เป็นคนพุทธรักกับคริสเตียนบาปมั้ย?
#1
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 12:43 PM
แล้วถ้าเราตัดใจจากศาสนาพุทธไปเป็นคริสเตียนจะป็นการอกตัญญูต่อศาสนามั้ยค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 01:27 PM
แต่การแต่งงานกับคนที่มี ศีล ศรัทธา ทิฐิ สมาธิที่ต่างกัน ย่อมทำให้ชีวิตคู่อาจจะมีปัญหากันได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
การตัดใจจากพุทธไปเป็นคริสต์ ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นการอกตัญญูต่อศาสนาพุทธหรอกค่ะ แต่จะเป็นการพลาดจากโอกาสแห่งการเป็นผู้รู้ถูกเห็นถูก รู้แจ้งเห็นจริง ในหนทางแห่งการหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารแห่งนี้เท่านั้นเอง หากชีวิตพลาดพลั้งไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม หรือไปทำผิดกฎแห่งกรรม อันเป็นกฎแห่งสากลเข้า ก็ทำให้มีสิทธิ์พลัดไปอยู่ในอบาย หรือเวียนว่ายทนทุกข์ต่อไปไม่จบไม่สิ้น เท่านั้นเองค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 01:30 PM
ทำไมไม่ลองทำหน้าที่ดูล่ะครับ ความดีเป็นสิ่งสากลครับ ศาสนาใดก็ทำได้ ชวนแฟนมานั่งสมาธิก็ได้นี่ครับ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนศาสนาหรอก ถ้าเค้านิ่งจนหยุดนิ่ง ก็จะเกิดศรัทธาขึ้นมาเอง อีกทางนึงก็อย่าลืมอฐิษฐานขอให้บุญช่วยดลบันดาลให้เค้ามาร่วมสร้างบุญบารมีกับหมู่คณะด้วยนะครับ ได้โอกาสทำหน้าที่กัลยาณมิตรแล้วครับ
#4
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 01:35 PM
แต่ถ้าเปลี่ยนกระทั่งการประพฤติตัวแล้วความเชื่อด้วย ในภพชาติต่อไปก็จะมีวิบากให้ต้องห่างจากพระพุทธศาสนา ไปเกิดเจอพวกความเชื่อเทวนิยมครับ ซึ่งถ้าไปเกิดในความเชื่อเหล่านั้นแล้วก็อาจจะดำเนินชีวิตผิดพลาดในสังสารวัฏได้ครับ เพราะ ความเชื่อเรื่องเทวนิยมมักจะไม่สมบูรณ์ ไม่รู้เหตุ ไม่รู้รู้ผล และหลักการดำเนินชีวิตในสังสารวัฏอย่างปลอดภัยครับ
เพราะไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน ก็ตกภายใต้กฎแห่งกรรมอันเดียวกัน เหมือนคนต่างเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ ก็เห็นดวงอาทิตย์กลมๆ เหมือนกัน จับน้ำแข็งก็รู้สึกว่าเย็นเหมือนกัน ครับ ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนศาสนาแล้วจะหลุดพ้นไปจากกฎแห่งกรรมและที่สุดแห่งชีวิตคือการไปอยู่กับพระเจ้า แทนจะไปพระนิพพานนะครับ เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เป็นคนสร้างกฎแห่งกรรม ไม่ได้สร้างนรก สวรรค์ หรือ พระนิพพาน แต่สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้ว เหมือนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ เพียงแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไปรู้ไปเห็นสิ่งเหล่านี้ ได้เข้าถึงสิ่งเหล่านี้ แล้วนำมาสั่งสอนสัตว์โลกครับ
แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมต้องเปลี่ยนศาสนาด้วยละครับ ต่างคนก็ต่างนับถือไปสิครับ ความรักมันได้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาเลยนะครับ แต่ถ้าเค้าบอกว่า ถ้าเธอรักชั้นต้องนับถือศาสนาเดียวกับชั้น วุ้นก็ตอบกลับไปสิครับว่า งั้นถ้าเธอรักชั้น เธอก็ต้องเปลี่ยนมานับถือพุทธเหมือนชั้นสิ ถ้าเค้าไม่ยอม ก็บอกเค้าไปว่า งั้นเรื่องความรักไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลย ใครนับถืออย่างไร ก็นับถืออย่างงั้น ผมเห็นออกจะเยอะแยะ คนไทยแต่งงานกับคนต่างชาติ ต่างคนก็ต่างนับถือศาสนาของตน ยังอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเลยครับ
ลองไปคิดถึงคำแนะนำของผมให้ดีๆ นะครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#5
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 02:19 PM
หากแต่เป็นแหล่งความรู้และความเป็นจริงของชิวิต ที่ทุกคนควรเรียนรู้ค่ะ
ส่วนคำว่า "บาป" นั้นก็ไม่ได้เหมือนกับศาสนาอื่นที่ห้ามนับถือคนหรือสิ่งอื่น นอกจากของตัว ถ้าไปนับถือแล้วจะเป็นบาป
"บาป" ในพุทธศาสนานั้น ชัดเจนค่ะไม่โมเมว่านั่นจะบาป นี่จะบาป ถ้าเอาง่ายๆคือผิดศีลค่ะ เช่น การฆ่า การลักขโมย การประพฤติผิดในกาม การพูดโกหก การดื่มสุรา,สิ่งเสพติดต่างๆ
สำหรับส่วนตัวแล้ว ชอบพุทธศาสนาที่สุด เพราะเป็นเหตุเป็นผล และมีความรู้ที่ศาสนาอื่นไม่มีค่ะ
ถ้าคิดจะเปลี่ยนศาสนา ก็ขอถามว่าได้ศึกษาพุทธศาสนาดีหรือยังค่ะ และรู้สึกเสียดายแทนค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากต้องเปลี่ยนไปนับถือคริสต์ตามแฟนจริงๆ ก็ศึกษาศาสนาพุทธไว้เถอะนะคะ คิดว่าเป็นความรู้อย่างหนึ่ง (ความจริงฝรั่งที่เป็นคริสต์ แต่ไม่เข้าโบสถ์ก็มีอยู่มากค่ะ และเค้าก็ฝึกสมาธิได้ เพราะสมาธิเป็นของสากลคะ)
#6
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 03:41 PM
อาจไม่ต้องเปลี่ยนศาสนาก็ได้นะ ขอเพียงแต่ใจกว้าง แลกเปลี่ยนความเห็น ปรับทิฐิให้เสมอกัน
นักเรียนคริสต์ บัณฑิตพุทธ มีอยู่ไม่น้อยนะ
#7
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 06:06 PM
เขาก็ไม่ได้บังคับให้ดิฉันเปลี่ยนศาสนาแต่อย่างใด และดิฉันก็ไม่ห้ามให้เขามีความเชื่อที่แตกต่าง
ดิฉันก็ยังทำบุญสร้างองค์พระให้เขาหนึ่งองค์เลย ซื้อหนังสือพุทธศาสนาภาษาอังกฤษมาให้อ่านด้วย สงกรานต์ก็พาไปสรงน้ำพระ และหากมีบุญแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษก็จะให้เขาช่วยตรวจทานแกรมม่า และตอนนี้ก็พยายามชวนเขามานั่งสมาธิด้วย
ไม่แปลกหรอกค่ะ
ดิฉันถือว่าถ้าเขารักเราจริง เขาต้องยินดีที่เราเป็นพุทธค่ะ
และเขาก็ถือว่าถ้าเรารักเขาจริง เราต้องยอมรับที่เขาจะมีสิทธิ์เลือกนับถือศาสนาใดก็ได้
(เพียงแต่ดิฉันไม่บอกเขาหรอกว่าดิฉันมีแผนอะไรอยู่ในใจ ฮิฮิ ซักวันเมื่อเขามีบุญเพิ่มขึ้น ซักวันเขาก็คงหันมานับถือพระรัตนตรัย sure!)
#8
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 07:34 PM
#9
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 07:39 PM
#10
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 07:47 PM
ทั้งนี้คงต้องพิจารณากันให้ลึกซึ้งว่า ศาสนาไหน คำสอนอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเรา มีสาระแก่นสารทั้งเป็นประโยชน์ในภพชาติปัจจุบันและภพชาติหลังจากตายแล้วอย่างแท้จริงน่ะครับ
หรือไม่ก็คงต้องเปิดใจให้กว้างทั้งฝ่ายพ่อและแม่ ให้ลูกศึกษาคำสอนทั้ง 2 ศาสนาอย่างแท้จริง ให้เข้าถึงคำสอนของศาสนานั้นๆ แล้วให้ลูกเป็นคนตัดสินใจเองเลือกนับถือศาสนาเองน่ะครับ
แต่สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ คำสอนในศาสนาพุทธเป็นคำสอนเดียวในโลกที่แนะนำวิธีในการดำเนินชีวิตให้แก่มนุษย์ในทุกระดับชั้นตั้งแต่บุคคลทั่วๆไปที่ยังปรารถนาจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ใช้ชีวิตอยู่กับการครองเรือน จนกระทั่ง บุคคลที่ปรารถนาความสุขอันสูงสุดของมนุษย์คือการออกบวชจนบรรลุพระนิพพานครับ
หรือถ้ายังไง คุณวุ้นลองไปหาหนังสือ มงคลชีวิต 38 ประการมาลองศึกษาดูดีไหมครับ พระธรรมบทนี้เปรียบเสมือนบันได 38 ขั้น ซึ่งถ้าบุคคลใดได้ปฏิบัตืตามไปทีละข้อๆ จนครบสมบูรณ์แล้ว จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข ตายไปแล้วก็มีความสุขในภพเบื้องหน้า จนกระทั่งได้ประโยชน์อันสูงสุดคือ พระนิพพาน ครับ ผมรับรองได้เลยครับว่า ไม่มีคำสอนของศาสนาอื่นๆ ในโลกจะครอบคลุมยิ่งไปกว่า มงคล 38 ประการครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#11
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 07:50 PM
เพราะฉะนั้นเรื่องที่คุณวุ้นถาม สมควรเป็นเรื่องที่ควรวัดใจกันตั้งแต่ตอนเป็นแฟนแล้วครับ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องผิดใจกันคราวหลัง แต่ความเห็นส่วนตัวผมนะไม่ว่าชายหรือหญิงถ้าจะยอม ก็ต้องยอมรับให้ได้จริงๆ จริงใจกับความรู้สึกนึกคิด และถ่วงความคิดให้ครบทุกมุม อย่าให้ความรักทำให้เราต้องละทิ้งความเป็นเรา การมีครอบครัวไม่ใช่สิ่งเสียหาย ไม่บาป แต่ก็เป็นห่วง ดึงรั้งให้การสร้างบารมีทำได้ไม่เต็มที่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว คุณยายอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าอยู่ตัวคนเดียว มีเงิน 100 บาท ก็สามารถทำบุญได้ 100 บาท แต่ถ้ามีครอบครัวอาจจะทำได้แค่ 50 บาท ถ้ามีลูกคงทำได้เพียงแค่ 5 บาท
แต่ขอย้ำอีกทีครับว่าสมาธิเป็นของสากล ใครๆ ศาสนาไหนก็ทำได้ ลองทำหน้าที่ชักนำเค้าสิครับ เป็นบุญของคุณวุ้นแล้วที่จะได้ทำหน้าที่ ถ้าเค้าไม่ชอบก็ผ่อนลงบ้าง แล้วค่อยหาหนทางไป
จะเอาใจช่วยนะครับ อนุโมทนาบุญครับ
#12
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 08:28 PM
ถ้าตัดสินใจมีลูกนะ ก็จะทำตามแผนที่วางไว้ดังนี้ค่ะ
คือยังไงเราเป็นแม่ ลูกมันก็ต้องติดเรามากกว่าติดพ่ออยู่แล้วโดยเฉพาะในตอนเด็ก ๆ ดังนั้น เราก็จะอาศัยโอกาศนี้แหละ พาลูกเข้าวัดเช้าเข้าวัดเย็นตั้งแต่ยังแบเบาะ จะหัดลูกกราบพระตั้งแต่มันยังคลานไม่เป็นด้วยซ้ำ ให้มันพูด นะโมตัสสะเป็นคำแรกเลย แล้วก็ส่งไปค่ายยุวะ สอนมันนั่งสมาธิตั้งแต่เด็ก
แหม....มันก็ต้องมีบ้างหละน่าที่มันจะซึมซับความเป็นพุทธและยึดมั่นในพระรัตนตรัย แทนที่จะถือคริสต์ตามพ่อมัน
แล้วซักวันพ่อมันก็ต้องหันมายินดี อนุโมทนาบุญกับลูก sure!
#13
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 08:45 PM
#14
โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 09:24 PM
หรือคุณคิดว่าไง หรือให้เขาลองคิดเปรียบเทียบอธิบายด้วยเหตุด้วยผล
ดูลูกคุณตัดสินใจเองดีกว่า
#15
โพสต์เมื่อ 25 April 2006 - 11:27 AM
แผนก็เริ่มง่าย ๆ ค่ะ เหมือนพาไปเที่ยวมากกว่า เช่นสงกรานต์ ก็บอกว่าจะพาไปเล่นน้ำ เราก็พาเข้าวัดไปสรงน้ำพระซะก่อนเล่นน้ำ แล้วก็ค่อย ๆ บรรยายไปทีละนิดว่าศาสนาพุทธหนะไม่มีอะไรมากหรอก ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใสเท่านั้นเอง
แล้วก็ค่อย ๆ แยปเรื่อย ๆ นาน นาน แยปที เขาเห็นเราทำโน่นทำนี่ เขาก็ซึมซับทีละนิด อย่าใจร้อนเด็ดขาดค่ะ เคยใจร้อนอยู่ที เอาแทบกู่ไม่กลับเลย
อย่างในกรณีของดิฉันนี่พบว่า ...
1.) ที่ห้ามก็คือห้ามว่าสิ่งที่เขานับถือว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระหรือไม่ดี หรือไม่จริง เด็ดขาด!!!
2.) แล้วก็อย่าพยายามเล่าอะไรที่มันดูลึกลับซับซ้อน ดูเป็นเหมือนศาสนาพุทธห้ามโน่นห้ามนี่ มีระเบียบปฏิบัติเยอะแยะ อะไรพวกนี้ เด็ดขาด แต่พยายามใช้เหตุผลเป็นหลักค่ะ เช่น ทำไมไม่ควรดื่มเหล้า ... เพราะทำให้ขาดสติ ขับรถรถชน อะไรพวกนี้
แต่ถ้าพูดว่าตกนรกไปถูกน้ำกรดราดอะไรนี่เขาจะหมดความศรัทธาอยากฟังทันที ซึ่งตรงข้ามกับคนไทยนะคะ ที่มักจะใช้ภาพการถูกทรมานในนรกมาช่วยขู่ให้กลัวได้ อาจเป็นเพราะว่าเขาฝรั่งเขายังไม่เชื่อเรื่องนรก นายนริยบาลอะไรพวกนี้
#16
โพสต์เมื่อ 25 April 2006 - 09:50 PM
ถ้าเขาไม่เห็นด้วย
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#17
โพสต์เมื่อ 23 February 2007 - 12:50 PM
#18
โพสต์เมื่อ 30 March 2008 - 01:08 PM
รักมาจะ 3 ปีแล้วเหมือนกัน
แต่ผมก็ฝันแปลกๆบ่อยๆไม่รู้คิดมากไปเองหรือเปล่า -*-