กินกาแฟผิดหรือไม่
#1
โพสต์เมื่อ 07 March 2006 - 08:19 PM
#2
โพสต์เมื่อ 07 March 2006 - 08:35 PM

DMC The only one
ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
ไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี้แหละเป็นตัวสำเร็จ
ผลไม้ดกนกชุม น้ำเย็นปลาชอบอาศัย
คติธรรม พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 08 March 2006 - 12:30 AM
ถ้าเหล้า กาแฟ มีโทษต่อร่างกายก็เท่ากับเราผิดศีลข้อ 1 คือ พยายามฆ่าสังขารตนเองแบบตายผ่อนส่งก็จัดเป็นการผิดศีลครับ
ถ้าสิ่งที่กินหรือดื่มทำให้เกิดการเสพติด หรือทำให้เกิดความกำหนัดยินดี หรือจำเป็นต้องเสพบ่อยๆ ก็เท่ากับทำร้ายร่างกาย และผิดศีลข้อ 5 ด้วยครับคือ หลงมัวเมาในการบริโภคอาหารที่เป็นโทษครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#4
โพสต์เมื่อ 08 March 2006 - 01:22 AM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#5
โพสต์เมื่อ 08 March 2006 - 01:37 AM
#6
โพสต์เมื่อ 08 March 2006 - 09:22 AM
แต่การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ มีประโยชน์มากเลยค่ะ
ต้องดูที่ปริมาณกาเฟอีนที่เรารับได้ด้วยนะคะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#7
โพสต์เมื่อ 08 March 2006 - 11:43 AM
คล้ายๆกับพวกชอบนอนตื่นสาย
#8
โพสต์เมื่อ 08 March 2006 - 02:37 PM
เพื่อให้ร่างกายของเราตื่นอยู่เสมอ จะได้ครองสติได้สร้างบารมีทั้งวันโดยไม่ง่วงเหงาหาวนอนนั้น
ก็ไม่ผิดศีลใช่ไหมคะ กลับเป็นการสร้างปัญญาบารมี เพราะเอามาแก้ไขโมหจริต(ความง่วง)
ถูกต้องไหมคะ โปรดแก้ไข
#9
โพสต์เมื่อ 08 March 2006 - 03:28 PM
ผมเคยมาแล้วครับ... ดื่มกาแฟเพื่อจะได้นั่งสมาธิแล้วไม่ง่วง
ผลตรงกันข้าม นั่งๆไปหลายชั่วโมงเข้า ประสาทมันเกร็ง ไม่ประกอบไปด้วยความสบายครับ ผลสุดท้ายแล้วนั่งเกร็ง ตลอดรอบ ไม่ได้อะไรเลย
นั่งหลับ ตามสติ ดีกว่านั่งเกร็งเครียดครับ
การปฏิบัติธรรมต้อง มีสติ คู่กับสบาย และสม่ำเสมอ จึงจะถูกต้องครับ
และเมื่อเราดื่มกาแฟจนคุ้นเป็นนิสัยหนักเข้าๆๆ พอวันไหนๆไม่ได้ดื่ม จะพาลไม่มีแรงที่จะประกอบการงานต่างๆ ผมเคยเห็นพระที่วัดเราบางรูปท่านก็ดื่มกาแฟ ไม่เป็นการผิดศีลผิดวินัยสงฆ์ใดๆครับ แต่เป็นการเสพคุ้น หรือเรียกว่า "เคยตัว" มากกว่าครับ
ปล. ดื่มเอาแต่พอดีๆ จิ๊บๆ หอมๆหวานๆ ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมาก ผมเองก็เคยดื่มตอนเช้าๆ แล้วมานั่งสมาธิต่อทุกวัน หลายปีมาแล้ว
#10
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 09 March 2006 - 07:31 PM
ที่คนเราชอบเพราะ"ติดในกลิ่น"
โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับคุณสิริปโภ มิฉะนั้นบางท่านอาจจะนำคุณประโยชน์กาแฟมาอ้างเพียงด้านเดียว เช่น ดีท๊อก ป้องกันมะเร็ง เป็นต้น
#11
โพสต์เมื่อ 09 March 2006 - 10:02 PM
กาแฟบอกนิสัย
ชอบกาแฟขมๆ
คนที่ชอบกาแฟรสเข้มจัดนั้นมักจะเป็นคนเอาการเอางานช่างคิด ช่างวางแผนมีหัวทางธุรกิจ และชอบการทำงานที่ท้าทาย แต่ก็มักเป็นคนที่มีความเครียดเสมอๆเพราะเฝ้าครุ่นคิดแต่หนทางที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองหวัง
ชอบกาแฟรสชาติหวานมัน
คนที่ชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น ทั้งหวานและมันถึงใจแสดงว่าเป็นคนที่เปิดเผย ใจกว้าง ชอบความสนุกสนานในชีวิต เป็นคนร่าเริง ช่างกระเซ้าเย้าแหย่ นอกจากนั้น ยังเป็นคนรักความยุติธรรม ไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ และจะรักษาสิทธิขิงตัวเองเสมอ
ชอบกาแฟที่กลิ่นหอมแรง
ส่วนคนที่ชอบการแฟที่มีกลิ่นหอมแรงๆเข้มข้น แสดงว่าเป็นคนที่ช่างเลือก ชอบแต่สิ่งที่ดีที่สุด มักพิถีพิถันต่อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เป็นคนรักเพื่อน มีทัศนะที่ชัดเจนต่อสิ่งต่างๆและชอบการอยู่ในสังคมที่มีแต่คนทัศนะตรงกัน
ชอบกาแฟรสอ่อนๆ
คนที่ชอบกาแฟรสชาติอ่อนๆ ขอให้มีกลิ่นกาแฟก็เป็นอันใช้ได้นั้น แสดงว่าเป็นคนที่ชอบความสงบ สนใจสุขภาพ ชอบความสะอาด และความปลอดโปร่งสบายกาย สบายใจ นอกจากนั้น ยังเป็นคนเคารพความเห็นของผู้อื่น ไม่ชอบโต้แย้งกับใครโดยไม่จำเป็น
ชอบกาแฟหวานจัด
คนที่ชอบกาแฟหวานมากๆเรียกว่าหวานนำรสอื่นๆมาเลยนั้น แสดงว่าเป็นคนที่มีอารมณ์เปราะบาง ปรวนแปรง่าย เป็นคนที่มักจะมีความใฝ่ฝันเกี่ยวกับชีวิตตัวเองที่เป็นอยู่ อยากมีชีวิตที่ดียิ่งๆขึ้นไปอีก อยากเป็นคนพิเศษของใครซักคน
ชอบกาแฟรสกลมกล่อม
ส่วนคนที่ชอบกาแฟรสชาติพอดีๆ ไม่หวานเกินไป ไม่มันเกินไป แสดงว่าเป็นคนที่ชอบชีวิที่ลงตัว มีความพอดีในจิตใจ ไม่ชอบการแก่งแย่งแข่งขัน ไม่ชอบการต่อสู้เพื่อให้รู้ผลแพ้ชนะชนะ มักเป็นคนดูแลสุขภาพ ให้ความสนใจเรื่องการเรียน การศึกษา ชอบการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม
ชอบกาแฟร้อนๆ
สวนคนที่ชอบกาแฟร้อนๆนั้น มักเป็นคนที่หาความสุขได้อย่างง่ายๆ ชอบความมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง เป็นคนตื่นตัวเร็วและปรับตัวเก่ง สามารถนำเอาประสบการณ์ต่างๆของตัวเองมาปรับ ใช้และให้ข้อคิดที่ดีกับคนอื่นๆ
ชอบดื่มกาแฟเย็น
ส่วนคนที่ไม่ชอบกาแฟร้อนๆอุ่นๆ แต่ชอบกาแฟเย็นเจี๊ยบชื่นใจ แสดงว่าเป็นคนชอบการมีเพื่อนเยอะๆ ชอบการได้พักผ่อน ผ่อนคลาย เมื่อเวลาทำงานก็ทำงานก็ตั้งใจทุ่มเท แต่พอเวลาพักก็หาความสุขให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ เป็นคนร่าเริงเช่นกัน ใครอยู่ใกล้ก็มักเบิกบานไปด้วย
#12
โพสต์เมื่อ 10 March 2006 - 07:09 AM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ

#13
โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 03:06 PM
#14
โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 09:49 PM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#15
โพสต์เมื่อ 15 March 2006 - 07:58 PM
แล้วแต่จุดประสงค์ของคนที่ดื่มและเจตนาที่มีต่อกาแฟที่ดื่มไปนะคะ
#16
โพสต์เมื่อ 16 March 2006 - 08:03 PM
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#17
โพสต์เมื่อ 08 February 2007 - 03:54 PM
#18
โพสต์เมื่อ 23 June 2008 - 04:44 PM
#19
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 05:32 AM
เชื่อกันว่ากาแฟถูกค้นพบครั้งแรกโดยเด็กเลี้ยงแพะชาวอาบิสซีเนีย (ประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน) ชื่อคาลดี จากการสังเกตพบว่า แพะดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเมื่อกินผลไม้สีแดงของต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งก็คือต้นกาแฟนั่นเอง ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 กาแฟถูกปลูกโดยชาวอาหรับเท่านั้น คำว่ากาแฟ เป็นคำที่มาจากคำว่า "เกาะหฺวะหฺ" ในภาษาอาหรับ แล้วเพี้ยนเป็น กาห์เวห์ ในภาษาตุรกี ก่อนที่จะกลายเป็น คอฟฟี ในภาษาอังกฤษ และกาแฟ ในภาษาไทย ชาวอาหรับหวงแหนพันธุ์กาแฟมาก จึงส่งออกเฉพาะเมล็ดกาแฟที่คั่วสุกแล้วเท่านั้น แต่ในที่สุดเมล็ดกาแฟก็ออกมาสู่โลกกว้าง โดยการลักลอบนำออกมาโดยชาวอินเดียที่ไปแสวงบุญที่เมกกะ และก็ได้แพร่ขยายไปยังชวา เนเธอร์แลนด์ และทั่วยุโรปในที่สุด สำหรับทวีปอเมริกานั้น ต้นกาแฟถูกนำไปอย่างยากลำบาก โดยทหารเรือฝรั่งเศสในต้นศตวรรษที่ 18 ในครั้งแรกนั้น มีต้นกาแฟที่เหลือรอดชีวิตบนเรือมาขึ้นฝั่งอเมริกาได้เพียง 1 ต้น และก็ได้แพร่ขยายเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันดินแดนแห่งนี้ ได้กลายเป็นดินแดนที่ปลูกกาแฟมากที่สุดในโลก
ในกาแฟนั้นมีสารคาเฟอีนซึ่งเป็นสารกระตุ้นอยู่ ด้วยเหตุนี้เอง ผู้คนจึงนิยมดื่มในช่วงเช้าและเวลาทำงาน นักเรียนนักศึกษาก็นิยมดื่มเมื่อต้องเตรียมสอบจนดึก เพื่อไม่ให้ความง่วงมารบกวนสมาธิ พนักงานสำนักงานมักมีช่วงเวลา "คอฟฟี่เบรก" สำหรับเติมพลังการทำงาน
งานวิจัยปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์กระตุ้นของกาแฟที่นอกเหนือไปจากฤทธิ์ของคาเฟอีน ในกาแฟยังมีสารเคมีที่เราไม่รู้จักช่วยเร่งให้ร่างกายสร้างคอร์ติโซน และอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีฤทธิ์กระตุ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการดื่มด่ำรสชาติของกาแฟโดยไม่ต้องการการกระตุ้น สามารถดื่มกาแฟพร่องคาเฟอีน (decaffeinated coffee) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ดีแคฟ (decaf) กาแฟชนิดนี้ถูกเอาคาเฟอีนส่วนใหญ่ออกไปโดยการใช้น้ำหรือสารละลายทางเคมี เช่น ไตรคลอโรทีลีน (trichloroethylene) นอกจากนี้ยังมี ทิซาน (tisane) ซึ่งมีรสชาติเหมือนกาแฟจริงๆ แต่ไม่มีคาเฟอีน
กาแฟช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวระงับความเจ็บปวด โดยเฉพาะในการรักษาไมเกรน และยังสามารถกำจัดโรคหืดในผู้ป่วยบางคนได้ด้วย คุณประโยชน์บางอย่างอาจส่งผลต่อเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการฆ่าตัวตายในผู้หญิง และช่วยป้องกันนิ่วและโรคถุงน้ำดีในผู้ชาย นอกจากนี้มันยังช่วยลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานในทั้งสองเพศ และลดเพียงประมาณ 30% ในผู้หญิง แต่ลดมากกว่า 50% ในผู้ชาย กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็งและป้องกันมะเร็งในปลายลำไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะ กาแฟสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในเซลล์ตับ ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของมะเร็งตับ (Inoue, 2005) และสุดท้ายกาแฟช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เป็นเพราะมันกำจัดไขมันในเส้นเลือด หรือเพราะว่ามันเป็นมีผลกระตุ้นกันแน่[ต้องการแหล่งอ้างอิง]
ยังมีข้อดีอื่นๆ ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกาแฟ เช่น มันช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น และเพิ่มไอคิว นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนระบบเมตาบอลิซึมให้มีสัดส่วนของลิพิดต่อคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเผาผลาญสูงขึ้น ซึ่งช่วยลดอาการล้ากล้ามเนื้อของนักกีฬา
คุณประโยชน์เหล่านี้บางอย่างจะได้ผลเมื่อดื่มเพียงประมาณ 4 ถ้วยต่อวัน (24 ออนซ์) แต่บางอย่างก็ต้องดื่มถึง 6 ถ้วยหรือมากกว่านั้น (32 ออนซ์หรือมากกว่า)
ทีมวิจัยของ University of Bari ประเทศอิตาลี พบว่าการดื่มกาแฟ 1-2 แก้วต่อวัน ช่วยป้องกันโรคหนังตากระตุกได้ และยังช่วยลดอัตราการกระตุกให้ช้าลงได้สำหรับผู้ป่วย[