ผู้เขียนมีโอกาสได้รู้จักสองสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เดินจุงมือเข้ามาปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน
ผู้เป็นสามีเล่าให้ฟังว่า เหตุที่เค้าและภรรยาต้องมา ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
เนื่องจากทั้งคู่มีอาการปวดศรีษะ อย่างรุนแรง เหมือนศรีษะจะแยกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ
รวมทั้งร่างกายที่หลังและไหล่ ก็เจ็บปวดรวดร้าวเหมือนถูกทุบตี ถูกฟาดอย่างรุนแรง
ได้รับทุกขเวทนาเหลือเกิน กินไม่ได้นอนไม่หลับ รักษาตัวหมดเงินทองไปมากมายก็ไม่หาย
สักที มีแต่ทุเลาลงเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น
จากการปฏิบัติธรรมที่เคร่งครัดตามขั้นตอน จนครบหลักสูตร7คืน 8 วัน ฝ่ายสามีก็ได้กระจ่างรู้ถึงสาเหตุนั้น มันเป็นเพราะกฎแห่งกรรมที่เขาทั้งสองคน ต้องชดใช้ในชาตินี้นั้นเอง
ซึ่งเค้าเล่าให้ฟังว่า
เขามีบ้านพักอาศัยอยู่นอกเมือง แต่มาทำกิจการเปิดบริษัทอยู่ที่กรุงเทพ
ทุกเย็นเมื่อเลิกงานก็พากันขับรถกลับบ้าน รุ่งขึ้นก็ขับรถมาทำงาน อย่างนี้เป็นประจำ
วันหนึ่งสองสามีภรรยา เดินทางไปทำกิจธุระที่ต่างจังหวัด 3 วัน เมื่อเส็จธุระก็เดินทางกลับ
ถึงที่ทำงานเมื่อเข้าไปในห้องทำงาน(ซึ่งเป็นห้องกระจกที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม)
เขาก็ต้องตกใจเพราะพบว่าสิ่งของเครื่องใช้และเอกสารต่างๆ กระจัดกระจายตกอยู่กับพื้น
พร้อมกับมีกลิ่นอุจจาระปัสสาวะแมวเรี่ยราดเต็มไปหมด ทั้งคู่เกิดอาการโมโหจนเลือดขึ้น
หน้า กัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด.... สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะบังเอิญได้ขังแมวตัวหนึ่งเอาไว้ในห้องทำงานโดยไม่รู้ ฝ่ายเจ้าแมว เมื่อถูกขังไว้ในห้อง 3-4 วันนั้น ไม่สามารถออกมา
ข้างนอกได้ ต้องอดทั้งข้าว อดทั้งนําจึงพยายามดิ้นรน ช่วยตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อจะหาทางหนีออกไปให้ได้ และคงจะคิดเอาเองตามประสาแมวว่า ถ้าหากทำลายสิ่งกีดขวางที่วางไว้ให้ราบเตียนหมดแล้ว ก็คงจะพบทางออก แน่ๆ แต่ก็ไม่สำเร็จ สองสามีภรรยา เมื่อรู้ว่า
แมวคือตัวการ ก็ช่วยกันค้นหาแมวจนเจอ เห็นมันหมอบอยู่ใต้โต๊ะ สามีจึงบอกให้ภรรยาช่วยกันจับแมวเอาไว้ แมวดูเหมือนจะรู้ตัว หรือ อาจจะเป็นสัญชาตญาณของการป็องกันตนเอง
มันจึงวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ก็แค่วิ่งวนเวียนไปมาอยู่ในห้องเท่านั้น เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็
ยังไม่สามารถจับแมวได้ และความเหน็ดเหนื่อยบวกกับความโมโห ทำให้ความโกรธยิ่งทวีขึ้น
[/color]
เป็นอีกเท่าตัว เมื่อช่วยกันจับแมวได้แล้วเพราะอารมณ์โมโหโกรธแค้นถึงขีดสุด จึงช่วยกัน
จับขาหลัง ของเจ้าแมวแล้ว ฟาดกับฝาผนังอย่างเต็มแรง โดยไม่ยั้งมือ จนกระทั่งแมวหัวแตก
เลือดไหลอาบ มันสมองไหล และ ตายคาที่ สามียังโกรธไม่หาย และ ยังรู้สึกว่าไม่สะใจก็
จับแมวฟาดอีกนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งๆที่เจ้าแมวตายไปแล้ว ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เมื่อสงบสติ
อารมณ์ลงแล้ว ทั้งสองจึงจัดการนำซากศพแมวไปทิ้ง และ ทำความสะอาดห้องทำงานใหม่
วันเวลาผ่านไป สองสามีภรรยาก็ลืมเรื่องแมวเจ้ากรรมเสียสนิท
แต่มีอยู่วันหนึ่ง รถยนต์ที่เคยขับไปทำงานเกิดเสีย ขึ้นมา โดยไม่ทราบสาเหตุ และต้องนำเข้าอู่ซ่อม ทั้งคู่จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการ ขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานแทน โดยสามีเป็นผู้ขี่ภรรยาเป็นผู้ซ้อนท้าย ขณะที่ขับขี่มาด้วยความเร็วสูงนั้น ขณะที่กำลังขี่จี้ท้ายรถบรรทุก
เหล็กเส้นมาอย่างกระชั้นชิด แต่ด้วยสาเหตุใดไม่ทราบได้ รถบรรทุกเหล็กเส้นเกิดเบรกกะทันหัน ทำให้รถจักรยานยนต์ที่เขาขี่มาพุ่งชนท้ายรถบรรทุกเต็มแรง จนทั้งคู่บาดเจ็บสาหัส ฝ่ายสามีนั้นอาการหนัก เพราะเหล็กพุ่งเสียบหน้าอก ศรีษะแตกแยกออกมาจนเห็นมันสมองร่างกายก็ถลอกปอกเปิก ยับเยิน ไส้ทะลัก จนทุกคนที่เห็นสภาพบอกว่าไม่มีทางรอดแน่ๆ
แต่เดชะบุญที่ชะตายังไม่ขาดเหล็กที่เสียบนั้นไม่ถูก อวัยวะสำคัญ แพทย์จึงสามารถผ่าตัดช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ส่วนภรรยาก็หัวแตกเย็บหลายเข็ม รวมทั้งอาการบาดเจ็บตามร่างกาย
ทั้งสองต้องนอน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานานหลายเดือน จนทำให้ขาดรายได้
ครอบครัวเดือดร้อนไม้น้อย
เวลาผ่านไปเกือบปี สภาพร่างกายก็ค่อยๆ ฟื้นคืนเป็นปกติ แต่ทว่าสิ่งที่ยังคงอยู่ก็คืออาการปวดศรีษะ ที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน โดยปวดร้าวไปทั่วทั้งใบหน้า รักษาอย่างไรก็ไม่หายเพียงแค่ทุเลาลงบ้างเท่านั้น และนี่คือกฎแห่งกรรมที่ เกิดขึ้นกับสองสามีภรรยา อันเนื่องมาจากการ
ทำลายและฆ่าแมวอย่างโฆด####ม ทารุณโดยขาดความเมตตาในครั้งนั้น
การทำทารุณกับแมว ให้ได้รับความเจ็บปวดจนตายเช่นนั้น ทำให้ทั้งคู่ต้องชดใช้หนี้กรรม
อย่างรุนแรง และ รวดเร็ว !
แต่ยังดีที่ทั้งสองสามีภรรยายังไม่ได้เสียชีวิต คงจะทำบุญสร้างกุศลไว้บ้าง และ ชะตายังไม่
ถึงฆาต จึงรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้ในคราวนั้น แต่ก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการปวดศรีษะ
อย่างรุนแรงไม่หายตลอดไป ทนทุกข์ทรมานมาเป็นแรมปี
บัดนี้สองสามีภรรยาได้สำนึกแล้วว่า บาปกรรมมีจริงกฎแห่งกรรมเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น
ทั้งคู่จึงหันกลับมาสร้างแต่บุญกุศล ทำบุญใส่บาตร อุทิศส่วนกุศล
ขออโหสิกรรมต่อเจ้าแมวตัวนั้นทุกวัน อีกทั้งชวนกันรักษาศีล ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
และยังเจียดรายได้ส่วนหนึ่งสมทบเป็นเจ้าภาพ เลี้ยงอาหารผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมเป็นประจำ
ทุกวันนี้อาการปวดศรีษะก็ค่อยลดน้อยลงเป็นลำดับทำให้ทั้งสองคนต่างมีความสุขมากขึ้น
จากหนังสือหยุด ก่อนจะสายเกิน ร้านหนังสือกระวี
[color="#800080"]
คิดว่าไม่มีกรรม
Started by au-xiah, Sep 11 2007 06:41 PM
9 replies to this topic
#1
Posted 11 September 2007 - 06:41 PM
#2
Posted 11 September 2007 - 09:03 PM
น่ากลัวมากๆๆๆ และสงสารแมวมากๆๆ ผมยิ่งเป็นคนรักแมวอยู่ด้วยไม่น่าอ่านเลย :'( :'(
ปฏิบัติธรรมะให้เข้าถึงพระธรรมกาย ชัวร์ที่สุดปลอดภัยที่สุดครับ
ปฏิบัติธรรมะให้เข้าถึงพระธรรมกาย ชัวร์ที่สุดปลอดภัยที่สุดครับ
#4
Posted 12 September 2007 - 07:58 AM
กรรมส่งผลในชาตินี้ ดีที่นึกการกระทำได้และได้ชำระหนี้กรรมเสียในชาตินี้ แต่น่ากลัว...มาก
พวกเราดีที่ได้พบหลวงพ่อ ฯ และหมู่คณะที่ได้แนะนำให้ทำบุญ ละบาป
อนุโมทนาบุญกับบทความดี ๆ ด้วยคะ
พวกเราดีที่ได้พบหลวงพ่อ ฯ และหมู่คณะที่ได้แนะนำให้ทำบุญ ละบาป
อนุโมทนาบุญกับบทความดี ๆ ด้วยคะ
#5
Posted 12 September 2007 - 08:06 AM
ถ้าสาเหตุเกิดในปัจจุบันชาติ ก็คงจะพอนึกออกได้ หากแต่ถ้าเหตุเกิดในอดีตชาติ คงไม่ง่ายที่จะปรับใจยอมรับ เข้าหาธรรม หากไม่มี Case Study ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ลูก ๆ ได้รู้จัก และเดินในเส้นทางสายนี้ ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ
#6
Posted 12 September 2007 - 08:57 AM
เป็นกรรมเก่าของแมว และเป็นกรรมใหม่ของคู่สามีภรรยา
#7
Posted 12 September 2007 - 12:37 PM
อนุโมทนาบุญกับบทความนี้ค่ะ คนทำ ทำไมโหดจัง
#8
Posted 12 September 2007 - 08:14 PM
น่าสงสารแมวมาก ใจคอโหดมาก ไม่น่าอ่านเลย
#9
Posted 13 September 2007 - 08:32 AM
ถ้าระงับความโกรธได้ เรื่องก็จะไม่เกิด
Relax & Alert
#10
Posted 14 September 2007 - 10:10 AM
การขาดสติ เป็นเหตุ ทำให้บุคคลนั้น ทำในสิ่งที่ไม่อาจย้อนหวนกลับมาแก้ไขใหม่ได้ ดีที่ยังมีเวลาของชีวิตไว้สร้างบุญเพิ่มได้ ขออนุโมทนาบุญกับคุณ au-xiah ด้วยนะคะที่นำบทความดี ๆ มาลง สาธุคะ
ยิ่งมืด ยิ่งใกล้สว่าง !