
การขอขมาพระรัตนตรัย
#1
โพสต์เมื่อ 02 October 2006 - 10:48 PM
#2
โพสต์เมื่อ 02 October 2006 - 11:23 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#3
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 04:57 AM



ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#4
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 07:29 AM
#5
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 08:51 AM
กล่าวก่อนนั่งสมาธิ
ยะมะหังสัมมาสัมพุทธัง, ภะคะวันตังสะระณังคะโต, (ท่านหญิงว่า...สะระณัง คะตา)
อิมินา สักกาเรนะ, ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาบัดนี้, ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ, ซึ่งข้าพเจ้าถึง,
ว่าเป็นที่พึ่ง, กำจัดทุกข์ได้จริง, ด้วยสักการะนี้,
ยะมะหัง สวากขาตัง, ภะคะวะตา ธัมมัง สะระณัง คะโต,(ท่านหญิงว่า...สะระณัง คะตา)
อิมินา สักกาเรนะ, ตัง ธัมมังอะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาบัดนี้, ซึ่งพระธรรม, อันพระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสดีแล้ว,ซึ่งข้าพเจ้าถึง,
ว่าเป็นที่พึ่ง, กำจัดภัยได้จริง, ด้วยสักการะนี้,
ยะมะหัง สุปะฏิปันนัง, สังฆัง สะระณัง คะโต, (ท่านหญิงว่า...สะระณัง คะตา)
อิมินา สักกาเรนะ, ตังสังฆังอะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาบัดนี้, ซึ่งพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี, ซึ่งข้าพเจ้าถึง,ว่าเป็นที่พึ่ง, กำจัดโรคได้จริง,
ด้วยสักการะนี้,
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตังอะภิวาเทมิ, (กราบ ๑ หน)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ,(กราบ๑หน)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ,(กราบ๑หน)
(กล่าวนำ) หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต,ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะเส ฯ
นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
คำขอขมาลาโทษ
อุกาสะ อัจจะโย โน ภันเต, อัจจัคคะมา, ยะถาพาเล, ยะถา มุฬฬะเห, ยะถา อะกุสะเล,
เย มะยัง กะรัมหา, เอวัง ภันเต มะยัง,อัจจะโย โน, ปะฏิคคัณหะถะ, อายะติง สังวะเรยยามะ,
ข้าพระพุทธเจ้าขอวโรกาส, ที่ได้พลั้งพลาดด้วยกาย วาจา ใจ, ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์,
เพียงไร แต่ข้าพระพุทธเจ้า, เป็นคนพาลคนหลง, อกุศลเข้าสิงจิต, ให้กระทำความผิต,
ต่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์, ขอพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์, จงงดความผิดทั้งหลายเหล่านั้น,
แก่ข้าพระพุทธเจ้า, จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป, ข้าพระพุทธเจ้า, จักขอสำรวมระวัง,
ซึ่งกาย วาจา ใจ, สืบต่อไปในเบื้องหน้า,
คำอาราธนา
อุกาสะ, ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนา, สมเด็จพระพุทธเจ้า,ที่ได้ตรัสรู้ล่วงไปแล้ว, ในอดีตกาล,
มากกว่าเมล็ดทรายในท้องพระมหาสมุทร ทั้ง ๔, และสมเด็จพระพุทธเจ้า, อันจักได้ตรัสรู้,
ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า, และสมเด็จพระพุทธเจ้า, อันจักได้ตรัสรู้, ในปัจจุบันนี้,
ขอจงมาบังเกิด, ในจักขุทวาร โสตทวาร, ฆานทวาร ชิวหาทวาร, กายทวาร มโนทวาร,
แห่งข้าพระพุทธเจ้า,ในกาลบัดเดี่ยวนี้เถิด,
อุกาสะ, ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนา, พระนพโลกุตตรธรรมเจ้า, ๙ ประการ,
ในอดีตาลที่ล่วงลับไปแล้ว, จะนับจะประมาณมิได้,และพระนพโลกุตตรธรรมเจ้า, ๙ประการ,
ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า, และพระนพโลกุตตรธรรมเจ้า, ๙ประการ, ในปัจจุบันนี้,
ขอจงมาบังเกิด, ในจักขุทวาร โสตทวาร, ฆานทวาร ชิวหาทวาร,กายทวาร มโนทวาร,
แห่งข้าพระพุทธเจ้า, ในกาลบัดเดี่ยวนี้เถิด,
อุกาสะ, ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนา, พระอริยสงฆ์กับสมมติสงฆ์, ในอดีตกาลที่ล่วงลับไปแล้ว,
จะนับจะประมาณมิได้,พระอริยสงฆ์กับสมมติสงฆ์, ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า,
พระอริยสงฆ์กับสมมติสงฆ์, ในปัจจุบันนี้, ขอจงมาบังเกิด,ในจักขุทวาร โสตทวาร,
ฆานทวาร ชิวหาทวาร, กายทวารมโนทวาร, แห่งข้าพระพุทธเจ้า, ในกาลบัดเดี่ยวนี้เถิด,
คำอธิษฐาน
ขอเดชคุณพระพุทธเจ้า, คุณพระธรรมเจ้า, คุณพระสงฆเจ้า,คุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์
(ท่านหญิงว่า...คุณครูบาอาจารย์นะ),คุณมารดาบิดา, คุณทานบารมี ศีลบารมี,
เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี, วิริยบารมี ขันติบารมี, สัจจบารมี อธิษฐานบารมี,
เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี, ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา,นับตั้งแต่ร้อยชาติพันชาติ,
หมื่นชาติแสนชาติก็ดี,ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา, ในปัจจุบันนี้, ตั้งแต่เล็กแต่น้อย,
จะระลึกได้ก็ดี มิระลึกได้ก็ดี, ขอบุญบารมีทั้งหลายเหล่านั้น,จงมาช่วยประคับประคองข้าพเจ้า,
ขอให้ข้าพระพุทธเจ้า,ได้สำเร็จมรรคและผล,ในกาลปัจจุบันนี้เทอญฯ นิพพานะปัจจะโยโหตุฯ
(กราบ๓ครั้ง)
Ref: monvitarn.pdf
#6
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 08:52 AM
#7
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 11:26 AM
ยะมะหังสัมมาสัมพุทธัง, ภะคะวันตังสะระณังคะโต, (ท่านหญิงว่า...สะระณัง คะตา)...___By ท่าน 'niwat'






ไฟล์แนบ
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#8
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 11:30 AM
#9
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 12:00 PM
มีอะไรที่ใครขาด ก็ช่วยกันเติมให้เต็ม
ขอให้เป็นพี่เป็นน้องกันไปทุกภพทุกชาติเลยนะคะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#10
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 12:37 PM
แปลว่าอะไรบ้างค่ะ คุณสิริปโภ ขอบคุณค่ะ
พอดีไปเจอบทความนี้มาเลยนำมาแบ่งปัน
๑. จักขุทวาร
ได้แก่ ทวารทางตา เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของจักขุวิญญาณ คือจิตเห็น หรือ นามเห็น
๒. โสตทวาร
ได้แก่ ทวารทางหู เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของโสตวิญญาณ คือจิตได้ยิน หรือ นามได้ยิน
๓. ฆานทวาร
ได้แก่ ทวารทางจมูก เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของฆานวิญญาณ คือจิตรู้กลิ่น หรือ นามรู้กลิ่น
๔. ชิวหาทวาร
ได้แก่ ทวารทางลิ้น เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของชิวหาวิญญาณ คือจิตรู้รส หรือ นามรู้รส
๕. กายทวาร
ได้แก่ ทวารทางกาย เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของกายวิญญาณ คือจิตรู้การสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งหย่อนตึง หรือ นามรู้การสัมผัส
๖. มโนทวาร
ได้แก่ ทวารทางใจ เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของมโนวิญญาณ คือจิตคิดนึก รู้สึก หรือ นามคิดนึก นามรู้สึก
(จาก http://my.abhidhamonline.org )
#11
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 01:50 PM
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
ข้าพระพุทธเจ้าขอวโรกาส ที่ได้พลั้งพลาดด้วยกาย วาจา ใจ,
สัพพัง อะปะระธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด.
อย่าไปดูถูก....ว่าเธอสร้างไม่ได้ หรือเธอไม่ได้สร้าง
ไม่มีใครทราบ....เพราะแผนภูมินี้หลวงพ่อเป็นคนวาง
เราไม่มีสิทธิ์ทราบ.....ว่าเราจะเดินไปตรงนั้นตรงนี้แล้วเราจะเจอใคร
อย่างเดียวที่ทำ คือทำตามคำสั่ง และทำด้วยความเต็มใจเท่านั้นเอง
ร่างกายมีไว้สร้างบารมี.....ไม่ได้มีไว้โชว์ชาวบ้าน
เนื้อหนังมีไว้ให้แข็งแรง.....เพื่อเป็นทางผ่านของกระแสบุญ
และจะได้ฉายแสงออกมาได้.....ไม่ได้เอามาเปิดโชว์คนอื่นเขา
แต่งตัวให้งามแต่งยาก......แต่งตัวให้สวยแต่งง่าย
พระจันทร์ส่องแสงเองไม่ได้
แล้วจะไปนึกทำไหม.....จะหยิ่งไปทำไมกัน
แสงที่มา คือแสงของตะวัน
สิ่งที่เราทำได้ คือสะท้อนแสงให้ดีที่สุด
.........ธรรมะจากป้าใส.........
"An ounce of action is worth a ton of theory"
#12
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 02:00 PM
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ
หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
#13
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 07:38 PM