ไปที่เนื้อหา


usr19465

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 22 Sep 2007
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Oct 28 2008 10:13 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ขอถามผู้รู้เรื่อง หล่อหลวงปู่ด้วยค่ะ

28 August 2008 - 11:16 PM

อยากทราบว่าถ้าร่วมบุญหล่อหลวงปู่เป็นปัจจัย 150,000 บาท จะได้มีชื่อที่กลางรูปหล่อของท่านไหมค่ะ

บวชบูชาธรรมหลวงพ่อ

11 January 2008 - 12:16 AM

ใครทราบกำหนดการบวชบูชาธรรมหลวงพ่อเดือนเมษายนปี 2551 บ้างค่ะ ขอรายละเอียดหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ

สนใจช่วยงานเกี่ยวกับเอนิเมชั่นค่ะ ติดต่อใครดีค่ะ

07 January 2008 - 02:39 AM

มีน้องอยู่คนหนึ่งสนใจอยากช่วยทำเอนิเมชั่น มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่ทราบว่าจะติดต่อใครได้ รบกวนผู้รู้ช่วยบอกหน่อยนะค่ะ น้องเค้าจะได้ๆบุญ คุณแม่เค้าจะได้ดีใจด้วยค่ะ เพราะเค้าอยากให้ลูกสาวช่วยงานวัดค่ะ

เปลี่ยนทุกข์เป็นสุข

22 December 2007 - 04:25 AM

มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจเกี่ยวกับสามศรีพี่น้อง อารมณ์ อาภรณ์ และอาภา



ครั้งหนึ่งอารมณ์ไปหาหมอดูซึ่งว่ากันว่าทำนายอนาคตได้แม่นยำมาก หมอดูอ่านไพ่สักพักก็บอกว่า "คุณจะมีสุขภาพไม่ค่อยดี เงินทองจะฝืดเคือง ชีวิตครอบครัวจะไม่ราบรื่น หมอว่า คุณจะลำบากไป ๕ ปี"



"หลังจากนั้นฉันจะสบายใช่ไหม หมอ ?" อารมณ์ถาม



"เปล่า หลังจากนั้นคุณก็จะชินไปเอง" หมอตอบ



เรื่องต่อมาเป็นประสบการณ์ของอาภรณ์ราว ๆ ๓๐ ปีก่อน ตอนนั้นเธอไปงานทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านเพื่อน หลวงปู่บุดดารับอาราธนามางานนี้ด้วยตนเอง หลังจากฉันเสร็จเจ้าภาพได้นิมนต์หลวงปู่ซึ่งชรามากแล้ว ให้เอนกายพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางกลับจังหวัดสิงห์บุรี



ระหว่างนั้นข้างห้องซึ่งเป็นร้านขายของ มีคนเดินใส่เกี๊ยะขึ้นบันไดส่งเสียงดัง อาภรณ์จึงบ่นกับเพื่อน ๆ ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากหลวงพ่อมากนักว่า "แหมเดินเสียงดังเชียว"



หลวงปู่บุดดานั้นแม้นอนหลับตาอยู่ แต่ก็รับรู้ตลอดจึงพูดเตือนเบา ๆ ว่า "เขาเดินของเขาอยู่ดี ๆ เราเอาหูไปรองเกี๊ยะเขาเอง"



เรื่องที่ ๓ นั้นถอยหลังไปไกลอีก ๒๐ ปีสมัยที่ทั้ง ๓ คนยังเด็ก คราวหนึ่งแม่กำลังทำครัวอยู่ จึงให้อารมณ์ไปซื้อน้ำปลามา ๑ ขวด อารมณ์รีบวิ่งไปซื้อทันที ขากลับเดินสะดุดหลุมหกล้ม ขวดน้ำปลาหลุดมือ อารมณ์หยิบขวดน้ำปลาเดินกลับบ้าน สีหน้าเศร้าสร้อย บอกแม่ว่า "แย่จัง หนูทำน้ำปลาหกไปตั้งครึ่งขวด"



อาทิตย์ต่อมาแม่ให้อาภรณ์ไปซื้อน้ำมันมา ๑ ขวด อาภรณ์ซื้อเสร็จ ขากลับเดินสะดุดหิน น้ำมันหกไปครึ่งขวด แต่เธอกลับไปเล่าให้แม่ฟังอย่างยิ้มแย้มว่า "เมื่อกี้หนูหกล้ม แต่ยังดีที่คว้าเอาไว้ได้ทัน มีน้ำมันเหลือตั้งครึ่งขวดแน่ะ"



๒-๓ อาทิตย์ต่อมา ถึงเวรของอาภาบ้าง เธอไปซื้อน้ำส้มสายชูกลับมาก็บอกแม่ว่า "เมื่อกี้หนูหกล้ม แต่ยังดีที่คว้าเอาไว้ได้ทัน มีน้ำส้มเหลือตั้งครึ่งขวด แต่หนูรับปากว่าต่อไปจะไม่เผลออีก" ว่าแล้วเธอก็กลับไปขุดเอาหินที่โผล่ตามทางเดินออกจนหมด รวมทั้งกลบหลุมที่อาจทำให้ใครต่อใครเดินสะดุดด้วย



ทั้ง ๓ เรื่องนี้แม้จะต่างกัน แต่อย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือเป็นเรื่องของการประสบกับปัญหาหรือสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ปัญหาหรือสิ่งไม่น่าพอใจเมื่อเกิดกับใคร ก็มักจะทำให้ทุกข์ แต่วิธีที่จะทำให้ไม่ทุกข์ ก็มีอยู่ วิธีแรกคืออดทน ไม่ตีโพยตีพาย



ไม่นานก็จะปรับตัวได้ พูดง่าย ๆ คือชินไปเอง อย่างเรื่องแรก คนเราไม่ว่าจะทุกข์แค่ไหน จิตใจก็มักจะปรับตัวให้คุ้นชินได้เสมอ หากมีเวลาพอ หรือไม่คิดสั้นเสียก่อน มีคาถาหนึ่งที่จะช่วยให้เราทนได้มากขึ้นก็คือ เมื่อหายใจเข้า ให้พูดกับตนเอง "ทนได้" เมื่อหายใจออก ให้พูดในใจว่า "สบายมาก"



วิธีที่ ๒ คือการใช้ตา หู รวมไปถึงจมูก ลิ้น และกายให้เป็น เรื่องนี้โยงไปถึงจิตใจ ความทุกข์นั้นบ่อยครั้งเกิดขึ้นก็เพราะใจเราไม่อยู่สุข ชอบสั่งตาหรือหูให้ไปรับเอาสิ่งไม่ดีมาสร้างปัญหาแก่จิตใจ เสียงนั้นแม้จะดัง แต่ถ้าไม่ฟัง ปัญหาก็ไม่เกิด ใครเขาจะบ่น จะว่า ถ้าไม่สนใจเสียอย่าง จะทุกข์ได้อย่างไร ข้อสำคัญคือต้องรักษาใจให้ดี อย่าปล่อยใจให้เพ่นพ่านออกไปนอกตัวมากนัก จะทำอย่างนั้นได้ต้องมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ หรือไม่เช่นนั้น ก็ให้มีสมาธิจดจ่าอยู่กับอะไรสักอย่างที่ดี ๆ เช่น เสียงเพลงที่ไพเราะ หรือจดจ่าอยู่กับลมหายใจเข้าออกก็ได้



วิธีที่ ๓ ก็คือ มองแง่ดี เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา ลองมองให้เห็นแง่ดีของมันบ้าง ไม่มีอะไรที่ไม่มีแง่ดีเลย เจ็บป่วยก็มีแง่ดี คือได้พักผ่อน ได้มีเวลาทำสิ่งที่ชอบ อยู่กับครอบครัว หรือเข้าหาธรรมะ อย่างน้อย ๆ แง่ดีอย่างหนึ่งที่ต้องมีแน่ ๆ ก็คือ ดีที่ไม่หนักกว่านั้น เงินหาย ๑,๐๐๐ บาท ก็ยังนับว่าดีที่ไม่หาย ๑๐,๐๐๐ บาท เวลาถูกคนนินทา ก็ยังดีที่เขาไม่ทำร้ายเรามากกว่านั้น



อย่างไรก็ตามมองแง่ดีอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องลงมือจัดการกับปัญหาหรือป้องกันมิให้เกิดซ้ำอีก การมองแง่ดีทำให้อาภาไม่เป็นทุกข์กับการสะดุดหกล้ม แต่เธอไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น หากยังออกไปขุดหินและกลบหลุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซากอีก มองแง่ดีทำให้เราไม่ทุกข์เวลาเจ็บป่วย แต่ก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยอีก เช่น ออกกำลังกายมากขึ้น กินอาหารให้สมดุลกว่าเดิม เป็นต้น



ความทุกข์นั้นเราสามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นความไม่ทุกข์ หรือเปลี่ยนให้กลายเป็นความสุขได้ สิ่งเลวร้ายไม่น่าพอใจ เมื่อเกิดขึ้นกับเรา ใช่ว่าจะทำให้เราทุกข์ไปเสียหมด ก็หาไม่ ทุกข์หรือไม่ทุกข์อยู่ที่ตัวเรา ไม่ได้อยู่ที่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเรา


จงทำชีวิตให้เหมือนแบงค์ 1000

22 December 2007 - 04:21 AM

นักพูด..ที่เป็นที่รู้จักกันดีท่านหนึ่ง..

ได้เริ่มหยุดการสัมมนาของเขา..
โดยการหยิบแบงค์ 1,000 Shillings ขึ้นมา
ในห้องที่มีผู้เข้าฟัง..ร่วม 200 ท่าน

แล้วเขาก็พูดว่า..
"ใครอยากได้แบงค์ 1,000 Shillings นี้บ้าง?"
มีมือ..ได้ถูกยกขึ้นเป็นจำนวนมาก

เขาก็พูดต่อว่า..
"ฉันจะให้เงินแบงค์1,000 Shillings นี้..
แก่หนึ่งในพวกท่าน..
แต่ครั้งแรกนี้..ฉันจะทำอย่างนี้"

เขาเริ่มที่จะขยำๆ เงินนั้น


แล้วเขาก็ถามอีกว่า ..
"ใครจะยังต้องการมันอีก?"

ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก
"ดี" ..เขาตอบ

"แล้วถ้าฉันทำอย่างนี้ล่ะ"
และเขาก็ทิ้งมันลงที่พื้น..
เริ่มที่เหยียบย่ำมัน..ด้วยรองเท้าของเขา
แล้วเขาก็เก็บขึ้นมา
ขณะนี้..มันทั้งยับยู่ยี่และสกปรก

"ตอนนี้.. ใครยังต้องการมันอีก?"

ก็ยังคงมีคนยกมืออีก..

"เพื่อนๆ ..คุณได้เรียนรู้บทเรียน
ที่มีคุณค่ามากที่สุดบทหนึ่งแล้วว่า..
ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับเงิน ..
คุณก็ยังต้องการมันอยู่
เพราะว่า..
มันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวมันลงเลย
มันก็ยังคงมีค่า1,000 Shillings อยู่นั่นเอง

เหมือนกับหลายๆครั้ง..ในชีวิตของเรา
ที่ถูกทิ้ง.. ถูกเหยียบย่ำ ..
และถูกทำให้สกปรก..
โดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมัน
และสภาพแวดล้อมที่เราเจอ
ทำให้เรารู้สึกว่า..

คุณค่าของเรา--ลดน้อยลง

แต่ไม่ว่าอะไร..ที่ได้เกิดขึ้น
หรืออะไร..ที่จะเกิดขึ้น
คุณไม่เคยสูญเสีย--คุณค่าในตัวเอง

คุณเป็นคนพิเศษ..
อย่าลืมมันตลอดไป...

อย่านำความผิดหวัง..ของเมื่อวาน
มาบดบังความฝัน..ในวันพรุ่งนี้