
ขอบุญจากเพื่อนกัลยาณมิตร
#1
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 09:28 AM
#2
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 09:42 AM
ให้มีความสุขกาย สุขใจ ปัสสาวะได้เองเป็นปกติโดยเร็วพลันค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 10:10 AM
#4
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 11:08 AM
#5
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 12:05 PM
#6
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 12:28 PM
#7
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 12:48 PM
มีข้อมูลการแก้โรคเบาหวานมาฝากครับ ลองพิจารณาดูนะครับ
วิธีแบบธรรมชาติบำบัดซึ่งเป็นคำแนะนำของท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา
เรียบเรียง โดย จิระวิทย์ ศุภนันทกานต์
แก้โรคเบาหวาน
ต้นเหตุมาจากตับอ่อน ไม่แข็งแรง การฟื้นฟูตับอ่อน มีสมุนไพรอยู่ไม่กี่ตัว
๑. หญ้าหวาน จะฟื้นฟูตับอ่อนได้ดีที่สุด
โดยเฉพาะตัวรากหญ้าหวาน แต่น่าเสียดายรายหญ้าหวานเป็นสินค้าส่งออก แปรรูปเป็นน้ำสกัดจากรากหญ้าหวาน
เมื่อส่งออกแล้วห้ามนำเข้ามาขายในประเทศได้ (กฎหมายบังคับ)
ประเทศเราจึงได้รับประทานแต่ใบหญ้าหวาน ซึ่งพอจะชดเชยแก้เบาหวานได้บ้าง
๒. รากเตยหอม ต้มกับน้ำสามารถฟื้นฟูอาการเบาหวานได้มาก
บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานก็สามารถต้มรากเตยไว้รับประทานได้
มีคุณสมบัติอีกอย่างคือ เพิ่มพลัง (เหมือนกระชายดำ)
๓. ใบมะยม สามารถฟื้นฟูตับอ่อนให้หายขาดได้
รับประทานได้ทั้งใบอ่อนและใบแก่
แต่ที่นิยมมากคือใบเพทาหลาด (ใบที่ไม่อ่อนไม่แก่เกินไป)
นำมารับประทานได้โดยการต้ม แกงเลียง ต้มโคล้ง ต้มยำ รับประทานสด ๆ
การล้างน้ำตาลในหลอดเลือด
ใช้ : กระเจี๊ยบ + พุทรา + รางจืด นำมาต้ม ดื่ม
น้ำกระเจี๊ยบกับพุทราที่ต้ม บางคนอาจจะเพิ่มรางจืดเข้าไป เพื่อการล้างน้ำตาลในหลอดเลือดได้ดี อีกตัวหนึ่ง
หมายเหตุ :
กาลเวลากับการรับประทานอาหารให้เป็นยา เรื่องการกินอะไรให้ตรงเวลาก็มีผลต่อการรักษาอย่างเช่น
๑. การดื่มยาเพื่อรักษาโรคกระเพาะ เวลาที่ดีที่สุด คือ เวลาตั้งแต่ ๐๗.๐๐ – ๐๙.๐๐ น.
๒. การลดความอ้วนควรรับประทานขมิ้นชัน หรือมันเทศเวลาที่ดีคือ ๐๙.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. จะสามารถลดได้เร็ว
๓. การบำรุงหัวใจ ถ้ารับประทานผลไม้ เวลาที่ดีที่สุดคือ ๑๑.๐๐ – ๑๓.๐๐ น.
๔. การกินยาลดไข้ เวลาที่ดีที่สุดคือช่วง ๒๑.๐๐ – ๒๓.๐๐ น. (น้ำขิงทำให้ลดไข้ได้)
การเลือกเวลาที่รับประทานให้ตรงที่กำหนดนี้ ถ้าทำได้ การรักษาโรคต่าง ๆ จะทำให้หายเร็วกว่าปกติ
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ครับ http://www.visutti.com/article10.htm
#8
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 01:02 PM
#9
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 02:42 PM
ขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ต่อไปค่ะ หมั่นทำบุญให้ถี่ๆเลยนะคะ
#10
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 04:11 PM
#11
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 04:35 PM
หมั่นนึกถึงบุญและอธิษฐานจิตบ่อย ๆ
ขอบารมีมหาปูชนียาจารย์ด้วยนะค่ะ
ถ้ามีโอกาสให้เอาปัจจัยให้แม่อธิษฐานแล้วไปทำบุญไถ่ชีวิตโค-กะบือ
ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญค่ะ เท่าไหร่ก็ได้ ให้รีบไปทำ แล้วไปกราบขอพร
หลวงปู่ที่หอสังเวฯนะค่ะ
5 ธค. จะมีพิธีปล่อยโค-กะบือ 539 ตัว แต่ประกอบพิธีที่วัดราชโอรสค่ะ
ทำเสร็จแล้วอย่าลืมเอาบุญไปฝากท่านด้วยนะค่ะ
เสาร์ที่ผ่านมาไปทอดกฐินเขาแก้วเสด็จ เอาบุญมาฝากด้วยค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 05:10 PM


#13
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 05:32 PM
#14
โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 05:45 PM
๑) บุญปล่อยปลาและไถ่ชีวิตโค-กระบือ สามารถร่วมบุญได้กับชมรมปล่อยปลาบูชามหาธรรมกายเจดีย์ หรือร่วมบุญได้ตามที่คุณ joey แนะนำไว้
๒) บุญบูชาข้าวพระทุกอาทิตย์ต้นเดือนและบุญถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานแด่พระภิกษุ-สามเณร
๓) บุญถวายคิลานเภสัชแด่พระภิกษุ-สามเณรอาพาธ เพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "การดูแลอุปัฏฐากภิกษุผู้ป่วยไข้ เท่ากับได้ปฏิบัติดูแลเราตถาคต"
๔) ทำบุญกับโรงพยาบาลสงฆ์ (ที่ตึกสงฆ์อาพาธ) ใกล้บ้านท่าน โดยถวายปัจจัยเป็นสังฆทานเพื่อเป็นค่าภัตตาหาร ยารักษาโรค เลือด และออกซิเจน
๕) ขอให้ผู้เป็นลูกไปสร้างอุปบารมีด้วยการบริจาคโลหิตแล้วอุทิศบุญนี้ให้กับแม่ของคุณ (อย่าลืมบอกให้ท่านได้ร่วมตั้งจิตอนุโมทนากับอุปบารมีของคุณด้วย

๖) แนะนำให้ท่านรักษาศีล เพราะศีลเป็นเหตุแห่งการได้รูปกายที่สมบูรณ์งดงามและไม่มีโรคภัย แม้ว่าจะไม่ได้ในอัตภาพนี้ แต่ถ้าหากได้ประกอบเหตุไว้อย่างถึงพร้อม อย่างน้อยที่สุด ย่อมเป็นงบบุญอีกงบหนึ่ง อันมีส่วนในการไปตัดรอนพลังกรรมที่บีบคั้นส่งผลให้เป็นโรคดังกล่าว จากหนักให้เป็นเบา จากเบาก็จะสามารถรักษาให้หายได้
๗) แนะนำให้ท่านบำเพ็ญภาวนามัย ด้วยการทำจิตใจให้ผ่องใส เพราะใจหยุด คือ ที่สุดแห่งบุญ
บทสรุปก็คือ ข้อ ๑-๕ เป็นบุญกิริยาที่จัดอยู่ในหมวดของ "ทาน" ข้อ ๖ คือ "ศีล" ข้อ ๗ คือ "ภาวนา" บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ คือ ทาน ศีล ภาวนา ขอแนะนำว่าให้แม่ของคุณ ตัวคุณเอง หรือผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ทำให้ครบ ทำเป็นประจำ และทำอย่างสม่ำเสมอนะครับ
เบ็ดเตล็ด: ให้ตั้งจิตอาราธนาบุญบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยสังฆเจ้าทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าทั้งหมดทั้งสิ้น ตลอดจนบารมีธรรมของครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชชาธรรมกายผู้ตั้งมั่นอยู่ในความเป็นสัมมาทิฏฐิทุกท่าน และบุญบารมีที่คุณแม่และตัวคุณเองได้สั่งสมมานับแต่ปฐมจิต ปฐมวิญญาณที่ได้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์สร้างบารมีเรื่อยมาตราบกระทั่งเท่าถึงในกาลปัจจุบันชาตินี้ แล้วเอาบุญบารมีที่ได้ตั้งจิตอาราธนาไว้แล้วด้วยดีนั้นเป็นที่ตั้ง จากนั้น จึงตั้งจิตอธิษฐานให้แม่ของคุณสามารถแคล้วคลาดรอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บที่ท่านกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ อีกอย่างต้องถามว่า แม่คุณได้เคยร่วมบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวแล้วหรือยัง? ถ้ายังขอให้สร้างให้ท่านด้วยนะครับ อีกอย่างคุณเคยบวชให้ตัวคุณเองแล้วหรือยัง? ถ้ายัง ก็ขอให้คุณบวชเพื่อตัวของคุณเอง เพื่อทำที่ยึดที่พึ่งที่เกาะให้กับตัวของคุณเอง เพื่อสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์และทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อที่แม่ของคุณจะได้มีส่วนแห่งมหานิสงส์ใหญ่ที่ลูกชายคุณได้บวชในครั้งนี้ ที่สำคัญอย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพแม่ของคุณตามวิธีที่คุณ Dd2683 ได้แนะนำไว้ด้วยนะครับ
ท้ายที่สุดนี้ ผมขออาราธนาบุญบารมีทั้งปวงที่กระผมได้ตั้งใจสั่งสม อบรม บำเพ็ญมาแล้วด้วยดี นับแต่ปฐมกำเนิดด้วยการเกิดได้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์ ตราบกระทั่งเท่าถึงในกาลปัจจุบันชาตินี้ ขอบุญบารมีทั้งหลายเหล่านั้น จงดลบันดาลให้คุณแม่ลิ่มห่านตี้ แซ่ลิ้ม และคุณวิโรจน์ คราลัด พร้อมครอบครัว จงมีส่วนแห่งบารมีกุศลที่กระผมได้ตั้งใจบำเพ็ญไว้แล้วด้วยดี จงทุกอย่างทุกประการเทอญฯ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#15
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 12:59 AM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ

#16
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 09:53 AM
#17
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 12:33 PM
และ มีอายุขัยยืนยาว ด้วยเทอญ
#18
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 02:17 PM
#19
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 02:18 PM
ทำไว้ดีแล้ว ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และที่จะทำต่อไปในอนาคต จงดลบันดานให้ คุณแม่ลิ่มห่างตี้ แซ่ลิ้ม , คุณวิโรจน์ คราลัด
และครอบครัว มีความสุขทั้งกายและใจ อุปสรรคใดๆ ความเจ็บไข้ได้ป่วยใดๆ ขอให้มลายหายสิ้นไป โดยเร็วพลัน
บุญรักษาค่ะ ^0^
#20
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 02:27 PM
ขอยืนยันคำแนะนำคุณ Light or White ด้วยค๊ะ ใบแปะตำปึงเป็นพืชสมุนไพรที่ดีมาก ๆ ช่วยได้หลายโรคทานเล่น ๆ เอามาเคี้ยวเล่น หรือจิ้มน้ำพริกทานก็ได้วันละ 4-5 ใบ มีป้าข้างบ้านเค้าทานอยู่ เบาหวานลดลงดีมากเลยค๊ะ (ป้าแกแอบกระซิบว่าไม่ได้ทานยาหมอเลยห้ามไปบอกลูกแกน๊ะ) แต่ดิฉันก็บอกยายให้ทานยาหมอไปด้วยเพราะตอนนั้นยังไม่เชื่อสรรพคุณเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เชื่อแล้วเพราะฟังมาหลายคน ต้นแปะตำปึงปลูกง่ายด้วยน๊ะเห็นบ้านญาติปลูกขึ้นเต็มไปหมดญาติก็เป็นเบาหวานเค้าก็ทาน
ไม่ทราบว่าทางวัดมีต้นแปะตำปึงแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่มีขอแนะนำให้ปลูกด้วยน๊ะค๊ะ ไว้เอาถวายเป็นโอสถให้หลวงพ่อได้
100กะรัต
#21
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 03:20 PM
#22
โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 05:32 PM
#23
โพสต์เมื่อ 24 November 2007 - 11:11 AM
#24
โพสต์เมื่อ 26 November 2007 - 10:31 AM
#25
โพสต์เมื่อ 26 November 2007 - 04:45 PM
อย่าลืมแนะนำท่านให้นั่งสมาธิ หรือ นอนสมาธินึกถึงองค์พระที่ศูนย์กลางกลายฐานที่เจ็ดด้วยน๊ะค๊ะ พลังบุญจะได้หนักแน่นยิ่งขึ้น สาธุค๊ะ
100กะรัต