
พระของขวัญที่วัดอันไหนมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
#1
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 12:26 PM
1. พระมหาสิริราชธาตู
2. พระผงรูปหลวงปู่รุ่นเททอง
3. เหรียญปราบมารรุ่นแรก
4. เหรียญปราบมารทองสำเร็จ
5. เหรียญปราบมารรุ่นถล่มมารที่ทำจากหลังคาสภาธรรมกายสากล
6. เหรียญห่วงใยรุ่นสถาปนาพุทธอุทยานนานาชาติ
7. เหรียญห่วงใยชาวใต้
ถ้าใครพอจะรู้ แม้ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซนต์ ช่วยเรียงลำดับให้ที
อีกคำถาม ทำไมพระของขวัญวัดเราถึงไม่โด่งดังและเป็นที่นิยมในตลาดพระเครื่อง ไม่เคยเห็นขึ้นในปกหนังสือพระเลย ทั้งที่ถ้ามีความศักดิ์สิทธิ์ตามที่หลายคนเคยประสบน่าจะดังจนถึงเอาไปลงหนังสือพระได้นะ
#2
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 12:42 PM
#3
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 12:53 PM
#4
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 01:08 PM
แล้วอะไรล่ะที่ศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพ ที่ทำให้ผู้ที่ได้พระของขวัญไปรอดพ้นจากอันตรายต่างๆจนนำเรื่องราวมาบอกเล่าต่อๆกัน สิ่งนั้นก็คือ บุญที่พวกเขาได้ทำครับ เพราะพวกเขาทำบุญ บุญจึงช่วยป้องกันวิบากกรรมเก่าๆของเขา จากหนักเป็นเบา เบาเป็นหายครับ
ผมว่านะคุณเจ้าของกระทู้อย่าหลงไปกับความศักดิ์สิทธ์ของพระของขวัญเลยครับ ไม่มีหรอกครับความศักดิ์สิทธิ์ ความศักดิ์สิทธ์ของพระของขวัญไม่ได้อยู่ที่ตัวพระของขวัญ หรือไม่ได้อยู่ที่เนื้อของพระของขวัญ หรือไม่ได้อยู่ที่วัสดุที่ใช้ทำแต่อย่างใด แต่ความศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ที่บุญที่คุณเจ้าของกระทู้ได้สร้างและได้พระของขวัญมาต่างหากครับ และยิ่งถ้าได้พระของขวัญอย่างที่คุณsuppy001กล่าวไว้ด้วยล่ะก็ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 01:32 PM
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระที่มีรูปพระเดชพระคุณหลวงปู่ ห้อยแล้วรู้สึกว่า หลวงปู่อยู่กับเราตลอดเวลา ของฟ้าร้างยึดรุ่นถล่มมาร หลังคาสภาค่ะ เพราะทำแล้วนึกถึงบุญออกทุกครั้ง บอกบุญมาได้ด้วยความตั้งใจจริงๆ ทำแบบหมดตัวไม่เหลือเลย แถมได้ล้นเกินควรเกินคาด ทำมาได้ด้วยความตั้งใจจริงๆ และกอปรกับมีเหตุพายุพัดถล่มสภา เลยทำให้นึกถึงบุญออกได้โดยง่าย ปลื้มได้ง่ายสุดแล้วน่ะค่ะ เห็นทีไร นึกถึงทีไร ก็นึกเห็นหลวงปู่ทุกที
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#6
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 02:12 PM
ถ้าจะให้ ตัดสิน ก็คงไม่ได้ นะครับ
เลยอยากย้อน ถาม ตัวผู้ถามว่า กิเลส ในตัวท่าน ชอบรุ่นไหน หละครับ
สาธุ ...
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*
#7
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 02:16 PM
ถามว่าพระของขวัญของทางวัดอันไหนมีอานุภาพหรือศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ขอตอบว่า ศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่น ศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ครับ ไม่ว่าจะสร้างจากวัตถุอะไร สิ่งที่สืบเนื่องกับครูบาอาจารย์ กับพระรัตนตรัย นำมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกาย ศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้นครับ ทั้งศักดิ์สิทธิ์ด้วยองค์ของท่านเอง และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นเมื่อเราตรึกระลึกนึกถึงคุณของท่าน รวมทั้งบุญที่เราทำมา
#8
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 02:25 PM
ก็ต้อง กราบขอโทด ที่ ตอบไปแบบไหน เพราะ ความเห็น ผมแล้วนั้น ...
ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่หลวงพ่อ ท่านทำขึ้นมาย่อมศักดิ์สิทธิ์ ที่สุด ทุกชิ้น ทุกอย่าง หรือทั้งหมด เพราะท่านเป็นพระศักดิ์สิทธิ์
ดั่งเช่นที่ พี่สอง ได้ พูดไว้
และ ท่านยังไม่เข้าใจ ความลำบาก ในการนำสร้าง บารมีของหลวงพ่อ ก็น่าจะนึกถึง ภาพ unseen ที่ผ่านมา นะครับ
หลวงพ่อ ไม่ทิ้งลูกๆ ด้วย สิ่งลวงลอก ที่โลกภายนอกกำลังนิยม ยินดีอยู่หรอกครับ ...
ท่านทำ พระของขวัญขึ้นมา ก็เพื่อให้ เราตรึกระลึกนึกถึง บุญที่ทำมาด้วยความยากลำบาก ของแต่ละคน ที่สามารถ เป็นเจ้าของบุญ นั้นๆ ได้ ...
เวลาละโลกไป ใจจะได้ใสๆ ไม่ตกอบายภูมิ ... ไปสู่ภพภูมิที่สว่าง
และ พระของขวัญที่ หลวงพ่อ ทำขึ้นมา ไม่เป็นที่นิยม ในตลาดของ พวก นั้น ก็เพราะ เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ที่มีเจ้าของ และเจ้าของย่อมมีบุญมาก ที่สามารถรองรับของที่ศักดิ์สิทธิ จริงๆ ได้ ...
ก็หวังว่า อย่าเอา เรื่องนี้ไปเทียบกับ ภายนอกเลยนะครับ ใจขุ่นเปล่าๆ คราบ
สาธุ
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*
#9
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 06:23 PM
สำหรับความคิดผมนะครับ ผมว่า พระที่ศูนย์กลางกายฐานที่7 ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดครับสามารถปิดประตูอบายเปิดประตูสวรรค์ได้ เเต่เนื่องจากว่า ยังมีบางคนที่ยังเข้าไม่ถึงอะครับ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีพระของขวัญเอาไว้ตรึกนึกถึง ที่ศูนย์กลางกาย เเม้บางครั้งจะนึกได้บ้างไม่ได้บ้าง ช่วงที่เราลืมนึกถึงศูนย์กลางกาย พระของขวัญก็จะช่วยคุ้มครองเรา(ความคิดผมนะครับ) เเต่เราก้ต้องหมั่นนึกถึงท่านบ่อยๆ เเละต้อง ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาด้วย เพราะพระของขวัญวัดเราเป็นพระเป็น สามารถไปมาได้ ถ้าเจ้าของไม่อยู่ในบุญ
สำหรับความคิดผมนะครับที่ถามว่า รุ่นไหนศักดฺสิทธิ์ที่สุด ผมว่าศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นนะครับ
เเต่ถ้าในเรื่อง เเคล้วคลาด เดินทางปลอดภัย ที่นิยมใส่กันเป้น รุ่น พระผงหลวงปู่รุ่นเททอง
เรื่องป้องกันผี ก็ควรจะใส่ เหรียญปราบมารสเเตนเลส
ถ้าเป้นเรื่องดูดทรัยพ์ ก็น่าจะเป้นพระมหาสิริราชธาตุ
(ที่ตอบมาทั้งหมดนี้เป้นความคิดเห้นส่วนตัวนะครับ ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยครับ)
#10
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 08:18 PM
#11
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 08:26 PM
และที่พระของขวัญรุ่นต่าง ๆ ไม่นิยมกันในตลาดพระ ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า วัดเราไม่ได้เน้นวัตถุครับ สิ่งเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจ มีคุณค่าสำหรับระลึกนึกถึงความดี ระลึกนึกถึงบุญ ไม่มีใครคิดจะซื้อจะขายกัน ถ้าเจอคนถูกใจ เจอคนดีมีบุญล่ะก็ ให้ได้เลยครับ ไม่ต้องขาย เพราะเป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่สามารถซื้อขายได้ครับ
#12
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 08:48 PM
“ ซึ่งเราต้องการจะรวยในชาตินี้ จะค้าขาย เอาใจจดจ่อที่องค์พระของขวัญนั้น ขออาราธนาพระองค์ได้โปรด ข้าพระพุทธเจ้าเป็นพ่อค้า หญิงก็หม่อมฉันเป็นแม่ค้า การค้าของข้าพระพุทธเจ้าขอให้กว้างขวางเต็มประเทศไทย ล้นประเทศไทย ขอให้ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม ดังไปถึงนิพพานส่งผังซื้อง่ายขายคล่อง กำไรงามติดตัวล้นประเทศไทย ก่อนจะค้าขายภาวนาอย่างนี้ทุกคราวไป ขายของขายง่ายดายสะดวกเหมือนเทน้ำเทท่า ถ้าจะรับราชการ หรือรับราชการอยู่แล้วก็บอกว่า ข้าพระพุทธเจ้ารับราชการอยู่แล้ว หม่อมฉันเป็นผู้รับราชการ ขอให้หน้าที่ราชการของข้าพระพุทธเจ้า ขอให้ราบรื่น เรียบร้อยไม่เป็นที่สะดุดตา สะดุดใจผู้ใหญ่ ขอให้นิยมชมชอบกับข้าพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นข้าราชการขอให้ถึงชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ขอให้สูงสุดในสายราชการนี้ หน้าที่ราชการใด ก็อาราธนาท่านในทางชนิดนั้นไป ก็จะได้ผลสมความปรารถนา ก็จะดังไปถึงนิพพาน ท่านก็ส่งผังราชการสูงสุดมาให้เต็มตัวเรา ก่อนจะรับราชการอย่างนี้ทุกคราวไป ก่อนจะไปทำไร่ ไถนา ทำการงานด้วยลำแข้งของตัวเอง ด้วยอวัยวะร่างกายของตน ขอพระองค์ได้ทรงโปรดการงานของข้าพระพุทธเจ้า เป็นดังนี้ ขอให้ทำง่าย ทำดาย ทำสะดวก ได้ผลเกินควร เกินค่า นิ่งอยู่กลางองค์พระของขวัญนั้น ถ้าจะไปทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ขออาราธนาพระองค์ได้ทรงโปรด ขอให้ไปดี มาดี สวัสดีมีชัย ถ้าแม้เราได้พระของขวัญไปเป็นกรรมสิทธิ์เราแล้วละก็ ติดอยู่กับตัวเราเสมอ ๆ บำบัดโรคภัยไข้เจ็บได้ต่าง ๆ โรคภัยไข้เจ็บมีในตัวเราหายหมด เด็กเล็กละก็อ้วนท้วนทีเดียว ตกน้ำก็ไม่ตาย เรือล่มก็ไม่ตาย รถชน รถทับ ไม่เป็นอันตรายทั้งนั้น หากลองสงครามเกิดขึ้น ไม่ต้องอพยพ หลบหลีก อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น ตามหน้าที่ ถ้าเข้าสมรภูมิไปรบกับเขา ก็ไม่ต้องหวาดหวั่น มีพระของขวัญแล้ว อาวุธยุทธ์ภัณฑ์ทำอะไรเราไม่ได้ ให้รักษาไว้ให้ดีนะ เป็นของขวัญที่ล้ำค่า เหมือนแก้วสารพัดนึก
พระพุทธเจ้าท่านรับสั่งเมื่อทำเสร็จในวันแรก เวลาจะออกได้อรุณออกพรรษา ทรงรับสั่งว่า “ ตั้งแต่มีธาตุมีธรรมมา ของศักสิทธิ์ขนาดนี้ เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก” เพราะเหตุว่าของศักสิทธิ์นี้ มนุษย์ไม่ได้ทำตามปกติธรรมดา อาราธนาพระพุทธเจ้า มีธรรมการ ธรรมกายไปอาราธนาให้ท่านปรุงขึ้น ตกแต่งให้มนุษย์ เมื่อมนุษย์คนใดได้รับไปแล้ว มนุษย์คนนั้นมีสมบัติติดตัวพันล้านทุกคน คือขอท่านไว้ว่าขอให้มนุษย์ที่ได้รับพระไปมีสมบัติติดตัวไว้ พันล้าน พันล้านทุกคนไป ให้รักษาพระนี้ไว้ให้ดี ไม่ใช่ของธรรมดานะ เปล่งรัศมีก็ได้ พอก็ได้ ลอยไปก็ได้ หายไปก็ได้ ของชนิดหนึ่งเท่านี้ละมหัศจรรย์นัก ไม่ใช่ของตาย ของเป็น เขาเรียกว่า ของสำเร็จ ของศักสิทธิ์ ให้จำไว้แน่นอนนะ ”
สรุปว่า พระของขวัญวัดปากน้ำ ไม่ว่ารุ่น 1 รุ่น 3 ที่ราคาเป็นหมื่นเป็นแสน หรือรุ่น 4 รุ่น 6 ที่ราคายัง “ถูก”มากเมื่อเทียบกับพุทธคุณ ไม่ใช่พระที่มนุษย์ หรือ พระสงฆ์องค์หนึ่งองค์ใด ปลุกเสกให้ศักสิทธิ์ขึ้น คือผู้ที่ยังไม่ใช้พระพุทธเจ้า ยังมีบารมีไม่เต็ม แบบครบถ้วน สมบูรณ์แบบ เช่นพระพุทธองค์ ทำตามปกติธรรมดาอย่างนี้ไม่ได้ แต่พระของขวัญวัดปากน้ำ ศักสิทธิ์ได้เพราะทำโดยการที่ผู้ได้วิชา ฯ อาราธนาธรรมกาย ของพระพุทธเจ้าเสด็จมาปรุงให้ศักสิทธิ์ขึ้นโดยตรง คือใช้บารมี ของพระพุทธเจ้าโดยตรง เหมือนเราย้อนอดีตไป สมัย 2500 กว่าปี สมัยพระพุธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ และนำพระของขวัญ อาราธนาให้ท่านปลุกเสกให้ ปรุงให้ ฉะนี้ และทำวิธีนี้มาตั้งแต่พระของขวัญรุ่น 1 จนถึงปัจจุบัน จึงแปลว่าพระของขวัญวัดปากน้ำที่ ทำวิชาโดยวิธีนี้ย่อมมีความศักสิทธิ์เหมือนกันหมด เพราะเป็นการอารธนาพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันมาปรุง พระจึงสำเร็จด้วย “พลัง” ของพระพุทธเจ้าโดยตรง ดังเช่นพระของขวัญรุ่น 4 รุ่น 6 ที่คนใช้แล้วมีประสบการณ์มากมาย ไม่แพ้รุ่นแรกเลย หลายท่านมีพระของขวัญรุ่น 6 ที่เรียกว่ารุ่นแย่งกันรวยนี้ อาราธนาพระตามวิธีของหลวงพ่อสด ถูกส่วน ถูกวิธี ร่ำรวย ค้าขายดีขึ้นเยอะ ถ้าจะนับชื่อ อ้างตัวบุคคล อ้างไม่หมด อ้างไม่ไหว เพราะที่ประสบความสำเร็จมีมากต่อมาก เรียกว่าบัญชีเป็นหากว่าวทีเดียว ทุกคนที่ได้พระรุ่น 6 ไปทำงานเจริญก้าวหน้าเป็นเจ้าคน นายคนมากต่อมากแล้ว และที่ “ดี” และ “มหัศจรรย์” คือ ใช้ได้ ดี ทุกทาง
ถามว่า เมื่อดีจริง มหัศจรรย์จริง ใช้แล้วเจริญขึ้นจริง ๆ แล้วทำไม ราคาพระรุ่น 6 จึงไม่แพงเล่า ทำไมกลายเป็นของถูกที่คนเขาไม่เล่นหากัน ตอบได้ว่า คนเราส่วนใหญ่จะนำราคามาเป็นเครื่องตัดสินพุทธคุณของพระ พระราคาแพงต้องมีพุทธคุณสูง พระแจกผ้าป่า กฐิน พระใหม่ย่อมไม่มีพุทธคุณ เมื่อตอนพระของขวัญรุ่น 6 ออกใหม่ ๆคนแย่งกันจนเหยียบกันตาย แต่คนที่ได้ไปไม่นำมาใช้ มุ่งแต่จะปล่อยต่อ เมื่อพระมีจำนวนมาก มีการกว้านซื้อกันมาก ปล่อยต่อราคาแพงไม่ได้ ก็พาลคิดว่าพระไม่มีพุทธคุณไปเลย ไม่เล่นหาไปเลย ท่านแน่ใจแล้วหรือว่านี่เป็นการตัดสินที่ถูกต้อง พระรุ่นใหม่ แต่ทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มวลสารก็ผสมผงวัดปากน้ำ รุ่น 1-3 ไปมาก และอาราธนาพระพุทธเจ้ามาปรุง โดยตรง จะไม่ศักสิทธิ์ได้อย่างไร ถ้าอย่างนี้ไม่ดี แล้วจะไปใช้พระแบบใหนครับ
เดี๋ยวนี้ มีหลายคนเดินสนามมองหาพระปากน้ำรุ่น 6 มากขึ้น เพราะประสบการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ชาวไทยพุทธแถว 3 จังหวัดชายแดนใต้ เจอประสบการณ์มามากแล้ว และจะเห็นเจ้าของร้านทอง พ่อค้า แม่ค้า ใส่พระวัดปากน้ำรุ่น 6 กันมากเรื่อย ๆ เขาเรียกว่า รุ่นแย่งกันรวย เพราะเรียกลูกค้าดีมาก จึงฝากเป็นข้อคิดว่า พระที่อาราธนาพระพุทธเจ้าจากพระนิพพานเสด็จลงมาเสกให้โดยตรง ( อย่างแท้จริง นะครับไม่ใช่อ้างเอา โมเมเอาเอง ) ในแผ่นดินนี้เห็นมีไม่เกิน 3 ที่ ท่านที่หวังจะบูชาพระเครื่องสักองค์เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และราคาไม่แพง ไม่ได้แขวนพระเพื่ออวดราคา อวดว่าเป็นของหายาก สร้างน้อย อย่ามองข้าม พระของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6
ชอบใจอมตะวาจาของหลวงพ่อสด ที่พูดไว้ตั้งแต่ท่านยังอยู่ว่า “ พระของเรามีคุณภาพ สูงยิ่งกว่าราคาใด ๆ เงินพัน บาท หมื่นบาทนั้น ยังไม่สมกับคุณภาพของพระเสียอีก ”
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#13
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 08:57 PM
นิสสัน สีเขียว ทะเบียน 3ฝ 1670 กทม. สภาพล้มตะแคงด้านขวา ส่วนที่ห้อง
เครื่อง ถูกแรงระเบิดพังยับเยิน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นทหาร 3 นาย ทราบชื่อ สอ.บรม สมนึก สอ.เชย ฤทธิ์ชัย และ สต.ชาญชัย บ่อแก้ว ทั้งสามได้รับบาด-
เจ็บที่ศรีษะแตกและลำตัว เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบสเก็ตระเบิดและชิ้นส่วนระเบิดกระจายทั่วบริเวณ และมีสายไฟลากยาวประมาณ 100 เมตร
ส่วนระเบิดเป็นชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัมจุดชนวนด้วยแบตเตอร์รี่
สอบสวนทราบว่าทหารชุดดังกล่าวสังกัดชุดสันติสุข 111 ก่อนเกิดเหตุหลังกลับมาจากฝึกชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ณ
ที่ว่าการอำเภอสายบุรี จากนั้นจึงได้นำกำลังทั้ง 7 นายออกตรวจลาดตระเวน ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบ
จำนวนซุ่มอยู่ข้างทาง โดยมี 2 ชุด โดยชุดแรกได้กดชนวนระเบิดทำให้รถยนต์กระเด็นไปพร้อมกับทหารที่อยู่ในรถ ส่วน
คนร้ายอีกชุดได้ใช้อาวุธสงครามถล่มยิงซ้ำจนเกิดการยิงปะทะกันประมาณ 10 นาทีจนคนร้ายหลบหนีเข้าไปในป่า พล.ต.ต.
ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รอง ผบช.ภาค 9 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกไล่ล่าตรวจค้นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว เชื่อว่ายังกบดาน
อยู่ ในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเชื่อคนร้ายมีการวางแผนก่อนแล้วโดยรู้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ลาด ตระเวนเส้นทางบริเวณที่เกิดเหตุ จึงฉวยโอกาสนำระเบิดฝั่งไว้ในถนนก่อนกดชนวนระเบิดเพื่อสร้างสถานการณ์ (18/10/50)
ทหารชุดนี้ เคยมารับบุญรักษาความปลอดภัยงานบุญใหญ่ที่วัดพระธรรมกาย ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชม. ได้รับเหรียญปราบมารรุ่นห่วงใยชาวใต้ พร้อมถุงทองคนละชุด หลังจากระเบิด ไม่มีใครเป็นอะไร ปลอดภัยทุกคน กำลังใจดีและเชื่อมั่นในอานุภาพบุญค่ะ
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#14
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 09:11 PM
#15
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 09:54 PM
นิสสัน สีเขียว ทะเบียน 3ฝ 1670 กทม. สภาพล้มตะแคงด้านขวา ส่วนที่ห้อง
เครื่อง ถูกแรงระเบิดพังยับเยิน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นทหาร 3 นาย ทราบชื่อ สอ.บรม สมนึก สอ.เชย ฤทธิ์ชัย และ สต.ชาญชัย บ่อแก้ว ทั้งสามได้รับบาด-
เจ็บที่ศรีษะแตกและลำตัว เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบสเก็ตระเบิดและชิ้นส่วนระเบิดกระจายทั่วบริเวณ และมีสายไฟลากยาวประมาณ 100 เมตร
ส่วนระเบิดเป็นชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัมจุดชนวนด้วยแบตเตอร์รี่
สอบสวนทราบว่าทหารชุดดังกล่าวสังกัดชุดสันติสุข 111 ก่อนเกิดเหตุหลังกลับมาจากฝึกชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ณ
ที่ว่าการอำเภอสายบุรี จากนั้นจึงได้นำกำลังทั้ง 7 นายออกตรวจลาดตระเวน ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบ
จำนวนซุ่มอยู่ข้างทาง โดยมี 2 ชุด โดยชุดแรกได้กดชนวนร
#16
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 10:22 PM
และอีกประการหนึ่ง คือ หลวงพ่อท่านต้องการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยของอันดี อันเลิศ อันประเสริฐ และ ทำให้มนุษย์ ในโลก ได้มีบุญได้เห็นกายมหาบุรุษด้วย ตาเนื้อของเรา ไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ท่านย่นย่อการเห็นของละเอียดภายในมาให้เราแล้ว เพื่อจะได้มีกำลังใจปฏิบัติเข้าไปถึงพระภายใน
ดังนั้นทุกรุ่นศักดิ์สิทธิ์หมดค่ะ ถ้า ท่านได้น้อมมาไว้ที่ศูนย์กลางกายและปฏิบัติ
ลูกหลวงพ่อโชคดีกันมากๆๆนะคะ ที่มีโอกาสได้เห็นกายมหาบุรุษกันแล้ว
#17
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 10:56 PM
ของขวัญจะมีอานุภาพแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับ
1. ผู้ทำความศักดิ์สิทธิ์ ในวิชชาธรรมกายก็จะอาราธนาพระพุทธเจ้าท่านมากระทำความศักดิ์สิทธิ์ ก็แล้วแต่ว่าผู้อาราธนาทำได้จริงไหม ทำได้ละเอียดแค่ไหน อันนี้เป็นส่วนของพระของขวัญ
2. ผู้รับพระของขวัญ มีบุญมากน้อยแค่ไหน อาราธนาพระเป็นหรือไม่ (อาราธนาตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ได้เมตตาสอนไว้ ถ้าทำได้ถึงขนาดเห็นพระที่ศูนย์กลางกาย จนเข้าถึงพระธรรมกายแล้วล่ะก็ ไม่ต้องแล่งก็ละนิ) ใจผูกพันกับพระของขวัญมากแค่ไหน ใจอยู่ในบุญมากแค่ไหน
แต่ก็อย่างที่หลายๆท่านกล่าวไว้ พระของขวัญเป็นพระที่ท่านมอบให้ไว้เป็นเครื่องระลึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำ ไม่ใช่ให้เอาไว้เป็นของขลัง และด้วยอำนาจแห่งพระรัตนตรัยและบุญที่เราได้กระทำไว้ดีแล้ว ก็จะช่วยคุ้มครองเราและดลบันดาลแต่สิ่งที่ดีๆให้เกิดขึ้นกับเรา
ส่วนที่ตลาดพระเครื่องเค้าไม่นิยมพระของขวัญของวัดก็มีสาเหตุมาจากหลายประการ
1. ความเข้าใจผิดที่เค้ายังมีอคติต่อวัดและหมู่คณะ ทำให้ไม่ศรัทธาต่อพระของขวัญที่เป็นของวัด
2. พระของขวัญวัดเรา สร้างขึ้นมาเรื่อยๆ ที่เคยสร้างแจกก็แจกกันเป็นหมื่นเป็นแสนองค์ ซึ่งใครมาทำบุญหรือมาร่วมงานบุญก็ได้รับ ดังนั้นSupply มีให้เยอะ ราคาที่เค้าวัดกันตามกิเลสในท้องตลาดจึงไม่สูง แต่พระของขวัญนั้น มีค่ามากกว่าเงินแสนเงินล้านอย่างที่หลวงปู่วัดปากน้ำฯท่านได้กล่าวไว้จริงๆครับ ผมเชื่อเช่นนั้น
3. ส่วนใหญ่พระเครื่องที่มีค่าเช่าหาแพงก็เพราะ หายาก มีน้อย หรือไม่ก็มีการปั่นราคา (เหมือนสมัยฮิตจตุคามฯ) แต่ไม่มีใครมาปั่นพระของขวัญ เพราะอย่างที่กล่าวไว้คือ วัดเราแจกให้กับคนร่วมงานและเป็นของขวัญสำหรับผู้ร่วมบุญต่างๆ ซึ่งสร้างออกมาเรื่อยๆ
4. ประสบการณ์นั้นมีจริงครับ ศักดิ์สิทธิ์จริง แต่ส่วนใหญ่คนที่เค้าเจอประสบการณ์ เค้าไม่ได้เอาไปลงข่าว หรือเอาไปโพนทนาเพื่อให้มีการปั่นราคา ส่วนใหญ่คนวัดเราก็ไม่ค่อยได้ยึดติดกับของขลังหรือชอบในด้านนี้นัก ก็เลยทำให้เป็นเรื่องเฉยๆ เพราะโดยปกตินักสร้างบารมี ก็เจออานุภาพของบุญเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
5. พระเครื่องส่วนใหญ่เวลาสร้าง จะมีพิธีเสกใหญ่โต มีลงข่าว มีที่มาของมวลสารที่นำมาทำพระที่อาจจะเหลือเชื่อ หรือไม่ก็มีพระเกจิชื่อดังมาร่วมเสกเยอะๆ พิธีเสกใหญ่โตโอฬาร หรือมีปาฏิหาริย์เกิดระหว่างพิธีปลุกเสก เช่นอาจจะมีพระอาทิตย์ทรงกลด แผ่นยันต์ไม่หลอมละลาย มีแมลงหรือนกมาบินวนรอบกองวัตถุมงคล หรือไม่ก็ได้ยินหรือได้เห็นวัตถุมลคลขยับไปมาได้ ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นความอยากได้ของผู้ที่นิยมของขลัง ซึ่งวัดเราไม่มีการอ้างอิงเรื่องดังกล่าวมาเพื่อปั่นกระแส และส่วนใหญ่มวลสารที่นำมาทำพระก็ล้วนแต่เกี่ยวเนื่องกับงานบุญหรือพระรัตนตรัยหรือหลวงปู่วัดปากน้ำฯ
6. เมื่อก่อน เวลาจะสร้างพระทีหนึ่ง ไม่ใช่ทำง่ายๆ ทำออกมาทีก็น้อยและวาระสำคัญจึงจะสร้างกันสักหน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าที่ไหนๆก็สร้างกันหมด แต่หลักการและเหตุผลของการสร้างนั้นไม่เหมือนกัน ก็ต้องพิจารณาดูเป็นแห่งๆไป ของยิ่งน้อยหายาก มีอภินิหารและเก่าเท่าไร คนก็อยากได้มากเท่านั้น
7. คงมีอีกหลายเหตุผล แต่ผมนึกได้เท่านี้ เอาไว้แค่นี้ก่อน...
ส่วนที่ถามว่ารุ่นไหนศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน ขอตอบว่าน่าจะศักดิ์สิทธิ์ไม่มีประมาณเหมือนกัน เพราะพระนิพพานเป็นผู้ผลิตเหมือนกัน แต่จะแสดงอานุภาพได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับไปเป็นสำคัญ
ป.ล. ถ้าแสดงอานุภาพบ่อยๆ ก็ไม่ใช่ปาฏิหาริย์สิครับ ท่านจะช่วยก็เมื่อจำเป็น คับขัน และไม่เกินกฎแห่งกรรม (ทัศนคติส่วนตัวนะครับ)
#18
โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 11:26 PM
Someday I'm gonna be free.
#19
โพสต์เมื่อ 30 October 2007 - 09:33 AM
ตัวดิฉันเองก็มีพระของขวัญอยู่หลายองค์เป็นวัดปากน้ำ(ราชบุรี)1องค์และนอกนั้นก็เป็นพระของขวัญวักพระธรรมกายทั้งหมด ทั้งพระมหาศิริราชธาตุ รุ่นพิชิตมาร พระผงชนะมาร เหรียญยายหนึ่งไม่มีสอง ฯลฯ และที่แขวนติดตัวตอนนี้คือเหรียญปราบมารทองสำเร็จ ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ศักสิทธิ์ทั้งหมดเพราะดิฉันรักและเคารพเหรียญทุกองค์
#20
โพสต์เมื่อ 30 October 2007 - 01:36 PM
#21
โพสต์เมื่อ 30 October 2007 - 01:56 PM
ผมเคยได้ยินพี่ๆอุบาสิกาในวัดเล่าให้ฟังว่า" หลวงพ่อบอกว่า พระของขวัญแต่ละรุ่นนั้น จะซ้อนพระธรรมกายไม่เท่ากัน"ครับ ขึ้นอยู่ว่า จะซ้อนมากหรือน้อย สาเหตุนั้นผมไม่ทราบครับ แต่ที่สำคัญเมื่อผู้ที่รับไปแล้ว เอาพระของขวัญมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกาย หลับตา ลืมตา เห็นพระของขวัญชัดแจ่มมากเท่าไร พระของขวัญนั้นจะยิ่งมีอานุภาพขึ้นนับทวีคูณหาประมาณไม่ได้เพราะใจของเราไปเชื่อมกับพระนิพพานแล้ว จะอธิษฐานอะไร ความสำเร็จย่อมบังเกิดขึ้นเป็นอัศจรรย์เพราะฝังสำเร็จของเรามันเชื่อมกับพระนิพพาน เวลาอธิษฐานที่ศูนย์กลางกายนั้น เสียงจะดังขึ้นไปที่พระนิพพานเลยครับ ตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านกล่าวเอาไว้นะครับ
ผมว่าอย่าไปเรียงเลย ถึงจะมีอานุภาพไม่เท่ากันจริงๆครับ มันจะทำให้ใจเราสับสนป่าวๆ แล้วเราจะลังเลว่าองค์นี้ศํกดิ์สิทธิ์กว่าองค์นี้ แขวนองค์นี้ดีกว่า องค์นี้ไม่ใช่ มันจะทำให้ความศรัทธาของเราต่อพระของขวัญองค์ต่างๆเปลี่ยนไป สู้เรามาให้ความสำคัญพระของขวัญเท่าๆกัน และเมื่อเราแขวนพระของขวัญรุ่นต่างๆแล้วใจเรามันนึกถึงบุญนั้นได้ชัดใสมากๆ นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้ ก็เอาพระของขวัญองค์นั้นมาแขวนต่อไปครับ
ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับใจเราครับ แขวนองค์ไหนแล้วสบายใจ นึกถึงบุญได้ง่ายก็เอาองค์นั้นแหละครับ
ส่วนตัวผมนั้นถึงจะมีพระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 1 อยู่แต่ผมก็พลัดแขวนกับพระของขวัญปราบมารรุ่นทองสำเร็จอยู่ครับเพราะผมนึกถึงพิธีอัญเชิญรูปหล่อทองคำหลวงปู่แล้วใจมันใสดีครับ เพราะกว่าเราจะอัญเชิญรูปหล่อทองคำนี้ได้ มันมีอุปสรรคมากครับ มารมันว่าขวางเราก็มากครับ ถ้าใครเป็นนักเรียนอนุบาลก็จะทราบดี(ถ้าท่านมาทีหลังให้ลองถามผู้นำบุญที่รู้จักดูนะครับ ว่าวีรกรรมของมารนั้นมันมากขนาดไหน) และผมชอบคำว่าปราบมารครับ เพราะมันทำให้ผมนึกถึงคำของคุณยายอาจารย์ของเราก่อนท่านจะละสังขาร ได้ว่า "ยายจะไปปราบไอ้ดำ ยายจะไปปราบไอ้ดำ" ผมได้ยินมาจากปากของคุณป้าแข่งแข้(หนึ่งในอุปัฏฐากคุณยายครับ)นะครับ
ดังนั้นเมื่อผมแขวนพระของขวัญปราบมารรุ่นทองสำเร็จทีไร มันทำให้ใจของผมนึกถึงมหาปูชนียาจารย์ทั้งสามท่านและนึกถึงบุญได้ชัด รวมทั้งมโนปณิธานของหลวงพ่อที่ว่า "เราจะรื้อสัตว์ ขนสัตว์ ปราบมาร ประหารกิเลส ให้สิ้นเชื่อไม่เหลือเศษ และไปสู่ที่สุดแห่งธรรมด้วยกัน" ครับ ดั่งชื่อเหรียญปราบมาร งัยครับ
ปล.หลวงพ่อบอกในร.ร.อนุบาลฝันในฝันฯว่าเหรียญปราบมารรุ่นทองสำเร็จนั้นสำเร็จมาเหมือนกับพระผงของขวัญปากน้ำรุ่น 1,2,3 ครับ
#22
โพสต์เมื่อ 31 October 2007 - 07:50 AM
จากนั้น ลูกก็ทวีบทบาท จากครูผู้ใฝ่ธรรมเป็นครูผู้ขยายธรรม จากมุ่งสู่เส้นทางสีขาวเป็นมุ่งเชื่อมต่อเครือข่ายสีขาวสู่ใจคน ครั้นถึงสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้บุญจัดธุดงค์ทุกจังหวัด บุญอยู่ตรงหน้าลูกจะรอช้าอยู่ใย จัดธุดงค์ไปหลายอำเภอ มีผู้มาธุดงค์เกือบ 400 คน ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นประธานเปิดงานทุกอำเภอที่ลูกจัด หลังจากนั้น ไอเดียก็แตกเป็นสาย
ลูกคิดชักนำกลุ่มวัยรุ่นเข้าวัดบวชธรรมทายาท จึงขอโอนการสอนจากประถมไปสอนกรมอาชีวะ คำสั่งออกมาให้ไปอยู่จังหวัดเลย ซึ่งขณะนั้นยังไร้เปลวเทียนให้แสง ไร้ผู้นำบุญให้ทาง (แก่ผู้หลงทาง) ลูกใช้โอกาสนี้สร้างผู้นำบุญใหม่ และพานักศึกษาไปปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ของวัดที่ภูเรือ
ขณะอยู่ จังหวัดเลย บุญก็ยิ่งติดตามคุ้มครองลูกเสมอ ครั้งหนึ่งเห็นพวกครูกำลังเล่นไพ่กันที่โรงครัว ลูกไม่ชอบจึงเดินหนีไปยังสวนใกล้ๆ พบบ่อน้ำก็นึกอยากเล่นน้ำ เพราะคิดว่าคงตื้นๆ แต่พอกระโจนลงไป น้ำในบ่อนั้นกลับลึกมาก เกินคาด ลูกว่ายน้ำไม่เก่งจมดิ่งลงก้นสระทันที ไม่มีอะไรให้จับยึดได้เลย ลูกกำพระมหาสิริราชธาตุที่ห้อยคอไว้แน่น ใจคิดว่า ลูกยังไม่อยากตาย พร้อมกับโบกมือร้องให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครมาช่วย ก่อนที่จะขาดใจ ทันใดนั้นลูกก็รู้สึกว่าอะไรบางอย่างดันตัวลูกขึ้นมา แล้วลูกก็คว้าชายตลิ่งไว้ได้ แต่แล้วลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็แผ่วเบา พร้อมกับแรงฮึดสู้ของลูก พอพ่นลมสุดท้ายออกมาด้วยอาการคอพับคออ่อนแล้ว ก็สลบไปหลายชั่วโมง รอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#23
โพสต์เมื่อ 31 October 2007 - 01:23 PM
ไฟล์แนบ
แก้ไขโดย korn6230 31 October 2007 - 08:49 PM
#24
โพสต์เมื่อ 31 October 2007 - 03:16 PM
และผมก็ทราบว่าวัตถุประสงค์หลักของ ทั้งหลวงปู่สด และหลวงพ่อธัมมชโย ก็คือให้พระของขวัญไว้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงบุญและพระรัตนตรัยอันจะทำให้เข้าถึงธรรมได้ง่ายขึ้น ส่วนความศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำให้เจ้าของพระแคล้วคลาดปลอดภัยให้หรือบันดาลความสำเร็จด้วยอานุภาพแห่งบุญและอานุภาพแห่งพระของขวัญนั้นเป็นวัตถุประสงค์รองลงมา
และผมก็คิดเหมือนคุณ ลูกหลานหลวงปู่ อีกทั้งหลวงพ่อก็ยังเคยบอกว่า พระแต่ละองค์นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่เท่ากัน ยิ่งซ้อนพระธรรมกายในนิพพานมากเท่าไหร่ นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนมากเท่าไหร่ ยิ่งจะทับทวีความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งๆขึ้นไปอีก เหมือนกับพระคะแนนสุดๆ ที่หลวงพ่อเคยพูดไว้(เห็นในรูปรู้สึกจะองค์สีแดงๆ) และพระที่มีอยู่ในโลกนี้หรืออาจจะในธาตุธรรมที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด ก็อยู่ที่หลวงพ่อนั่นเอง ที่ลุงหลอมนำไปถวายน่ะ จำได้เปล่า คนที่เคยฟังเคสสตั๊ดดี้ของหลวงปู่ ที่เป็นของหลวงปู่ที่หลวงพ่อบอกว่าหลวงปู่ท่านเอาไว้ที่หัวนอนท่าน ท่านซ้อนวิชชาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งศักดิ์สิทธิ์มาก ยิ่งมีคนซ้อนวิชชาทำวิชชาต่อจากหลวงปู่ยิ่งจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆขึ้นไปอีก
ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ทำให้พระมีความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น ก็ใช่ครับ เหมือนที่หลายๆความเห็นบอก คือยิ่งเรามีความเลื่อมใสศรัทธาตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมและมีใจจดจ่ออยู่กับพระของขวัญอยู่ตลอดเวลา พระก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้นไปอีกเพราะใจเราเชื่อมกับพระนิพพานนั่นเอง
แต่คำถามที่ผมถาม ผมหมายถึงองค์พระของขวัญ ครับ ว่าองค์ไหนมีความศักดิ์สิทธ์ที่สุดของวัดพระธรรมกาย คือองค์ไหนซ้อนวิชชาดีที่สุดนั่นเอง
อย่างส่วนประกอบของเนื้อพระ ไม่ว่ายังไงผมก็ยังคิดว่า เนื้อพระคือหนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้พระศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากการซ้อนวิชชาธรรมกายของพระนิพพานที่เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญมากที่สุดในการที่พระจะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก อย่างพระผงปากน้ำหลวงปู่สดยังเอาเส้นผมท่านเป็นส่วนผสม(ซึ่งแม้แต่เส้นผมหรือเล็บของคน มีธรรมกายมาก ก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์มากเพราะมีพระธรรมกายนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนลงมาซ้อนๆอยู่ที่กายมนุษย์) อย่างพระมหาสิริราชธาตุ ก็ยังใช้เนื้อพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เช่นพญาเหล็กเพชรดำ หรืออะไรนั่นน่ะ
แต่ที่นำมาให้เปรียบเทียบกันนี้คือผมมีความอยากรู้ตามความเป็นจริง(ยอมรับครับว่าตามประสามนุษย์เดินดินมีกิเลส ที่ความจริงขอให้เลื่อมใสในพระของขวัญ อาจจะไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้)
อย่างเช่น เหรียญปราบมารนั้น ทำมา 3 รุ่น ตัวผมเองนั้นมีรุ่น 2 รุ่นปราบมารทองสำเร็จห้อยคออยู่
เหรียญปราบมารรุ่นแรก>>>>>เรื่องของพระใครๆก็ชอบรุ่นแรก เพราะทำมาก่อน และหายากที่สุด ทำจากวัสดุอะไรจำไม่ได้แล้ว และรุ่นนี้ก็มีคนพบเจอกับอานุภาพมาหลายคนแล้ว
เหรียญปราบมารทองสำเร็จ>>>>>รุ่นนี้เมื่อเทียบกับทั้ง 3 รุ่น ทำจากวัสดุธรรมดาที่สุด แต่รู้สึกจะเป็นรุ่นที่ผมได้ยินหลวงพ่อพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์และอานุภาพ ได้ยินหลวงพ่อพูดมากที่สุด (แต่ก็ใช่ว่าพูดถึงมากที่สุดจะมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่ารุ่นอื่นเสมอไปเพราะช่วงนั้นเป็นงานอันเชิญรูปหล่อทองคำหลวงปู่ที่หลวงพ่อต้องการให้ทุกคนมาร่วมงานจึงอาจจะพูดถึงมากเป็นพิเศษ) และรุ่นนี้เป็นรุ่นที่คนประสบพบเจอกับอานุภาพจนนำมาเล่าสู่กันฟังมากที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ารุ่นนี้คนมีเยอะมากที่สุดก็ได้มั้ง
เหรียญปราบมารรุ่นถล่มมาร>>>>>รุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นที่ใช้วัสดุดีที่สุดเพราะทำจากหลังคาสภาธรรมกายสากลซึ่งเป็นสถานที่ที่พระและสาธุนประกอบพิธีกรรมมาหลายปี เพาะบ่มมาหลายปีแม้แต่ตัวหลังคาก็น่าจะมีอะไรที่พิเศษเหมือนกัน แต่ก็เป็นรุ่นสุดท้ายทีสร้างมาทีหลัง เรื่องของอานุภาพก็มีคนพูดถึงบ้าง แต่จะน้อยกว่า รุ่น 2 และ รุ่น 1
ผมจึงมาคิดๆดู มันก็น่าคิดเหมือนกันนะว่าเหรียญปราบมารทั้ง 3 รุ่น ศักดิ์สิทธิ์เท่ากันหรือเปล่า
เรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ของพระของขวัญที่ใช้วิธีเดียวกันคือ ผู้ที่ได้ธรรมกายอาราธนาพระนิพพานมาสร้างพระของขวัญ องค์ไหนรุ่นไหนซ้อนพระธรรมกายของพระพุทธเจ้ามากกว่าที่จะทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่า(นอกเหนือจากองค์ประกอบย่อยๆอื่น เช่น ผู้ที่ได้พระของขวัญไปตรึกระลึกถึงพระได้มากน้อยแค่ไหน พระทำจากวัสดุดีแค่ไหน) ตามความคิดของผมนะครับ ผมว่าก็อย่างเช่น ถ้าเจอเหตุการณ์เดียวกัน สมมติว่าตกเครื่องบิน เคยมีคนแขวนพระปากน้ำที่หลวงปู่สดสร้างขึ้น เครื่องบินตกที่ปทุมธานีเมื่อหลายสิบปีก่อนน่ะ เรื่องนี้รู้สึกหลวงพ่อก็เคยเล่าให้ฟังมั้ง คนที่แขวนพระปากน้ำ ไม่เป็นอะไรเลย ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นเดินกลับบ้านหน้าตาเฉย
คือถ้าอย่างเช่น อาจจะแขวนพระของวัดเรา รุ่นใดรุ่นหนึ่ง เจอเหตุการณืเครื่องบินตกแบบนี้ก็อาจจะไม่ตายเหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนกันคือ อาจจะได้รับบาดเจ็บแต่ไม่สาหัส อะไรอย่างนี้แหละ ที่เรียกว่าศักดิ์สิทธิ์มากกว่าศักดิ์สิทธิ์น้อยกว่า คือซ้อนพระธรรมกายของพระพุทธเจ้ามากกว่าน้อยกว่าอะไรอย่างนี้เป็นต้น
ถ้าตามความเห็นโดยส่วนตัวของผมนะ พระที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในขณะนี้ที่มีอยู่ในโลกคือ พระที่อยู่ที่หลวงพ่อที่ลุงหลอมนำมาถวายนั่นแหละเพราะหลวงปู่สดจนมาถึงหลวงพ่อในตอนนี้ท่านซ้อนวิชชาอยู่ตลอดเวลา
รองลงมาก็เป็นพระวัดปากน้ำ 3 รุ่น ศักดิ์สิทธิ์เท่ากันหมด เพราะหลสวงปู่สดท่านทำเองและมีคุณยายรวมถึงลูกๆของท่านที่ทำวิชชาเก่งๆร่วมกันทำอยู่หลายท่านและใช้ระยะเวลาซ้อนวิชชาตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลาตลอด 3 เดือนในช่วงพรรษา ซึ่งทั้ง 3 รุ่นท่านก็ทำเหมือนกันใช้ระยะเวลาตลอดพรรษาเหมือนกัน ทำรุ่นละ 84,000 องค์ ตามจำนวนนับของพระธรรมขันธ์ ผมจึงมั่นใจว่าพระวัดปากน้ำที่หลวงปู่สดทำ ทั้ง 3 รุ่น ศักดิ์สิทธิ์เท่ากันหมด (ปัจจุบันนี้ที่หลวงปู่สดทำจะมี 2 รุ่นมั้ง เพราะในตลาดพระเขาจะเอารุ่น 2 ไปรวมกับรุ่นแรกแล้วเรียกว่า รุ่น 1 เหมือนกัน)
แต่ก็อย่างที่ผมบอก ก็น่าคิดเหมือนกันในเรื่องของเหรียญปราบมาร เพราะระยะเวลาในการซ้อนวิชชาไม่แน่ใจว่าเท่ากันรึเปล่า และวัสดุก็ยังต่างกันอีก น่าคิด น่าคิด
#25
โพสต์เมื่อ 31 October 2007 - 09:43 PM
ต้นไม้นั้นหากมีแต่แก่นอย่างเดียวก็อยู่ไม่ได้ ,หากจะมีแก่นกับพระพี้ก็อยู่ไม่ได้ ,หากจะมีแก่น กระพี้ และ เปลือก ก็อยู่ไม่ได้, หากจะมีแก่น กระพี้ เปลือก และใบ ก็อยู่ไม่ได้เพราะต้นไม้ต้องมีทั้งแก่น กระพี้ เปลือก กิ่งก้านสาขา ใบ และราก ถึงจะอยู่ได้เพื่อการยังตนให้ยืนอยู่ต่อไป ฉันใดก็ฉันนั้น ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน หากจะมีแต่ธรรมล้วนๆการเผยแผ่ก็ไปได้ยาก เช่นพระไตรปิฎกก็ต้องมีทั้งพระอภิธรรมฎก พระสุตตันตปิฎกและพระวินัยปิฎก ถึงจะครบถ้วนบริบูรณ์เหมาะแก่การเก็บรักษาพระธรรมคำสอน เพื่อให้มวลมนุษยชาติศึกษาต่อไป
เฉดเช่นเดียวกับในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา พระเดชพระคุณหลวงพ่อของเราหรือคุณครูไม่ใหญ่ เวลาท่านสอนก็มีทั้งภาพ เสียง เพลง ดนตรี เรื่องต่างๆมาประกอบ เพื่อไม่ให้ลูกของท่านเบื่อ เพื่อให้ได้อรรถรถในธรรม แต่ทั้งหมดก็เพื่อเป็นไปเพื่อการน้อมใจสู่พระรัตนตรัยภายในและงานของพระศาสนาอย่างแท้จริง
เช่นเดียวกับกระทู้นี้แหละครับ ถ้าผมอยากจะตอบว่าพระองค์ไหนสำคัญกว่ากัน ผมก็สามารถตอบแบบท่านอื่นได้เช่นกันว่า"พระภายในตัว" แต่ที่ผมไม่ตอบเช่นนั้นเพราะเพื่อให้ครบถ้วนทั้งหมด และให้บุคคลอื่นมาศึกษา เพื่อในการทำความเข้าใจและศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไป
สิ่งที่ผมตอบไปหากกระทบต่อใจใสๆของท่านใด ผมในฐานะนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาผู้ที่ยังโง่เขลาอยู่ ต้องขออภัยและความงดโทษมา ณ ที่นี้ด้วยครับเพราะเจตนารมณ์ของผมเป็นไปเพื่อธรรมจริงๆครับ
#26
โพสต์เมื่อ 28 February 2008 - 01:30 AM
ในด้านอิทธิฤทธ์มีอานุภาพต้ององค์พระราชเหล็ก
#27
โพสต์เมื่อ 13 December 2009 - 11:01 AM
#28
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 11:25 AM
หลวงปู่ท่านทำพระของขวัญก่อนรุ่น๑-๓ ตั้งแต่รูปหล่อหลวงปู่ที่มีส่วนผสมทองคำ เงิน ทองแดงสัมฤทธิ์ รูปภาพสมัยก่อนปี2493 ก็มี ความรู้นี้ผมเปิดเผยได้เนื่องจากตอนนี้พระรุ่นนี้ในตลาดวงการพระเริ่มหมดแล้วเมื่อก่อนยังพอมี แม้กระทั่งล็อกเก็ต ไม่ใช่มีแค่รุ่นที่สร้างจากประเทศญี่ปุ่น ยังมีที่สร้างในไทยก็ยังมี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ แต่กว่าจะรู้ก็หมดแล้วครับ ผมเองมีพระของขวัญของหลวงปู่หลายรุ่น ตั้งแต่ล็อกเก็ต รูปถ่ายปีเซีย รูปหล่อหลวงปู่ ผมใช้เวลาตามตลาดพระมาห้าปี และพี่ที่รู้จักก็ช่วยกันเก็บอาราธนามารักษาเอาไว้
เรื่องอานุภาพพระของขวัญ
หลวงพ่อท่านจะพูดถึงพระที่หลวงปู่ท่านสร้างว่ามีฤทธิ์มีเดชมีอานุภาพมาก เพราะฉะนั้นพระที่หลวงปู่อธิฐานจิตต้องเป็นหนึ่ง ถึงแม้จะทำความศักดิ์ด้วยวิชชาธรรมกายเหมือนกัน แต่หลวงพ่อและคนที่ได้วิชชาธรรมกายเท่านั้นที่รู้ถึงอานุภาพพระของหลวงปู่ คุณลองไปถามพระที่ทำวิชชาธรรมกายดูสิ แล้วท่านจะกระจ่างแจ้ง ไม่ใช่พระที่หลวงพ่อคุณยายอธิฐานจิตจะไม่ศักดิ์ ศักดิ์ครับแต่อานุภายน้อยกว่าหลวงปู่ น้อยตรงบารมีครับ ความสว่างของดวงจิตและการซ้อนวิชชาที่ละเอียดอ่อนต่างกัน