
เชื่อเถอะคุณทำได้
.....กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญจริงๆครับ สำหรับการที่เราจะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา ไปได้
ยามใดที่กำลังใจอ่อนล้า แม้ยกช้อนตักอาหารเข้าปากเพื่อประทังชีวิตของเราเองนั้น บางที
ยังหมดเรี่ยวหมดแรงที่จะทำได้ แต่ถ้าหากมีใจสู้ แม้สองมือสองขาและลำตัวขยับไม่ได้
ยังสามารถเขียนหนังสือเป็นตำรับตำราได้เป็นเล่มๆ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะกำลังใจนี่แหละครับ
สำคัญที่สุด
.....ประเด็นของผู้ที่เขียนหนังสือด้วยการกระพริบตา ผมได้ฟังมานานแล้วครับ
จับความคราวๆ ได้ว่าผู้ป่วยขยับเนื้อตัวไม่ได้เลย เขาเขียนหนังสือด้วยการกระพริบตา
ตอบรับจากผู้ที่ทำหน้าที่เขียนแทนให้เขา เรื่องนี้ผมให้คะแนนเต็มทั้งผู้ที่ทำหน้าที่เขียน
และผู้ป่วยหัวใจเพชรท่านนี้เลยครับ ผิดกับผู้ป่วยที่ผมฟังมาอีกสองราย ต้องบอกก่อนว่า
แรกๆ กำลังใจก็ไม่มีหรอกครับ แต่เมื่อสถานการณ์บังคับ จึงทำให้ผู้ป่วยสองรายนี้พิสูจน์
ได้ด้วยตัวเองว่า เขาทำได้
.....เรื่องมีอยู่ว่า ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งมีความรู้สึกว่า ตัวเองเดินไม่ได้ ไม่ว่าใคร
จะพูดจะทำอย่างไร ก็ยืนยันว่าตนเองเดินไม่ได้ และในที่สุดก็ลงความเห็นว่าเขาคงเดิน
ไม่ได้แล้ว
.....แต่พอมาวันหนึ่ง จะเรียกว่าบุญบันดาลหรือสถานการณ์พาไปก็ได้ครับ สิงห์โต
ของคณะละครสัตว์เกิดหลุดจากกรงขัง แล้วมันก็เข้ามาในโรงพยาบาล มันก็เที่ยวเดินสำรวจ
ไปจนทั่ว ซึ่งในเนื้อเรื่องที่ผมฟังมาไม่ได้แจ้งไว้หรอกครับว่ามีผู้ป่วยที่กำลังใกล้ถึงคราว
เห็นสิงห์โตตัวนั้นแล้วช็อคตายไปกี่ราย บอกแต่เพียงว่า เจ้าสิงห์โตตัวนี้มันแวะไปทักทาย
ห้องของผู้ป่วยรายนั้นด้วย ทันทีที่ตาต่อตาของหนึ่งคนกับหนึ่งสิงห์โตได้ประสานกัน
ความคิดที่บอกตัวเองและผู้อื่นว่าเดินไม่ได้กลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาวิ่งหนีสิงห์โต
จนลืมป่วย อย่างนี้เขาเรียกว่าต้องใช้สถานการณ์เข้าช่วย กำลังใจจึงกลับมารวบรวม
ให้เดินได้อย่างอัศจรรย์
.....ส่วนอีกรายเป็นภรรยาของนายทหารเรือ เดินไม่ได้เช่นกันไปขอความช่วยเหลือ
จากอาจารย์พูน ซึ่งชาวบ้านยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งคลองขุนศรี อยู่ในกรุงเทพ
เรานี่แหละครับ ท่านตอบตกลงพร้อมทั้งให้ไปเอากะทะใบบัวเคี่ยวน้ำมันมะพร้าวจนเดือด
แล้วทำทีเป็นท่องมนต์ให้พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์พอได้เวลาก็ให้สามีไปอุ้มภรรยาที่ป่วยอยู่มา
เพื่อรักษา เมื่อมาถึงท่านก็สั่งให้โยนภรรยาลงไปในกระทะ สิ้นคำอาจารย์ ภรรยาร้อง
ตกใจกระโดดลงจากอ้อมแขนสามี และวิ่งไปตั้งหลัก พร้อมทั้งด่าทอยกใหญ่ ลืมไปว่า
ตนนั้นเดินไม่ได้ สุดท้ายจึงรู้ว่ามันเป็นเพราะใจคิดเอง เมื่อได้พบกับสถานการณ์เหมือน
จะต้องตายแล้ว จึงเดินและวิ่งได้อย่างที่เล่านี่แหละครับ
นายตั้ม
ปล. ฉลองโพสที่ 1334