ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

กรรมจากการตกปลา (17 มกราคม 2547)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 06:37 PM

ย่อเรื่อง กรรมจากการตกปลา (17 มกราคม 2547) โดย Extra happy.gif



เจ้าของเคสเป็นชาวฮ่องกงโดยกำเนิด เมื่อแม่ตั้งครรภ์ได้ราว ๆ 7-8 เดือน ท่านก็ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณหมอบอกท่านว่าเด็กอาจจะไม่รอด แต่แม่ได้ขอร้องหมอให้ช่วยชีวิตเด็กในท้องไว้ด้วย เธอจึงอยู่ในครรภ์แม่จนครบกำหนดคลอด เมื่อแม่คลอดเธอออกมาปรากฏว่า เธอไม่มีกระดูกโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง ตาบอดข้างหนึ่ง มีน้ำตาและน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกจากดวงตาทั้ง 2 ข้างตลอดเวลา ปากแหว่งเพดานโหว่ มีหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัวมาก คุณหมอบอกว่าเธอมีโอกาสรอดเพียง 20% ทั้งแพทย์และนักศึกษาแพทย์มาดูเธอเพื่อเป็นกรณีศึกษา แม้ตอนนี้เธออายุ 27 ปีแล้ว แพทย์ก็ยังมาศึกษาเคสของเธอ



เมื่อเจ้าของเคสอายุราว 3 ขวบ ไม่มีโรงเรียนไหนรับเธอเข้าเรียนเลย แม่ต้องส่งเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนสำหรับเด็กพิการหรือเด็กที่มีปัญหาทางสมอง แต่แม้ใบหน้าของเธอจะพิการน่าเกลียดแต่เธอกลับมีไอคิวสูง หลังจากจบอนุบาล พ่อแม่ก็ส่งเธอเข้าเรียนโรงเรียนชั้นประถมของรัฐ ขณะนั้นเธอมีนิสัยชอบโกหกเป็นประจำ จนพ่อแม่มักตีเพื่อลงโทษเธอบ่อย ๆ เช่น ครั้งหนึ่งพ่อใช้เก้าอี้ฟาดเธอจนหัวแตก ฟันหัก หรือใช้ช้อนไปอังไฟให้ร้อน ๆ แล้วใช้ช้อนนั้นมาทาบที่ปากของเธอเพราะชอบโกหก บางครั้งใช้ปลายธูปที่จุดไฟร้อน ๆ มาจี้ที่ขาของเธอ บางครั้ง แม่มัดมือของเธอทั้ง 2 ข้าง ผูกติดกับเพดานให้ตัวเธอโหนลงมาแล้วตี



เมื่อเจ้าของเคสเรียนอยู่ชั้น ป.5 ได้ไปพบแพทย์ชาวออสเตรเลียเพื่อทำการศัลยกรรมตกแต่ง เป็นที่น่าแปลกใจว่าหน้าตาของเธออัปลักษณ์แต่ผิวพรรณกลับสวยงาม เมื่อเรียนจบชั้นประถมแล้วพ่อแม่ของเธอก็ส่งให้เข้าเรียนที่โรงเรียนพระพุทธศาสนา ซึ่งเธอไม่ชอบเลย แต่ก็ต้องทนเรียนจนจบชั้นมัธยมต้น เมื่อเรียนมัธยมปลาย เธอจึงตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนคริสต์ศาสนาทันที สาเหตุเพราะตอนที่เธอเรียนอยู่ที่ชั้นประถมศึกษา เธอได้ไปพบครูสอนศาสนาคริสต์คนหนึ่ง เขา แนะนำให้เธอเชื่อในพระเจ้า จนเธอเกิดศรัทธาอยากเข้าเรียนในโรงเรียนคริสต์ เธอไปเข้าโบสถ์คริสต์เพื่อรับน้ำมนต์ ในใจเธอตอนนั้นก็ไม่ได้เชื่อถือในพระเจ้าจริง ๆ จนกระทั่งปี 2546 เธอก็หันมาสนใจพระพุทธศาสนาแทน



เมื่อเจ้าของเคสเรียนอยู่ราว ๆ ชั้น ป.5 เพื่อนบ้านของเธอซึ่งเป็นหญิงชราได้ตายอยู่ในบ้าน แต่ไม่มีใครทราบเพราะเธออยู่คนเดียว พอครบ 7 วันส่งกลิ่นเหม็นเน่า หน่วยดับเพลิงจึงงัดบ้านเข้าไปพบศพที่เน่าเหม็นของเธอ หลังจากพบศพของหญิงชราไปแล้ว 2-3 วัน ขณะที่เจ้าของเคสกำลังออกจากบ้านกับแม่ เธอก็ได้มองเห็นหญิงชราที่ตายไปแล้วนี้ยืนอยู่ตรงหน้า มีร่างกายสีเขียว ดวงตาจ้องเขม็งมองตรงมาที่เธอ ราวกับโกรธเกรี้ยวเธออยู่ ขณะนั้นเธอรู้สึกตกใจ มองและยืนตะลึงอยู่ จนเมื่อแม่มาสะกิดจึงรู้สึกตัวและภาพนั้นก็หายไป โดยที่แม่ไม่เห็นอะไรเลย ทุกครั้งที่เธอพูดถึงเรื่องนี้จะรู้สึกขนหัวลุก ราวกับมีใครมาดึงหัวแรง ๆ ตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกแบบนี้อยู่



หลังจากจบชั้นมัธยมปลาย เจ้าของเคสทำงานได้ระยะหนึ่ง ก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่อ พ่อโกรธถึงกับยกโต๊ะขว้างใส่เธอจนหัวแตกเย็บถึง 7 เข็ม หลังจากนั้นเธอก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่ออีก จนเธอต้องทำเรื่องขอย้ายออกจากพ่อแม่และครอบครัวไปอยู่ตามลำพัง



เมื่อเดือนธันวาคม 2546 เธอก็ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมกับกลุ่มชาวฮ่องกง ใจเธอสงบมีความสว่างภายในและมีน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เกือบทุกครั้งที่นั่งสมาธิ เธอจะได้ยินเสียงคนเดินดังตึงตังเสมอ ๆ เมื่อถามคนที่นั่งสมาธิด้วยกัน เขาก็ไม่ได้ยิน เธอรู้สึกว่าที่ศูนย์กลางกายมีพลังมาก ๆ ตลอดเวลา แม้ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอยู่



คำถาม

1. ทำไมใบหน้าตาของเจ้าของเคสจึงอัปลักษณ์ ตาบอด 1 ข้างและไม่มีกระดูกโหนกแก้ม แต่มีผิวพรรณดีและไอคิวสูง เธอจะต้องไป รพ. เพื่อผ่าตัดตลอดชีวิตหรือไม่ ทำอย่างไรจึงจะดีขึ้น
2. ทำไมพ่อตีเธอด้วยโต๊ะบ้าง เอาช้อนร้อน ๆ มาอังที่ปากเธอบ้าง เป็นต้น ทำไมเธอกับพ่อแม่จึงไม่ลงรอยกัน
3. ทำไมตอนแรก เธอจึงไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องไปนับถือคริสต์ก่อนแล้วจึงมาสนใจพระพุทธศาสนา


4. ตอนที่เธออยู่ในท้องแม่ แม่เห็นกลุ่มควันสีขาวลอยไปลอยมาตรงหน้าสิ่งนั้นคืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับตัวเธอบ้าง

5. ทำไมเธอจึงมองเห็นเพื่อนบ้านหญิงชราซึ่งตายไปแล้ว

6. ทำไมตอนที่เธอทำสมาธิ น้ำตาจึงไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนที่นั่งสมาธิที่บ้านก็เห็นภาพผู้หญิงผมยาวใส่ชุดดำ พยายามบีบคอเธอให้ตาย และเสียงดังเหมือนคนเดินที่เธอได้ยินคืออะไร เธอควรทำอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้น



คำตอบ ในอดีตยุคจีนโบราณ เจ้าของเคสได้เกิดในครอบครัวเกษตรกรรม เป็นผู้มีบุญเก่าทำให้ใบหน้าสวยงาม ตอนเด็ก ๆ ชอบตามบิดาไปตกปลาในห้วยหนองคลองบึง เวลาตกปลาได้แล้วมักจะดึงเบ็ดออกจากปากปลา เมื่อปลาดิ้นก็ดึงแรง ๆ จึงทำให้ปลาปากแหว่งฉีกขาด ตาบอดและไม่มีโหนกแก้ม พอโตเป็นสาวเป็นคนสวยกิตติศัพท์ก็แพร่กระจาย ทำให้มีลูกชายเศรษฐีมาชอบ ในที่สุดพ่อก็ยกให้เป็นภรรยาเศรษฐี อยู่ด้วยกันมาหลายปีก็ไม่มีลูกสืบสกุล ลูกชายเศรษฐีและพ่อสามีจึงจำต้องหาคนอื่นมาเป็นภรรยาคนที่ 2 ทำให้ตัวเองโกรธแค้นมาก เลยทำร้ายภรรยาคนที่ 2 ด้วยการผูกเอาไว้กับเสา แล้วเอาไม้ฟาดใบหน้าเป็นหลักเพื่อให้เธอเสียโฉม ทำให้ดวงตาเธอบอด 1 ข้าง และหน้าตาเละ ด้วยกรรมทั้งสอง จึงทำให้เจ้าของเคสมีใบหน้าไม่สวยงาม ตาบอด 1 ข้าง ปากแหว่งเพดานโหว่และไม่มีโหนกแก้ม ต่อมาสามีทราบก็โกรธ จึงไล่เธอออกจากบ้าน ด้วยความอับอายและทุกข์ใจ เธอจึงหนีไปบวชเป็นนักบวชหญิง และได้ตั้งใจสวดมนต์ภาวนา จึงทำให้มีผิวพรรณดี มีสติปัญญา



เจ้าของเคสถูกพ่อแม่ตีด้วยโต๊ะเก้าอี้ ใช้ช้อนอังไฟมาทาบปากและใช้ธูปจี้ที่ขา เพราะชาติที่เป็นภรรยาลูกชายเศรษฐี เธอเป็นคนที่หน้าตาดีแต่โมโหร้าย พ่อกับแม่ในชาตินี้ก็คือคนรับใช้ที่อยู่ในบ้านซึ่งคอยดูแลรับใช้เธอ แต่เธอเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ชอบทุบซ้อม เวลาโกรธก็จะทำร้ายทุบตี จึงผูกเวรกันมา เมื่อชาตินี้มาเจอกัน คนรับใช้ทั้งสองมาเป็นพ่อแม่ เธอมาเป็นลูก จึงไม่ลงรอยกัน บุญที่บวชเป็นนักบวชหญิงจีนในยุคนั้น จึงทำให้มาเกิดในยุคที่การแพทย์เจริญ สามารถทำศัลยกรรมตกแต่งได้ ตอนนี้ใกล้จะหมดกรรมแล้ว การผ่าตัดก็จะน้อยลง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเธอเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร ควรสั่งสมบุญทุกบุญให้มาก ก็จะดีขึ้น



ตอนที่เจ้าของเคสบวชในช่วงแรก จะเป็นคนขี้หงุดหงิด เวลาผู้บวชก่อนตักเตือน จึงนึกในใจอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากจะหนีไปนับถือศาสนาอื่น กรรมนี้จึงทำให้มีวิบาก ทำให้ต้องไปนับถือศาสนาอื่นก่อนแล้วจึงหันมานับถือศาสนาพุทธ



แม่เห็นกลุ่มควันสีขาวตอนเธออยู่ในท้อง เพราะแม่ตาลาย ไม่สบาย ไม่ได้มีผีสางอะไรมา



เจ้าของเคสมองเห็นเพื่อนบ้านหญิงชราที่ตายไปแล้ว เพราะหญิงชราตายแล้วไปเป็นสัมภเวสีหรือภุมเทวาชั้นต่ำอยู่แถวบ้าน เธอจ้องมาที่เจ้าของเคสเพราะว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าของเคสเห็นเธอได้เพราะบุญที่เคยภาวนา สวดมนต์มาประจวบเหมาะพอดี



เจ้าของเคสนั่งสมาธิแล้วน้ำตาไหลเพราะปีติใจ เป็นสุขใจ จากการที่นั่งแล้วใจรวมเป็นสมาธิ ส่วนภาพและเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่าไปสนใจเลย แล้วมันก็จะไม่เกิดขึ้นอีก เธอจะต้องสั่งสมบุญทุก ๆ บุญให้มาก ๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา แล้วให้ตัดใจเหมือนตายจากความรักฉันสามีภรรยา ให้มารักและหวังดีแด่เพื่อนมนุษย์ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตอนนี้อย่าไปรักใคร ให้รักตัวเองโดยการทำแต่ความดี แต่ไม่ใช่เห็นแก่ตัว ให้ทำความดีให้มาก ๆ โดยเฉพาะนั่งสมาธิภาวนาให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้



#2 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 07:05 PM

สาธุครับ
เคยไปทำฟันครั้งหนึ่ง ตอนหมอเอาเครื่องมืองัดๆที่ปาก ทำให้นึกถึงที่เคยตกปลาตอนเด็กๆแล้วก็ดึงเบ็ดออก อาการเดียวกับที่หมอทำเลย




#3 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 08:23 PM

พอได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องตกปลา เลยอยากเอาประสบการณ์ชีวิตช่วงที่หลุดออกนอกวงโคจรมาเล่าให้ฟังเป็นอุธาหรณ์แก่เพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอถามเพื่อนกัลยามิตรว่าเคยได้ยินปลาร้องหรือไม่ หลายคนอาจสงสัย ปลาร้องได้หรือ หรือบางคนอาจจะหาว่าผมบ้าก็ได้ปลาจะร้องได้ยังไง แน่นอนที่ผมถามเพราะผมเคยได้ยินมาก่อน ในสมัยเมื่อยังเรียนชั้นประถมตอนนั้นยังไม่เคยเข้าวัด เพื่อนผมที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันเป็นหัวหน้าห้อง เป็นคนที่ชอบตกปลามาตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งได้มาชวนผมไปตกปลาที่บ่อตกปลาใกล้ๆโรงเรียน ใช้เบ็ดไม้ไผ่ นั่นเป็นการตกปลาครั้งแรกในชีวิตของผม และเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นปลาร้องได้ เป็นการร้องอย่างเจ็บปวด เพื่อนผมตกขึ้นมาได้เป็นปลาลักษณะคล้ายปลาดุก ตัวประมาณฝ่ามือ พอตกขึ้นมาได้มันดิ้นทุรนทุรายเพื่อนผมจับปลาตัวนั้นอย่างแรงเพื่อดึงเบ็ดออก ผมได้ยินเสียงมันร้องถนัดหูและยังจำฝังอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องตกปลามักจะได้ยินเสียงร้องของมันอยู่ตลอด และเชื่อไหมครับว่ากรรมตามทันมีจริงๆ ในวันนั้นพอเพื่อนผมถอนเบ็ดออก คันเบ็ดที่ผมใช้ก็มีอาการเหมือนปลากินเบ็ด ทุ่นของเบ็ดที่ลอยอยู่ในน้ำจมหายไปสายเบ็ดวิ่งวนไปมาซึ่งอาการแบบนี้นักตกปลาทั้งหลายเรียกได้เต็มปากว่าติดชัวร์ๆ ผมจึงตะวัดเบ็ดทันที มันแปลกอย่างมากครับ ทั้งที่ผมตวัดเบ็ดเบาๆ แต่ปลายขอเบ็ดที่เป็นโลหะเหมือนกับถูกเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล สายเอ็นไปพันรอบหัวเพื่อนผมทันที ยิ่งไปกว่านั้นตัวเบ็ดหลุดเข้าไปในปากเกี่ยวเข้าตรงกระพุ้งแก้มด้านในของเพื่อนผม ข้างเดียวกับปากปลาที่เขาตกได้ กว่าจะเอาขอเบ็ดออกได้เหมือนกับที่เขาพยายามเอาออกจากปากปลาไม่มีผิด

นี่เป็นการตกปลาครั้งแรกของผม แน่นอนผมใช้คำว่าครั้งแรกแสดงว่าต้องมีอีกครั้งที่2 แต่แค่เรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เพื่อนๆได้รู้แล้วว่าเวรกรรมมีจริงและสามารถตามเราทันได้ทุกวินาทีเพราะฉนั้นอย่าได้นิ่งนอนใจไปนะครับ

1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#4 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 11:22 PM

อนุโมทนาบุญกับคุณExtra และทุกๆ คนในเคสด้วยนะครับ สาธุๆๆ

#5 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 June 2007 - 05:02 PM

ขออนุโมทนาบุญกับคุณExtra และทุกๆ คนในเคสด้วยนะครับ... สาธุๆ ๆ


#6 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 02 July 2007 - 09:20 AM

เคยมีเพื่อนมาชวนไปตกปลาในยามว่างเหมือนกัน ก่อนอื่น ต้องไปขุดดินหาไส้เดือนมาจำนวนนึงก่อน แล้วจึงจะไปตกปลาที่ท่าน้ำ กลุ่มเพื่อนที่ไป เขาได้กันคนละหลาย ๆ ตัว แต่ผมไม่ได้เลยสักกะตัว พี่คนที่ไปด้วย แกพูดว่า ทำบาปไม่ขึ้น นั่นเป็นครั้งแรกและคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ไปตกปลา กราบอนุโมทนาบุญกับคุณ Extra และเจ้าของเคส ด้วยนะครับ สาธุ

#7 *หันทา*

*หันทา*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 25 May 2011 - 05:21 PM

อ้างถึงกระทู้ เรือ่งแผ่เมตตา

อยากให้เพื่อน ได้เข้าดูเวป ที่แนบมา

ชีวิตที่ร่ำไห้
เจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ผลิต คือ สำนักพิมพ์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
เพื่อให้เราตระหนักถึงคำที่พระพุทธตรัสว่า.. เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
พาไปดูเบื้องหลังของชีวิตสัตว์ที่เรา-ท่านทั้งหลายบริโภคกัน ตั้งแต่ถูกเลี้ยงมา กระทั่งถูกลำเลียงมา ฆ่า
มองให้เห็นถึงใจเขาใจเรา โดยเอาใจเราไปใส่ใจเขา รับรู้และรู้สึกเหมือนเขา นำมาเปรียบกับเราอีกที
เป็นความจริงว่า.. สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเขา จะเราก็ย่อมรักตัว กลัวตายทั้งสิ้น
ทุกเหล่าสรรพสัตว์มีวิญญาณ การรับรู้ เจ็บเป็น กลัวเป็น
เราท่านซึ่งเป็นมนุษย์(แปลว่าผู้ที่มีใจสูง)ที่ยังคงบริโภคสัตว์อื่นอยู่ด้วยความสะใจ จะสะท้อนคิดไหม ว่าหากเราโดนกระทำเช่นนั้นบ้าง หรืออาจจะกับพ่อแม่และคนที่เรารัก เราจะรู้สึกอย่างไร
กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับกรรม
กินตามใจปาก ตามความอยากจนเคยตัว โดยขาดปัญญา ไม่คำนึงถึงที่มา ว่าทุกชิ้น-เนื้อที่เข้าปาก มันคือชีวิตที่สูญเสียไป
ว่ากันว่า "ป่าช้าที่ใหญที่สุดในโลกนี้ อยู่ที่ท้องคน" เป็นความจริง เพราะเติบโตมาจนบัดนี้จะมีใครสักกี่คนรู้ได้ว่า มีกี่ศพ กี่ชีวิตแล้ว ที่ต้องสังเวยให้แก่เรา นั้นเพราะว่ามันมากมายมหาศาล
กระแสแห่งกรรมย่อมทำหน้าที่ของมันโดยเที่ยงธรรม
ก่อนจะสายเกินไป มากู้เมตตาธรรมที่มันแอบอยู่ในหลืบใจเรากลับคืนมาซิครับ
ใครที่ผ่านการเข้าค่ายคุณธรรมมาบ้างแล้ว อาจจะได้ดูบ้างแล้ว ก็ถือว่าเป็นการมาย้ำสำนึก เพื่อนสมาชิกอื่น ๆ ยิ่งต้องดูครับ

เวปลิงค์ ที่เข้าไปดูได้

file:///D:/user/touu034272334