คือผมจะบวชเป็นสามเณรครับ ผมสงสัยว่าสามเณรสามารถคุยถึงเรื่องการปฏิบัติธรรมของตนเองได้ไหมครับ? แบบว่าตัวผมเองปฏิบัติได้ส่วนหนึ่งครับและปฏิบัติได้จริง ไม่ทราบว่าบอกเรื่องแบบนี้จะเป็นการอวดตนหรือไม่? อย่างไร? ผิดเป็นอาบัติหรือไม่อย่างไร? แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่อยากทราบคือ ที่นี้มีการทำวิชชาหรือเปล่า? เพราะหลายคนท้วงติงมาว่าที่นี้ไม่เห็นสอนระดับวิชชาธรรมกายชั้นสูงให้ จึงไม่มาทีนี้อีกจึงไปที่อื่น

ผมกำลังจะบวชเป็นสามเณร ผมอยากทราบ?
#1
โพสต์เมื่อ 15 June 2014 - 12:38 PM
#2
โพสต์เมื่อ 15 June 2014 - 03:40 PM
คือผมจะบวชเป็นสามเณรครับ ผมสงสัยว่าสามเณรสามารถคุยถึงเรื่องการปฏิบัติธรรมของตนเองได้ไหมครับ? แบบว่าตัวผมเองปฏิบัติได้ส่วนหนึ่งครับและปฏิบัติได้จริง ไม่ทราบว่าบอกเรื่องแบบนี้จะเป็นการอวดตนหรือไม่? อย่างไร? ผิดเป็นอาบัติหรือไม่อย่างไร?
ตอบคำถาม ด้วยคำถาม ในพระพุทธศาสนาถือเจตนาเป็นหลัก การที่เราจะคุยเรื่องผลการปฏิบัติธรรมนั้น คุยเพื่ออะไร กับใคร นี่คือสิ่งที่เราต้องไตร่ตรอง เพราะเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนซับซ้อนมากกว่าที่ท่านเข้าใจ
กับตัวเรา เราปฏิบัติได้จริง การพูดออกไป ไม่ถือเป็นการโกหก ผิดวินัย แต่ปัญหาอยู่ตรงความจริง นั้นคือ ความจริงแค่ไหน ถ้าเราพูดจริงล้วนๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราแต่งเติมโดยไม่ตั้งใจ ด้วยคิดไปว่าจะเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ อันนี้ถือว่าผิด นักปฏิบัติทุกท่านจึงมักไม่พูดเรื่องพวกนี้กัน เพราะหมิ่นเหม่กับการผิดวินัยมาก พูดด้วยจิตปรุงแต่งเพียงนิดเดียว เท่ากับอวดอุตริแล้ว ไม่คุ้มครับ
กับคนอื่น ที่ได้ยินได้ฟัง ถ้าเรื่องจริงแล้วเขาเชื่อ หรือวางเฉย ก็รอดตัวไป แต่ถ้าเขามีมิจฉาทิฏฐิขึ้นในใจ อคติเมื่อไหร่ วิบากกรรมจะติดตัวเขาทันที ในทำนองกลับกัน ถ้าเรื่องที่เราพูดไปไม่จริง(แม้เราจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง) แล้วมีคนเชื่อ วิบากกรรมก็จะเกิดกับเราทับซ้อน ทบทวีขึ้นไปอีกตามกำลังที่เชื่อ และจำนวนคนที่เชื่อ
ถ้าต้องการจะพูด ถามตัวเองให้ดี พูดเพื่ออะไร พูดแล้วจะเกิดผลอะไร ถ้าพจารณาแล้วว่ามีประโยชน์ก็พูดได้ แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่าไม่เกิดประโยชน์ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ก็เฉยไปเสีย เพราะยังไงของพวกนี้ก็เป็นเรื่องรู้เฉพาะตนอยู่แล้ว คนอื่นจะรู้หรือไม่ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมา แถมพลาดพลั้งไปวิบากกรรมไม่ดีจะติดตัวข้ามภพข้ามชาติให้เสียเวลาสร้างบารมีไปอีก
นั่นจึงเป็นข้อสังเกตุของพวกเราว่า มักจะไม่พูดถึงผลการปฏิบัติธรรมกันพร่ำเพรื่อ จะพูดก็ต่อเมื่อมีข้อสงสัย หรือรายงานผลให้ครูบาอาจารย์ทราบเท่านั้น
แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่อยากทราบคือ ที่นี้มีการทำวิชชาหรือเปล่า? เพราะหลายคนท้วงติงมาว่าที่นี้ไม่เห็นสอนระดับวิชชาธรรมกายชั้นสูงให้ จึงไม่มาทีนี้อีกจึงไปที่อื่น
ที่นี่แบ่งการสอนเป็นลำกับขั้นชัดเจน ระดับอนุบาลก็ทำข้อสอบระดับอนุบาลให้ผ่านก่อน เมื่อผ่านแล้วก็จะมีชั้นเรียนต่อไปให้ศึกษาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่โดยหลักการแล้วที่นี่จะไม่สอนธรรมแบบพร่ำเพรื่อ เพราะธรรมขั้นสูง หรือการทำวิชชาเป็นเรื่องยากที่ปุถุชนจะเข้าใจ เรียนรู้ไปก็ยังไม่เกิดประโยชน์แก่ตนเพียงเอาไว้พูดอวดตัวว่า ข้ารู้ เท่านั้น ท่านที่จะเข้าเรียนธรรมขั้นสูงขึ้นไปที่นี่ต้องพร้อม รักษาศีล ๘ เป็นวัตร นิมิตรต้องชัด ใส สว่าง ติดแน่นทั้งหลับตา ลืมตา พระ ก็ต้องทำตัวเป็นพระแท้ อุบาสกก็ต้องแสดงเจตจำนงค์ว่าตั้งมั่นในพระรัตนตรัยไม่มีคลอนแคลน เมื่อฝึกตนจนถึงจุดแห่งความเหมาะสมแล้ว พระอาจารย์ก็จะพาเข้าสู่บทเรียนขั้นสูงต่อไปครับ
ธรรมขั้นสูง อานิสงส์มากไม่มีประมาณ แต่ก็เหมือนไฟกองใหญ่ ให้ความอบอุ่น ให้แสงสว่างกับเราได้ แต่ถ้าเราพลาด ไม่ประมาณตน ไฟนั้นก็พร้อมจะแผดเผาให้ทุกข์ทรมานแสนสาหัสได้เหมือนกันครับ
วิชชาของพระพุทธเจ้า วิชาของพระธรรมกายเป็นของแท้ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะเข้าไม่ถึง เมื่อไหร่ที่เราทำตัวให้เหมาะสม วิชชาเหล่านั้นก็จะเกิดกับเราเองครับ ไม่ต้องรีบร้อนครับ
สุดท้ายขอกราบอนุโมทนาบุญในเจตจำนงค์ที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยด้วยการบรรพชาเป็รสามเณรนะครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ สาธุ
#3
โพสต์เมื่อ 15 June 2014 - 09:04 PM
โอเคครับเป็นเอาว่าที่นี้มีการทำวิชชาธรรมกายชั้นสูง แต่ยังไม่ค่อยเปิดเผยมากนักให้กับสาธุชนทั่วๆไปให้ได้ฝึก (สาธุชนที่ว่าหมายถึงสาธุชนที่ฝึกถึงธรรมกายโคตรภูขึ้นไป) เรื่องผลการปฏิบัติผมจะพูดก็ต่อเมื่อมีคนสงสัยและอยากรู้ว่าฝึกอย่างไรเป็นจริงไหม? เพราะผมคงไม่อนุเคราหะกับคนที่เป็นมิจฉาฐิษทิอยู่แล้ว เพราะพูดไปเสียเวลา พระพุทธเจ้ายังเลือกที่จะสอนคนเลย ไม่สอนบัวใต้น้ำ ผมเองก็ต้องเลือกไม่งั้นเกิดไม่เชื่อขึ้นมาลงนรกขุมลึกแน่ๆ ส่วนเรื่องวิชชาธรรมกายผมรู้ครับว่าเป็นของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว หลักฐานในพระไตรปิฎกมี ขอบคุณมากครับ
#4
โพสต์เมื่อ 16 June 2014 - 12:31 AM
คือผมจะบวชเป็นสามเณรครับ ผมสงสัยว่าสามเณรสามารถคุยถึงเรื่องการปฏิบัติธรรมของตนเองได้ไหมครับ? แบบว่าตัวผมเองปฏิบัติได้ส่วนหนึ่งครับและปฏิบัติได้จริง ไม่ทราบว่าบอกเรื่องแบบนี้จะเป็นการอวดตนหรือไม่? อย่างไร? ผิดเป็นอาบัติหรือไม่อย่างไร?
ตอบคำถาม ด้วยคำถาม ในพระพุทธศาสนาถือเจตนาเป็นหลัก การที่เราจะคุยเรื่องผลการปฏิบัติธรรมนั้น คุยเพื่ออะไร กับใคร นี่คือสิ่งที่เราต้องไตร่ตรอง เพราะเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนซับซ้อนมากกว่าที่ท่านเข้าใจ
กับตัวเรา เราปฏิบัติได้จริง การพูดออกไป ไม่ถือเป็นการโกหก ผิดวินัย แต่ปัญหาอยู่ตรงความจริง นั้นคือ ความจริงแค่ไหน ถ้าเราพูดจริงล้วนๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราแต่งเติมโดยไม่ตั้งใจ ด้วยคิดไปว่าจะเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ อันนี้ถือว่าผิด นักปฏิบัติทุกท่านจึงมักไม่พูดเรื่องพวกนี้กัน เพราะหมิ่นเหม่กับการผิดวินัยมาก พูดด้วยจิตปรุงแต่งเพียงนิดเดียว เท่ากับอวดอุตริแล้ว ไม่คุ้มครับ
กับคนอื่น ที่ได้ยินได้ฟัง ถ้าเรื่องจริงแล้วเขาเชื่อ หรือวางเฉย ก็รอดตัวไป แต่ถ้าเขามีมิจฉาทิฏฐิขึ้นในใจ อคติเมื่อไหร่ วิบากกรรมจะติดตัวเขาทันที ในทำนองกลับกัน ถ้าเรื่องที่เราพูดไปไม่จริง(แม้เราจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง) แล้วมีคนเชื่อ วิบากกรรมก็จะเกิดกับเราทับซ้อน ทบทวีขึ้นไปอีกตามกำลังที่เชื่อ และจำนวนคนที่เชื่อ
ถ้าต้องการจะพูด ถามตัวเองให้ดี พูดเพื่ออะไร พูดแล้วจะเกิดผลอะไร ถ้าพจารณาแล้วว่ามีประโยชน์ก็พูดได้ แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่าไม่เกิดประโยชน์ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ก็เฉยไปเสีย เพราะยังไงของพวกนี้ก็เป็นเรื่องรู้เฉพาะตนอยู่แล้ว คนอื่นจะรู้หรือไม่ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมา แถมพลาดพลั้งไปวิบากกรรมไม่ดีจะติดตัวข้ามภพข้ามชาติให้เสียเวลาสร้างบารมีไปอีก
นั่นจึงเป็นข้อสังเกตุของพวกเราว่า มักจะไม่พูดถึงผลการปฏิบัติธรรมกันพร่ำเพรื่อ จะพูดก็ต่อเมื่อมีข้อสงสัย หรือรายงานผลให้ครูบาอาจารย์ทราบเท่านั้น
แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่อยากทราบคือ ที่นี้มีการทำวิชชาหรือเปล่า? เพราะหลายคนท้วงติงมาว่าที่นี้ไม่เห็นสอนระดับวิชชาธรรมกายชั้นสูงให้ จึงไม่มาทีนี้อีกจึงไปที่อื่น
ที่นี่แบ่งการสอนเป็นลำกับขั้นชัดเจน ระดับอนุบาลก็ทำข้อสอบระดับอนุบาลให้ผ่านก่อน เมื่อผ่านแล้วก็จะมีชั้นเรียนต่อไปให้ศึกษาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่โดยหลักการแล้วที่นี่จะไม่สอนธรรมแบบพร่ำเพรื่อ เพราะธรรมขั้นสูง หรือการทำวิชชาเป็นเรื่องยากที่ปุถุชนจะเข้าใจ เรียนรู้ไปก็ยังไม่เกิดประโยชน์แก่ตนเพียงเอาไว้พูดอวดตัวว่า ข้ารู้ เท่านั้น ท่านที่จะเข้าเรียนธรรมขั้นสูงขึ้นไปที่นี่ต้องพร้อม รักษาศีล ๘ เป็นวัตร นิมิตรต้องชัด ใส สว่าง ติดแน่นทั้งหลับตา ลืมตา พระ ก็ต้องทำตัวเป็นพระแท้ อุบาสกก็ต้องแสดงเจตจำนงค์ว่าตั้งมั่นในพระรัตนตรัยไม่มีคลอนแคลน เมื่อฝึกตนจนถึงจุดแห่งความเหมาะสมแล้ว พระอาจารย์ก็จะพาเข้าสู่บทเรียนขั้นสูงต่อไปครับ
ธรรมขั้นสูง อานิสงส์มากไม่มีประมาณ แต่ก็เหมือนไฟกองใหญ่ ให้ความอบอุ่น ให้แสงสว่างกับเราได้ แต่ถ้าเราพลาด ไม่ประมาณตน ไฟนั้นก็พร้อมจะแผดเผาให้ทุกข์ทรมานแสนสาหัสได้เหมือนกันครับ
วิชชาของพระพุทธเจ้า วิชาของพระธรรมกายเป็นของแท้ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะเข้าไม่ถึง เมื่อไหร่ที่เราทำตัวให้เหมาะสม วิชชาเหล่านั้นก็จะเกิดกับเราเองครับ ไม่ต้องรีบร้อนครับ
สุดท้ายขอกราบอนุโมทนาบุญในเจตจำนงค์ที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยด้วยการบรรพชาเป็รสามเณรนะครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ สาธุ
Anumotana sadhu with this Dhammatan from K. Tuppe ka.
#5
โพสต์เมื่อ 16 June 2014 - 09:10 AM
คือผมจะบวชเป็นสามเณรครับ
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
#6
โพสต์เมื่อ 16 June 2014 - 03:59 PM
โอเคครับเป็นเอาว่าที่นี้มีการทำวิชชาธรรมกายชั้นสูง แต่ยังไม่ค่อยเปิดเผยมากนักให้กับสาธุชนทั่วๆไปให้ได้ฝึก (สาธุชนที่ว่าหมายถึงสาธุชนที่ฝึกถึงธรรมกายโคตรภูขึ้นไป) เรื่องผลการปฏิบัติผมจะพูดก็ต่อเมื่อมีคนสงสัยและอยากรู้ว่าฝึกอย่างไรเป็นจริงไหม? เพราะผมคงไม่อนุเคราหะกับคนที่เป็นมิจฉาฐิษทิอยู่แล้ว เพราะพูดไปเสียเวลา พระพุทธเจ้ายังเลือกที่จะสอนคนเลย ไม่สอนบัวใต้น้ำ ผมเองก็ต้องเลือกไม่งั้นเกิดไม่เชื่อขึ้นมาลงนรกขุมลึกแน่ๆ ส่วนเรื่องวิชชาธรรมกายผมรู้ครับว่าเป็นของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว หลักฐานในพระไตรปิฎกมี ขอบคุณมากครับ
ยินดีและเห็นด้วยที่จะศึกษาวิชชาระดับสูงขึ้นไป บางครั้งการตอบของบางท่านอาจจะไม่เข้าใจได้ง่าย และอาจจะเสมือนหนึ่งเตือนเสมือนหนึ่งไม่เตือน
#7
โพสต์เมื่อ 13 July 2014 - 08:12 PM
อนุโมทนาบุญคร้าาาา