บ้านที่ผีชอบอยู่
เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมบ้านบางหลังถึงมีคนเจอผีบางหลังไม่เคยเจอ เป็นไปได้มั้ยว่าลักษณะของบ้านที่แตกต่างกันเป็นตัวกำหนด เหมือนกับคนเราบางคนชอบบรรยากาศแบบภูเขา บางคนชอบทะเล ผีเองก็เคยเป็นคนมาก่อนรสนิยมที่ว่าก็เลยติดตัวไป ทำให้ผีเลือกบ้านที่ตัวเองชอบ และนี่คือสุดยอดเคล็ดลับ “จัดบ้านอย่างไรให้ผีชอบอยู่ หรือวิธีการสร้างบ้านผีสิง นั่นเอง” พร้อมแล้วไปดูกันเลย
1.เลือกทำเลอาถรรพ์เช่น บ้านตรงกันข้ามโบสถ์ วิหาร วัด ศาลเจ้า โรงพยาบาล สุสาน เสา เครื่องหมายจราจร มีปล่องไฟ เป่าลมพุ่งมาหาบ้าน หรือที่เปลี่ยวๆห่างจากชุมชน ถ้าบ้านใครอยู่ในที่ดังกล่าว เรียกได้ว่ามีชัยไปกว่าครึ่งในการเชิญผีมาอยู่เลยทีเดียวล่ะ
2.สร้างด้วยไม้เป็นหลัก สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของความเป็นธรรมชาติ เพราะต้นไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งเหมือนกัน และในบ้านมีเสาเอกให้ด้วยก็แหล่มเลย
3.ทำบริเวณบ้านให้รกครึ้มไปด้วยแมกไม้พฤกษานานาพันธุ์ แถมด้วยต้นไม้ต้องห้ามประเภท ตะเคียน ไทร ซ่อนกลิ่น อะไรพวกนี้ยิ่งถูกใจสุดๆ
4. ฝืนหลักฮวงจุ้ยเท่าที่สามารถทำได้ ยิ่งเยอะยิ่งชอบอยู่ ในศาสตร์ทางวิชาฮวงจุ้ยได้กล่าวถึงลักษณะของบ้านที่มักจะมีผีหรือคนในบ้านมักจะเห็นผี ดังนี้
- ประตูหน้าบ้านมีพลังอิมมาก หมายถึงมีความมืดมาก และทิศทางของหน้าบ้านหันไปทางทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ ตรงช่วง 210 องศา-240 องศา หรือหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงช่วง 30 องศา-60 องศา ซึ่งทางฮวงจุ้ยจะเรียก 2 ทิศทางนี้ว่า ประตูผี
- บ้านที่มีแสงสว่างไม่พอ ภายในบ้านมีบรรยากาศมืด ๆ สลัว ๆ โดยเฉพาะทิศ ตะวันตกเฉียงใต้และทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือมีความมืดมาก ก็จะกระตุ้นให้เกิดพลังอิมมากขึ้น โอกาสเจอผีก็มีสูงตามไปด้วย
- บ้านที่มีรูปทรงของบ้านยาวกว่าปกติ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นบ้านธาตุไม้ อาทิเช่น บ้านห้องแถวมี ทางเดินตรงกลางมืด ๆ ผีก็ชอบอยู่ด้วย
- การสร้างห้องพระตรงกับห้องน้ำ, ประดับประดาด้วยของอัปมงคลต่างๆเช่น เขากระทิง นอแรด, การทำกำแพงให้เก่าสกปรกขึ้นราและทุกวิถีทางที่ทำให้บ้านโทรมที่สุด ฯลฯ
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ การจัดบ้านให้น่าอยู่(สำหรับผี) เป็น D.I.Y. ที่ใครก็ทำได้ ขอให้มีความสนุกกับเพื่อนใหม่ในบ้านนะครับ........โบร๋ววววว
[ข้อมุล จากภาพยนตร์ บ้านผีสิง]
อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า ฮวงจุ้ยได้ยินว่าเป็นกลวิธีสร้างบ้านหรือเป็นความเชื่อที่มีจริง หรือทั้งสองอย่าง ขอความกรุณาด้วยครับ
ไม่เชื่อ แต่ไม่รู้
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: กระทู้: นักรบกองทัพธรรม
นักรบกองทัพธรรม
เป็นสมาชิกตั้งแต่ 22 Aug 2007ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Nov 26 2007 09:44 PM





สถิติเว็บบอร์ด
- กลุ่ม Members
- โพสต์ 54
- ดูโปรไฟล์ 8620
- อายุ ไม่เปิดเผย
- วันเกิด ไม่เปิดเผย
-
Gender
ไม่เปิดเผย
0
Neutral
เครื่องมือผู้ใช้งาน
เพื่อน
นักรบกองทัพธรรม ยังไม่มีเพื่อนในตอนนี้
ผู้เยี่ยมชมล่าสุด
กระทู้ที่ฉันเริ่ม
เรื่องนี้จริงหรือเปล่าครับพี่น้อง
30 October 2007 - 03:42 PM
เรื่องผีๆ ที่คนอยากรู้
22 October 2007 - 03:37 PM
ผมได้ฟังเรื่องเล่าเรื่องผีมามากมายจากสื่อต่าง ๆ เคยได้ยินว่าคนตายเเล้วจามีวิญญาณวนเวียนอยู่ระยะหนึ่งประมาณ3-7วัน
แล้วไปเกิดภพอื่น และมักจะมาที่บ้านหาญาติของตน มาเก็บรอยเท้าอะไรประมาณนี้ ส่วนบางเรื่องคนโดนฆ่า หรือตาย วิญญาณ
ยังวนเวียนอยู่ในห้องหรือที่ๆ ตาย เช่น บ้าน โรงเเรม หอพัก โรงพยาบาล ทำไมไม่ไปเกิด ทำไมผีชอบหลอกกัน เค้าว่ามาขอส่วนบุญ แล้วทำไมไม่มาดีๆ มาหลอกกันทำไม มาแลบลิ้นปริ้นตา แล้วเรื่องผีอำจริงไหม ทำยังไงหาย
บางทีไปนอนขวางประตูผีออกไม่ได้จริงไหม นอนใต้คานแล้วเจอผียังไง นอนขว้างทางเดินผีแล้วเจอ ทำไมไม่เดินทางอื่น เเล้วเรื่องตัวตายตัวแทนมีจริงไหม ผีมักทำคนให้ตายเพื่อให้ไปอยู่ด้วยกันหรือมาแทนแล้วตนไปเกิด งงมากๆ
ปล. รายงานตัวอีกครั้ง
แล้วไปเกิดภพอื่น และมักจะมาที่บ้านหาญาติของตน มาเก็บรอยเท้าอะไรประมาณนี้ ส่วนบางเรื่องคนโดนฆ่า หรือตาย วิญญาณ
ยังวนเวียนอยู่ในห้องหรือที่ๆ ตาย เช่น บ้าน โรงเเรม หอพัก โรงพยาบาล ทำไมไม่ไปเกิด ทำไมผีชอบหลอกกัน เค้าว่ามาขอส่วนบุญ แล้วทำไมไม่มาดีๆ มาหลอกกันทำไม มาแลบลิ้นปริ้นตา แล้วเรื่องผีอำจริงไหม ทำยังไงหาย
บางทีไปนอนขวางประตูผีออกไม่ได้จริงไหม นอนใต้คานแล้วเจอผียังไง นอนขว้างทางเดินผีแล้วเจอ ทำไมไม่เดินทางอื่น เเล้วเรื่องตัวตายตัวแทนมีจริงไหม ผีมักทำคนให้ตายเพื่อให้ไปอยู่ด้วยกันหรือมาแทนแล้วตนไปเกิด งงมากๆ
ปล. รายงานตัวอีกครั้ง
ขอความคิดเห็นเรื่อง จดหมายลูกโซ่
02 October 2007 - 05:48 PM
ท่านผู้รู้ทั้งหลายครับ ผมขอควมคิดเห็นเรื่อง จดหมายลูกโซ่หน่อยครับ เพราะยังมีคนบางพวกงมงายมาก
แต่บางคนไม่ทำตามก็เป็นอะไรไปก็มี แต่ว่าเป็นที่เวรกรรมของพวกเค้ามากกว่าครับ แต่บังเอิญไปอ่านเค้า คนใกล้ชิดเลยคิดเป็นตุ
เป็นตะไป ส่วนท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
ปล.ใครมีรูปวันที่ 26 ก.ย. บ้างครับ ช่วยโพสต์ให้หน่อยครับ ขอบคุณอย่างสูง
แต่บางคนไม่ทำตามก็เป็นอะไรไปก็มี แต่ว่าเป็นที่เวรกรรมของพวกเค้ามากกว่าครับ แต่บังเอิญไปอ่านเค้า คนใกล้ชิดเลยคิดเป็นตุ
เป็นตะไป ส่วนท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ

ปล.ใครมีรูปวันที่ 26 ก.ย. บ้างครับ ช่วยโพสต์ให้หน่อยครับ ขอบคุณอย่างสูง
อยากให้ตอบด่วนผู้มีบุญช่วยด้วย
24 September 2007 - 09:44 PM
ผมอยากไปวัดธรรมกายมากและไปครั้งแรก เลยอยากไปวันที่ 26 นี้ ด้วยผมยังเด็ก เลยถามว่าตอนพิธีเสร์จมีรถพากลับไหมครับ
หรือผมอยากจะอาศัยรถกลับด้วยจะได้ไหมครับ อยากไปมากครับช่วยตอบด้วย ถ้ามีรถกลับด้วยแม่จะได้ไม่เนห่วงจะได้ให้ไป
ผมอยู่สมุทรปราการครับ อยู่ใกล้กับตลาดตำหรุ ห่าง 2-3 ก.ม. ถ้าเป็นทางผ่านกลับบ้านก็ของอาศัยด้วยครับ แค่เข้ามาในจังหวัดก็ได้
ติดต่อ 0865386166
ถ้าได้จะขอบคุณอย่างสูงขอแค่กลับด้วยเท่านั้นครับ สาธุ
หรือผมอยากจะอาศัยรถกลับด้วยจะได้ไหมครับ อยากไปมากครับช่วยตอบด้วย ถ้ามีรถกลับด้วยแม่จะได้ไม่เนห่วงจะได้ให้ไป
ผมอยู่สมุทรปราการครับ อยู่ใกล้กับตลาดตำหรุ ห่าง 2-3 ก.ม. ถ้าเป็นทางผ่านกลับบ้านก็ของอาศัยด้วยครับ แค่เข้ามาในจังหวัดก็ได้
ติดต่อ 0865386166
ถ้าได้จะขอบคุณอย่างสูงขอแค่กลับด้วยเท่านั้นครับ สาธุ
กรรมของการตกปลา
24 September 2007 - 05:56 PM
กรรมจากการตกปลา
เกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ...ชาติหน้าเกิดใหม่ ค่อยสร้างกันใหม่ เลือกได้ทั้ง บุญและบาป...
" บุญ ก็เหมือนเรือไม้ ที่ลอยไปตามกระแสน้ำ บาปนั้นเหมือนเรือเหล็ก ถ้าล่มเมื่อไหร่ แล้วเรืออะไรที่มันจะลอย "
"เรือไม้ครับ" ข้าพเจ้าหนุนคำพูด
" แล้วเราจะเกาะเรือลำไหนเมื่อเรากำลังลอยท่ามกลางมหาสมุทรและก็มองไม่เห็นฝั่ง "
" เรือไม้ครับ " ข้าพเจ้ายันคำเดิมเพราะฟังท่านเทศน์ให้คนอื่นฟังจนชินหู
" ถ้างั้นเราต้องหมั่นสร้างบุญ ถ้าสร้างบาปก็เหมือนเกาะเรือเหล็กที่รั่ว ไม่ทันไรก็ต้องจมน้ำตาย....เกาะบุญไว้จะได้ถึงฝั่งสักวันหนึ่ง "
หลวงตาสอนย้ำข้าพเจ้าอีกเมื่อสมัยที่พ่อนำข้าเจ้าไปฝากไว้ที่วัดอินทาราม แต่สมัยนั้นอายุยังน้อยเพิ่งเรียนชั้นมัธยม ๒ โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงได้แต่ฟังไปเท่านั้นไม่ค่อยได้ปฏิบัติเท่าไหร่
พอหลวงตาเผลอ ข้าพเจ้าก็ไปหย่อนเบ็ดตกปลาหลังกฏิ จนหลวงตาจับได้เลยโดนหวดด้วยไม่เรียวไปหลายป้าบ ถึงเจ็บก็ไม่เข็ดเพราะมันสนุกเพลิดเพลินกับการทำบาป เลยแอบไปตกปลกที่อื่นกับเพื่อนให้ไกลหูไกลตาท่านหน่อย สนุกเพลิดเพลินไปอีกแบบ
พอโตขึ้นเลยกลายเป็นเซียนเบ็ดไปโดยปริยาย จากเบ็ดคันไม้ไผ่กลายเป็นเบ็ดฝรั่งชั้นดีราคาเป็นพัน...จากคูน้ำลำคลอง กลายเป็นกลางทะเล เย่อกับปลาใหญ่ สร้างบาปใหญ่ขึ้นตามลำดับ ขอให้สนุกไว้ก่อนเถอะ เรื่องบาปกรรมค่อยว่ากันทีหลัง ... ลืมคำสั่งสอนของหลวงตาสมัยเป็นเด็กเสียจนสิ้น....
วันหนึ่งข้าพเจ้าคิดถึงท่านจึงขับรถไปหาท่านที่วัดอินทาราม คุยถามสารทุกข์สุขดิบ จนกระทั้งวกเข้าเรื่องสมัยเก่า ท่านจึงถามข้าพเจ้าว่า
" เดี๋ยวนี้ยังตกปลาอยู่หรือเปล่า "
ข้าพเจ้าไม่กล้าโกหกท่านเลยตอบตามความเป็นจริง
" เป็นบางครั้งครับ เป็นการพักผ่อนจากการทำงานครับ "
" ทำบาปสร้างกรรมนะซิ แล้วมาอ้างว่าเป็นการพักผ่อน "
" โธ..หลวงตา เพื่อนชวนไปเที่ยวสังสรรค์เลยต้องไปกัน มันเป็นเกมกีฬาน่ะครับ "
" เราสนุก แต่เขาได้รับความเจ็บปวด ระวังเถอะเวรกรรมจะตามสนอง "
ถึงท่านจะพูดอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่เชื่อ เพราะข้าพเจ้าชอบ จึงยังคงสนุกกับการตกปลาที่พวกเราเรียกกันว่าเกมกีฬาอยู่เรื่อยมา โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าเวรกรรมมันกำลังตามสนองอย่างช้า ๆ มาโดยตลอด กล่าวคือ
วันนั้นพวกข้าพเจ้าไปเที่ยวสวนสนบางแสนแล้วเช่าเรือไปตกปลากัน ปลาที่ได้ส่วนมากเป็นปลาเก๋าชนาดเล็กไม่เกินฝ่ามือ
" จึงนำมาผิ้งจิ้มน้ำจิ้มเป็นส่วนใหญ่แกล้มเหล้า แล้วกรรมเล็ก ๆ ก็ตามสนองเมื่อโดนก้างตำเหงือก ตอนนั้นข้าพจ้ากำลังเมาเลยไม่รู้สึกเจ็บ
พอรุ่งเช้าปรากฏว่าเหงือกบวมเป่ง ปวดฟันกินอะไรไรก็ไม่ได้ ซื้อยามากินก็ไม่หายทรมาน ปวดอยู่ ๒ วันจนทุเลา แต่ไม่นานก็ปวดฟันขึ้นมาอีก คราวนี้เลยต้องให้หมอถอนฟันออกถึงได้หายปวด
ข้าพเจ้าสร้างบาปกับปลามาแยะสร้างกรรมไว้มาก จึงต้องใช้กรรมด้วยการปวดฟันมาตลอด ตอนแรกไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะกรรมตามสนอง จนกระทั้งไปหาหลวงตาอีกครั้ง แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้ท่านเลยถามว่า
" ปวดฟันทรมานมากไหม "
ข้าพเจ้าตอบว่า
" ทรมานยิ่งกว่าปวดอะไรทั้งหมดในตัวเลยครับ "
" นั้นแหละกรรมจากผลของการตกปลาล่ะ "
ข้าพเจ้าเริ่มคิดถึงเรื่องผลกรรมขึ้นมาได้ตอนนี้เอง เมื่อท่านพูดต่อไปว่า
" เราตกปลา เบ็ดมันก็เกี่ยวปากเกี่ยวเหงือก ฟันมัน ปลามันมีชีวิต มีความรู้สึกว่าเจ็บ เราทำกับมันเอาไว้กรรมก็ย้อนกลับมาหาเรา
" เหมือนกับการปลูกพืช เราปลูกอะไรย่อมได้ผลอย่างนั้น ...อีกอย่างเป็นเรื่องน่าสมเพช ที่เราไม่รู้ว่าวิญญาณที่กลับมาเกิดเป็นปลานั้นเป็นใคร อาจเป็นญาติผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่งของเราก็ได้...เวร "
ท่านกล่าวเกินไปจนข้าพเจ้าสดุ้งใจ เพราะข้าพเจ้ามันคนใกล้วัด ฟังเทศน์ฟังธรรม จนทะลุปรูโปร่ง
" แล้วทำยังไงกรรมจะทะลุเลาเบาบางได้บ้างล่ะครับหลวงตา "
" ก็หมั่นทำบุญทำทาน ขออโหสิจากเจ้ากรรมนายเวร สร้างกุศลด้วยการให้อภัยทาน เลิกการทำร้ายสัตว์เดียรัจฉานที่ด้อยโอกาสกว่ามนุษย์
แต่กรรมนั้นลบล้างกันไม่ได้หรอก เพียงหยุดสะสม ชดใช้แค่ที่ทำมาก็พอเพียงแล้ว...แต่นั้นแหละนะ พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าบัวมี ๔ เหล่า ไม่พ้นน้ำมีหรือจะพ้นการเป็นเหยื่อเต่า ปู ปลา " แล้วท่านก็ส่ายหน้าช้า ๆ
" ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจคำสอนอย่างถ่องแท้ และเริ่มทำตามอย่างที่ท่านสอน หักคันเบ็ดทิ้งเลิกตกปลาตั้งแต่นั้นมาเพราะถ้าเอาเบ็ดไปขายหรือให้คนอื่นต่อก็เหมือนหยิบยื่นทุกข์ให้กับปลาอีก
" แล้วหมั่นทำบุญใส่บาตรไปตลาดซื่อปลาตัวที่แข็งแรงมาปล่อยแทบทุกเช้า อาการปวดฟันก็ไม่ค่อยปวดเหมือนก่อน นาน ๆ จะปวดสักครั้ง ส่วนมากจะปวดหน้าหนาว อาการไม่รุนแรงเพียงแต่เจ็บจี๊ด ๆ นิดหน่อยเท่านั้น
นี่แหละเรื่องกรรมเล็ก ๆ ที่ข้าพเจ้าประสบอยู่ เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ สัตว์โลกที่เกิดมาไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ ย่อมมีชีวิตจิตใจ มีความกลัวเจ็บ กลัวการตายด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ จึงไม่สมควรที่จะไปเบียดเบียนสัตว์เล็กที่ด้อยโอกาสกว่า
สัตว์นั้น เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมอยู่แล้ว จงอย่าไปซ้ำเติมเขาอีกเลย เพราะกรรมต้องชดใช้ด้วยกรรมที่ก่อเท่านั้นถึงจะหมดหนี้กรรม ต่อใหมีเงินสักร้อยล้านพันล้านก็ไม่อาจใช้หนี้กรรมได้หรอก....
เชื่อคนที่กำลังทยอยชดใช้กรรมอย่างข้าพเจ้าเถอะ....
บทความดีๆ จากเว็บ www.thaiza.com
เกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ...ชาติหน้าเกิดใหม่ ค่อยสร้างกันใหม่ เลือกได้ทั้ง บุญและบาป...
" บุญ ก็เหมือนเรือไม้ ที่ลอยไปตามกระแสน้ำ บาปนั้นเหมือนเรือเหล็ก ถ้าล่มเมื่อไหร่ แล้วเรืออะไรที่มันจะลอย "
"เรือไม้ครับ" ข้าพเจ้าหนุนคำพูด
" แล้วเราจะเกาะเรือลำไหนเมื่อเรากำลังลอยท่ามกลางมหาสมุทรและก็มองไม่เห็นฝั่ง "
" เรือไม้ครับ " ข้าพเจ้ายันคำเดิมเพราะฟังท่านเทศน์ให้คนอื่นฟังจนชินหู
" ถ้างั้นเราต้องหมั่นสร้างบุญ ถ้าสร้างบาปก็เหมือนเกาะเรือเหล็กที่รั่ว ไม่ทันไรก็ต้องจมน้ำตาย....เกาะบุญไว้จะได้ถึงฝั่งสักวันหนึ่ง "
หลวงตาสอนย้ำข้าพเจ้าอีกเมื่อสมัยที่พ่อนำข้าเจ้าไปฝากไว้ที่วัดอินทาราม แต่สมัยนั้นอายุยังน้อยเพิ่งเรียนชั้นมัธยม ๒ โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงได้แต่ฟังไปเท่านั้นไม่ค่อยได้ปฏิบัติเท่าไหร่
พอหลวงตาเผลอ ข้าพเจ้าก็ไปหย่อนเบ็ดตกปลาหลังกฏิ จนหลวงตาจับได้เลยโดนหวดด้วยไม่เรียวไปหลายป้าบ ถึงเจ็บก็ไม่เข็ดเพราะมันสนุกเพลิดเพลินกับการทำบาป เลยแอบไปตกปลกที่อื่นกับเพื่อนให้ไกลหูไกลตาท่านหน่อย สนุกเพลิดเพลินไปอีกแบบ
พอโตขึ้นเลยกลายเป็นเซียนเบ็ดไปโดยปริยาย จากเบ็ดคันไม้ไผ่กลายเป็นเบ็ดฝรั่งชั้นดีราคาเป็นพัน...จากคูน้ำลำคลอง กลายเป็นกลางทะเล เย่อกับปลาใหญ่ สร้างบาปใหญ่ขึ้นตามลำดับ ขอให้สนุกไว้ก่อนเถอะ เรื่องบาปกรรมค่อยว่ากันทีหลัง ... ลืมคำสั่งสอนของหลวงตาสมัยเป็นเด็กเสียจนสิ้น....
วันหนึ่งข้าพเจ้าคิดถึงท่านจึงขับรถไปหาท่านที่วัดอินทาราม คุยถามสารทุกข์สุขดิบ จนกระทั้งวกเข้าเรื่องสมัยเก่า ท่านจึงถามข้าพเจ้าว่า
" เดี๋ยวนี้ยังตกปลาอยู่หรือเปล่า "
ข้าพเจ้าไม่กล้าโกหกท่านเลยตอบตามความเป็นจริง
" เป็นบางครั้งครับ เป็นการพักผ่อนจากการทำงานครับ "
" ทำบาปสร้างกรรมนะซิ แล้วมาอ้างว่าเป็นการพักผ่อน "
" โธ..หลวงตา เพื่อนชวนไปเที่ยวสังสรรค์เลยต้องไปกัน มันเป็นเกมกีฬาน่ะครับ "
" เราสนุก แต่เขาได้รับความเจ็บปวด ระวังเถอะเวรกรรมจะตามสนอง "
ถึงท่านจะพูดอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่เชื่อ เพราะข้าพเจ้าชอบ จึงยังคงสนุกกับการตกปลาที่พวกเราเรียกกันว่าเกมกีฬาอยู่เรื่อยมา โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าเวรกรรมมันกำลังตามสนองอย่างช้า ๆ มาโดยตลอด กล่าวคือ
วันนั้นพวกข้าพเจ้าไปเที่ยวสวนสนบางแสนแล้วเช่าเรือไปตกปลากัน ปลาที่ได้ส่วนมากเป็นปลาเก๋าชนาดเล็กไม่เกินฝ่ามือ
" จึงนำมาผิ้งจิ้มน้ำจิ้มเป็นส่วนใหญ่แกล้มเหล้า แล้วกรรมเล็ก ๆ ก็ตามสนองเมื่อโดนก้างตำเหงือก ตอนนั้นข้าพจ้ากำลังเมาเลยไม่รู้สึกเจ็บ
พอรุ่งเช้าปรากฏว่าเหงือกบวมเป่ง ปวดฟันกินอะไรไรก็ไม่ได้ ซื้อยามากินก็ไม่หายทรมาน ปวดอยู่ ๒ วันจนทุเลา แต่ไม่นานก็ปวดฟันขึ้นมาอีก คราวนี้เลยต้องให้หมอถอนฟันออกถึงได้หายปวด
ข้าพเจ้าสร้างบาปกับปลามาแยะสร้างกรรมไว้มาก จึงต้องใช้กรรมด้วยการปวดฟันมาตลอด ตอนแรกไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะกรรมตามสนอง จนกระทั้งไปหาหลวงตาอีกครั้ง แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้ท่านเลยถามว่า
" ปวดฟันทรมานมากไหม "
ข้าพเจ้าตอบว่า
" ทรมานยิ่งกว่าปวดอะไรทั้งหมดในตัวเลยครับ "
" นั้นแหละกรรมจากผลของการตกปลาล่ะ "
ข้าพเจ้าเริ่มคิดถึงเรื่องผลกรรมขึ้นมาได้ตอนนี้เอง เมื่อท่านพูดต่อไปว่า
" เราตกปลา เบ็ดมันก็เกี่ยวปากเกี่ยวเหงือก ฟันมัน ปลามันมีชีวิต มีความรู้สึกว่าเจ็บ เราทำกับมันเอาไว้กรรมก็ย้อนกลับมาหาเรา
" เหมือนกับการปลูกพืช เราปลูกอะไรย่อมได้ผลอย่างนั้น ...อีกอย่างเป็นเรื่องน่าสมเพช ที่เราไม่รู้ว่าวิญญาณที่กลับมาเกิดเป็นปลานั้นเป็นใคร อาจเป็นญาติผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่งของเราก็ได้...เวร "
ท่านกล่าวเกินไปจนข้าพเจ้าสดุ้งใจ เพราะข้าพเจ้ามันคนใกล้วัด ฟังเทศน์ฟังธรรม จนทะลุปรูโปร่ง
" แล้วทำยังไงกรรมจะทะลุเลาเบาบางได้บ้างล่ะครับหลวงตา "
" ก็หมั่นทำบุญทำทาน ขออโหสิจากเจ้ากรรมนายเวร สร้างกุศลด้วยการให้อภัยทาน เลิกการทำร้ายสัตว์เดียรัจฉานที่ด้อยโอกาสกว่ามนุษย์
แต่กรรมนั้นลบล้างกันไม่ได้หรอก เพียงหยุดสะสม ชดใช้แค่ที่ทำมาก็พอเพียงแล้ว...แต่นั้นแหละนะ พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าบัวมี ๔ เหล่า ไม่พ้นน้ำมีหรือจะพ้นการเป็นเหยื่อเต่า ปู ปลา " แล้วท่านก็ส่ายหน้าช้า ๆ
" ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจคำสอนอย่างถ่องแท้ และเริ่มทำตามอย่างที่ท่านสอน หักคันเบ็ดทิ้งเลิกตกปลาตั้งแต่นั้นมาเพราะถ้าเอาเบ็ดไปขายหรือให้คนอื่นต่อก็เหมือนหยิบยื่นทุกข์ให้กับปลาอีก
" แล้วหมั่นทำบุญใส่บาตรไปตลาดซื่อปลาตัวที่แข็งแรงมาปล่อยแทบทุกเช้า อาการปวดฟันก็ไม่ค่อยปวดเหมือนก่อน นาน ๆ จะปวดสักครั้ง ส่วนมากจะปวดหน้าหนาว อาการไม่รุนแรงเพียงแต่เจ็บจี๊ด ๆ นิดหน่อยเท่านั้น
นี่แหละเรื่องกรรมเล็ก ๆ ที่ข้าพเจ้าประสบอยู่ เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ สัตว์โลกที่เกิดมาไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ ย่อมมีชีวิตจิตใจ มีความกลัวเจ็บ กลัวการตายด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ จึงไม่สมควรที่จะไปเบียดเบียนสัตว์เล็กที่ด้อยโอกาสกว่า
สัตว์นั้น เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมอยู่แล้ว จงอย่าไปซ้ำเติมเขาอีกเลย เพราะกรรมต้องชดใช้ด้วยกรรมที่ก่อเท่านั้นถึงจะหมดหนี้กรรม ต่อใหมีเงินสักร้อยล้านพันล้านก็ไม่อาจใช้หนี้กรรมได้หรอก....
เชื่อคนที่กำลังทยอยชดใช้กรรมอย่างข้าพเจ้าเถอะ....
บทความดีๆ จากเว็บ www.thaiza.com
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: กระทู้: นักรบกองทัพธรรม
- Privacy Policy
- เงื่อนไข ข้อตกลง และกฏระเบียบของเว็บไซต์ DMC ·