คุณครูไม่ใหญ่เคยเทศนา ใน รร.อนุบาลฝันในฝัน เมื่อ 31 กรกฎาคม 2546 เกี่ยวกับท่าน
คุณานันทะเถระผู้กอบกู้พุทธศาสนาในประเทศศรีลังกาเมื่อร้อยกว่าปีก่อน โดยมีการโต้วาทะกับศาสนิกอื่นในเดือนสิงหาคม 2416...หนึ่งใน 5ข้อกล่าวหาของศาสนิกอื่น คือ
กรณีพระเวสสันดรกับการบริจาคครอบครัวศาสนิกอื่นกล่าวว่า...กรณีพระเวสสันดรกับการบริจาคครอบครัวถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก ธรรมดาแล้วภรรยาย่อมเป็นบุคคลคนเดียวกับสามี ลูกเป็นประดุจโซ่ทองกระชับความสัมพันธ์ของพ่อแม่ การทอดทิ้งลูกเมียนั้น สมควรได้รับการประณามเหยียดหยามจากสังคมและเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอีกด้วย
ท่านคุณานันทะได้ชี้แจงโดยย่อว่า...การบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะบรรลุพุทธภาวะนั้น พระองค์จักต้องชนะความโลภและความยึดมั่นถือมั่นของพระองค์ให้ได้ การบริจาคพระโอรสพระธิดาในครั้งนี้แท้จริงแล้วกลับเป็นผลดี คือ
- แทนที่พระโอรสพระธิดาจะต้องทนลำบากในป่ากับบิดาไม่นานนักจะได้กลับไปอยู่กับพระอัยกาในพระราชวัง
- ส่วนพระนางมัทรีเมื่อท้าวสักกะรับบริจาคแล้วก็ถวายคืนแก่พระเวสสันดร ณ ที่นั้นนั่นเอง มิได้หวังจะนำไปเป็นภรรยาจริงๆ
คุณครูไม่ใหญ่ได้เกริ่น...เราคงต้องดูในพระชาติสุดท้าย...พระนางมัทรีคือพระนางพิมพา ได้ประโยชน์ในการตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญานเป็นพระอรหันต์เถรี...ชาลี-พระราหุลก็เป็นพระอรหันต์...กัณหา-พระอุบลวรรณาเถรีก็เป็นพระอรหันต์เถรี หมายถึงภพชาติสุดท้ายได้ประโยชน์กันหมดโดยถึงเป้าหมายสูงสุดชีวิต คือ มรรค ผล นิพพาน พ้นสังสารวัฏ พ้นกฎแห่งกรรม และ พ้นจากไตรลักษณ์
ท่านคุณานันทะกล่าว...การบริจาคในพระเวสสันดร เป็นการมุ่งโพธิญาณอันเป็นประโยชน์ใหญ่ต่อพระองค์และชาวโลก รวมถึงมนุษย์เทวาอันนับไม่ถ้วน โดยพระองค์ได้เดินไปที่สระบัวซึ่ง กัณหา-ชาลี ได้แอบซ่อนอยู่ พระองค์มิได้ขู่เข็ญ กลับกล่าวด้วยจิตกุศลประดุจผู้นำบุญว่า"ลูกกัณหาชาลี
จงมาเป็นสำเภาทองให้พ่อเถิด เพื่อให้พ่อข้ามไปยังฝั่งพระนิพพาน ถึงตรงนั้นนั้นแล้วพ่อจักทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่มนุษย์และเทวดา ลูกทั้งสองก็จักได้ประโยชน์อันนี้ เรามาสร้างบารมีร่วมกันเถิด พ่อจะทำหน้าที่ในฐานะผู้ให้ ลูกก็อยู่ในฐานะผู้ให้เช่นกัน" อีกประการหนึ่งพระองค์ได้ตั้งค่าตัวโอรส-ธิดาเพราะรู้ว่าชูชกเป็นผู้ยากไร้ ต้องการทรัพย์มากกว่า อีกทั้งหากทั้งสองอยู่ในป่ากับพระองค์ถึงอบอุ่นแต่ก็ต้องลำบาก ไปทางนั้นอยู่ในวังกับพระอัยกาชีวิตก็จะสบายดี จะได้มีโอกาสกราบทูลเสด็จปู่ถึงความเป็นอยู่ของพ่อทำหน้าที่เสมือนเป็นทูตให้กับพ่อ...ยังความปลาบปลื้มแก่กัณหาชาลี
ที่กล่าวมาถามว่า...
ขู่เข็ญหรือโหดร้ายไหม?...ตรงข้ามทั้งกัณหาชาลี...กลับรู้สึกปลาบปลื้ม...เกิดจิตศรัทธา...กับพระนางมัทรีก็เช่นกัน...ถือ
เป็นความสมัครใจทั้งครอบครัว...มิได้บังคับ...แต่พูดให้เข้าใจเรื่องบาปบุญด้วยเหตุผลและปัญญา และ เป็น
ธรรมเนียมของบรมโพธิสัตว์ เพราะ ผู้ที่จะตรัสรู้ธรรมนั้น ใจย่อมไม่ผูกพันกับสิ่งใด มิฉะนั้นจักทำพระนิพพานให้แจ้งไม่ได้QUOTE
เหมือนจำได้คร่าวๆ ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้านี้ จำพระองค์ไม่ได้ครับ ได้ทำทานโดยการให้บุตรแก่ยักษ์ และยักษ์ก็จับบุตรมาฉีกกินต่อหน้าต่อตาครับ
- เป็นพระชาติหนึ่งของ
พระมังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีรัศมีหมื่นโลกธาตุเป็นปกติ
- แม้บุตรจะถูกยักษ์จับกินต่อหน้าต่อตา จิตของพระองค์ไม่สะทกสะท้าน แต่กลับตรึกนึกถึงอนุตรสัมมาสัมโพธิญานประหนึ่งว่าจักได้ตรัสรู้ธรรมในวันพรุ่งนี้ จากมหาทานบารมีอันเต็มเปี่ยม