ที่กล่าวว่า "มารดาคือพระอรหันต์ของลูกนั้น" เป็นอุปมาอุปมัย หรือหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ เช่น หากคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกๆ มาทำบุญ(หมายถึงการดูแล ปรนนิบัติ)กับคุณแม่ของเรา คนๆนั้นก็ยังไม่ชื่อว่าทำบุญกับพระอรหันต์ แต่ถ้าเป็นลูกๆของคุณแม่ จึงจะได้ชื่อว่า ได้ทำบุญกับพระอรหันต์ ซึ่งถือเป็นบุญมหาศาลเทียบเท่ากับได้ทำบุญกับพระอรหันต์จริงๆ ใช่หรือไม่ ขอท่านผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยครับ อนุโมทนา สาธุ

สงสัยนิดๆ
เริ่มโดย N22, Aug 14 2009 07:33 PM
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 07:33 PM
#2
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 08:17 PM
ถูกต้องครับ ลูกทำบุญกับพ่อแม่ ได้อานิสงส์เหมือนทำกับพระอรหันต์ เพราะบุญคุณของพ่อแม่ มีมากจนไม่อาจทดแทนได้ ด้วยอามิสใดๆ จะทดแทนได้กรณีเดียวคือ ทำให้ท่านมีพระรัตนตรับเป็นที่พึ่ง
ในทางกลับกัน อนันตริยกรรม 5 ประการที่ใครทำล้วนต้องตกนรกเเวจีสถานเดียว คือ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำสงฆ์แตกแยก ทำพระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต
เห็นไหมครับ ทำบาปกับพ่อแม่ได้ผลในระัดับเดียวกันกับพระอรหันต์ ดังนั้นในทางบุญก็ไม่ต้องสงสัย ได้บุญในระดับเดียวกันเช่นกัน
ในทางกลับกัน อนันตริยกรรม 5 ประการที่ใครทำล้วนต้องตกนรกเเวจีสถานเดียว คือ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำสงฆ์แตกแยก ทำพระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต
เห็นไหมครับ ทำบาปกับพ่อแม่ได้ผลในระัดับเดียวกันกับพระอรหันต์ ดังนั้นในทางบุญก็ไม่ต้องสงสัย ได้บุญในระดับเดียวกันเช่นกัน
#3
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 09:38 PM
พระในบ้านคือเนื้อนาบุญของครอบครัว
พระในตัวคือเนื้อนาบุญของเรา
พระในตัวคือเนื้อนาบุญของเรา

เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
#4
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 11:13 PM
โดยปกติเราบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพุทธคุณ อันประกอบด้วย พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ พระกรุณาคุณ
มารดา บิดา เป็นผู้ให้บริสุทธิคุณต่อบุตร(ไม่หวังสิ่งใดใดตอบแทน)...จึงเปรียบท่านประดุจเป็นพระอรหันต์ในบ้าน
1. เป็นต้นพิมพ์กายมนุษย์ให้ได้เกิดมาสร้างบารมี...แม้ท่านทั้งสองไม่ได้เลี้ยง...เพียงแค่นี้ก็ไม่สามารถทดแทนคุณได้หมด...
2. ยามที่บุตรช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ท่านทั้งสองก็มิได้ทอดทิ้ง จัดหาอาหาร ชำระล้างปฏิกูล เฝ้าระวังอันตรายให้
3. บางครั้งท่านต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้บุตรอิ่มก่อนเสมอ
4. ให้บุตรได้รับการศึกษา หาโรงเรียน อาจารย์ดีๆให้
5. หาเพื่อนที่ดีให้ เพื่อได้ห่างไกลจากคนพาล
...ทราบแล้ว...ดังนั้นแทบเท้าของท่าน จึงเป็นต้นทางสวรรค์ของลูกๆทุกคน
มารดา บิดา เป็นผู้ให้บริสุทธิคุณต่อบุตร(ไม่หวังสิ่งใดใดตอบแทน)...จึงเปรียบท่านประดุจเป็นพระอรหันต์ในบ้าน

1. เป็นต้นพิมพ์กายมนุษย์ให้ได้เกิดมาสร้างบารมี...แม้ท่านทั้งสองไม่ได้เลี้ยง...เพียงแค่นี้ก็ไม่สามารถทดแทนคุณได้หมด...
2. ยามที่บุตรช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ท่านทั้งสองก็มิได้ทอดทิ้ง จัดหาอาหาร ชำระล้างปฏิกูล เฝ้าระวังอันตรายให้
3. บางครั้งท่านต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้บุตรอิ่มก่อนเสมอ
4. ให้บุตรได้รับการศึกษา หาโรงเรียน อาจารย์ดีๆให้
5. หาเพื่อนที่ดีให้ เพื่อได้ห่างไกลจากคนพาล


ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#5
โพสต์เมื่อ 15 August 2009 - 05:47 AM
พระอรหันต์ คือ ผู้ที่ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง และมีความบริสุทธิ์ใจต่อสัพสัตว์ทั้งหลาย มีความปราถนาดีกับสัพสัตว์ด้วยความจริงใจ
ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่หวังอะไรตอบแทนผู้ใดมีทุกข์ก็อยากจะให้พ้นทุกข์ ผู้ใดมีสุขก็อยากให้มีสุขยิ่งๆขึ้นไป...และท่านก็อยากที่จะให้
สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากทุกข์เช่นเดียวกับท่าน....นี้คือนำใจของพระอรหันต์
มารดา..มีน้ำใจเช่นนี้ต่อบุตรในอุทร...จึงเปรีบมารดาว่าเป็นพระอรต์ของบุตรค่ะ..
ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่หวังอะไรตอบแทนผู้ใดมีทุกข์ก็อยากจะให้พ้นทุกข์ ผู้ใดมีสุขก็อยากให้มีสุขยิ่งๆขึ้นไป...และท่านก็อยากที่จะให้
สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากทุกข์เช่นเดียวกับท่าน....นี้คือนำใจของพระอรหันต์
มารดา..มีน้ำใจเช่นนี้ต่อบุตรในอุทร...จึงเปรีบมารดาว่าเป็นพระอรต์ของบุตรค่ะ..


#6
โพสต์เมื่อ 15 August 2009 - 10:18 AM
อนุโมทนาบุญกับทุกคำตอบครับ... ถ้างั้น ใครที่ยังมีโอกาสทำบุญกับพระอรหันต์ ซึ่งคงหายากยิ่งในยุคนี้ ก็รีบขวนขวายนะครับ ก่อนที่พระอรหันต์ของท่านจะไม่อยู่เป็นเนื้อนาบุญในบ้านให้กับท่านอีก...
#7
โพสต์เมื่อ 15 August 2009 - 04:43 PM
อีกประการหนึ่ง ต้นแบบสำคัญยิ่ง สรรพสัตว์ใดก็ตาม ที่กำลังจะไปเกิดใหม่ หากไม่ได้ต้นแบบที่เป็นมนุษย์ (บิดามารดา เป็นมนุษย์) ย่อมหมดโอกาสทำความดี เช่น ไปได้ต้นแบบบิดามารดา เป็น สุนัข แมว ฯลฯ ก็หมดโอกาสทำความดี
ดังนั้น ต้นแบบที่ให้กายมนุษย์แก่เรามา (บิดามารดา) จึงได้ชื่อว่า มีพระคุณยิ่งใหญ่มหาศาลสุดจะนับจะประมาณได้ทีเดียวเชียวครับ
ดังนั้น ต้นแบบที่ให้กายมนุษย์แก่เรามา (บิดามารดา) จึงได้ชื่อว่า มีพระคุณยิ่งใหญ่มหาศาลสุดจะนับจะประมาณได้ทีเดียวเชียวครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร