาณอันเป็นประโยชน์ใหญ่ต่อพระองค์และชาวโลก รวมถึงมนุษย์เทวาอันนับไม่ถ้วน โดยพระองค์ได้เดินไปที่สระบัวซึ่ง กัณหา-ชาลี ได้แอบซ่อนอยู่ พระองค์มิได้ขู่เข็ญ กลับกล่าวด้วยจิตกุศลประดุจผู้นำบุญว่า"ลูกกัณหาชาลีจงมาเป็นสำเภาทองให้พ่อเถิด เพื่อให้พ่อข้ามไปยังฝั่งพระนิพพาน ถึงตรงนั้นนั้นแล้วพ่อจักทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่มนุษย์และเทวดา ลูกทั้งสองก็จักได้ประโยชน์อันนี้ เรามาสร้างบารมีร่วมกันเถิด พ่อจะทำหน้าที่ในฐานะผู้ให้ ลูกก็อยู่ในฐานะผู้ให้เช่นกัน" อีกประการหนึ่งพระองค์ได้ตั้งค่าตัวโอรส-ธิดาเพราะรู้ว่าชูชกเป็นผู้ยากไร้ ต้องการทรัพย์มากกว่า อีกทั้งหากทั้งสองอยู่ในป่ากับพระองค์ถึงอบอุ่นแต่ก็ต้องลำบาก ไปทางนั้นอยู่ในวังกับพระอัยกาชีวิตก็จะสบายดี จะได้มีโอกาสกราบทูลเสด็จปู่ถึงความเป็นอยู่ของพ่อทำหน้าที่เสมือนเป็นทูตให้กับพ่อ...ยังความปลาบปลื้มแก่กัณหาชาลี

ที่กล่าวมาถามว่า...ขู่เข็ญหรือโหดร้ายไหม?...ตรงข้ามทั้งกัณหาชาลี...กลับรู้สึกปลาบปลื้ม...เกิดจิตศรัทธา...กับพระนางมัทรีก็เช่นกัน...ถือเป็นความสมัครใจทั้งครอบครัว...มิได้บังคับ...แต่พูดให้เข้าใจเรื่องบาปบุญด้วยเหตุผลและปัญญา และ เป็นธรรมเนียมของบรมโพธิสัตว์ เพราะ ผู้ที่จะตรัสรู้ธรรมนั้น ใจย่อมไม่ผูกพันกับสิ่งใด มิฉะนั้นจักทำพระนิพพานให้แจ้งไม่ได้

QUOTE
เหมือนจำได้คร่าวๆ ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้านี้ จำพระองค์ไม่ได้ครับ ได้ทำทานโดยการให้บุตรแก่ยักษ์ และยักษ์ก็จับบุตรมาฉีกกินต่อหน้าต่อตาครับ
- เป็นพระชาติหนึ่งของพระมังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีรัศมีหมื่นโลกธาตุเป็นปกติ
- แม้บุตรจะถูกยักษ์จับกินต่อหน้าต่อตา จิตของพระองค์ไม่สะทกสะท้าน แต่กลับตรึกนึกถึงอนุตรสัมมาสัมโพธิญานประหนึ่งว่าจักได้ตรัสรู้ธรรมในวันพรุ่งนี้ จากมหาทานบารมีอันเต็มเปี่ยม
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#14 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 10:46 AM

การสร้างบารมีมีสามระดับ
ระดับแรก รักการสร้างบารมีมากยิ่งกว่าสิ่งของนอกกาย ...เพื่อการสร้างบารมีก็ยอมทิ้งสิ่งของอันเป็นที่รัก
ระดับที่สอง รักการสร้างบารมีมากกว่าอวัยวะในร่างกาย ...เพื่อการสร้างบามีแล้ว ยอมแม้เสียสละร่างกาย
ระดับที่สาม รักการสร้างบารมีมากกว่าชีวิต ...เพื่อการสร้างบารมีแล้ว ยอมแม้จะต้องสละชีวิต

เช่นถ้าเรื่องการรักษาศีล ก็ยอมให้ถูกฆ่าตายเสียดีกว่าจะต้องโกหกคนอื่น
หรืออย่างในเรื่องตอนที่พระบรมโพธิสัตว์เป็นพญานาค ที่ตั้งใจรักษาศีลแปด ยอมเป็นทาส ยอมเสียชีวิต แต่ไม่ยอมให้ศีลขาด(ไม่ยอมผิดศีลข้อหนึ่ง)

บารมีแต่ละระดับ หลวงพ่อทัีตตะ ก็เคยเทศน์ไว้ในรายการหลวงพ่อตอบปัญหาเหมือนกันค่ะ

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#15 putharat2525

putharat2525
  • Members
  • 55 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 November 2008 - 02:35 PM

อนุโมทนา สาธุ คะ