มีหน้าที่จัดซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด รำ กากถั่ว จะมีวิบากกรรมอะไรบ้างครับ

จะมีวิบากกรรมไหม
เริ่มโดย เทพบุตรเพชรพลอย, Sep 10 2005 04:53 PM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 04:53 PM
#2
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 05:38 PM
ก็ลองฟังจากตัวอย่างของพระโสดาบันท่านหนึ่งสิครับ ในสมัยพุทธกาล มีหญิงนางหนึ่ง ได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ต่อมา เมื่อนางโตเป็นสาว ได้พบชายหนุ่มนายพรานต้องตาต้องใจ รักแรกพบเกิดขึ้น จึงได้หนีตามชายหนุ่มไปอยู่ด้วยกัน
ทุกๆ วัน นางจะส่งธนู หน้าไม้ อุปกรณ์ล่าสัตว์ต่างๆ ให้สามีนายพราน ไปทำมาหากิน (คงไม่ต้องบอกว่า นายพรานทำมาหากินอย่างไรนะครับ) แล้วเมื่อนายพรานล่าเนื้อมาได้ นางก็นำเนื้อนั้น ไปปรุงอาหารให้ทั้งตน สามี และลูกรับประทาน
เหตุการณ์ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยไป จนกระทั่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด โดยพระองค์ไปปล่อยเนื้อที่นายพรานวางกัปดักไว้ พอนายพรานมาเห็นเช่นนั้น ก็โกรธ จึงเล็งยิงธนูไปยังพระองค์ แต่ด้วยพุทธานุภาพนายพราน ก็ขยับตัวไม่ได้ ราวกับถูกคาถา นะจังงัง ยังไงยังงั้นเลย ยืนง้าวธนูนิ่งอยู่ ฝ่ายภรรยา เห็นสามีกลับบ้านผิดเวลา จึงให้ลูกๆ ไปตาม พอลูกๆ ไปเห็นพ่อกำลังเล็งยิงพระพุทธเจ้า ก็เข้าใจว่า นั่นคือศัตรูของพ่อ จึงยกธนูขึ้นเล็งจะยิงพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน แล้วก็ขยับตัวไม่ได้ ยืนนิ่งอยู่เช่นเดียวกับนายพรานเช่นเดียวกัน
ตอนนี้ ภรรยาจึงต้องออกมาเอง พอนางเดินมาเห็นสามีและลูก กำลังจะเล็งยิงพระพุทธเจ้าเท่านั้น นางจึงร้องตะโกนไปว่า "หยุด อย่ายิงพ่อของฉัน" พอสามีได้ยินเช่นนี้ ก็นึกว่า คนนี้สงสัยเป็นพ่อตา จึงคิดลดธนูลง พอคิดเท่านั้น ก็ขยับตัวได้ดังเดิม ส่วนลูกๆ ก็คิดว่า นี้คงเป็นคุณตา จึงคิดลดธนูลงเช่นกัน แล้วก็ขยับตัวได้
พระพุทธเจ้าเทศน์โปรดทุกคน สามีและลูกๆ บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน แล้วก็เลิกอาชีพนายพรานแต่บัดนั้นมา
พระภิกษุทั้งหลายสนทนากันเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ภรรยาเป็นพระโสดาบัน ทำไมไปส่งธนู อุปกรณ์การล่าสัตว์ให้สามีล่ะ อย่างนี้บาปหรือไม่
พระพุทธเจ้าเดินมา จึงตรัสว่า บาปย่อมไม่มีแก่ลูกของเรา ที่นางทำเช่นนั้น เพราะต้องการทำหน้าที่ของภรรยาให้ดีที่สุด จึงไม่มีบาปอันใด
ทุกๆ วัน นางจะส่งธนู หน้าไม้ อุปกรณ์ล่าสัตว์ต่างๆ ให้สามีนายพราน ไปทำมาหากิน (คงไม่ต้องบอกว่า นายพรานทำมาหากินอย่างไรนะครับ) แล้วเมื่อนายพรานล่าเนื้อมาได้ นางก็นำเนื้อนั้น ไปปรุงอาหารให้ทั้งตน สามี และลูกรับประทาน
เหตุการณ์ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยไป จนกระทั่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด โดยพระองค์ไปปล่อยเนื้อที่นายพรานวางกัปดักไว้ พอนายพรานมาเห็นเช่นนั้น ก็โกรธ จึงเล็งยิงธนูไปยังพระองค์ แต่ด้วยพุทธานุภาพนายพราน ก็ขยับตัวไม่ได้ ราวกับถูกคาถา นะจังงัง ยังไงยังงั้นเลย ยืนง้าวธนูนิ่งอยู่ ฝ่ายภรรยา เห็นสามีกลับบ้านผิดเวลา จึงให้ลูกๆ ไปตาม พอลูกๆ ไปเห็นพ่อกำลังเล็งยิงพระพุทธเจ้า ก็เข้าใจว่า นั่นคือศัตรูของพ่อ จึงยกธนูขึ้นเล็งจะยิงพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน แล้วก็ขยับตัวไม่ได้ ยืนนิ่งอยู่เช่นเดียวกับนายพรานเช่นเดียวกัน
ตอนนี้ ภรรยาจึงต้องออกมาเอง พอนางเดินมาเห็นสามีและลูก กำลังจะเล็งยิงพระพุทธเจ้าเท่านั้น นางจึงร้องตะโกนไปว่า "หยุด อย่ายิงพ่อของฉัน" พอสามีได้ยินเช่นนี้ ก็นึกว่า คนนี้สงสัยเป็นพ่อตา จึงคิดลดธนูลง พอคิดเท่านั้น ก็ขยับตัวได้ดังเดิม ส่วนลูกๆ ก็คิดว่า นี้คงเป็นคุณตา จึงคิดลดธนูลงเช่นกัน แล้วก็ขยับตัวได้
พระพุทธเจ้าเทศน์โปรดทุกคน สามีและลูกๆ บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน แล้วก็เลิกอาชีพนายพรานแต่บัดนั้นมา
พระภิกษุทั้งหลายสนทนากันเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ภรรยาเป็นพระโสดาบัน ทำไมไปส่งธนู อุปกรณ์การล่าสัตว์ให้สามีล่ะ อย่างนี้บาปหรือไม่
พระพุทธเจ้าเดินมา จึงตรัสว่า บาปย่อมไม่มีแก่ลูกของเรา ที่นางทำเช่นนั้น เพราะต้องการทำหน้าที่ของภรรยาให้ดีที่สุด จึงไม่มีบาปอันใด
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#3
โพสต์เมื่อ 11 September 2005 - 02:18 AM

"ถ้ามือไม่มีแผล บุคคลสามารถนำยาพิษนั้นไปได้ ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ที่ไม่กระทำ ฉันนั้น"
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
#4
โพสต์เมื่อ 13 September 2005 - 10:36 PM
ไม่น่าจะมีนะครับ
#5
โพสต์เมื่อ 07 July 2006 - 03:46 PM
ขึ้นกับเจตนาที่จะฆ่า..
เมื่อไม่มีเจตนาฆ่า
ไม่ได้ฆ่า
ไม่ยินดีในการฆ่า
ก็ไม่มีบาปจากการฆ่านั้น
เมื่อไม่มีเจตนาฆ่า
ไม่ได้ฆ่า
ไม่ยินดีในการฆ่า
ก็ไม่มีบาปจากการฆ่านั้น
#6
โพสต์เมื่อ 04 February 2007 - 11:57 AM
กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ