เวลาเปิด-ปิดห้องปัญญาดังนี้ครับ
วันจันทร์-เสาร์ เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-18.30 น. (18.30-19.00 สวดมนต์ทำวัตรเย็น)
วันอาทิตย์ปิดทั้งวัน
ยกเว้นวันเสาร์ที่ 4 ของเดือน ปิดปรับปรุงและทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่เวลา 12.00-17.00 น.
(สามารถไปนั่งสมาธิได้ที่วิหารพระมงคลเทพมุนี)
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: usr19040
สถิติเว็บบอร์ด
- กลุ่ม Members
- โพสต์ 7
- ดูโปรไฟล์ 2417
- อายุ ไม่เปิดเผย
- วันเกิด ไม่เปิดเผย
-
Gender
ไม่เปิดเผย
0
Neutral
เครื่องมือผู้ใช้งาน
โพสต์ที่ฉันโพสต์
ในกระทู้: เวลาเปิด-ปิดห้องปัญญา
03 August 2009 - 03:58 PM
ในกระทู้: เอารูปบูธ DMC.TV ที่สยามมาให้ดูเล่นๆ
06 December 2008 - 02:39 PM
ไม่ได้ไปดูบรรยากาศจริงๆ ว่าเป็นยังงัยบ้าง อยากทราบ
เคยมีพระอาจารย์รูปนึงเล่าให้ฟังว่า เคยไปออกบูธ DMC เหมือนกันในงานมหกรรมช้างที่จ.สุรินทร์
ท่านบอกว่า ตอนที่เปิดvcd มหานรกขุม 5 แอนิเมชั่น โดยเฉพาะตอนเสียงสัตว์นรกกรีดร้อง ตอนนี้ท่านเปิดเสียงลำโพงดังๆ ทุกคนอยู่แถวนั้นต่างหยุดชะงักและมารุมดูที่บูธกันใหญ่เลยครับ
ลองเอาสุตรของพระอาจารย์ท่านนี้ไปใช้ดูก็ได้นะครับ อาจมีคนมารุมดูจนบูธแตกก็ได้
เคยมีพระอาจารย์รูปนึงเล่าให้ฟังว่า เคยไปออกบูธ DMC เหมือนกันในงานมหกรรมช้างที่จ.สุรินทร์
ท่านบอกว่า ตอนที่เปิดvcd มหานรกขุม 5 แอนิเมชั่น โดยเฉพาะตอนเสียงสัตว์นรกกรีดร้อง ตอนนี้ท่านเปิดเสียงลำโพงดังๆ ทุกคนอยู่แถวนั้นต่างหยุดชะงักและมารุมดูที่บูธกันใหญ่เลยครับ
ลองเอาสุตรของพระอาจารย์ท่านนี้ไปใช้ดูก็ได้นะครับ อาจมีคนมารุมดูจนบูธแตกก็ได้
ในกระทู้: พระช่วยผู้หญิงตกน้ำ
08 August 2008 - 03:41 PM
เรื่องมารดา
[๓๘๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งจับต้องมารดาด้วยความรักฉันมารดา
เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า
ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฏ.
http://84000.org/tipitaka/read/?1/388
----------------------------------------------------------------
(ต่อไปเป็นวิธีช่วยเหลือ โดยไม่ล่วงสิกขาบทครับ)
(อรรถกถา)
พึงทราบวินิจฉัย ในวินีตวัตถุทั้งหลายต่อไปนี้:-
สองบทว่า มาตุยา มานุปฺเปเมน
ความว่า ย่อมจับต้องกายของมารดาด้วยความรักฉันมารดา.
ในเรื่องลูกสาวและพี่น้องสาว ก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
ในพระบาลีนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าปรับอาบัติทุกกฏเหมือนกันทั้งนั้น
แก่ภิกษุผู้จับต้อง ด้วยความรักอาศัยเรือนว่า
ผู้นี้เป็นมารดาของเรา นี้เป็นธิดาของเรา นี้เป็นพี่น้องสาวของเรา
เพราะขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแม้ทั้งหมด จะเป็นมารดาก็ตาม เป็นธิดาก็ตาม
เป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ทั้งนั้น.
ก็เมื่อภิกษุระลึกถึงพระอาญานี้ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถ้าแม้นว่าเห็นมารดาถูกกระแสน้ำพัดไป ไม่ควรจับต้องด้วยมือเลย.
แต่ภิกษุผู้ฉลาดพึงนำเรือ หรือแผ่นกระดาน
หรือท่อนกล้วย หรือท่อนไม้เข้าไปให้
เมื่อเรือเป็นต้นนั้นไม่มี
แม้ผ้ากาสาวะ[ก็ให้]นำไปวางไว้ข้างหน้า
แต่ไม่ควรกล่าวว่า จงจับที่นี้.
เมื่อท่านจับแล้ว พึงสาวมาด้วยทำในใจว่า เราสาวบริขารมา.
ก็ถ้ามารดากลัว พึงไปข้างหน้า ๆ แล้วปลอบโยนว่า อย่ากลัว
ถ้ามารดาถูกน้ำพัดไปรีบขึ้นคอ หรือจับที่มือของภิกษุผู้เป็นบุตร
ภิกษุอย่าพึงสลัดว่าหลีกหนีไปหญิงแก่
[แต่]พึงส่งไปให้ถึงบก.
เมื่อมารดาติดหล่มก็ดี ตกลงไปในบ่อก็ดี มีนัยเหมือนกันนี้.
อธิบายว่า ภิกษุพึงฉุดขึ้น แต่อย่าพึงจับต้องเลย.
(พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 173)
[๓๘๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งจับต้องมารดาด้วยความรักฉันมารดา
เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า
ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฏ.
http://84000.org/tipitaka/read/?1/388
----------------------------------------------------------------
(ต่อไปเป็นวิธีช่วยเหลือ โดยไม่ล่วงสิกขาบทครับ)
(อรรถกถา)
พึงทราบวินิจฉัย ในวินีตวัตถุทั้งหลายต่อไปนี้:-
สองบทว่า มาตุยา มานุปฺเปเมน
ความว่า ย่อมจับต้องกายของมารดาด้วยความรักฉันมารดา.
ในเรื่องลูกสาวและพี่น้องสาว ก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
ในพระบาลีนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าปรับอาบัติทุกกฏเหมือนกันทั้งนั้น
แก่ภิกษุผู้จับต้อง ด้วยความรักอาศัยเรือนว่า
ผู้นี้เป็นมารดาของเรา นี้เป็นธิดาของเรา นี้เป็นพี่น้องสาวของเรา
เพราะขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแม้ทั้งหมด จะเป็นมารดาก็ตาม เป็นธิดาก็ตาม
เป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ทั้งนั้น.
ก็เมื่อภิกษุระลึกถึงพระอาญานี้ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถ้าแม้นว่าเห็นมารดาถูกกระแสน้ำพัดไป ไม่ควรจับต้องด้วยมือเลย.
แต่ภิกษุผู้ฉลาดพึงนำเรือ หรือแผ่นกระดาน
หรือท่อนกล้วย หรือท่อนไม้เข้าไปให้
เมื่อเรือเป็นต้นนั้นไม่มี
แม้ผ้ากาสาวะ[ก็ให้]นำไปวางไว้ข้างหน้า
แต่ไม่ควรกล่าวว่า จงจับที่นี้.
เมื่อท่านจับแล้ว พึงสาวมาด้วยทำในใจว่า เราสาวบริขารมา.
ก็ถ้ามารดากลัว พึงไปข้างหน้า ๆ แล้วปลอบโยนว่า อย่ากลัว
ถ้ามารดาถูกน้ำพัดไปรีบขึ้นคอ หรือจับที่มือของภิกษุผู้เป็นบุตร
ภิกษุอย่าพึงสลัดว่าหลีกหนีไปหญิงแก่
[แต่]พึงส่งไปให้ถึงบก.
เมื่อมารดาติดหล่มก็ดี ตกลงไปในบ่อก็ดี มีนัยเหมือนกันนี้.
อธิบายว่า ภิกษุพึงฉุดขึ้น แต่อย่าพึงจับต้องเลย.
(พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 173)
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: usr19040
- Privacy Policy
- เงื่อนไข ข้อตกลง และกฏระเบียบของเว็บไซต์ DMC ·