ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * - 1 คะแนน

อาชีพหญิงขายบริการบาปหรือเปล่าครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 18 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr23268

usr23268
  • Members
  • 81 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 June 2008 - 01:54 PM

ผมว่ามันคือการซื้อของขายของกันอย่างนึง หรือเป็นการซื้อบริการ ไม่ทราบว่าบาปหรือเปล่าครับ มากน้อยไหม

#2 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 June 2008 - 04:05 PM

บาปครับ

#3 ปาริสา

ปาริสา
  • Members
  • 25 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 June 2008 - 04:50 PM

อาชีพหญิงขายบริการมีทั้งบาปและไม่บาปค่ะ (เหตุผลประกอบขอให้ผู้รู้ช่วยขยายความด้วยค่ะ ) แต่ที่ทราบจากหลวงพ่อทัตตะชีโวในหลวงพ่อตอบปัญหา ท่านพูดถึงผู้ชายที่เที่ยวหญิงบริการ จะทำให้เพาะนิสัยไม่ดี และฟ้องว่าไม่มีธรรมะประจำใจ
1. หักห้ามใจไม่เป็น เพาะนิสัยเอาแต่ใจตัว
2. ดูถูกคน (ดูถูกเพศแม่)
3. ไม่จริงใจกับใคร
4. หากใกล้ละโลกไปภาพหญิงขายบริการ และภาพไม่ดีต่าง ๆ จะมาให้เห็นทำให้ใจขุ่นมัว ถ้าไม่ไปอบาย ก็ไปเกิดเป็นหญิงบริการนั่นล่ะค่ะ
เพราะฉะนั้น อย่าไปยุ่งเกี่ยวดีกว่านะคะ

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 09 June 2008 - 05:27 PM

เรื่องนี้ติดตามได้จากเคส Study เรื่อง โสเภณีซ่องต่างประเทศครับ
http://www.dmc.tv/pa...2548-02-09.html

จะมีคำถามที่ 4 ที่ถามว่า
4.การที่มาทำอาชีพขายบริการอย่างปัจจุบัน เป็นการรับกรรมเก่าหรือเป็นการสร้างกรรมใหม่คะ ทำอย่างไรให้พ้นจากวิบากกรรมเหล่านี้

ลองดูคำตอบของครูไม่ใหญ่ดูนะครับ
4.การที่มาทำอาชีพขายบริการ เป็นเพราะกรรมเก่าในอดีต แต่ถ้าเป็นโสเภณีแล้วยังไปเสพยา เล่นการพนัน ไปซื้อบริการจากผู้ชายหรือไปหิ้วผู้ชายมาเพื่อความสะใจของตน จะเป็นกรรมใหม่ มันต้องแยกประเภทกัน
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 usr23268

usr23268
  • Members
  • 81 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 June 2008 - 06:21 PM

แสดงว่าถ้าขายบริการอย่างเดียวไม่บาปใช่ป่ะคับ พอดีเห็นข่าวออก พวกสก๊อยขายบริการกันอ่ะครับ เลยอยากรู้

#6 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 June 2008 - 08:51 PM

ใจเย็นๆก่อนนะคุณ usr23268
เรื่องบุญเรื่องบาปนี่.. อย่าด่วนสรุปเลย
ค่อยๆศึกษา Case ต่างๆให้ละเอียดก่อนที่จะปักใจเชื่อว่า บาปหรือไม่บาป
ตามที่กัลญาณมิตรท่านอื่นๆแนะนำให้ลองศึกษาดูอ่ะจ๊ะ
แล้วก็หาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย..

เพราะถ้าพลาดแล้ว.. มันจะไม่คุ้มเลย.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#7 usr21582

usr21582
  • Members
  • 71 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 June 2008 - 08:47 AM

การทำให้จิตใจของคนอื่น หมกมุ่น อยู่ในกามราคะ อันนี้ ถือว่าเป็น บาปหรือไม่

#8 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 10 June 2008 - 09:41 AM

ผมขอถามคุณเจ้าของกระทู้นะครับ

1. หากคุณเจ้าของกระทู้มีแฟนหรือภรรยา หากคุณเจ้าของกระทู้ไปซื้อขายกับหญิงขายบริการ เท่ากับว่าคุณเจ้าของกระทู้นอกใจแฟนหรือภรรยาถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกคิดว่าจะบาปไหมล่ะครับ

2. หากผู้หญิงขายบริการคนนั้นมีสามีหรือมีลูกแล้ว ก็จัดว่าเป็นหญิงต้องห้าม หากคุณเจ้าของกระทู้ไปซื้อขายบริการกับเขาเท่ากับว่าทำให้หญิงคนนั้นนอกใจสามีถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกคิดว่าบาปไหมล่ะครับ

3. แม้หญิงขายบริการนั้นจะไม่มีสามีหรือลูก แต่เขาก็ยังมีพ่อแม่อยู่ ก็จัดว่าเป็นหญิงต้องห้ามถูกต้องใช่ไหมครับ

4. แม้การซื้อขายในทางโลกจะดูเป็นการยุติธรรม คือเราจ่ายเงินแล้วก็ได้ของตอบแทนมา แต่อยากให้คุณเจ้าของกระทู้คิดดูสักนิด แม้เราจะจ่ายเงินให้เขาแต่ความจริงแล้วใจของหญิงขายบริการนั้นเต็มใจมอบกายให้เราหรือไม่ เป็นเพราะเขาจำใจถูกต้องใช่ไหมครับ เพราะเขามีภาระทั้งครอบครัวและสังคมเขาจึงจำใจต้องมาขายบริการจริงไหม เพราะฉนั้นแล้วคุณเจ้าของกระทู้คิดว่า การใช้ร่างกายของคนที่จำใจขายบริการเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือเปล่า การกระทำก็คือกรรม หากเราประกอบกรรมที่ไม่ถูกต้องคิดว่าบาปไหมล่ะครับ

5. แม้หญิงขายบริการจะเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมกาเม แต่หากผู้ที่มาซื้อบริการเป็นบุคคลต้องห้าม คือมีแฟนมีภรรยามีลูกและมีพ่อแม่ และการขายบริการของหญิงขายบริการนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้ที่มาซื้อบริการ คิดว่าจะบาปไหมล่ะครับ

เอาแค่5ข้อนี้ก่อนแล้วกันนะครับ ที่จริงมีอีกเพียบ หวังว่าคงทำให้คุณเจ้าของกระทู้กระจ่างขึ้นบ้างนะครับ

อ้อ อีกประการ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า มิจฉาอาชีวะนั้นประด้วย 1.ค้ามนุษย์ 2.ค้าอาวุธ 3.ค้ายาพิษ
การขายประเวณีนั้นหมายถึงการขายเรือนร่างและร่างกายของตัวเองให้กับผู้อื่น จึงจัดอยู่ในมิจฉาอาชีวะข้อค้ามนุษย์ จึงเป็นอาชีพที่ปราศจากความเจริญถูกต้องไหมครับ แม้คนขายจะไม่บาปแต่เราเป็นผู้ซื้อเท่ากับเราสนับสนุนเขาทำอาชีพที่มัวเมาผู้อื่นต่อไป คุณเจ้าของกระทู้คิดว่าบาปไหมล่ะครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#9 usr23268

usr23268
  • Members
  • 81 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 June 2008 - 10:34 AM

ขอบคุณครับ ที่ทำให้กระจ่าง อีกนิดครับ การที่เป็นสามีภรรยาในหลักกฏแห่งกรรม คือการได้จดทะเบียนสมรสหรือแค่เป็นแฟนกัน หรือแค่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ครับ

#10 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 10 June 2008 - 11:52 AM

ก่อนอื่นมาดูองค์แห่งศีลข้อที่3กันก่อนนะครับ

องค์แห่งศีลข้อที่3นั้นประกอบด้วย (ยกมาจากพระธรรมเทศนาเรื่ององค์แห่งศีลของหลวงพ่อทัตตะชีโว)
1. บุคคลที่ละเมิดเป็นบุคคลต้องห้ามหรือบุคคลที่ยังมีเจ้าของอยู่ เช่น พ่อ แม่ สามี(ภรรยา)
2. บุคคลนั้นเป็นบุคคลที่ประเพณีหวงห้าม(เช่น นักบวช ฯลฯ)
3. ประกอบกิจในการเสพเมถุนธรรม นับตั้งแต่การถูกเนื้อต้องตัวกัน
4. อวัยวะมรรคจรดกัน ขาดสะบั้นทันที

ลองพิจารณา2ข้อแรกเราจะได้คำตอบครับ จะเห็นได้ว่าตามหลักกฎแห่งกรรม แม้จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากพ่อแม่เขายังไม่อนุญาติก็ผิดอยู่ดีจริงไหมครับ แล้วถึงแม้จะเป็นแฟนกัน พ่อแม่รู้และยอมอนุญาติให้คบกันแต่ยังไม่ได้แต่งตามประเพณีก็ผิดจริงไหมครับ

ดังนั้นสามีภรรยาตามหลักกฎแห่งกรรมนั้นจะต้องประกอบด้วย2อย่างคือ

1. ผู้เป็นเจ้าของยินยอม นั่นคือพ่อแม่ หรือถ้าเป็นสามีภรรยากันก็ต้องเป็นสามีภรรยาที่เลิกกันโดยความยินยอมของทั้ง2ฝ่ายและถูกตามประเพณีเรียบร้อยแล้ว
2. ถูกจารีตประเพณีคือผ่านพิธีแต่งงานอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#11 เคียงข้างไปดุสิตเขตใน

เคียงข้างไปดุสิตเขตใน
  • Members
  • 51 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 June 2008 - 08:44 PM

แม้แต่เป็นผู้ชายแล้วก็ยังมี สิทธิ กลับไปเกิดเป็นผู้หญิงได้ ถ้าผิดศีล ข้อ 3


อยากได้เพศบริสุทธิ์ ต้อง รักษา ศีลอย่างน้อย 5 ข้อ ให้ดีๆ


ถ้าให้ดีก็ต้องมีนิสัย รักการประพฤติพรหมจรรย์ครับ


จากผู้ได้โอกาส.......................

#12 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 June 2008 - 09:51 PM

สาธุครับ

#13 131072

131072
  • Members
  • 237 โพสต์
  • Gender:Not Telling

โพสต์เมื่อ 11 June 2008 - 09:14 AM

อนุโมทนาสาธุกับ ธรรมทานค่ะ happy.gif

#14 usr23268

usr23268
  • Members
  • 81 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 June 2008 - 10:16 AM

สาธุครับ

#15 สุภาพบุรุษ072

สุภาพบุรุษ072
  • Members
  • 597 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 June 2008 - 12:36 PM

อย่าไปยุ่งกับสิ่งเหล่านี้เลยครับ ใจหมอง ไปยุ่งแล้ว พอก่อนตายเกิดเป็นภาพคตินิมิตขึ้นมา ไม่คุ้มนะครับ ก็ต้องไปร่วมแจมกับนางนิรยบาลนี้สิน่ากลั๊ว..น่ากลัว

#16 อริย 072

อริย 072
  • Members
  • 440 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 June 2008 - 05:58 PM

อ่านกระทู้นี้แล้ว ขอชื่นชมคุณ เคยเข้าวัด ที่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน เข้าใจได้ง่าย และ
การเที่ยว โสเภณี ยากที่จะให้บริสุทธิ์ เพราะต้องประกอบด้วยใจที่ต้องพร้อมยินยอมของผู้ขายบริการ(ซึ่งน้อยมาก)
กายที่ต้องไม่มีเจ้าของ (สามี)
คนเที่ยวก็ต้องโสด และก็วัยก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ยังเป็นลูกของพ่อแม่ ทั้งสองฝ่าย
จึงจะไม่มีวิบากกรรมกาเม...ซึ่งยากแสนยาก ให้มีองค์ประกอบครบ
แถมยังทำให้ใจก็ยังไปหมกมุ่น คุ้นเคยกับราคะ ซึ่งเหมือนยางเหนียว อาจทำให้หลง ติดอกติดใจ เสียเงิน เวลา แทนที่จะไปทำงาน ไปถือศีล นั่งสมาธิ
วิธีแก้ ให้นั่งสมาธิมากๆ เวลาใจเริ่มวนเวียนเรื่องกามรมณ์ จะเป็นการขจัด กิเลสละเอียดเช่นนี้โดยตรง ความสุขจากสมาธิ จะทำให้ทดแทนสุขจากกามได้ เพราะเป็นความสุขที่แท้จริง
ให้ลองทำดู

#17 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 June 2008 - 07:37 PM

ถาม เที่ยวหญิงโสเภณี ผิดตรงไหน
ตอบ ในกรณีนี้ เขาไม่ตัดสินว่าถูกหรือผิดด้วย ศีล หรอกนะ เขาตัดสินกันด้วยตัวบรรทัดฐาน คือ อบายมุข

อบาย แปลว่า ความเสื่อม ความฉิบหาย ที่ปราศจากความเจริญ
มุข แปลว่า หน้า หรือ ทางเข้า

อบายมุข แปลว่า โฉมหน้าแห่งความเสื่อม หรือทางแห่งความเสื่อม ผู้ชายคนไหนไม่ว่าจะเป็นโสด หรือเป็นคนมีคู่ครองแล้ว หากไปยุ่งเกี่ยวกับโสเภณีจะระดับไหนก็ตาม

ขอเตือนว่า โฉมหน้าแห่งความเสื่อม โฉมหน้าแห่งความฉิบหายได้ลอยมาประทับหน้าเดิมของเขาเข้าให้แล้ว นับแต่นี้ไปไม่ว่าเขาจะไปทำอะไร คนรอบข้างก็อดไม่ได้ที่จะเคลือบแคลง สงสัยไปในทางไม่ดีเอาไว้ก่อน

เรื่องนี้เราไม่ได้ตัดสินกันด้วยศีล แต่ตัดสินกันด้วยเรื่องความเสื่อม ความฉิบหายต่างๆ ที่จะมาถึงตัวผู้นั้น ซึ่งได้แก่

เรื่องที่ 1 ติดโรค ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงโสเภณีเมื่อใด กามโรค โรคเอดส์ก็ถามหาเมื่อนั้น ใครขืนไปยุ่งเข้า ก็นั่งนอนผวาไปเถิดว่าเราติดเอดส์มาหรือยังหนอ

เรื่องที่ 2 ผู้ชายคนนั้นกำลังดูถูกเพศแม่ของตัวเอง

เรื่องที่ 3 ผู้ชายคนนั้นกำลังเพาะนิสัยไม่ดีไว้ในตัว คือ นิสัยดูถูกเหยียบย่ำผู้หญิง พอถึงคราวมีภรรยาก็จะเอานิสัยไม่ดีที่เคยปฏิบัติกับโสเภณีมาใช้กับภรรยาของเขา นึกดูก็แล้วกันว่า อะไรจะเกิดขึ้น

เรื่องที่ 4 เป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ พูดอีกอย่าง คือ เอาเงินไปซื้อความพินาศฉิบหายมาใส่ตัวแท้ๆ สู้เอาเงินที่จะต้องไปเสียให้กับหญิงโสเภณี ส่งไปให้คุณแม่ทำบุญเสียยังจะดีกว่า

คุณโยมนะ ต่อไปถ้าจะไปถกเถียงกับพวกผู้ชายในเรื่องนี้อีกละก็ บอกเขาไปเลยว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้พิจารณากันด้วยศีล ย้ำให้หนักเลยว่า ถ้าจะไปเสียเงินเสียทองด้วยเรื่องอย่างนี้อีก ให้นึกถึงคนเป็นแม่บ้างว่า กว่าท่านจะเลี้ยงลูกแต่ละคนจนเติบโตมาขนาดนี้ ท่านลำบากนักหนา ลูกที่ทำมาหากินได้แล้วควรจะส่งเงินให้ท่านทำบุญเป็นเสบียงติดตัวไปภพชาติข้างหน้าบ้าง เพราะคุณแม่บางคนเลี้ยงลูกจนแทบจะไม่มีเงิน ไม่มีเวลาแบ่งไปทำบุญสำหรับตัวเองเลย

ถ้าช่วยกันพูดช่วยกันทำอย่างนี้ หลวงพ่อว่าจะทำให้ได้บุญกันหลายฝ่าย ขอให้พยายามพูด พยายามอธิบายกันมากๆ เพื่อว่าในภายภาคหน้า คุณผู้ชายท้งหลายจะได้เห็นสตรีทั้งแผ่นดินมีคุณค่าเสมือนมารดาของเขา แล้วเรื่องการปลุกปล้ำ ทำอนาจาร เรื่องข่มขืน เรื่องฆ่า เพราะเหตุแห่งเพศ เหตุแห่งกาม จะได้หมดไปจากโลกนี้เสียที

ที่มา หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา โดย พระภาวนาวิริยคุณ ( เผด็จ ทัตตชีโว )

#18 thaikids072

thaikids072
  • Members
  • 191 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพมหานคร
  • Interests:ดนตรี - นาฏศิลป์

โพสต์เมื่อ 14 June 2008 - 12:19 PM

บาปสิครับ
thaikids072

#19 *นกขมิ้น*

*นกขมิ้น*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 29 January 2011 - 11:24 AM

[font="Arial"][/font[/size][size="7"]ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับ การที่ผู้หญิงขายบริการเป็นป่าบหรือไม่นั้น มันก็ต้องมาดูเหตและผลที่คนนั้นกระทำครับ อย่าแรกเลยการกระทำของผู้หญิงบางคนทำเพื่อหาเงินมาจุดเจอครอบครับ บางคนทำเพื่อที่จะบำเลิอความสุขต้นเอง บางคนทำไปเพื่อประชดชีวิต บางคนทำไปเพราะคิดว่ามันคืองาน เหตุทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็เป็นผลตอบให้ได้ว่าป่าบหรือไม่ ทางพุทธศาสนาก็บอกไว้แล้วว่าการกระทำนำมาซึ่งความถูกและผิด หากมองด้วยความเป็นกลางทางความคิดแล้ว ป่าบหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำ ผมเองเคยไปพูดคุยแต่ไม่สัมผัสนะ กับคุณเธอหลายคน บางคนก็คิดว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องทำแล้วทำด้วยความกตัญญูต่อพ่อแม่ หากมองว่าการที่เธอขายบริการเป็นปาบก็แสดงว่าเรามองผิดใช่ปะครับ ส่วนมองอีกทางคือเธอทำงานเพื่อช่วยพ่อแม่ (หากพุดถึงตรงนี้คงมีคำถามขึนมาว่า แล้วงานอื่นที่ทำทำไมไม่ทำ) อันนี้ก็เป็นสิทธิที่คุณจะคิดครับ หากเรามัวแต่ยึดติดกับกรอปมากเกินไปเราจะไม่ทางเห็นอะไรนอกกรอปเป็นแน่ครับ ลองมานั่งมองให้หลายมุมสิครับแล้วเราจะเห็นว่า การกระทำของเธอเหล่านั้นมันอยู่ที่ตัวบุคคลมันมีเหตุและผล เวลาผู้หญิงไปในกับใครๆคนอื่นมักมองว่าเธอผิดหรือเป็นวันทอง นางกากีอะไรประมาณนั้น แต่หากผู้ชายอย่างเราท่านไปนอนกับผู้หญิงหลายต่อหลายกับบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เห็นไม่ครับว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการกระทำทั้งสิ้นครับ ขอให้มองที่การกระทำแล้วคุณจะได้คำตอบครับ