
ทำสมาธิไม่พบความสุขสักที
#1
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 04:11 PM
แต่งงาน สามีไม่สนใจเลย ในที่สุดเขาก็ไปมีใจกับเด็กข้างบ้าน เราก็มีคนมาสนใจ ในที่สุดก็เลิกกัน
ต่อมามีแฟนคนแล้วคนเล่า ทำท่าจะดี ก็ไปไม่รอด จนคิดฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย
หันมาปฏิบัติธรรม ในที่สุดเจอคนที่คิดว่าดี แต่งงานกัน ก็ดูดี แต่เขาก็ไม่ยอมจดทะเบียน และไม่ดูแลเราเหมื่อนกับแฟนคนก่อนๆ แต่เขาก็ดีกับเรากว่าคนอื่นๆในชีวิตเรา แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาเป็นชาวต่างชาติ ก็ไปๆมาๆ จนเรารู้สึกว่าเขาไม่รัก ก็เอาธรรมะเข้าข่ม แต่ก็ข่มไม่ค่อยลง
มีคนมาชอบเราหลายคน แต่ก็รู้สึกว่าจะหวังแต่ตัวเราแน่นอนและเราก็ไม่สนใจใคร จนไปเจอคนนึงตอนทำงาน คงเป็นเพราะไกลกันกับสามี และกรรมก็รู้สึกว่ารักเขามากทั้งที่เราก็แต่งงานแล้ว เขาก็แค่ชอบเรา แต่ไมรักเรา ในที่สุดก็อกหักช้ำรัก
ช่วงนั้นเองสามีเป็นมะเร็ง ก็ไปหา ดูแลอยู่หนึ่งเดือน ตอนที่เขาอาการเพียบ ญาติเขาก็ไล่เรากลับประเทศ สามีก็ไม่ได้ทำอะไรให้เราเลย ก็ต้องกลับมาทำงานเพราะเราต้องทำงานผ่อนบ้านและดูแลแม่ ถ้าอยู่ต่อชีวิตเราก็จะไม่เหลืออะไร กลับมาก็สวดมนต์ ทำสมาธิ ส่งให้สามี เจ้ากรรมนาบเวร และเทวดา เหมือนปาฎิหารย์ เขาก็ดีขึ้น
แต่ใจเราก็ยังไม่สงบ คอยคิดแต่ เขาไม่รักเรา ไม่ทำอะไรให้เรา ไม่ห่วงเรา
คิดอีกที เขาก็ไม่สบาย เราก็ต้องช่วยเขาให้หาย คิดกลับไปกลับมาตลอดเหมือนต่อสู้กันเองภานในตัวเรา
เครียดจริงๆ
เราหันหน้าปฎิบัติธรรม แต่ก็ไม่พบความสุขสักที เคยทำสมาธิแบบสติปัฐฐานสี่ พอมานั้งแบบกำหนดนิ่งๆที่ฐานที่เจ็ด ก็ยังมือตึดดื๋อ มึนหัวตึบๆ ใจก้คอยไปคิดยุหหนอพองหนอตลอด พอไม่พองไม่ยุบ ก็คิอฟุ้งซ่านไป
สงสัยว่าทำอย่างไรจึงจะทำสมาธิได้อย่างสงบ และคิดตก ทำให้ใจใส และพ้นทุกข์จากกรรม เรื่องรักๆใคร่ๆ และเรื่องอยากได้ของเขา ยากจริงๆ ค่ะ รบกวนผู้รู้แนะนำด้วยค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 04:29 PM
บางคนสามารถช่วยตัวเองจนขึ้นฝั่งได้ หันกลับไปดู เห็นคนอื่นกำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด ก็รู้สึกปลงสังเวช เราก็เคยเป็นเช่นนั้น
....ยังไงก็เกาะบุญใว้นะครับ..แม้จะรู้สึกว่ายังไม่ช่วยอะไรเท่าไร ...แต่สักวันบุญนี้แหละจะพาขึ้นฝั่งได้
#3
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 04:48 PM
ให้ลองคิดเปรียบเทียบ หรือ ให้ดี เขียนลงในกระดาษเลยค่ะ
แผ่นแรกเขียน ความสุขที่ได้รับก่อนนะคะ ฝั่งซ้าย มีคู่ ฝั่งขวา ไม่มีคู่
แผ่นที่สอง ความทุกข์ที่ได้รับ ฝั่งซ้าย มีคู่ ฝั่งขวา ไม่มีคู่
ลองดูนะคะ koonpatt เคยลองนั่งคิดดูแล้วค่ะ
ไม่มีคู่ อาจเหงาค่ะ แต่ไม่ทุกข์ ถ้าเรามีงานอดิเรกทำ อ่านหนังสือ
มีเพื่อนบ้าง ไม่ต้องมากหรอกค่ะ คน สองคนก็พอ ไปนั่งเลี้ยงลูกให้เพื่อน ก็ไม่เหงาแล้ว
มีคู่ อาจไม่เหงา หรือ เหงายิ่งกว่าเดิม (ถ้าถูกละเลย) อาจมีความสุข
แต่ถ้าทุกข์ จะทุกข์มาก :'( :'( :'(
เวลาส่วนตัวมีน้อย ถึง ไม่เหลือเลย
พอนึกถึงเรื่องที่เป็นทุกข์มากๆเข้า จะกลัวไปเลยค่ะ กลัวจะต้องกลับไปทุกข์อีก
อยู่คนเดียว สบายจริงๆนะคะ ขอบอก
ถ้าเราเห็นถึงข้อดี ของสิ่งที่เราเห็นและเป็นอยู่
เราจะไม่อยากกลับไปหาอะไรที่มันแย่ๆแล้วค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนึงนะคะ สู้ สู้ ค่ะ



แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#4
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 05:04 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#5
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 06:34 PM
หาเวลาว่างไปปฏิบัติตามโครงการของที่วัดจัดไปก็ได้นะคับ
#6
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 08:10 PM
1. ทำอย่างไรจึงจะปลงเรื่องรักๆใคร่ๆออกไปจากใจได้..
2. ทำอย่างไรการปฏิบัติธรรมจึงจะก้าวหน้า..
ตอบข้อ 1.
พยายามศึกษา Case Study เรื่องเกี่ยวกับ เพศศึกษา ให้มาก..
(ถ้าคุณไปที่วัด จะมี CD รวม Case Study เพศศึกษา เลย 1 แผ่น เป็น MP3 ลองเอามาฟังดู)
หลังจากศึกษาเรื่องพวกนี้มากๆแล้ว คุณจะเข้าใจวงจร.. และจะพอเข้าใจคร่าวๆว่า.. ตนเองมีที่มาอย่างไร
ซึ่งหากสรุปตรงนี้สั้นๆ.. ก็คือ..
(ตรงนี้ต้องขอย้ำก่อนนะ.. ว่าเป็นการอธิบายธรรมมะ
เราไม่ได้จะกล่าวหาเพศหญิง หรือเพศที่สาม หรือคุณ หรือใคร ใดๆทั้งสิ้น
เพียงแต่อธิบายที่มาตามรูปแบบของการเสวยผลกรรม..)
เพศหญิง.. คือรูปแบบหนึ่งของ "กายที่รับวิบากกรรมจากการผิดศีลกาเมในอดีตชาติ"
ซึ่งนอกจาก เพศหญิง แล้ว.. เพศที่สาม(กะเทย เกย์ ตุ๊ด ทอม ดี้ เลสเบี้ยน).. ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของ..
"กายที่รับวิบากกรรมจากการผิดศีลกาเมในอดีตชาติ" ทั้งสิ้น..
ด้วยเหตุนี้.. จึงไม่แปลก.. ที่หญิงส่วนมาก.. มักมีปัญหาอกหักรักคุดบ่อยมากๆ หาคนสมหวังได้น้อยมาก..
หญิงที่มีชีวิตคู่ที่สุข สงบ สมหวัง และไม่เคยเจอเรื่องร้ายๆมาก่อนเลยในชีวิต.. มีน้อยมาก..
ซึ่งก็คือ.. หญิงที่กำลังจะหมดวิบากกรรมกาเมแล้ว.. และใกล้จะได้เกิดเป็นชายแล้วนั่นเอง..
ซึ่งหากปรารถนาจะเกิดเป็นชาย.. หากมีสามี.. ก็ต้องปฏิบัติสามีดุจเทวดา..
และพยายามถือศีล ๘ ให้บริสุทธิ์ แล้วอธิษฐานจิต..
หรือหากไม่มีสามีก็ยิ่งง่ายขึ้น.. คือต้องพยายามถือศีล ๘ ให้บริสุทธิ์ แล้วอธิษฐานจิต..
เมื่อบุญส่วนนี้เต็มเปี่ยมก็จะสมหวังในชาติต่อๆไปชาติใดชาติหนึ่ง..
แต่หากหญิงใด.. ปรารถนาจะเกิดเป็นหญิงที่มีชีวิตสุข สงบ สมหวัง สวยรวยฉลาดสมปรารถนา แบบนางวิสาขา..
ตราบกระทั่งถึงชาติสุดท้ายก่อนไปนิพพานก็สามารถทำได้.. ด้วยการอธิษฐานเช่นกัน..
ในทำนองเดียวกัน.. สำหรับเพศที่สาม.. ก็คือต้องพยายามถือศีล ๘ ให้บริสุทธิ์ แล้วอธิษฐานจิต..
เมื่อบุญส่วนนี้เต็มเปี่ยมก็จะสมหวังในชาติต่อๆไปชาติใดชาติหนึ่ง..
ที่กล่าวมาทั้งหมด.. อาจทำให้ท่านที่เป็นหญิง หรือเพศที่สาม รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม
ทำไมถึงมากล่าวหากันว่าเพศที่ตนเป็นอยู่นั้นด้อยกว่าชาย.. แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องจริง..
เป็นความจริงข้อนึงที่เป็นธรรมชาติของวัฏฏะสงสาร..
ที่มีใครบางคน(ที่อยู่ฉากหลัง)พยายามปิดบังเราเอาไว้จากความจริงข้อนี้..
(เพราะเขาผู้นั้นกลัวกายมนุษย์หยาบที่เป็นกายมหาบุรุษ 32 ประการ..
รองลงมาคือ กายมนุษย์หยาบที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกายมหาบุรุษมากที่สุด.. รองลงมาลดหลั่นกัน..
กระทั่งถึงกายมนุษย์หยาบที่เป็นบุรุษ.. และกายมนุษย์หยาบที่เป็นสตรี.. และอื่นๆ..
แต่เอาไว้แค่นี้ก่อน.. รายละเอียดลึกๆไว้ค่อยๆศึกษาต่อไป..)
ดังนั้น.. เมื่อรู้ข้อความจริงอันนี้แล้ว.. หวังว่าคุณคงทำใจได้ในระดับหนึ่ง..
และคลายความผูกพันธ์กับเรื่องความรักลงได้บ้าง.. หากศึกษา Case Study มากๆจะพบว่า..
ความรักระหว่างมนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม.. แต่ความรักระหว่างหนุ่มสาว.. มีความเสี่ยงอยู่มากมาย..
ที่อาจทำให้ไปอบายได้.. อันนี้ต้องระวังให้จงหนัก..
ตอบข้อ 2.
ก่อนอื่นต้องปรับใจคุณก่อน.. คือ..
แม้พยายามปฏิบัติสมาธิภาวนามาในระดับหนึ่ง.. แต่ยังไม่ถึงไหน.. ก็จงอย่าท้อ..
เพลงประจำของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา.. "แม้มืดตื้อมืดมิด.. ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม.."
ใครบางคนกล่าวไว้ว่า.. "ยิ่งมืด.. ยิ่งใกล้สว่าง.."
และ ใครบางคนกล่าวไว้ว่า..
"พระพุทธเจ้า.. ท่านเพียรมา ๖ ปี.. (ก่อนหน้านั้นก็สั่งสมบารมีมา ๒๐ อสงไขยเศษ)
จึงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ.. แล้วพวกเอ็งเป็นใครมาจากไหนวะ.."
ลองศึกษาแบบอย่างการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้า.. และมหาปูชนียาจารย์..
ท่านผ่านความยากลำบากมามากมาย.. จึงได้ธรรมมะ..
หากใครก็ตาม.. ไม่ลดละความพยายามแล้วล่ะก็.. เท่ากับเขาผู้นั้น.. กำความสำเร็จเอาไว้ในมือแล้ว..
สักวันความเพียรนั้นจะต้องสัมฤทธิ์ผล.. หากไม่ได้ชาตินี้.. ก็ได้ชาติต่อๆไป..
หากยังไม่เห็นผลชาตินี้.. ก็แสดงว่าเรายังปฏิบัติมาน้อย..
หากชาตินี้มัวแต่ทดท้อ.. ถอดใจ.. เลิกไปกลางครันเสียก่อน.. แล้วเมื่อไร.. ชาติไหนจะเข้าถึงธรรมกันล่ะ..
แต่ถ้าเปลี่ยนใจใหม่.. ฮึดสู้.. ก็ไม่แน่ว่าอาจเข้าถึงธรรมภายในชาตินี้.. จริงไหม.. ?
ดังนั้น.. ต้องสู้.. จึงจะชนะ..
พอปรับใจคุณได้บ้างแล้ว.. ต่อมาก็คือวิธีการ..
ขอให้คุณศึกษาวิธีการทำสมาธิที่ถูกต้อง.. ได้จาก CD นำนั่งสมาธิของหลวงพ่อธัมมะ.. ซึ่งมีมากมายหลายชุด..
ลองพยายามทำตามนั้นรับรองว่า.. เป็นวิธีการที่ถูกต้อง..
หรืออาจจะไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ หรือสถานที่อื่นๆที่ทางวัดจัดให้..
ก็จะได้ศึกษาแนวทางที่ถูกต้องจากพระอาจารย์..
สำคัญ.. ให้เน้น สติ กับ สบาย.. และ ห้าม.. ลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง..
ขอให้คุณประสบความสำเร็จทั้งชีวิตทางโลกและทางธรรม
สาธุ สาธุ สาธุ..

ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#7
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 09:38 PM



ไฟล์แนบ
#8
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 10:03 PM
ทุกข์แล้วมองหาธรรมะ นับว่าเป็นบัณฑิตค่ะ....
บางคน ทุกข์แล้ว ทำร้ายตัวเอง ไปจมกับอบายมุข
***************************************
ต่อไปจะพูดตามความจริงที่มองเห็นค่ะ....(อย่าหาว่าสอนนะคะ)
ชีวิตคู่ ก็เหมือน กำไล 2 อันที่ข้อมือเดียวกัน
แรกๆฟังเสียงกำไลกระทบกัน อาจรู้สึก เพลิน ฟังไพเราะ
นานวันเข้า กำไลที่มันกระทบกันทุกวัน วันละหลายๆรอบ
มันก็เริ่มจะเริ่มทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกรำคาญเสียง อยากจะขว้างทิ้ง
พอหันไปดูที่กำไล ก็พบว่ามันมีร่องรอยขีดข่วนจากการกระทบกระทั่งกัน
ข้อมือ ก็เป็นรอย
ยิ่งอยู่ไปนานๆ ก็จะยิ่งเห็นทุกข์
ชีวิตคู่ที่ไม่มีทุกข์ ไม่มีเลย อยู่ที่ว่า เรามองเห็นตามความจริงหรือไม่ว่า
มันเป็นความทุกข์ในคราบความสุข มิใช่ความสุขแท้เลย
เพียงแค่เพลินๆ คลายเหงา ทำให้ใจคล้อยตามไปเหมือนการดื่มกาแฟอันหอมกรุ่น กลิ่นละมุน รสนุ่มลิ้น
หากว่า.....ดื่มมากไป ก็นอนไม่หลับ
....ดื่มมากไป ก็ใจสั่น ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
....ดื่มมากไป นานวันเข้า ไขมันในเลือดก็สูง ป่วยไข้เป็นโรคตามมามากมาย
วันไหนไม่ได้ดื่ม....... ก็อยากจะดื่ม
พออยากจะเลิกดื่ม หลังจากติดมานาน ก็จะปวดหัว ...อย่างรุนแรงไป 3-4 วัน
การเอาครัวมาครอบก็อย่างนี้แหละค่ะ
จึงเรียกว่า "ครอบครัว" ครอบความทุกข์เอาไว้
ยังไม่เห็นด้วย หรือคะ
หรือว่า ยังไม่คลายทุกข์.....
งั้นขออาราธนาคำสอนของหลวงพ่อทัตตชีโว ที่ได้ยินทาง DMC เมื่อบ่ายนี้มาให้ฟังค่ะ
แต่ขอเลือกมาเป็นบางประโยคค่ะ
ท่านว่า "อยู่คนเดียวได้ไหม"
และขออาราธนาคำสอนของคุณครูไม่ใหญ่ค่ะ...
" เข็ด หรือ ยังล่ะลูก.... เข็ดหรือยังล่ะลูก..."
" ให้เจ็บถาวร อย่าเจ็บชั่วคราว ......แล้วก็อย่ามีใหม่อีกแล้วกัน"
ส่วนคำพูดของดิฉันเอง....
"ประพฤติพรหมจรรย์ เถิดค่ะ จะได้ตัดรอนวิบากกกรรมกาเมที่เสวยอยู่"
ทุกข์ที่คุณประสบมันค่อยๆ ก่อตัว
แน่นอนค่ะว่า.........
สุขที่หวังว่ามันจะมี มันจะเกิดมาได้ ....... มันก็ต้องอาศัยเวลาให้ตาสว่าง เช่นกัน....
เคยฟังเพลง "คนกลางกาย" ป่าวคะ....
ตอนนี้ ความอยากทุกข์มันเร่งให้อยากพบความสุขจากสมาธิภาวนา....หวังว่ามันจะเยียวยาใจได้
แต่ความสุขจากสมาธิภาวนา ไม่สามารถพบได้จากใจที่ทะยานอยาก อย่างที่เป็นอยู่นะคะ.....
มันบิดเบี้ยวไปนิด.....
สมาธิจะเกิดความสุขได้ ต้อง ปล่อยวางได้ระดับหนึ่ง
อย่างน้อยก็วางใจที่ทุกข์ไว้ข้างๆ ตัวก่อน อย่าพกพามันเข้าไปทำสมาธิด้วยค่ะ
หากอยากจะนึกถึงมัน เมื่อออกจากสมาธิแล้วก็นึกถึงมันแต่พอสมควร
คิดแล้วทุกข์ แปลว่า คิดผิด
คิดแล้ว ไม่ได้แก้ปัญหา ก็แปลว่า คิดผิด
สรุป ...... ไม่คิดได้ไหม หยุด อยู่ เฉยๆ ได้ไหม......
จงเชื่อมั่นว่า เราต้องทำได้
ทุกข์ในวันนี้ เพราะเราก่อไว้เอง หลายชาติก่อน จะมาทุกข์ทำไม แทนที่จะยอมรับ แล้วแก้ไข....
แก้ไขอย่างไร....
ทางแก้....คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด สร้างบุญบารมีให้สะบั่นหั่นแหลก.... อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เพราะมีเพียงบุญเท่านั้นที่จะลดทอน บาปอกุศลกรรม ที่เรากำลังเสวยอยู่ได้
ลองสู้ดูอีก (หลายๆ) ทีนะคะ.........
" แค่ชีวิตซิ " แทนที่จะเสียชีวิตให้กับความทุกข์
ทำไมไม่เสียชีวิตให้กับการปฏิบัติธรรมดูบ้าง
นั่งธรรมะ มันทั้งคืน ติดต่อกัน 5 คืนไปเลยค่ะ......

ปล.
1.หวังว่าคงไม่โหดร้ายเกินไป กับถ้อยคำที่มาจากใจนะคะ.....
2.แนะนำให้ click ที่นี่ค่ะ http://www.dokmaiban.../main/index.php
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#9
โพสต์เมื่อ 16 September 2008 - 10:13 AM
ไฟล์แนบ
#10
โพสต์เมื่อ 16 September 2008 - 10:19 AM

#11
โพสต์เมื่อ 16 September 2008 - 02:41 PM
#12
โพสต์เมื่อ 16 September 2008 - 04:24 PM
หากยากจน ไม่มีอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคก็ทุกข์
แม้มีแล้ว แต่อาจไม่มีทรัพย์ที่จะรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ได้ เช่น ผ่อนบ้านไม่ทัน บ้านจะถูกยึด ก็ทุกข์
หรือมีฐานะหน่่อยไม่มีปัญหาปัจจัย 4 แต่ก็จะต้องประสบทุกข์ในรูปแบบอื่นๆ อีก เช่น ทุกข์จากการพรัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ทุกข์จากการประสบสิ่งอันไม่เป็นที่รัก
เมื่อไหร่หนอ ทุกข์ทนเหล่านี้ จะหมดสิ้นไปจากใจมนุษย์และสรรพสัตว์เสียที
#13
โพสต์เมื่อ 16 September 2008 - 07:36 PM
จะต้องทำใจปล่อยวางให้ได้
ตั้งใจไว้แล้วล่ะ
วันไหนวางก็เบา เบา
คิดมาก ก็ทุกข์อีก
แต่มุ่งมั่นแล้วค่ะ
ต้งใจสมัครไปพณาวัฒน์ แต่ปีน้เต็มแล้ว จะไปแน่ๆค่ะ
ตแนนี้นั่งที่บ้าน และที่วัดค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ มากๆๆๆ
#14
โพสต์เมื่อ 16 September 2008 - 09:21 PM
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#15
โพสต์เมื่อ 16 September 2008 - 11:24 PM
#16
โพสต์เมื่อ 17 September 2008 - 12:09 AM
บางทีไม่เต็มหรอกค่ะ ยอดจองเต็มแต่ไปจริงๆ ไม่เต็มค่ะ
ให้โทรไปถามตามเบอร์โทรศัพท์ใน web ของดอกไม้บานอีกทีช่วงที่จะไปใกล้ๆค่ะ
หากพนาวัฒน์เต็ม ก็มีที่ ภูเรือ ค่ะ คนน้อยกว่าค่ะ แต่อาจเต็มเร็วกว่า
นั่งสมาธิที่บ้าน กับ วัด ก็ดีค่ะ
แต่นั่งในโครงการปฏิบัติธรรมพิเศษ มีความพิเศษ เหลือเชื่อกว่านั้นค่ะ
เพราะหลวงพ่อได้เดินเท้าเสาะหาที่ไว้ให้ลูกๆ ปฏิบัติธรรม จนขาเจ็บ เกือบตกเขาด้วยนะคะ
พระอาจารย์ เจ้าหน้าที่ อาหาร บรรยากาศ เหมาะที่จะพักกาย พักใจ และ เติมกำลังใจ ปลอบใจตัวเราที่เหนื่อยมามากๆ ได้ดีจริงๆ ค่ะ......
ลองดูนะคะ..
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#17
โพสต์เมื่อ 19 September 2008 - 04:32 PM
แท้ถาวรดีกว่าไม่ต้องเสียเงิน หลับตาเบาๆ สบายๆ นำพาเราไปสวรรค์อีก มาเถอะมาทำชวิตให้สว่างไสวด้วยแสงธรรมดีกว่า
#18
โพสต์เมื่อ 24 September 2008 - 01:22 PM
ขอขอบคุณจริงๆ ค่ะ ทุกๆคนเลย มีน้ำใจมากๆ