ตัดพี่ตัดน้อง
#1
โพสต์เมื่อ 19 June 2006 - 08:41 PM
#2
โพสต์เมื่อ 19 June 2006 - 11:17 PM
ต้องคอยฝึกไม่ให้ผูกโกรธในใจนานนัก มันจะทำให้เกิดปัญหา ระหว่างนี้ก็ให้ทำใจใส ๆ แล้วแผ่เมตตา ให้กันเยอะๆ ถึงเวลาที่เหมาะสม ก็คงต้องขออโหสิกรรมซึ่งกันและกันได้ครับ
#3
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 12:52 AM

ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#4
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 01:52 AM
หาแหล่งอ้างอิงทีหลัง เอาตามที่นึกได้ก่อน
ผมก็เจอปัญหานี้เหมือนกัน
คนวัดถึงแม้จะเข้าวัดแต่ว่าไม่สามารถจะตัดกิเลสได้ทันที
กิเลสบางประเภทนอนลึกอยู่ในสันดาน ( สิ่งที่เคยทำอยู่บ่อย ๆ ก่อนเข้าวัด )
เมื่อเข้าวัดแล้วกิเลสนั้นไม่แสดงตัวออกมาแต่มันจะแสดงออกมาเมื่อถูกกระตุ้น
เช่นกิเลสตระกูลโทสะ เมื่อฝึกสมาธิเข้าก็จะได้สติมาด้วยเมื่อโกรธจะรู้ตัวเร็ว
โกรธเล็กสามารถจะระงับได้ทันที โกรธมากหน่อยบางทีก็ไม่สามารถห้ามได้ยิ่งไม่
ค่อยได้ฝึกสมาธิ ไม่มีเวลาเอาแต่ทำทาน หรือบางคนเป็นโรคประสาทมาก่อน ฝึกไม่
ค่อยได้ผล ( พวกนี้มีโอกาศทะเลาะกับคนรอบ ๆ ข้างค่อนข้างมาก )
วิธีแก้คือ พยายามพูดให้ได้สติบางคนก็รู้ตัวเร็วบางคนก็ช้าครับ ถ้าเป็นคนวัด
ย่อมสามารถให้อภัย เพื่อเป็น อภัยทานได้
#5
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 09:22 AM
#6
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 10:58 AM
พ่อ...คือเมฆขาวบนผืนฟ้าใส
พ่อ...คือริ้วคลื่นโถมซบทราย
พ่อ...คือร่มไม้บนทางฝัน
พ่อ...คือสายลมเย็นในวันร้อน
พ่อ...คือบทกลอนปลุกปลอบขวัญ
พ่อ...คือความงดงามของคืนวัน
พ่อ...คือความภาคภูมิใจของฉันทั้งชีวิต
Add มาสนทนาธรรมกันได้นะคร้าบ :--> [email protected]
#7
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 12:22 PM
โลกธรรม 8 ชวิตก็เป็นอย่างนี้ พระอาจารย์เคยสอนว่า นักสร้างบารมี
อย่างพวกเรา ไม่จำเป็นต้องขอกำลังใจจากใคร เรามีอยู่มากมาย ที่ 072
ลองหลับตาเบาๆ ทำสมาธิ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
#8
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 06:39 PM
เรื่องนี้สำคัญ เพราะพอโทสะเข้าครอบงำ จะลืมความดีของคู่กรณีไปหมดสิ้น
การน้อยใจ ซึ่งก็คือ โทสะอย่างอ่อน ยังมีผลให้หลุดจากหมู่คณะได้เป็นพุทธันดร
ดังนั้น การทะเลาะกันจนถึงตัดพี่ตัดน้อง คิดว่า ไม่มีเขา เราก็สร้างบารมีได้
จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง
คุณวุ้น อยู่ในฐานะของลูก อาจจะเตือนท่านทั้งสองยาก
ก็อาจจะขอความช่วยเหลือกัลฯ ท่านอื่นที่แม่และน้าเกรงใจ ให้ช่วยพูดให้ปรับความเข้าใจกัน
เห็นไหมคะ ว่า การมีกัลฯ หลายๆ คน เป็นเรื่องสำคัญนะคะ
ไม่อย่างนั้น ถ้ากัลฯ คนไหน ไม่ถูกจริตกับเรา เราก็มีสิทธิหลุดจากหมู่คณะได้ง่ายๆ ค่ะ
เอาใจช่วยคุณวุ้นนะคะ

#9
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 08:37 PM
ให้ใช้ความเป็นผู้น้อย เข้าหาผู้ใหญ่ นะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 20 June 2006 - 11:43 PM
เค้ามีเรื่องกันด้วยสาเหตุไหนก็ต้องค่อยๆคลายที่ปมนั้นค่ะ พวกเราที่ตอบกระทู้คงบอกได้แค่ให้ใจเย็นๆ พูดกันด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ให้อภัยกัน นั่งสมาธิให้ใสๆเข้าไว้ หล่ะค่ะ แต่จะแก้จริงๆก็ต้องที่สาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงหล่ะค่ะ
#11
โพสต์เมื่อ 21 June 2006 - 11:22 AM
.................................................................................................

คุณครูไม่ใหญ่ท่านสอนว่า..
"โกรธกันคนละเวลา แต่สเน่ห์หา เวลาเดียวกัน.ครับ "

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#12
โพสต์เมื่อ 02 July 2006 - 12:28 AM
ทำการสมานน้ำใจกัน
ขอให้เข้าใจกันได้นะคะ
#13
โพสต์เมื่อ 07 March 2007 - 01:47 PM