ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

น้ำปัสสาวะรักษาโรคจริงไหม


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 12 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 131072

131072
  • Members
  • 237 โพสต์
  • Gender:Not Telling

โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 11:28 AM

น้ำปัสสาวะรักษาโรคจริงไหมค่ะ

#2 ลูกอินทรีย์หัดบิน

ลูกอินทรีย์หัดบิน
  • Members
  • 369 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 04:35 PM

อาจจะจริงก็ได้ ครับ ต้องถามพวกเภสัชดู แต่จะหายได้หรือไม่ได้ขึ้นอยุ่กับ สารในนั้น

แต่ก็ขึ้นอยุ่กับ บุญบาปในตัวอยุ่เบื้องหลังครับ

จะเจอยาดี หมอดี รึอยู่ ๆ ก็หายได้ เพราะกรรมหมด หรือมีบุญเป็นเหตุเบื้องหลังให้เจอเหตุในปัจจุบันที่ทำให้หายได้

รายการชีวิตในสังสารวัฏ

ยืนยันตัวจริงเสียงจริงเจ้าของกรณีศึกษากฎแห่งกรรม

http://video.dmc.tv/programs/life_in_samsara/page5.html


หนังสือเรียนธรรมะ DOU           http://book.dou.us/d...ya-book-gl.html

GL 101 จักรวาลวิทยา                            http://book.dou.us/gl101.html
GL 102 ปรโลกวิทยา                              http://book.dou.us/gl102.html
GL 203 กฎแห่งกรรม                             http://book.dou.us/gl203.html
GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์           http://book.dou.us/gl305.html


#3 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 05:55 PM

บุญคือยาดีที่สุดในโลกครับ

#4 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 06:32 PM

จริงค่ะ

ตามพระไตรปิฎก

แต่ขอยกเอา

วิชา สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฎก(บทที่ บทที่ 11 แพทยศาสตร์ในพระไตรปิฎก) มานะคะ



11.3.3 ยารักษาโรคในพระไตรปิฎก
ยารักษาโรคในพระไตรปิฎกเป็นยาที่ได้จากธรรมชาติโดยตรง ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติสามารถนำมาใช้เป็นตัวยาได้ทั้งหมด หากเรารู้คุณสมบัติในส่วนที่เป็นยาของมัน ครั้งหนึ่งหมอชีวกโกมารภัจจ์ถือเสียมเดินไปรอบเมืองตักกสิลาเป็นระยะทาง 1 โยชน์ เพื่อต้องการหาว่ามีสิ่งใดบ้างที่ไม่อาจจะนำมาทำเป็นยาได้ แต่ท่านไม่พบสิ่งนั้นเลย จากเรื่องนี้จึงอาจจะกล่าวได้ว่า "สรรพสิ่งในธรรมชาติสามารถนำมาทำยาได้หมด" สำหรับยาต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกและอรรถกถานั้น สามารถแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ดังนี้ คือ น้ำมูตรเน่า, เภสัช 5, สมุนไพร, เกลือ, ยามหาวิกัฏ และ กลุ่มเบ็ดเตล็ด

1) น้ำมูตรเน่า
มูตร แปลว่า น้ำปัสสาวะ คำว่า"น้ำมูตรเน่า" ก็คือน้ำมูตรนั่นเอง เพราะร่างกายของคนเราได้ชื่อว่าเป็นสิ่งเปื่อยเน่า น้ำมูตรที่ออกมาใหม่ๆ และรองเอาไว้ในทันทีทันใด ก็ได้ชื่อว่าเป็นน้ำมูตรเน่าเพราะออกมาจากร่างกายที่เปื่อยเน่า
การนำน้ำมูตรเน่ามาทำเป็นยาจะทำโดยวิธีการดองด้วยตัวยาอื่นๆ เช่น สมอ เป็นต้น จึงมักจะเรียกว่า "ยาดองน้ำมูตรเน่า" ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาโรคต่างๆได้หลายชนิด
น้ำมูตรเน่าเป็นยารักษาโรคหลักของพระภิกษุในสมัยพุทธกาล เป็นหนึ่งใน "นิสสัย 4Ž ที่พระภิกษุจะต้องใช้เป็นประจำ ซึ่งพระอุปัชฌาย์จะบอกในวันบวชว่า "ให้อยู่โคนไม้เป็นวัตร บิณฑบาตเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร และฉันน้ำมูตรเน่าเป็นยา" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า "บรรพชาอาศัยมูตรเน่าเป็นยา เธอพึงทำอุตสาหะในสิ่งนั้นตลอดชีวิต..." และพระองค์ยังตรัสว่า น้ำมูตรเน่านั้นเป็นของหาง่าย และไม่มีโทษ


ที่มา : http://main.dou.us/v...s_id=308&page=5

หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#5 yebo

yebo
  • Members
  • 64 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 08:07 PM

ดูเหมือนว่าเจ้าของกระทู้นี้ คุณบุญเกิด ก็เคยถามไว้แล้วในกระทู้ข้างล่างนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว จากกระทู้นี้
V
V
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=15262

และกระทู้ข้างล่างนี้ ได้พูดถึงยาหรือโอสถวิเศษของพระพุทธเจ้า น่าศึกษาครับ
V
V
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2822

เท่าที่ศึกษามา พบว่าการใช้ปัสสาวะเป็นการรักษาโรคนั้น เป็นส่วนหนึ่งของคำบอกอนุศาสน์ในพิธีอุปสมบทที่พระอุปัชฌาย์จะต้องบอกนิสสัย 4 ประการ ให้แก่พระบวชใหม่

นิสสัย 4 คืออะไร ? นิสสัย 4 แปลว่า เครื่องอาศัยของบรรพชิตอันได้แก่

1) ปิณฑิยาโลปโภชนะ คือ โภชนาหารที่ได้มาด้วยกำลังปลีแข้ง หรือ เดินบิณฑบาตนั่นเอง
2) บังสุกุลจีวร คือ ผ้าที่เข้าทิ้งตามกองขยะหรือตามป่าช้า แสดงถึงชีวิตที่สมถะเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย
3) รุกขมูลเสนาสนะ คือ การอาศัยโคนไม้
4) ปูติมุตตเภสัช คือ ยาดองจากน้ำมูตรเน่าหรือน้ำปัสสาวะ เข้าใจว่าอาจจะเป็นพวกสมุนไพร ผัก ผลไม้นำมาดอง ไม่ได้ดื่มสดๆ เพียวๆ (อันนี้ตามความเข้าใจของผู้โพสต์)

พระพุทธเจ้าทรงกำหนดให้พระภิกษุยังชีพโดยอาศัยสิ่งเหล่านี้ โดยกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า

"ปูติมุตตะเภสัชชัง นิสสายะ ปัพพัชชา ตัตถะ เต ยาวะชีวัง อุสสาโห กะระณีโย อะติเรกะลาโภ สัปปิ นะวะนีตัง เตลัง มะธุ ผาณิตัง"

หากจะให้วิเคราะห์จากนิสสัย 4 ประการนี้ ก็น่าจะมาจากพระพุทธประสงค์ที่ต้องการให้พระภิกษุดำรงชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัดสุด ประโยชน์สูง ใกล้ชิดธรรมชาติ และได้ออกกำลังกายด้วยตนเอง

จากที่ได้ศึกษามา นอกจากในพระพุทธศาสนาที่บันทึกเรื่องนี้ไว้ ก็พบว่าการดื่มปัสสาวะรักษาโรค ที่ได้การยอมรับมากๆ ก็จากประเทศในซีกโลกตะวันออกคือแถบเอเชียบ้านเรา เริ่มที่วงการแพทย์แผนจีนถือว่า น้ำปัสสาวะของเด็กทารกเป็นยาบำรุงอย่างดีสำหรับคนผอมแห้งแรงน้อย หรือเป็นตาลขโมย แพทย์แผนไทยใช้น้ำปัสสาวะเป็นกระสายยา ดองเภสัชสมุนไพรหลายชนิด ส่วนในประเทศอินเดียนิยมการดื่มน้ำปัสสาวะทั้งส่งเสริมสุขภาพและรักษาโรค ยกตัวอย่างวิชาโยคะมีกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อล้างพิษในร่างกายด้วย

แต่ว่า คำสอนนิสสัยข้อที่ 4 ที่ว่าด้วยการดืมปัสสาวะเป็นยารักษาโรคนี้ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างกว้างขวางในหมู่แพทย์ทั่วโลก ทั้งแพทย์ปัจจุบัน และแผนโบราณ
โดยเฉพาะในประเทศไทย เมื่อ พุทธศักราช2546 เกือบสิบปีมาแล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศมาฉบับหนึ่งว่า ปัสสาวะคือของเสีย ไม่มีสารที่เป็นประโยชน์ รักษาโรคไม่ได้ ความเชื่อเรื่องนี้เป็นค่านิยมผิดๆ

เร็วๆ นี้ได้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวเทศน์ทาง DMC ในเรื่องนี้พอดี ท่านบอกตอนหนึ่งว่า ข้อปฏิบัติหนึ่งในสี่ประการในนิสสัยสี่ที่ว่าด้วยการดื่มน้ำปัสสาวะนั้น ความจริงถือว่าปัสสาวะเป็นส่วนหนึ่งของของเสียในร่างกาย เมื่อเราดื่มกลับเข้าไป น่าจะไปเป็นตัวไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารต้านพิษขึ้นมาในร่างกายในลักษณะเดียวกันกับที่ปัจจุบันแพทย์ใช้วิธีการฉีดวัคซีน หรือพิษต้านพิษฉีดให้เรามีภูมิต้านทานโรคนั่นเอง

แต่ไม่ใช่ว่า โรคทุกโรคจะรักษาได้หมดด้วยปัสสาวะ เพราะโรคภัยไข้เจ็บมาจากส่วนหนึ่งคือพฤติกรรมการดูแลรักษาในปัจจบัน และส่วนหนึ่งวิบากกรรมในอดีตด้วย

#6 Defilement Destroyer

Defilement Destroyer
  • Members
  • 274 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 08:39 PM

โรคนั้นเกิดจากหลายสาเหตุครับ อกุศลกรรก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีผลมากที่สุด แต่ก็มีปัจจัย อื่นๆ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้คือ การบริหารร่างกายไม่สม่ำเสมอ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ เป็นต้นนะครับ ่สวนเรื่องน้ำปัสสวะ ก็คล้ายกับที่คุณ yebo บอกหนะครับ เหมือนกับการที่ร่างกายเราสร้างเซรุ่ม ขึ้นมาจากการกินปัสสาวะ แต่ปัสสาวะ ที่กินต้องมาหลังจากกินน้ำเข้าไปนะครับ ส่วนมากตอนเช้าจะดี ไอ้ที่เหลืองๆนั้น ไม่ควรกินนะครับ เพราะมีสารปนมามากไป ควรกินชุดที่ 2 ที่ใสๆ ถ้ารู้สึกไม่สบาย กิน 2- 3 ครั้ง จะดีขึ้นนะครับ ที่กินได้ 2-3 ครั้งเพราะกินไปไม่เกิน 5 นาทีมันก็ออกมา ไอ้ที่กินเข้าไปกับที่ออกมามันคนละตัวกันแล้วนะครับ มันจะสร้างตัวต้านทานด้วยวิธีนี้ อันนี้จะได้ผลในกรณีที่เป็นไข้ เพราะเชื้อไวรัสไม่มียาที่สามารถ ฆ่าได้นะครับ มีแต่ยาที่กระตุ้นร่างกายทางอ้อม จนสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง อันนี้ได้ฟังประสบการณ์ตรงจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ น้ำมูตรเน่าก็คือปัสสาวะ นะแหละครับ สมัยพุทธกาล หายายากยิ่งพระธุดงค์ด้วยแล้ว พระพุทธองค์เลยให้ยาพิเศษที่ได้จากร่างกายเราแหละครับ ส่วนเรื่องการวิจัยทางการแพทย์นั้น ก็มีทฤษฏีมาเรื่อยละครับ เช่นการกินนมมีประโยชน์ แต่มีบางประเทศห้ามกินนมเพราะมันมีผลเมื่อแก่ตัวมา โครงสร้างกระดูกจะผิดปรกติ ตอนนี้สิงคโปร์มีกฎหมายห้ามกินนมโค ไปแล้วนะครับ การอ่านหนังสือในที่แสงไม่พอจะทำให้สายตาเสีย อันนี้ก็เข้าใจผิด เพราะมีผลแค่ทำให้ตาพร่าชั่วขณะ แต่ไม่เกี่ยวกับสายตาเสียครับ ทฤษฎี ก็มีมาเรื่อย ส่วนตัวผมเชื่อพระพุทธเจ้าครับ ท่านไม่ตรัสสิ่งที่ไม่เป็นจริงและไม่มีประโยชน์แน่นอนครับ
ภูเขาศิลาล้วนย่อมตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวเพราะแรงลมฉันใด
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)

#7 131072

131072
  • Members
  • 237 โพสต์
  • Gender:Not Telling

โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 09:28 PM

อ๋อ คุณyebo ใช่ค่ะดิฉันเคยถามมาก่อนแล้วค่ะ

แต่ว่าหลายวันที่ผ่านมาไปอ่านเจอหนังสือสุขภาพที่หลวงพ่อทัตตะเขียนไว้

ก็เลยอยากรู้ข้อมูลอีกค่ะว่าจริงไหม

แต่ก็ไม่กล้าดื่มหรอกค่ะ อิอิ



#8 บุญหลาย

บุญหลาย
  • Members
  • 159 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 July 2009 - 01:19 AM

อนูโมทนากับธรรมดีๆด้วยนะครับ สาธุ
"พรุ่งนี้โลกก็เปลี่ยนแปลงแล้ว"


#9 เด็กน้อย...หัดเดิน

เด็กน้อย...หัดเดิน
  • Members
  • 237 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 July 2009 - 11:20 AM

เคยอ่านในหนังสือ ของ มหาวิทยาลัย DOU อ่ะค่ะ
เขาบอกว่า จริง ค่ะ
รักษาได้จริง

อ้้างอิงตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ
วิชา GB 410
การรักษาสุขภาพตามพุทธวิธี

http://main.dou.us/v...s_id=254&page=7

ดีมากมากค่ะ

#10 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 July 2009 - 11:31 AM

จริง...น่าจะยังคงใช้อยู่ในแวดวง พระธุดงภ์

แต่ในสังคมเมือง มีทางเลือกอื่นครับ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#11 ดอกบัวบาน

ดอกบัวบาน
  • Members
  • 7 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 July 2009 - 11:00 AM

จริงหรอเนี่ย











งั้นต้งลองกินกันหรือเปล่านะ
.










#12 ใจใสปิ๊งปิ๊ง

ใจใสปิ๊งปิ๊ง
  • Members
  • 75 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 July 2009 - 10:43 AM

จิงจิงค่ะน้ำปัสสาวะรักษาโรคได้ค่ะมีพระองค์หนึ่งอย่ที่จ.จันทบุรีท่านแต่งหนังสือออกมาเรื่องน้ำปสสาวะรักษาโรคได้เพราะท่านได้ทดลองเอง
นามปากกาของท่าน "บัวใต้น้ำ"
ตั้งใจมากได้บุญมาก

#13 บุญเชื่อม

บุญเชื่อม
  • Members
  • 68 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 August 2009 - 09:47 PM

omg_smile.gif omg_smile.gif omg_smile.gif