แล้วทำอะไรจึงจุติเป็นพระยามาร

ทำไมพระยามารจึงได้อยู่บนสวรรค์ชั้น 6 ล่ะครับ
เริ่มโดย usr22570, Apr 26 2008 06:38 AM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 06:38 AM
#2
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 08:46 AM
พระยามาราธิราชโพธิสัตว์ แท้ที่จริงแล้ว ท่านคือ พระมหาโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง จัดอยู่ในประเภท พระนิยตะโพธิสัตว์ คือ ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วว่า จะได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอนในอนาคต เหตุที่ได้ชื่อว่า เป็นพระยามาราธิราช เนื่องด้วยพระองค์ทรงเกิดจิตอิจฉา ริษยา พระสมณโคดม ที่จะได้มาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนพระองค์ ทั้งที่พระองค์นั้นได้บำเพ็ญพระบารมีมาก่อน แต่เหตุไฉนใยฤา เหล่าพระพรหม และทวยเทพทั้งปวง จึงไม่อัญเชิญพระองค์ ซึ่งขณะนั้น หรือแม้ในขณะทุกวันนี้ เสวยพระชาติเป็น “ท้าวปรนิมิตตวสววัตตีมาราธิราช” เทวราชผู้เป็นใหญ่ 1 ใน 2พระองค์ที่ปกครองสวรรค์ชั้นที่ 6 ที่ชื่อว่า สวรรค์ชั้นปรนิมิตตวสวัตตี
แต่กลับพากันไปอัญทูลเชิญ “ท้าวสันต์ดุสิตเทวราช” เทวราชาแห่งสวรรค์ชั้นที่ 4ที่ชื่อว่า ชั้นดุสิต ให้เสด็จลงมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อไป ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงคอยหาจังหวะและโอกาส ที่จะขัดขวางการตรัสรู้ให้จงได้ และเมื่อสบโอกาสในช่วงค่ำ ของคืนวันเพ็ญเดือน 6 ในขณะที่พระสมณโคดมกำลังเตรียมการ ที่จะบำเพ็ญเพียรพระบารมีอย่างเต็มที่ ท้าวปรนิมิตตวสวัตตีมาราธิราช ได้จำแลงกายเป็น “พระยาวสวัตตีมาราธิราช” ทรงช้างนามว่า “ ครีเมขลา” พาเหล่าเสนามาร และกองทัพมารทั้งหลาย พรั่งพร้อมด้วยศาสตราวุธครบมือ มากันอย่างมืดฟ้ามัวดิน เข้ามารังควาญ โดยกล่าวว่า ที่นี่พระองค์ประทับใต้ต้นโพธิ์นี้ เป็นที่ของตน ต้องการให้พระสมณโคดมหลีกลี้หนีห่างไปให้พ้น ถ้าพูดกันดี ๆ ไม่ฟัง ก็คงต้องใช้กำลังกันล่ะ
แต่แทนที่พระพุทธองค์จะทรงเกรงกลัว กลับสงบนิ่ง พร้อมกับทรงดำรัสว่า “มารเอย ที่ท่านบอกว่าที่ที่เรานั่งอยู่นี้เป็นของท่าน แท้จริงแล้ว เป็นที่ที่เราได้เคยบำเพ็ญบารมีมาช้านาน ใยท่านมากล่าวตู่เช่นนี้” พระยามาราธิราช ได้ฟังดังนั้น ก็กล่าวถามไปว่า “การที่ท่านบอกว่า ที่ที่นี้เป็นที่ของท่านบำเพ็ญบารมีมานั้น ท่านมีพยานหลักฐานอันใดหรือ ส่วนเรานั้น เหล่าพลมารพวกนี้ เป็นพยานให้เราได้”
พระสมณโคดมทรงดำรัสตอบว่า “ต้องการพยาน หลักฐาน กระนั้นหรือ ได้เลย พระยามาร” แล้วพระองค์ท่านก็ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถ จากท่าพระหัตถ์ประสานกันขวาทับซ้าย มาเป็นพระหัตถ์ขวาวางไว้ที่พระชานุ (เข่า) ชี้นิ้วพระหัตถ์ลงบนพื้นดิน ส่วนพระหัตถ์ซ้ายยังคงอยู่ที่เดิม หรือที่เรารู้จักกันในปางมารวิชัย และแล้ว ก็บังเกิดมีแม่พระธรณี แทรกแผ่นดินขึ้นมาต่อหน้าพระพักตร์ ระหว่างพระสมณโคดมกับพระยามาร พร้อมกับกล่าวว่า “ข้านี่แหละ เป็นพยานให้ เพราะรู้เห็นการบำเพ็ญเพียรของพระสมณโคดมมาตลอด และนี่คือหลักฐานที่พระสมณโคดม ได้หลั่งน้ำอุทิศในการบำเพ็ญทานบารมีเอาไว้”
แต่กลับพากันไปอัญทูลเชิญ “ท้าวสันต์ดุสิตเทวราช” เทวราชาแห่งสวรรค์ชั้นที่ 4ที่ชื่อว่า ชั้นดุสิต ให้เสด็จลงมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อไป ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงคอยหาจังหวะและโอกาส ที่จะขัดขวางการตรัสรู้ให้จงได้ และเมื่อสบโอกาสในช่วงค่ำ ของคืนวันเพ็ญเดือน 6 ในขณะที่พระสมณโคดมกำลังเตรียมการ ที่จะบำเพ็ญเพียรพระบารมีอย่างเต็มที่ ท้าวปรนิมิตตวสวัตตีมาราธิราช ได้จำแลงกายเป็น “พระยาวสวัตตีมาราธิราช” ทรงช้างนามว่า “ ครีเมขลา” พาเหล่าเสนามาร และกองทัพมารทั้งหลาย พรั่งพร้อมด้วยศาสตราวุธครบมือ มากันอย่างมืดฟ้ามัวดิน เข้ามารังควาญ โดยกล่าวว่า ที่นี่พระองค์ประทับใต้ต้นโพธิ์นี้ เป็นที่ของตน ต้องการให้พระสมณโคดมหลีกลี้หนีห่างไปให้พ้น ถ้าพูดกันดี ๆ ไม่ฟัง ก็คงต้องใช้กำลังกันล่ะ
แต่แทนที่พระพุทธองค์จะทรงเกรงกลัว กลับสงบนิ่ง พร้อมกับทรงดำรัสว่า “มารเอย ที่ท่านบอกว่าที่ที่เรานั่งอยู่นี้เป็นของท่าน แท้จริงแล้ว เป็นที่ที่เราได้เคยบำเพ็ญบารมีมาช้านาน ใยท่านมากล่าวตู่เช่นนี้” พระยามาราธิราช ได้ฟังดังนั้น ก็กล่าวถามไปว่า “การที่ท่านบอกว่า ที่ที่นี้เป็นที่ของท่านบำเพ็ญบารมีมานั้น ท่านมีพยานหลักฐานอันใดหรือ ส่วนเรานั้น เหล่าพลมารพวกนี้ เป็นพยานให้เราได้”
พระสมณโคดมทรงดำรัสตอบว่า “ต้องการพยาน หลักฐาน กระนั้นหรือ ได้เลย พระยามาร” แล้วพระองค์ท่านก็ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถ จากท่าพระหัตถ์ประสานกันขวาทับซ้าย มาเป็นพระหัตถ์ขวาวางไว้ที่พระชานุ (เข่า) ชี้นิ้วพระหัตถ์ลงบนพื้นดิน ส่วนพระหัตถ์ซ้ายยังคงอยู่ที่เดิม หรือที่เรารู้จักกันในปางมารวิชัย และแล้ว ก็บังเกิดมีแม่พระธรณี แทรกแผ่นดินขึ้นมาต่อหน้าพระพักตร์ ระหว่างพระสมณโคดมกับพระยามาร พร้อมกับกล่าวว่า “ข้านี่แหละ เป็นพยานให้ เพราะรู้เห็นการบำเพ็ญเพียรของพระสมณโคดมมาตลอด และนี่คือหลักฐานที่พระสมณโคดม ได้หลั่งน้ำอุทิศในการบำเพ็ญทานบารมีเอาไว้”
#3
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 12:24 PM
เรียนเจ้าของกระทู้ เชิญแวะไปที่
กฏแห่งกรรมสำหรับเทวบุตรมาร
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=7506
by นักเรียนอนุบาล เด็กดอย
พอมีคำตอบพอสมควรครับ
กฏแห่งกรรมสำหรับเทวบุตรมาร
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=7506
by นักเรียนอนุบาล เด็กดอย
พอมีคำตอบพอสมควรครับ
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
#4
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 10:48 PM
อ่านแล้วได้ความรู้ดีจัง สาธุครับ...
#5
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 11:07 PM
มิใช่ พญามารครับ เป็นเพียงเทวบุตรมาร คือ เทวดา ที่มีความเห้นผิด เห็นกงจักรเป้นดอกบัว ว่างั้น
#6
โพสต์เมื่อ 27 April 2008 - 08:52 AM
เรียนคุณสิริปโภ
พญามารไสช้างชื่อ ครีเมขลา ไม่ใช่เหรอครับ ส่วนช้างนาฬาคีรี เป็นช้างที่เทวทัตมอมสุราไม่ใช้เหรอครับ
หรือผมจำผิดเอง........
โอครับ
พญามารไสช้างชื่อ ครีเมขลา ไม่ใช่เหรอครับ ส่วนช้างนาฬาคีรี เป็นช้างที่เทวทัตมอมสุราไม่ใช้เหรอครับ
หรือผมจำผิดเอง........
โอครับ
#7
โพสต์เมื่อ 27 April 2008 - 12:05 PM
ขอโทษครับ ผมCoppy คนอื่นมาลืมอ่านละเอียดๆ แต่แก้ไขเป็น ช้างครีเมขลาแล้วครับ
#8
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 10:39 AM
สาธู๊ค่ะ
กระทู้นี้ หอมฟุ้งไปด้วยธรรมรส ช่างน่ารื่นรมย์โสมนัส....
สาธู๊.............ธู๊
กระทู้นี้ หอมฟุ้งไปด้วยธรรมรส ช่างน่ารื่นรมย์โสมนัส....
สาธู๊.............ธู๊
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#9
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 01:52 PM
Sa Thu
#10
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 05:59 PM
ทำไมพระยามารถึงอยู่บนสวรรค์ชั้นที่ 6 นะเหรอ .... เค้าคงไม่อยากอยู่ชั้นที่ต่ำกว่านี้มั้งครับ เหมือนพวกเราไง อยากไปดุสิตบุรี จึงขวนขวายหนทางที่จะไป และหลายคนก็ไปแล้ว เพราะคำตอบส่วนใหญ่คือ ไม่อยากอยู่ชั้นที่ต่ำกว่าครับ... (ตอบแบบขวาน ๆ นะครับ... ถามจริง ตอบตรง)...อิอิ
โอครับท่าน
โอครับท่าน