-
------------
#1
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 12:51 PM
#2
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 01:49 PM
"ไม่รัก" "เลิกรัก" หรือ "หยุดรัก"
ที่ฟูมฟายอยู่นี่ ก็เพราะ "ขาดสติ" ไม่ควบคุม ไม่กำกับ "สติ" ของตนเองไว้ "ปล่อย" สติ ให้กระเจิด กระเจิง ฟุ้งซ่าน หมกมุ่น
แล้วไปขึ้นพณาวัฒน์ นั่งสมาธิสงบสติอารมณ์ สงบจิต สงบใจ เอาใจเข้ากลาง ซัก 7 วัน เปลี่ยนจากภาพเขาเป็นภาพองค์พระแทน เดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ อย่างที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านพูดไว้จริงๆ มนุษย์เนี่ยน๊า มีวัตถุประสงค์ในการลงมาเกิด แต่ก็มาตายน้ำตื้น มาผูกพัน กับคน สัตว์ สิ่งของ แล้วก็ลืม ลืมไปว่าลงมาเกิดทำไม หาเป้าหมายชีวิตไม่เจอ ติดอยู่ในบ่วงที่เขาล่อ เขาลวงไว้
อ้อ ทางที่ดี ไปหาหนังสือ Lovely Love มาอ่านซักเล่มนะคะ ชีวิตมนุษย์ตัดจากความรักได้ยาก เพราะยังอยู่ในกามภพ แต่เราก็ต้องมีสติ รู้เท่าทันกิเลส รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง ของคุณมารๆ ทั้งหลาย เอาไว้ให้ดี จงมีสติอยู่กับตัว แล้วจะไม่เพลี้ยงพล้ำ ตกหลุมพรางของเขาค่ะ
http://www.dmc.tv/pa...ovely_love.html
http://www.dhammakay...ely_Love_th.php
สงสัยจังว่า..
ทำไมเว็บดีเอ็มซี มีแต่คนมาถามเรื่อง อกหัก รักคุด คิดถึง ลืมเธอไม่ลง ตลอด เดี๋ยวขอไปไล่เช็คทำสถิติมาให้ดูก่อนนะคะ เข้าใจว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เนี่ย ติดอันดับยอดฮิตที่สุด สงสัยต้องจัดหมวด "กระทู้ยอดรัก ฮิตตลอดกาล" ไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งของเว็บซะแร้วว

อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 01:55 PM
#4
*YTTRA*
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 02:11 PM
แม้ว่าเราจะได้คู่ที่ดีที่สุด เป็นคู่ในอุดมคติ ไม่เคยทะเลาะกันเลย
ก้อยังจะมีทุกข์ เพราะว่า
ความพรักพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นทุกข์
การได้พบกับสิ่งอันไม่เป้นที่รักก้อเป็นทุกข์
ผมเข้าใจครับ.....
แม้ผมจะโชคดีที่ผมมีคนที่ผมรักแล้วเธอก้อรักผม
แต่ผมไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร
เราอาจจะต้องห่างกันหรืออยู่ด้วยกัน..ไม่อาจจะทราบได้
ผมคิดถึงเธอทุกครั้งที่เราห่างกันแค่ 1-2 วัน...แค่นี้ก้อทุกข์แล้วแม้จะไม่มากก้อตาม
ไม่อยากจะคิดกับการที่จะต้องห่างกันนานๆเลย...ว่าจะทุกข์มากแค่ไหน
แต่...แต่...แต่...ผมจะไม่ให้ความรักมามีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของผม
ผมจะไม่ให้มันมามีอิทธิพลมากำหนด จิตวิญญาณ แห่งความสุขในการใช้ชีวิตเด็ดขาด
ทางเดียวที่จะทำได้ก้อคือ ปรารถนาให้คนที่เรารักมีความสุขอย่างจริงใจโดยไม่หวังที่จะครอบครองหรือเหนี่ยวรั้งเขาไว้ ให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากจะเป็น ทำในสิ่งที่เขาจะทำ และรักตัวเองให้มากๆ รักขนาดๆที่ว่า ใจอยู่กับตัวเองตลอดเวลา แล้วแผ่ความปรารถนาดีให้กับเขาอย่าจริงใจ แล้วเราจะพบกับความสุขที่สบาย อยู่ภายในใจของเราครับ
#5
*YTTRA*
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 02:18 PM
หากแม้เราจะไม่เคยรักใคร แต่ก้อต้องมีคนมาแอบรักเรา
ความรักมักเล่นตลกกับชีวิตเราเสมอ
เหมือนกับเงา ที่บางครั้งเราไล่ตามมันกลับวิ่งหนี แต่ว่าเราวิ่งหนีมันกลับไล่ตามเรา*
บางครังความรักเกิดข้นได้ตามมุม ตึก ที่ทำงาน บนถนน
แต่ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน หลากหลายร้อบพันแบบ ก้อจะมีความทุกข์เป็นเงาตามมาทั้งสิ้น
เราหรือใครๆก้อไม่อาจหนีพ้นหรือห้ามความรักได้ แต่เราจะต้องรักให้เป็น เรียนรู้และเท่าทันความรัก
เท่าทันความเร่าร้อน แผดเผาจากความรัก และรักอย่างมีสติ โดยใช้อุเบกขาและปัญญาเป็นเครื่องจรรโลงความรัก
*จาก วศิน อินทสระ เรื่อง นันทะกับปชาบดี
#6
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 02:28 PM
#7
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 02:36 PM
#9
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 03:17 PM
#10
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 03:32 PM
ถ้าใจใสเมื่อไหร่ ก็ลองค่อยๆคิด ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูนะครับ ว่ารักที่กิดกับเขาคนนั้นเป็นความรักที่แท้จริง เป็นรักที่บริสุทธิ์จากใจหรือไม่ ลองเปรัยบเทียบดูกับความรักของพ่อแม่ หรือรักของหลวงพ่อและครูบาอาจารย์ที่มีต่อสัตว์โลกว่าต่างกันอย่างไร... เขาบอกคนเราเห็นทุกข์แล้วจึงเห็นธรรม หรือทุกข์ท้อเพื่อก่อปัญญา ขอให้คุณได้มีกำลังใจชนะความทุกข์ในครั้งนี้ได้อย่างสบายๆนะครับ

#11
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 03:46 PM
#12
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 04:33 PM
"ผ่านวันนี้ไป เรื่องราวที่ไม่ดี พรุ่งนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา"
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยแหละครับ ชีวิตมนุษย์
ส่วนการที่มนุษย์เราปรารถนาสิ่งใด (ไม่เฉพาะเรื่องความรัก) แล้วไม่สมปรารถนานั้น ก็เป็นเรื่องของกรรมแน่นอนครับ เพียงแต่ว่า จะเกิดจากกรรมในอดีต หรือ กรรมปัจจุบัน หรือ ทั้งสองอย่างรวมกันเท่านั้นแหละ
แล้วสิ่งที่จะแก้ไขได้ ก็มีอยู่สิ่งเดียวเสียด้วยสิ นั่นคือ กรรมแก้กรรม นั่นเองครับ
สร้างกรรมใหม่ เปลี่ยนการให้ผลของกรรมเก่า อย่างเช่น ละครเรื่องทองล้นหลัง ที่กำลังดังอยู่ในเวลานี้เลยล่ะครับ
ปิดทองหลังพระ ใครๆ เขาก็ไม่เห็น ไม่สนใจ ตัวก็อยากจะย้ายมาปิดหน้าพระ แต่ผู้รู้่ท่านแนะนำว่า ให้เราปิดทองหลังพระไปเรื่อยๆ แหละ เดี๋ยวทองนั้นก็ล้นมาด้านหน้าพระเอง ที่สำคัญอย่าใจร้อน ความใจร้อนไม่เคยและไม่เคย ช่วยให้ใครได้ดีเลยล่ะครับ
#13
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 05:04 PM

หลุมรักที่แท้จริง
ผู้มีหัวใจที่งดงามได้กล่าวไว้ว่า
เอาความรักออกมาแบ่งปันให้กันเถิดหนา
แล้วเราจะมีความสุข มีแต่ความพึงพอใจ
ไม่มีอะไรเทียบได้ เป็นความดีง่าย ๆ
ที่ใครก็ทำได้
แต่ต้องทำให้ถูกวิธี
แล้วเราจะมีความสุขตลอดไป
ความรักที่แท้จริงจะเกิดขึ้น เมื่อเราหลับตาเบา ๆ
ผ่อนคลายสบาย หยุดใจที่ศูนย์กลางกาย
จนดวงตะวันสว่างภายใน
ความสุขไม่มีใดปานจะเกิดขึ้นมา
แล้วเราจะตกหลุมรักตัวเอง เป็นหลุมรักภายใน
เป็นหลุมรักใส ๆ ไม่ตกหลุมรักใคร
หมดปัญหาใด ๆ มีแต่ความรักใส ๆ ให้ทุกคน

“ไม่ได้ไม่มี ไม่ดีไม่ได้ ต้องได้และดี ให้ดีที่สุด”
#14
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 05:45 PM
http://dungtrin.com

ความรัก กับ ความทุกข์ เศร้า และผิดหวัง
อันมนุษย์สุดเฉาให้เศร้านัก
ยังปักรักปักหลงไม่สงสัย
มันก่อร่างทางมาและทางไป
เป็นอย่างไรไม่ดูไม่รู้ลา
เพราะพึงใจในรูปที่จูบหอม
หรือสมยอมยินเสียงไม่เดียงสา
หรือแรงเรียกเพรียกแห่งกระแสตา
หรือใบหน้าคร่าจิตพิชิตใจ
เมื่อยินยอมตรอมตรมก็ซมเปล่า
ไม่รักเราเท่ากันไม่หวั่นไหว
เรื่องของเรื่องอยากเปลืองใจให้โทษใคร
ก็แค่ใจไม่ดูให้รู้คลาย
ถ้าหวงทุกข์จะลุกเดินไม่เพลินแน่
ถ้าอยากแก้อย่าแพ้รักก็จักหาย
อย่ากอดทุกข์จงทิ้งขว้างให้ห่างกาย
ก็คลี่คลายเป็นสุขสนุกเอง
http://www.larndham....pl/001076.htm#2

อาการที่ถูกต้องของการถอนพิษรักนั้น ไม่ใช่ความพยายาม ‘ตัดใจ’ เพราะใจเป็นสิ่งที่ไม่มีคมมีดชนิดไหนๆ ตัดได้ขาด พฤติกรรมทางจิตที่ถูกต้องคือ ‘สละออก’ ซึ่งเป็นอาการที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากเคยชินที่จะ ‘เอาเข้าตัว’ กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นแหละครับคือการเพาะชำนิสัยหวงทุกข์ หวงยางเหนียวยึดติดกับปฏิกูลทางอารมณ์โดยแท้
แต่ละคนมีพลังหรือศักยภาพในการสละออกแตกต่างกัน และศักยภาพดังกล่าวนี้ไม่ใช่มีกันด้วยความบังเอิญ กับทั้งไม่ใช่ความสามารถเฉพาะทาง จิตที่มีดี ที่สามารถสลัดขยะหรือปฏิกูลทางอารมณ์ออกได้ง่ายนั้น คือจิตของผู้ที่เคยชินกับการสละออกเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เฉพาะเรื่องรักใคร่หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง
นี่เป็นการมองภาพกว้างภาพรวม ถ้าคุณอ่านเกมของจิตออก จะเห็นความสัมพันธ์ทั่วถึงกันหมด ไม่มีใครฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตัดรัก แต่ทุกคนสามารถฝึกที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสละอารมณ์ส่วนเกินกันได้ทุกแง่
http://dungtrin.com/.../prepare033.htm
(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ๒๘ เม.ย. ๔๘)

อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายถูกทิ้ง
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกที่จะทิ้งขยะชิ้นหนึ่งไป
อย่าคิดว่าเราต้องเป็นฝ่ายเหงา
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกพักร้อนให้สบายตัวสบายใจสักระยะหนึ่ง
อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายทรมาน
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกทำความสบายใจแก่เขา
อย่าคิดว่าเราควรเหนี่ยวรั้งเขา
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายให้อิสระเป็นทานแก่คนอื่น
เปลี่ยนมโนกรรม (กรรมทางความคิด)
จากมืดเป็นสว่าง ชีวิตจะสว่างเองครับ
จิตที่สว่างย่อมอบอุ่นเป็นสุข
มีแต่ใคร ๆ วิ่งมาหา มีแต่ความอิ่มเต็มเบิกบาน
มีแต่อยากได้อิสระให้ตนเองและใคร ๆ ทั้งโลก
http://dungtrin.net/...p...79&start=10
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๔๘

วันก่อนเมื่อคุณยังไม่อกหัก ก็มีใครบางคนอกหักมาก่อน
วันนี้คุณกำลังอกหัก ก็มีใครบางคนหายเศร้า ทำใจได้ไปล่วงหน้าแล้ว
พรุ่งนี้ถ้าคุณสดใสได้เหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ลืมความเศร้าจากอาการฟูมฟายเพราะเสียของน่ารักน่าใคร่
ก็จะมีใครบางคนมารับช่วงแทน
โศกเศร้า อาลัยอาวรณ์ ราวกับไม่อาจผ่านทางลำบากได้สำเร็จ
โลกเป็นอย่างนี้มานานเต็มที
แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นของน่าเบื่อหน่าย
http://larndham.net/...pl/001415.htm#2

ความรักมักเล่นตลก
ตอนต้องการส่วนใหญ่ไม่มา
แต่บางทีมาตอนไม่ต้องการ
ตอนมาก็มักมาพร้อมปัญหา
เหมือนความรักจะเป็นเครื่องยืนยันว่า
ของจริงคือทุกข์ ความสุขแค่ของปลอม
http://larndham.net/...l/006133.htm#14

บางทีรางวัลของคนดีก็ไม่ใช่จะมีคู่ที่สมหวังแบบเร็ว ๆ นะครับ
ธรรมชาติอาจกะเกณฑ์ให้เราเจอทุกข์เสียก่อน
เพื่อใช้ความทุกข์นั้นเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ความสุขที่เหนือกว่าความรัก
และเมื่อถึงจุดของความนิ่งจริงๆ ถึงจะยอมเปิดตัวคนรักที่แท้ให้กับเรา
บางคน ถ้าใจยังวุ่น ๆ ยังหยุด ยังนิ่งไม่เป็น ขืนคนที่คู่ควรกับเราโผล่มาตอนนั้น
เขาก็อาจพลาดจากเราไป ไม่อาจเป็นคู่ครองร่วมกันอย่างถาวรได้ฅ
เพราะอาจิณณกรรม คือนิสัยของเรายังอาจเป็นตัวทำลายสัมพันธภาพกับคู่แท้ของเรา
ต่อเมื่อผ่านความเจ็บปวด เรียนรู้จากความผิดพลาด
เห็นจังหวะจะโคนแบบต่างๆ ของชีวิตมากเข้า
พอใจเป็นบุญ มีความนิ่งพอจะรองรับกับคู่แท้ถาวรได้ เขาถึงจะปรากฏตัว
อย่าท้อแท้กับความดีก็แล้วกัน
ที่ผ่านมาในอดีต มองย้อนไปอาจรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเรา
พอเราเปลี่ยนมาอยู่กับกระแสธรรมะ
ความเป็นตัวจริงของเราถึงเริ่มปรากฏ
ซึ่งก็อาจเป็นเหตุให้คู่แท้ของเราปรากฏตัวเช่นกัน
http://www.larndham....l/008652.htm#19

"การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีอะไรจากเราไปตลอดกาล ถ้าคลี่เวลาออกเป็นเส้นตรงและสามารถเห็นได้จริงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคตพร้อมกัน เราคงเห็นตัวเองได้ของรักแล้วเสียของรัก หัวเราะแล้วร้องไห้ พบแล้วพลัดพราก ย้อนเวียนกลับไปกลับมา สลับกันเป็นสายโซ่ยืดยาว"
(ทางนฤพาน บทที่ ๑๔ ร่วมทาง)

บทสรุปหนึ่งก็คือว่า รักแท้น่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่านั้นคือกิเลส
หมายความว่าถ้ามองตามสายตาทางโลกก็ต้องว่ามี
แต่ถ้ามองตามสายตาทางธรรมก็ต้องว่ารากของรักแท้นั้นมาจากกิเลสนี่เอง
ที่รักแท้จะมีอันต้องกลับกลายเป็นรักเก๊ ก็ด้วยกิเลสอันเดียวกันอีกนั่นแหละ
โดยมีตัวแปรเช่นบุคคล เวลา และสถานการณ์มาร่วมสมการกิเลส
กิเลสมากก็ทุกข์มาก กิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวน
และ http://larndham.net/...pl/006918.htm#2 )

“พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าคนเรามีรักร้อยก็นับว่าทุกข์ร้อย มีรักสิบก็นับว่าทุกข์สิบ มีรักหนึ่งก็นับว่าทุกข์หนึ่ง หากไม่มีรักเลย ก็แปลว่าไม่ต้องมีทุกข์เพราะรักเลยเช่นกัน… สรุปคือ ความรักเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น ต่อให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่า วันหนึ่งก็ต้องทุกข์ใหญ่หลวงเพราะความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ดี”
(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓๓ คู่มือนักฆ่าตัวตาย)

อยู่ในสังสารวัฏ ท่องเที่ยวเกิดตายไปเรื่อย ๆ นั้น
แม้สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สังสารสัตว์หวังฝากไว้ให้อบอุ่นใจ
คือความรัก ความมั่นคงของเนื้อคู่ที่จะติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ
เอาเข้าจริงก็แค่ความไม่แน่นอนอีกชนิดหนึ่ง
ความแปรปรวนเป็นอื่นได้อีกชนิดหนึ่ง
http://www.larndham....l/001630.htm#27

ภพชาติ ความสัมพันธ์ และสายใยต่างๆนั้นซับซ้อน
มีความไม่แน่นอนเป็นความหวังได้ด้วยเหตุปัจจัยอันลึกลับเกินหยั่ง
ทำใจไว้แต่แรกว่าเราทุกคนเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว จะได้สบายใจในระยะยาว
http://www.larndham....l/007278.htm#24

ความรักชั้นสูงคือความรักพระนิพพานครับ
เมื่อรักพระนิพพานอันเป็นธรรมชาติสูงสุดเหนือสมมุติได้
บุคคลย่อมไม่หลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต่ำกว่านั้นแบบยอมตายถวายชีวิตอีก
http://larndham.net/...opic=11316&st=5
----------------------------------------------------------------------------------------------------------

“ไม่ได้ไม่มี ไม่ดีไม่ได้ ต้องได้และดี ให้ดีที่สุด”
#15
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 09:33 PM

รู้หมด แต่ทำไม่ได้ ก็ไม่เกิดประโยชน์ใด!
...เคยทำแบบนี้นะ
คิดถึงตอนที่เค้าโกรธ งี่เง่า เอาแต่ใจ นิสัยไม่ดี ฯลฯ..
ลองคิดดู ถ้าคุณสมหวัง นิสัยถาวรเหล่านี้จะออกมาแน่นอน
..โชคดีแล้วที่ไม่สมหวัง ทรมาณแค่นี้แล้วจบ
หรือจะทรมาณไปตลอดชีวิตถ้าต้องอยู่ด้วยกัน!
..โชคดี มีบุญมากแล้ววว จริงงง
พอผ่านไปสัก3-4เดือน หายแล้ว ลองกลับมาอ่านดูจะหัวเราะตัวเอง!!!
#16
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 12:34 AM

โกนหัวบวชชีสิน้อง......รับรองไม่มีคิดถึงใคร ตัดได้ขาดแน่นอน
ถ้ายังไม่กล้า รับรองความรู้สึกแบบนี้ก็อยู่คู่เราตั้งแต่เกิดจนตายนะแหละ เพียงแต่จะแสดงออกหรือไม่แค่นั้นแหละคร้าบพี่น้อง....
อย่าหนีเลยครับกล้าเผชิญหน้าและยิ้มให้กับมัน ก้าวสู่วันใหม่อย่างสดใส กาลเวลาจะช่วยรักษาเอง
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#17
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 10:34 AM
#18
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 11:45 AM
ถึงต้องง้าวหลาวแหลนนักแสนเล่ม ให้เต็มตัวฉุดพอหลุดถอน

แต่ต้องตาพาใจอาลัยวรณ์ สุดจะถอนทิ้งขว้างเสียกลางคัน
และก็อีกบทหนึ่งว่าไว้อย่างนี้
จะหักอื่นขืนหักก็จักได้ แต่ตัดอาลัยนี้ไม่ขาดประหลาดนัก
จะตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ
มันเป็นเช่นนี้เอง เป็นบ่อล่อปลาของพญามาร
หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ให้คำเตือนไว้ว่า
ชีวิตในโลกหล้า ลวงตา
เห็นทุกข์เป็นสุขพา โศกสิ้น
ดังเหยื่อที่ล่อปลา ติดเบ็ด
แสบเผ็ดเดือดร้อนดิ้น กว่าได้ เห็นธรรม
ก็คิดเสียว่าเป็นบันไดอีกขั้นหนึ่งที่เราจะได้พัฒนาตัวเองให้ดียิ่ง ๆขึ้นโดยอาศัยหนังสือคู่มือ "LOVELY LOVE"
#19
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 08:54 PM
เริ่มต้นด้วยการสวดมนต์สิคะ สวดมนต์ดังๆ สวดมนต์ทำวัตรนี่แหละ ทั้งเช้า ทั้งเย็น ทุกๆ วันอย่างต่อเนื่องและตั้งใจ ให้มันดังกลบความคิดทั้งหลาย (ใหม่ๆ ความคิดจะดังกว่าเสียงสวดมนต์ นานๆไปเสียงสวดมนต์จะดังกว่าความคิด) ทำไปพร้อมกับการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา หยุดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายให้ต่อเนื่องให้มากๆ ใจจะค่อยๆ ใสขึ้น ใสขึ้น และหลุดออกจากความผูกพันทั้งหลาย แต่ต้องระวังว่า เมื่อหลุดแล้วอย่าไปหาเรื่องใหม่มาอีก เพราะเมื่อเราอาชนะบทเรียนที่ 1 ได้ ก็มักจะมีบทเรียนต่อไปตามมา ต้องอยู่กับบุญให้ได้ตลอดเวลา ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
#20
โพสต์เมื่อ 09 February 2008 - 01:26 AM
#21
โพสต์เมื่อ 09 February 2008 - 10:46 AM
เป็นกำลังใจให้ครับ
โอ / เชียงใหม่
#22
โพสต์เมื่อ 09 February 2008 - 11:43 PM

ก็ยิ่งรักมากก็ยิ่งทุกข์มาก ก็ให้คิดว่า หากเขาเคยมีอดีตที่ดีงามกับใครอีกซักคนที่เขาได้พบ หมายถึงภพชาติก่อนที่เราจะได้เกิดมาเจอกัน หากเป็นยังนั้นจริง เราก็เปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ และปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลง อนาคตไม่ได้เช่นกัน
#23
โพสต์เมื่อ 10 February 2008 - 11:53 PM
ถึงไม่ลืมก็มีชุดนักบวชเป็นเกราะกำบัง ไม่มีใครกล้ามาตอแยหรอกคร้าบ
ทุกข์ สุขเป็นของคู่โลกครับต้องหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์นั่นแหละใจจึงจะไม่ทุกข์คร้าบ
ผ้าขาวครับบวชชีไม่ได้ห่มจีวรคร้าบ
อ้าอันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งครับเพราะเป็นการลองถือเนกขัมมะ หากพบว่าสงบสุขก็ค่อยตัดสินใจคร้าบ
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#24
โพสต์เมื่อ 11 February 2008 - 08:29 PM
รักแค่ไหน สุดท้าย ก็ต้องพรากจากกันไปทุกตัวทุกตน แค่จะช้า หรือ เร็ว กว่ากัน
[b] รักเที่ยงแท้ แน่นอนนัก คือรักของแม่ รักเท้ยิ่งกว่าแท้ คือรักตัวเอง [b]
คิดถึงเขามากแค่ไหน ให้คิดถึงแม่และตัวเองให้มากกว่านั้น นะคะ

#25
โพสต์เมื่อ 12 February 2008 - 11:21 AM

#26
โพสต์เมื่อ 13 February 2008 - 12:14 PM
ตอนนี้หลายส่วนงาน มีงานล้นมืออย่างมาก ลองเลือกสมัครรับบุญ หรือจะมาสมัครรับบุญโครงการตักบาตรพระ500,000รูป ด้วยกันก็ได้นะ ยินดีต้อนรับจ้า