ไปที่เนื้อหา


usr19040

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 04 Sep 2007
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Oct 18 2009 04:56 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: เวลาเปิด-ปิดห้องปัญญา

03 August 2009 - 03:58 PM

เวลาเปิด-ปิดห้องปัญญาดังนี้ครับ

วันจันทร์-เสาร์ เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-18.30 น. (18.30-19.00 สวดมนต์ทำวัตรเย็น)

วันอาทิตย์ปิดทั้งวัน

ยกเว้นวันเสาร์ที่ 4 ของเดือน ปิดปรับปรุงและทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่เวลา 12.00-17.00 น.
(สามารถไปนั่งสมาธิได้ที่วิหารพระมงคลเทพมุนี)

ในกระทู้: เอารูปบูธ DMC.TV ที่สยามมาให้ดูเล่นๆ

06 December 2008 - 02:39 PM

ไม่ได้ไปดูบรรยากาศจริงๆ ว่าเป็นยังงัยบ้าง อยากทราบ

เคยมีพระอาจารย์รูปนึงเล่าให้ฟังว่า เคยไปออกบูธ DMC เหมือนกันในงานมหกรรมช้างที่จ.สุรินทร์

ท่านบอกว่า ตอนที่เปิดvcd มหานรกขุม 5 แอนิเมชั่น โดยเฉพาะตอนเสียงสัตว์นรกกรีดร้อง ตอนนี้ท่านเปิดเสียงลำโพงดังๆ ทุกคนอยู่แถวนั้นต่างหยุดชะงักและมารุมดูที่บูธกันใหญ่เลยครับ

ลองเอาสุตรของพระอาจารย์ท่านนี้ไปใช้ดูก็ได้นะครับ อาจมีคนมารุมดูจนบูธแตกก็ได้

ในกระทู้: พระช่วยผู้หญิงตกน้ำ

08 August 2008 - 03:41 PM

เรื่องมารดา

[๓๘๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งจับต้องมารดาด้วยความรักฉันมารดา
เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า
ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฏ.

http://84000.org/tipitaka/read/?1/388


----------------------------------------------------------------



(ต่อไปเป็นวิธีช่วยเหลือ โดยไม่ล่วงสิกขาบทครับ)


(อรรถกถา)


พึงทราบวินิจฉัย ในวินีตวัตถุทั้งหลายต่อไปนี้:-

สองบทว่า มาตุยา มานุปฺเปเมน
ความว่า ย่อมจับต้องกายของมารดาด้วยความรักฉันมารดา.

ในเรื่องลูกสาวและพี่น้องสาว ก็มีนัยนี้เหมือนกัน.

ในพระบาลีนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าปรับอาบัติทุกกฏเหมือนกันทั้งนั้น
แก่ภิกษุผู้จับต้อง ด้วยความรักอาศัยเรือนว่า
ผู้นี้เป็นมารดาของเรา นี้เป็นธิดาของเรา นี้เป็นพี่น้องสาวของเรา
เพราะขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแม้ทั้งหมด จะเป็นมารดาก็ตาม เป็นธิดาก็ตาม
เป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ทั้งนั้น.


ก็เมื่อภิกษุระลึกถึงพระอาญานี้ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถ้าแม้นว่าเห็นมารดาถูกกระแสน้ำพัดไป ไม่ควรจับต้องด้วยมือเลย.

แต่ภิกษุผู้ฉลาดพึงนำเรือ หรือแผ่นกระดาน
หรือท่อนกล้วย หรือท่อนไม้เข้าไปให้

เมื่อเรือเป็นต้นนั้นไม่มี
แม้ผ้ากาสาวะ[ก็ให้]นำไปวางไว้ข้างหน้า
แต่ไม่ควรกล่าวว่า จงจับที่นี้.

เมื่อท่านจับแล้ว พึงสาวมาด้วยทำในใจว่า เราสาวบริขารมา.



ก็ถ้ามารดากลัว พึงไปข้างหน้า ๆ แล้วปลอบโยนว่า อย่ากลัว
ถ้ามารดาถูกน้ำพัดไปรีบขึ้นคอ หรือจับที่มือของภิกษุผู้เป็นบุตร
ภิกษุอย่าพึงสลัดว่าหลีกหนีไปหญิงแก่
[แต่]พึงส่งไปให้ถึงบก.

เมื่อมารดาติดหล่มก็ดี ตกลงไปในบ่อก็ดี มีนัยเหมือนกันนี้.
อธิบายว่า ภิกษุพึงฉุดขึ้น แต่อย่าพึงจับต้องเลย.



(พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 173)