ไปที่เนื้อหา


usr17721

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 12 Jul 2007
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Nov 30 2008 07:24 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: กสิณไฟ ต่างจาก ธรรมกาย อย่างไร?

11 March 2008 - 02:00 PM

ตามความเข้าใจของข้าพเจ้าจากการที่ศึกษาธรรมะและได้ปฏิบัติมา.......
กสิณไฟ กับ อาโลกกสิณ ต่างก็เป็น ๑ ใน ๑๐ ของกสิณ ๑๐ กอง
ของกรรมฐาน ๔๐ ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้....
เป็นสมถกรรมฐานเหมือนกัน ใช้นิมิตเพ่ง นึก ตรึกหรือระลึกถึงเหมือนกัน
จะต่างกันที่วรรณะของกสิณที่ใช้เท่านั้น ส่วนของพระธรรมกายนั้นใช้บริกรรมนิมิต
วางไว้ที่ศูนย์กลางกลางฐานที่ ๗ แบบอื่นมักจะวางไว้ที่อื่น เช่นนอกตัวบ้างหรือ
วางไว้ภายในตัวแต่ไม่ใช้ฐานที่ ๗ เช่นหน้าผากหรือกึ่งกลางระหว่างคิ้ว,หน้าอก
เป็นต้น อารมณ์...การเข้าถึง(ไม่ใช่ขอถึงหรือพูดถึง) จะเหมือนกัน ต่างกันที่วรรณะ
ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิหรือโพธิญาณ/ผู้ที่เคยฝึกมาแล้วแต่อดีตชาติ
ก็มักจะฝึกกสิณในหลายๆกอง ทั้งกสิณไฟ อาโลกกสิณ อาโปกสิณ วาโยกสิณ ฯลฯ
ซึ่งถ้าฝึกกองใดกองหนึ่งสำเร็จแล้ว กสิณกองอื่นก็ฝึกเหมือนกัน ต่างแต่นิมิตที่ใช้เท่านั้น
ถ้าผู้ที่อยู่ในส่วนการฝึกของวิชชาธรรมกายนั้น ให็หาดูได้ในหนังสือ "คู่มือสมภาร" จะมี
รายละเอียดของการฝึกกสิณ ๑๐ กอง เดินวิชชาเข้า...ซ้อนๆกัน อันมีผลต่อการเดินสมาบัติฯ
ซึ่งพอจะกล่าวได้ว่า กสิณไฟต่างกับธรรมกาย อย่างไรนั้น.........อยู่ที่มุมมองของแต่ละบุคคล
มากกว่า....ตามความเข้าใจของข้าพเจ้านั้น(ดังที่กล่าวมาข้างต้น)ไม่ต่างกันและเป็นส่วนหนึ่ง
ของเกือบทุกวิชชา ในทุกๆสาย...ที่ต้องใช้(กรณีที่ต้องการด้านพละกำลังของสมาธิ/สมถกรรมฐาน)
ซึ่งวิชชาธรรมกายก็ได้กล่าวถึงและเป็นรายละเอียดที่ต้องเข้าถึงเหมือนกัน ในการเดินสมาบัติฯ
ของการฝึกสมาธิในชั้นสูง ต่อไป

หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยและขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
(เนื่องจากเคยเขียนข้อความลงกระทู้แล้วโดน ลบ ตบแต่งข้อความ.......
ที่เขียนมาทั้งหมดข้าพเจ้าก็ฝึกฝนอยู่ในแนววิชชาธรรมกายที่พูดหรือกล่าวมาแล้วข้างต้นด้วย)

ในกระทู้: สร้างพระประจำตัว

14 December 2007 - 09:45 AM

โมทนาสาธุด้วยครับ.....สาธุ
ไปที่วัดพระธรมกายได้เลยครับ...หรือตามสาขาหรือภาคที่มีผู้ประสานงานอยู่

ส่วนตัวผมอยู่ภาคเหนือ......ได้มาร่วมสร้างถวายปัจจัยที่วัดพระธรรมกาย เลย
ไม่มีอะไรยุ่งยากเลยครับ ส่วนรายละเอียดน่าจะอยู่ที่เรามากกว่าครับ
พร้อมกับสะดวก เมื่อไรเท่านั้นเอง
ขอโมทนาสาธุ...อีกรอบครับ.....สาธุ...สาธุ...สาธุ

***********************************
แก้ไขโดย ฟ้าร้าง

ในกระทู้: อยากจะเอาพระของขวัญเข้าพิธีปลุกเสกตามวัดต่างๆ

11 December 2007 - 10:36 AM

พระอยู่ที่ใจ ใจเราต้องเป็นพระ เราต้องมีความเชื่อมั่นความศรัทธา
บางที่ บางทีพระหรือเพียงแค่รูปภาพ ไม่ได้ผ่านการปลุกเสกแต่อย่างใด แต่บุคคลนั้นมีความเคารพ เชื่อมั่น
ศรัทธา มั่นคงต่อคุณงามความดี ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็แคล้วคลาดภัยอันตรายต่างๆมีให้เห็น
หรือลงหน้าหนังสือพิมพ์มาก็มาก ผมจะยกเรื่องเล่าที่ได้ยินได้ฟังมาพอสังเขปดังนี้ มีทหารผู้หนึ่งออกรบ
ในสงครามซึ่งก็อยู่แนวหน้า ต้องปะทะกับข้าศึกอยู่ตลอดเวลาเพื่อนๆของเขาต่างพกเครื่องรางของขลัง
พระเครื่องกันเต็มอัตราศึก ซึ่งตัวเขาเองนั้นเป็นอิสลาม...เขานึกถึงแม่เขาตลอดเวลา ผู้บังเกิดเกล้าเลี้ยงดู
เขามา บุญคุณหาประมาณไม่ได ้เขารับใช้ชาติและหาเงินเลี้ยงแม่ เขาต้องทำความดีปกป้องประเทศชาติ
ที่สำคัญเขาอาจจะไม่สามารถกลับมาเห็นหน้าแม่ก็ได้ เขาจึงเอาผ้าถุง(ซิ่น)แม่ตัดมาทำเป็นเชือกคล้องคอ
ไว้ ชีวิตอาจหาไม่ขอแม่จงช่วยคุ้มครองลูกด้วยเถิด ..........................นี้
เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ........การศึกไม่เข้าข้าง... เขาต้องปะทะกับข้าศึกตลอดเวลา
แต่...........เขาก็พลาด....วินาทีนั้นเอง....เขาถูกข้าศึกถล่มด้วยกระสุนต่างๆนานา...เขาถูกยิง........
เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นของลูกกระสุน....เพื่อความอยู่รอด ห่าลูกกระสุนก็พุ่งจากปากกระบอกปืน
ของเขายังกับห่าฝน.....การศึกสงบลง....แต่เลือดหาได้ไหลออกจากบาดแผล...เขาฉงน..และตรวจดู
...ปรากฏว่า....เขาถูกยิง...แต่ไม่เข้า..เป็นเพียงแต่เสื้อเป็นรูจากลูกกระสุนปืนเท่านั้น
ข้าพเจ้ายกเรื่องนี้มาเล่า.....อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง บุญฤทธิ์ก็มีจริงเช่นกัน ก็ขึ้นอยู่กับผู้นั้นด้วยว่ามี
กรรมที่ทำมาด้วย ดีหรือไม่ มีศีล(อย่างน้อยศีล๕)ครบหรือไม่ เป็นภาชนะที่รองรับคุณความดีต่างๆได้หรือไม่
เมื่อก่อนข้าพเจ้าห้อยพระเต็มคอเลย....ใจก็มีพระอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้มากมายนัก แต่พอพระภายใน
ตัวของข้าพเจ้าเริ่มชัดเจนขึ้น ทำให้รู้และชัดเจนว่าถ้าตายไป พระที่ห้อยคอหรือพกติดตัวเรานั้นท่านไม่ได้
ไปกับเรา ไม่ว่าภพไหนๆ แต่พระภายในตัวนั้นแหละจะตามไปช่วยและคุ้มครองเราไปทุกภพทุกชาติ ส่วนเรื่อง
ของพลังพระนั้น ข้าพเจ้ากับได้ยินได้ฟังมาสวนทางกับท่านและข้าพเจ้าก็เชื่อมั่นในตัวเอง พิสูจน์เอง
โดยการขอทราบพลังพระจากการทำสมาธิของข้าพเจ้า(โปรดใช้วิจารณญาณ)ซึ่งข้าพเจ้าก็ใช้แบบนี้กับ
พระเกือบทุกที่ที่ข้าพเจ้าอยากทราบ ปรากฏว่าพลานุภาพแรงมาก(ถ้าข้าพเจ้าปรามาส พลาดพลั้ง ในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงกาลก็ดี ด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี
ขอจงอดโทษข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด)
ซึ่งข้าพก็มั่นใจในอานุภาพของความศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่างไม่มีประมาณเหมือนกัน
ที่สำคัญ...พระที่อยู่ภายในตัว...ของเรา....เรามาแสวงหาพระภายในกันเถิด...ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่าน
แขวนพระภายในตัวไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ สักวันหนึ่งเราคงเจอกันอย่างพร้อมเพียง ที่พระนิพพาน