ไปที่เนื้อหา


นักรบกองทัพธรรม

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 22 Aug 2007
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Nov 26 2007 09:44 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

เรื่องนี้จริงหรือเปล่าครับพี่น้อง

30 October 2007 - 03:42 PM

บ้านที่ผีชอบอยู่

เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมบ้านบางหลังถึงมีคนเจอผีบางหลังไม่เคยเจอ เป็นไปได้มั้ยว่าลักษณะของบ้านที่แตกต่างกันเป็นตัวกำหนด เหมือนกับคนเราบางคนชอบบรรยากาศแบบภูเขา บางคนชอบทะเล ผีเองก็เคยเป็นคนมาก่อนรสนิยมที่ว่าก็เลยติดตัวไป ทำให้ผีเลือกบ้านที่ตัวเองชอบ และนี่คือสุดยอดเคล็ดลับ “จัดบ้านอย่างไรให้ผีชอบอยู่ หรือวิธีการสร้างบ้านผีสิง นั่นเอง” พร้อมแล้วไปดูกันเลย

1.เลือกทำเลอาถรรพ์เช่น บ้านตรงกันข้ามโบสถ์ วิหาร วัด ศาลเจ้า โรงพยาบาล สุสาน เสา เครื่องหมายจราจร มีปล่องไฟ เป่าลมพุ่งมาหาบ้าน หรือที่เปลี่ยวๆห่างจากชุมชน ถ้าบ้านใครอยู่ในที่ดังกล่าว เรียกได้ว่ามีชัยไปกว่าครึ่งในการเชิญผีมาอยู่เลยทีเดียวล่ะ

2.สร้างด้วยไม้เป็นหลัก สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของความเป็นธรรมชาติ เพราะต้นไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งเหมือนกัน และในบ้านมีเสาเอกให้ด้วยก็แหล่มเลย

3.ทำบริเวณบ้านให้รกครึ้มไปด้วยแมกไม้พฤกษานานาพันธุ์ แถมด้วยต้นไม้ต้องห้ามประเภท ตะเคียน ไทร ซ่อนกลิ่น อะไรพวกนี้ยิ่งถูกใจสุดๆ

4. ฝืนหลักฮวงจุ้ยเท่าที่สามารถทำได้ ยิ่งเยอะยิ่งชอบอยู่ ในศาสตร์ทางวิชาฮวงจุ้ยได้กล่าวถึงลักษณะของบ้านที่มักจะมีผีหรือคนในบ้านมักจะเห็นผี ดังนี้

- ประตูหน้าบ้านมีพลังอิมมาก หมายถึงมีความมืดมาก และทิศทางของหน้าบ้านหันไปทางทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ ตรงช่วง 210 องศา-240 องศา หรือหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงช่วง 30 องศา-60 องศา ซึ่งทางฮวงจุ้ยจะเรียก 2 ทิศทางนี้ว่า ประตูผี


- บ้านที่มีแสงสว่างไม่พอ ภายในบ้านมีบรรยากาศมืด ๆ สลัว ๆ โดยเฉพาะทิศ ตะวันตกเฉียงใต้และทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือมีความมืดมาก ก็จะกระตุ้นให้เกิดพลังอิมมากขึ้น โอกาสเจอผีก็มีสูงตามไปด้วย

- บ้านที่มีรูปทรงของบ้านยาวกว่าปกติ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นบ้านธาตุไม้ อาทิเช่น บ้านห้องแถวมี ทางเดินตรงกลางมืด ๆ ผีก็ชอบอยู่ด้วย

- การสร้างห้องพระตรงกับห้องน้ำ, ประดับประดาด้วยของอัปมงคลต่างๆเช่น เขากระทิง นอแรด, การทำกำแพงให้เก่าสกปรกขึ้นราและทุกวิถีทางที่ทำให้บ้านโทรมที่สุด ฯลฯ

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ การจัดบ้านให้น่าอยู่(สำหรับผี) เป็น D.I.Y. ที่ใครก็ทำได้ ขอให้มีความสนุกกับเพื่อนใหม่ในบ้านนะครับ........โบร๋ววววว

[ข้อมุล จากภาพยนตร์ บ้านผีสิง]



อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า ฮวงจุ้ยได้ยินว่าเป็นกลวิธีสร้างบ้านหรือเป็นความเชื่อที่มีจริง หรือทั้งสองอย่าง ขอความกรุณาด้วยครับ


ไม่เชื่อ แต่ไม่รู้

เรื่องผีๆ ที่คนอยากรู้

22 October 2007 - 03:37 PM

ผมได้ฟังเรื่องเล่าเรื่องผีมามากมายจากสื่อต่าง ๆ เคยได้ยินว่าคนตายเเล้วจามีวิญญาณวนเวียนอยู่ระยะหนึ่งประมาณ3-7วัน
แล้วไปเกิดภพอื่น และมักจะมาที่บ้านหาญาติของตน มาเก็บรอยเท้าอะไรประมาณนี้ ส่วนบางเรื่องคนโดนฆ่า หรือตาย วิญญาณ
ยังวนเวียนอยู่ในห้องหรือที่ๆ ตาย เช่น บ้าน โรงเเรม หอพัก โรงพยาบาล ทำไมไม่ไปเกิด ทำไมผีชอบหลอกกัน เค้าว่ามาขอส่วนบุญ แล้วทำไมไม่มาดีๆ มาหลอกกันทำไม มาแลบลิ้นปริ้นตา แล้วเรื่องผีอำจริงไหม ทำยังไงหาย
บางทีไปนอนขวางประตูผีออกไม่ได้จริงไหม นอนใต้คานแล้วเจอผียังไง นอนขว้างทางเดินผีแล้วเจอ ทำไมไม่เดินทางอื่น เเล้วเรื่องตัวตายตัวแทนมีจริงไหม ผีมักทำคนให้ตายเพื่อให้ไปอยู่ด้วยกันหรือมาแทนแล้วตนไปเกิด งงมากๆ


ปล. รายงานตัวอีกครั้ง

ขอความคิดเห็นเรื่อง จดหมายลูกโซ่

02 October 2007 - 05:48 PM

ท่านผู้รู้ทั้งหลายครับ ผมขอควมคิดเห็นเรื่อง จดหมายลูกโซ่หน่อยครับ เพราะยังมีคนบางพวกงมงายมาก
แต่บางคนไม่ทำตามก็เป็นอะไรไปก็มี แต่ว่าเป็นที่เวรกรรมของพวกเค้ามากกว่าครับ แต่บังเอิญไปอ่านเค้า คนใกล้ชิดเลยคิดเป็นตุ
เป็นตะไป ส่วนท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ mad.gif


ปล.ใครมีรูปวันที่ 26 ก.ย. บ้างครับ ช่วยโพสต์ให้หน่อยครับ ขอบคุณอย่างสูง

อยากให้ตอบด่วนผู้มีบุญช่วยด้วย

24 September 2007 - 09:44 PM

ผมอยากไปวัดธรรมกายมากและไปครั้งแรก เลยอยากไปวันที่ 26 นี้ ด้วยผมยังเด็ก เลยถามว่าตอนพิธีเสร์จมีรถพากลับไหมครับ
หรือผมอยากจะอาศัยรถกลับด้วยจะได้ไหมครับ อยากไปมากครับช่วยตอบด้วย ถ้ามีรถกลับด้วยแม่จะได้ไม่เนห่วงจะได้ให้ไป
ผมอยู่สมุทรปราการครับ อยู่ใกล้กับตลาดตำหรุ ห่าง 2-3 ก.ม. ถ้าเป็นทางผ่านกลับบ้านก็ของอาศัยด้วยครับ แค่เข้ามาในจังหวัดก็ได้


ติดต่อ 0865386166


ถ้าได้จะขอบคุณอย่างสูงขอแค่กลับด้วยเท่านั้นครับ สาธุ

กรรมของการตกปลา

24 September 2007 - 05:56 PM

กรรมจากการตกปลา
เกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ...ชาติหน้าเกิดใหม่ ค่อยสร้างกันใหม่ เลือกได้ทั้ง บุญและบาป...
" บุญ ก็เหมือนเรือไม้ ที่ลอยไปตามกระแสน้ำ บาปนั้นเหมือนเรือเหล็ก ถ้าล่มเมื่อไหร่ แล้วเรืออะไรที่มันจะลอย "

"เรือไม้ครับ" ข้าพเจ้าหนุนคำพูด

" แล้วเราจะเกาะเรือลำไหนเมื่อเรากำลังลอยท่ามกลางมหาสมุทรและก็มองไม่เห็นฝั่ง "

" เรือไม้ครับ " ข้าพเจ้ายันคำเดิมเพราะฟังท่านเทศน์ให้คนอื่นฟังจนชินหู

" ถ้างั้นเราต้องหมั่นสร้างบุญ ถ้าสร้างบาปก็เหมือนเกาะเรือเหล็กที่รั่ว ไม่ทันไรก็ต้องจมน้ำตาย....เกาะบุญไว้จะได้ถึงฝั่งสักวันหนึ่ง "

หลวงตาสอนย้ำข้าพเจ้าอีกเมื่อสมัยที่พ่อนำข้าเจ้าไปฝากไว้ที่วัดอินทาราม แต่สมัยนั้นอายุยังน้อยเพิ่งเรียนชั้นมัธยม ๒ โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงได้แต่ฟังไปเท่านั้นไม่ค่อยได้ปฏิบัติเท่าไหร่

พอหลวงตาเผลอ ข้าพเจ้าก็ไปหย่อนเบ็ดตกปลาหลังกฏิ จนหลวงตาจับได้เลยโดนหวดด้วยไม่เรียวไปหลายป้าบ ถึงเจ็บก็ไม่เข็ดเพราะมันสนุกเพลิดเพลินกับการทำบาป เลยแอบไปตกปลกที่อื่นกับเพื่อนให้ไกลหูไกลตาท่านหน่อย สนุกเพลิดเพลินไปอีกแบบ

พอโตขึ้นเลยกลายเป็นเซียนเบ็ดไปโดยปริยาย จากเบ็ดคันไม้ไผ่กลายเป็นเบ็ดฝรั่งชั้นดีราคาเป็นพัน...จากคูน้ำลำคลอง กลายเป็นกลางทะเล เย่อกับปลาใหญ่ สร้างบาปใหญ่ขึ้นตามลำดับ ขอให้สนุกไว้ก่อนเถอะ เรื่องบาปกรรมค่อยว่ากันทีหลัง ... ลืมคำสั่งสอนของหลวงตาสมัยเป็นเด็กเสียจนสิ้น....

วันหนึ่งข้าพเจ้าคิดถึงท่านจึงขับรถไปหาท่านที่วัดอินทาราม คุยถามสารทุกข์สุขดิบ จนกระทั้งวกเข้าเรื่องสมัยเก่า ท่านจึงถามข้าพเจ้าว่า

" เดี๋ยวนี้ยังตกปลาอยู่หรือเปล่า "

ข้าพเจ้าไม่กล้าโกหกท่านเลยตอบตามความเป็นจริง

" เป็นบางครั้งครับ เป็นการพักผ่อนจากการทำงานครับ "

" ทำบาปสร้างกรรมนะซิ แล้วมาอ้างว่าเป็นการพักผ่อน "

" โธ..หลวงตา เพื่อนชวนไปเที่ยวสังสรรค์เลยต้องไปกัน มันเป็นเกมกีฬาน่ะครับ "

" เราสนุก แต่เขาได้รับความเจ็บปวด ระวังเถอะเวรกรรมจะตามสนอง "

ถึงท่านจะพูดอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่เชื่อ เพราะข้าพเจ้าชอบ จึงยังคงสนุกกับการตกปลาที่พวกเราเรียกกันว่าเกมกีฬาอยู่เรื่อยมา โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าเวรกรรมมันกำลังตามสนองอย่างช้า ๆ มาโดยตลอด กล่าวคือ

วันนั้นพวกข้าพเจ้าไปเที่ยวสวนสนบางแสนแล้วเช่าเรือไปตกปลากัน ปลาที่ได้ส่วนมากเป็นปลาเก๋าชนาดเล็กไม่เกินฝ่ามือ

" จึงนำมาผิ้งจิ้มน้ำจิ้มเป็นส่วนใหญ่แกล้มเหล้า แล้วกรรมเล็ก ๆ ก็ตามสนองเมื่อโดนก้างตำเหงือก ตอนนั้นข้าพจ้ากำลังเมาเลยไม่รู้สึกเจ็บ

พอรุ่งเช้าปรากฏว่าเหงือกบวมเป่ง ปวดฟันกินอะไรไรก็ไม่ได้ ซื้อยามากินก็ไม่หายทรมาน ปวดอยู่ ๒ วันจนทุเลา แต่ไม่นานก็ปวดฟันขึ้นมาอีก คราวนี้เลยต้องให้หมอถอนฟันออกถึงได้หายปวด

ข้าพเจ้าสร้างบาปกับปลามาแยะสร้างกรรมไว้มาก จึงต้องใช้กรรมด้วยการปวดฟันมาตลอด ตอนแรกไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะกรรมตามสนอง จนกระทั้งไปหาหลวงตาอีกครั้ง แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้ท่านเลยถามว่า

" ปวดฟันทรมานมากไหม "

ข้าพเจ้าตอบว่า

" ทรมานยิ่งกว่าปวดอะไรทั้งหมดในตัวเลยครับ "

" นั้นแหละกรรมจากผลของการตกปลาล่ะ "

ข้าพเจ้าเริ่มคิดถึงเรื่องผลกรรมขึ้นมาได้ตอนนี้เอง เมื่อท่านพูดต่อไปว่า

" เราตกปลา เบ็ดมันก็เกี่ยวปากเกี่ยวเหงือก ฟันมัน ปลามันมีชีวิต มีความรู้สึกว่าเจ็บ เราทำกับมันเอาไว้กรรมก็ย้อนกลับมาหาเรา

" เหมือนกับการปลูกพืช เราปลูกอะไรย่อมได้ผลอย่างนั้น ...อีกอย่างเป็นเรื่องน่าสมเพช ที่เราไม่รู้ว่าวิญญาณที่กลับมาเกิดเป็นปลานั้นเป็นใคร อาจเป็นญาติผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่งของเราก็ได้...เวร "

ท่านกล่าวเกินไปจนข้าพเจ้าสดุ้งใจ เพราะข้าพเจ้ามันคนใกล้วัด ฟังเทศน์ฟังธรรม จนทะลุปรูโปร่ง

" แล้วทำยังไงกรรมจะทะลุเลาเบาบางได้บ้างล่ะครับหลวงตา "

" ก็หมั่นทำบุญทำทาน ขออโหสิจากเจ้ากรรมนายเวร สร้างกุศลด้วยการให้อภัยทาน เลิกการทำร้ายสัตว์เดียรัจฉานที่ด้อยโอกาสกว่ามนุษย์

แต่กรรมนั้นลบล้างกันไม่ได้หรอก เพียงหยุดสะสม ชดใช้แค่ที่ทำมาก็พอเพียงแล้ว...แต่นั้นแหละนะ พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าบัวมี ๔ เหล่า ไม่พ้นน้ำมีหรือจะพ้นการเป็นเหยื่อเต่า ปู ปลา " แล้วท่านก็ส่ายหน้าช้า ๆ

" ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจคำสอนอย่างถ่องแท้ และเริ่มทำตามอย่างที่ท่านสอน หักคันเบ็ดทิ้งเลิกตกปลาตั้งแต่นั้นมาเพราะถ้าเอาเบ็ดไปขายหรือให้คนอื่นต่อก็เหมือนหยิบยื่นทุกข์ให้กับปลาอีก

" แล้วหมั่นทำบุญใส่บาตรไปตลาดซื่อปลาตัวที่แข็งแรงมาปล่อยแทบทุกเช้า อาการปวดฟันก็ไม่ค่อยปวดเหมือนก่อน นาน ๆ จะปวดสักครั้ง ส่วนมากจะปวดหน้าหนาว อาการไม่รุนแรงเพียงแต่เจ็บจี๊ด ๆ นิดหน่อยเท่านั้น

นี่แหละเรื่องกรรมเล็ก ๆ ที่ข้าพเจ้าประสบอยู่ เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ สัตว์โลกที่เกิดมาไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ ย่อมมีชีวิตจิตใจ มีความกลัวเจ็บ กลัวการตายด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ จึงไม่สมควรที่จะไปเบียดเบียนสัตว์เล็กที่ด้อยโอกาสกว่า

สัตว์นั้น เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมอยู่แล้ว จงอย่าไปซ้ำเติมเขาอีกเลย เพราะกรรมต้องชดใช้ด้วยกรรมที่ก่อเท่านั้นถึงจะหมดหนี้กรรม ต่อใหมีเงินสักร้อยล้านพันล้านก็ไม่อาจใช้หนี้กรรมได้หรอก....

เชื่อคนที่กำลังทยอยชดใช้กรรมอย่างข้าพเจ้าเถอะ....


บทความดีๆ จากเว็บ www.thaiza.com