ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ความเข้าใจถูกในการสร้างบารมี


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 03:02 PM

ความเข้าใจถูกในการสร้างบารมี (ตอนที่ 2)

เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)


เมื่อครั้งที่แล้วได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า “บารมี” มีความหมายอยู่ ๒ ประการด้วยกัน คือ

๑. บารมี หมายถึง บุญที่มีคุณภาพพิเศษ ซึ่งเกิดจากการทำความดีอย่างถูกหลักวิชชา ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และทำอย่างต่อเนื่อง

๒ . บารมี หมายถึง นิสัยเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบุญ สร้างกุศลเพื่อ ขจัดความชั่วให้หมดไปจากใจ มีแต่ความบริสุทธิ์สะอาด
ของความดีมั่นคงอยู่ในใจ อย่างถาวรตลอดกาล

กิเลสคืออะไร

มนุษย์ทุกคนย่อมมีทั้งนิสัยดีและไม่ดีอยู่ในตัว แล้วยังพบอีกว่า นิสัยที่ไม่ดีเหล่านั้น มักจะเกิดจากการทุ่มเทชีวิตทำในสิ่งร้ายๆ ส่วนนิสัยที่ดี
กลับไม่ได้เกิดจากการทุ่มเทชีวิตในการสร้างบุญกุศล เพราะฉะนั้นตลอดเวลาชีวิตที่ผ่านมา พวกเราจึงแพ้ใจตัวเอง ไปทำในสิ่งที่ไม่ดีกันเป็นประจำ

สาเหตุที่คนเราชอบทำความชั่ว จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยที่ไม่ดี ก็เพราะว่ามีสิ่งหนึ่งเข้ามาฝังอยู่ในใจตั้งแต่เกิด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกสิ่งนั้นว่า กิเลส ซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ ตระกูลใหญ่ๆ คือ โลภะ โทสะ และโมหะ เจ้ากิเลสทั้ง ๓ ตระกูลนี้พอกำเริบขึ้นมาเมื่อใด มันจะทั้งกัดกร่อน บีบคั้นบังคับ กดดัน กดขี่สารพัด เพื่อทำให้ใจของมนุษย์เสื่อมคุณภาพ ส่งผลให้มนุษย์ชอบคิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่วเป็นปกติจนกระทั่งกลายเป็นนิสัยที่ไม่ดี ติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้กำจัดกิเลสเหล่านี้ออกไปจากใจ ด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งก็คือ การสร้างบารมี นั่นเอง

บารมี ๑๐ ทัศ ถ้าใครเคยศึกษาพุทธประวัติคงจำกันได้ เมื่อท่านสุเมธดาบสได้รับพยากรณ์ ว่าอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัปข้างหน้า
จะได้ไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็สำรวจตรวจสอบตัวเอง ปรากฏว่าสิ่งที่ท่านจะต้องทุ่มเทชีวิตทำนั้น มีอยู่ ๑๐ ประการคือ

๑. ทานบารมี
เราต้องสร้างทานบารมีอย่างเต็มที่ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เข้าทำนองที่ว่า ยอมตายไม่ยอมหวง เพื่อกำจัดกิเลสตระกูลโลภะให้หมดไปจากใจ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นหลักประกันว่า จะเกิดอีกกี่ภพกี่ชาติก็ตาม นอกจากไม่ยากจน ไม่โลภอยากได้ของใครแล้ว ยังสามารถช่วยอุปการะคนอื่น
และเป็นต้นแบบแห่งการทำทาน ให้กับชาวโลกในยุคต่อๆไปได้อีก

๒. ศีลบารมี
เราต้องสร้างศีลบารมีเพื่อกำจัดกิเลสตระกูลโทสะ เพราะเมื่อโทสะเกิดขึ้นกับใคร ก็จะทำให้คนๆนั้น คิดแต่จะทำลาย คิดแต่จะทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นอยู่ร่ำไป เพราะฉะนั้นอย่างน้อยต้องรักษาศีล ๕ ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งเกิดเป็นนิสัยยอมตายไม่ยอมทำความชั่ว แม้มีใครเอามีดมาจ่อคอ เอาปืนมาจ่อหัว บังคับให้ทำความชั่ว ก็ไม่ยอมทำเด็ดขาด ใครทำได้อย่างนี้ ย่อมเป็นหลักประกันว่า เมื่อมีชีวิตอยู่จะเป็นผู้ที่ไม่มีเวร ไม่มีภัยกับใคร แม้ตายไปก็ไม่ตกนรก ต้องได้ไปสวรรค์แน่นอน หรือถ้าไม่ได้ไปสวรรค์ ก็ยังได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ได้สร้างบารมีต่อไปอีก และจากศีลที่รักษาไว้ดีแล้วจะทำให้เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน แถมเป็นผู้ที่มีอายุยืนอีกด้วย

๓. เนกขัมมบารมี
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรียกโลกนี้ว่า กามภพ แปลว่า ภพที่ยังเกี่ยวข้องอยู่กับกาม คือยังยินดีอยู่กับรูปสวยๆ เสียงเพราะๆ กลิ่นหอมๆ รสอร่อยๆ และสัมผัสที่นุ่มนวล พูดง่ายๆ ยัง “ ติดเหยื่อ ” ที่พญามารเอามาล่ออยู่ ใครไปติดเหยื่อล่อของพญามารเข้า ก็เหมือนอย่างกับ “ ติดคุก ” นั่นแหละ แต่ว่าเป็นคุก หรือเป็นเครื่องพันธนาการที่หลวมๆ เช่น พอแต่งงานก็เหมือนอย่างกับถูกมัดมือ มีลูกก็เหมือนอย่างกับถูกมัดคอ มีทรัพย์สมบัติก็เหมือนอย่างกับถูกมัดเท้า จะไปไหนก็ไม่ได้ เป็นต้น เพราะฉะนั้น ต้องบำเพ็ญเนกขัมมบารมี ด้วยการรักษาศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ เพื่อพรากออกจากรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส จะได้หลุดออกมาจากกามภพ คือยอมตายไม่ยอมตกเป็นทาสกามอีกต่อไป

๔.ปัญญาบารมี
ในการแก้ไขปัญหาอะไรก็ตาม ย่อมต้องใช้ปัญญาทั้งนั้น ถ้าาใครอยากฉลาดก็ต้องหาปัญญามาใส่ตัว แต่ว่าปัญญาของมนุษย์มีอยู่ ๓ ระดับด้วยกัน คือ
ระดับที่ ๑ ปัญญาที่เกิดจากการจำ เรียกว่า สุตมยปัญญา
ระดับที่ ๒ ปัญญาที่เกิดจากการคิด เรียกว่า จินตมยปัญญา
ระดับที่ ๓ ปัญญาที่เกิดจากการทำภาวนา เรียกว่า ภาวนามยปัญญา
ปัญญาของมนุษย์ทั่วไปเป็นปัญญาในระดับที่ ๑ กับระดับที่ ๒ ยกเว้นผู้ที่ฝึกสมาธิมาดี จึงจะได้ปัญญาในระดับที่ ๓ เพราะว่าภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดจากการทำสมาธิ จนกระทั่งรู้จักเหตุ รู้จักผลที่แท้จริง และจัดว่าเป็นยอดของปัญญา โดยขั้นต้นต้องตระเวนหาครูบาอาจารย์ที่สามารถสอนการทำสมาธิภาวนาให้ได้ก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อพบแล้วก็ให้ท่านช่วยเคี่ยวเข็ญในเรื่องการทำภาวนาให้ แต่การที่จะฝึกฝนตนเองให้ได้อย่างอาจารย์นั้น ยิ่งยากขึ้นไปอีก ต้องทุ่มเทชีวิตทำสมาธิภาวนา ชนิดยอมตายไม่ยอมโง่ จึงจะมีสิทธิได้ปัญญาบารมี

๕. วิริยบารมี
วิริยะ มาจากคำว่า “วีระ” แปลว่า กล้า คือ กล้าที่จะตัดใจจากสิ่งไม่ดี และกล้าที่จะแข็งใจทำสิ่งดีๆ ให้ยิ่งขึ้นไป ใจของมนุษย์คุ้นกับกิเลสเหมือนกับปลาคุ้นน้ำ พอจะต้องพรากจากนิสัยไม่ดี นอกจากใจจะดิ้นรนเพื่อย้อนกลับไปทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามความคุ้นเคยแล้ว ใจยังต่อต้านสิ่งที่ดีๆ อีกด้วย เพราะฉะนั้น ต้องกล้าทำชนิดที่ยอมตายไม่ยอมถอยจากการแข็งใจสร้างความดีอย่างเด็ดขาด

๖.ขันติบารมี
ขันติ คือ ความอดทน ซึ่งคนส่วนมากมักจะมุ่งไปในเรื่องการทนแดด ทนลม ทนฝน ทนความเจ็บป่วย แต่ว่ายังมีความอดทนที่ยากยิ่งกว่านั้นอีก ยกตัวอย่าง เวลาที่คิดทำความดีอะไรก็ตาม จะมีคนอยู่ ๓ ประเภท คือ พวกที่เห็นดีด้วย พวกที่เฉยๆ และพวกที่ต่อต้าน พวกเห็นดีด้วยก็สรรเสริญ พวกไม่เห็นด้วยก็นินทา เพราะฉะนั้นต้องอดทนต่อคำสรรเสริญและคำนินทาให้ได้ ไม่อย่างนั้นแพ้แน่นอน คือไม่ว่าจะโดนชม โดนด่าอย่างไร ยอมตายไม่ยอมแพ้ นั่นเอง

๗. สัจจบารมี
สัจจะ แปลว่า ความจริงใจ ความจริงจัง ความตรง คือ ไม่เหยาะแหยะ ไม่คด การทุ่มเทปฏิบัติธรรมแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ก็เพื่อให้เข้าถึงธรรมะ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ อยู่ภายในร่างกายที่กว้างศอก ยาววา หนาคืบของตนเอง เนื่องจากเป็นธรรมชาติที่แสนจะบริสุทธิ์ เมื่อใครสามารถเข้าถึง กิเลสที่อยู่ในใจจะถูกกำจัดออกไปจนหมด แล้วปัญญาก็จะเกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้น ต้องปฏิบัติธรรมกันอย่างจริงจัง ไม่ใช่ทำเล่น ๆ จริงแค่ไหน จริงแค่ชีวิต คือ ยอมตายไม่ยอมคด ไม่ยอมทรยศทิ้งธรรมะที่อยู่ในตัว หากยังเข้าไม่ถึงธรรมดวงนี้ จะตายก็ให้ตายไปเถอะ

๘ . อธิษฐานบารมี
อธิษฐานบารมี เป็นเรื่องของการวางแผนที่จะกำจัดกิเลส ให้หมดสิ้นไปจากใจ อย่างรัดกุม รอบคอบ และกว้างไกล อุปมาเหมือนการสร้างบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจึงต้องเขียนแบบบ้านเป็น พิมพ์เขียวขึ้นมาก่อน เช่นเดียวกัน เมื่อรู้รายละเอียดเกี่ยวกับกรรมดี และกรรมชั่วแล้ว ต้องอธิษฐานเป็นผังสำเร็จเอาไว้ เวลาทำบุญอะไรจะได้อธิษฐานตามผังที่ตั้งไว้นั้น โดยเอาบุญที่ทำเป็นงบประมาณ เอาคำอธิษฐานเป็นแบบพิมพ์เขียว ทำอย่างนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาด ส่วนรายละเอียดในการอธิษฐานควรมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอธิษฐานเป็นประจำ เพราะฉะนั้น การอธิษฐานจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ยอมตายไม่ยอมเปลี่ยนใจ นั่นเอง

๙. เมตตาบารมี
เมื่อตรองให้ดีแล้วจะพบว่า การที่มีโอกาสปฏิบัติธรรมมาจนกระทั่งถึงวันนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะความสามารถของใครเพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่ว่าตั้งแต่เกิดมา มนุษย์ทุกคนย่อมได้รับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จากคนรอบข้างมาตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้น พอฝึกสมาธิมากเข้า แล้วระลึกชาติไปดูจะพบว่า มนุษย์ทั้งโลกนี้ที่ไม่เคยเป็นญาติกันนั้นไม่มี เพราะฉะนั้น ต้องฝึกให้มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ทั่วหน้า มีทางโปรดใครได้โปรดกันไป ต้องหอบหิ้วกันไปให้หมด ชนิดยอมตายไม่ยอมไร้น้ำใจ


๑๐. อุเบกขาบารมี
อุเบกขาเป็นเรื่องของความยุติธรรมและมีสติ ไม่ใช่มีอุเบกขาแบบตอไม้ ที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะว่าไม่มีชีวิต หรือว่ามีชีวิตอย่างควายที่อยู่ในทุ่งนา แต่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะว่าไม่มีสติ การทำให้ใจให้มั่นคงอยู่ในธรรมะภายใน โดยไม่หวั่น ไม่ไหว ไม่กระฉอกเลยนั้น เว้นจากการทำภาวนาแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว อย่างอื่นย่อมทำไม่ได้ ยกตัวอย่าง คนที่มีพระคุณกับเรามากๆ เช่น คุณพ่อ คุณแม่ เป็นต้น เวลาไปชวนให้มาวัด ท่านก็ไม่ยอมมา จะไปว่าท่านก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะตกนรกกันเสียอีก อย่างไรก็ตาม อย่าให้เสียอารมณ์ อย่าให้มีความโกรธ อย่าให้มีความคิดที่ไม่ดีต่อท่าน แต่ทำสมาธิให้มากๆ จนกระทั่งท่านเห็นความดีแล้วยอมมาวัดกับเรา ก็จะเป็นอุเบกขาบารมีของเรา คือ ยอมตายไม่ยอมหวั่นไหว

บารมีทั้ง ๑๐ ทัศที่สร้างมาตามลำดับ จากวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า จนกระทั่งใจคุ้นอยู่กับความดี ในที่สุดความดีเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นพื้นฐานของมรรคมีองค์ ๘ และเป็นพื้นฐานแห่งการตรัสรู้ธรรมของเราต่อไปในภายภาคหน้า
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#2 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 03:09 PM

น่าจะเอาไปที่บทความดี๊ดีนะคะหุหุ อนุโมทนาทุกบทความเลยนะค่ะดีจังเลย
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#3 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 03:10 PM

Thanks a lot for reminding us of this again.

You are so kind for bringing up interesting dhamma today.

May I rejoice with your merits.

Sathu Sathu Sathu laugh.gif smile.gif happy.gif


ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#4 ภสสรจิตโต

ภสสรจิตโต
  • Members
  • 140 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:บางบัวทอง นนทบุรี
  • Interests:ธรรมทายาท n21/590

โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 03:27 PM

ดีจริงๆเลยครับ เข้าใจมากขึ้นหลังจากอ่านบทความนี้
อนุโมนาครับ

#5 MIHARU

MIHARU
  • Members
  • 620 โพสต์
  • Interests:พระพุทธศาสนา<br />วิทยาศาสตร์

โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 04:05 PM

ขอบคุณค่ะ จะตั้งใจสั่งสมบารมีต่อไป เป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ
Relax & Alert

#6 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 04:45 PM

เราลองมาคิดกันแบบไม่ได้ซีเรียสนะครับว่า สำหรับเราแล้วเห็นว่า บารมีข้อไหน สร้างง่ายหรือยากที่สุด เพราะเหตุใด
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#7 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 05:05 PM

ความอดทนสร้างยาก

แต่ก็ไม่เคยเกินความพยายามของมนุษย์


บารมี แม้จะยากหรือง่าย ก็เป็นบทฝึกที่เราต้องทำให้ผ่านไปให้ได้
เหมือน ป1 ขึ้น ป2 ไปเรื่อยๆ ....... และทำไปเรื่อยๆ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#8 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 06 October 2006 - 05:30 PM

ดีครับหามาให้อ่านจะได้เอาไปปฏิบัติ เห่อเรายังไม่ได้นิดนึ่งเลยเห่อ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#9 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 09 October 2006 - 02:28 PM

ทานบารมีสร้างง่ายที่สุด และต้องทำเป็นอันดับแรก เหมือนการสร้งฐานเจดีย์

เมื่อฐานมั่นคงแล้ว ชั้นต่อไปก็ต้องสร้างเป็นลำดับ คือ ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา จะหนุนกันและกันขึ้นไปตามลำดับ

และอุเบกขา เป็นบารมีที่สร้างยากที่สุดในบรรดาบารมีทั้งหมด เพราะต้องอาศัยฐานของบารมีทั้ง ๙ หนุนขึ้นมา อุเบกขาจึงจะเกิด เหมือนการสร้างยอดเจดีย์ ถ้าส่วนอื่นของเจดีย์ยังสร้างไม่เสร็จ ยอดก็ยังสร้างไม่ได้ และส่วนยอดเป็นส่วนสำคัญ และมีคุณค่าความสวยงาม มากนักแล
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก