สุดยอด..ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ
ความรู้เพิ่มอีก....
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: usr23719
สถิติเว็บบอร์ด
- กลุ่ม Members
- โพสต์ 15
- ดูโปรไฟล์ 6839
- อายุ ไม่เปิดเผย
- วันเกิด ไม่เปิดเผย
-
Gender
ไม่เปิดเผย
0
Neutral
เครื่องมือผู้ใช้งาน
เพื่อน
usr23719 ยังไม่มีเพื่อนในตอนนี้
ผู้เยี่ยมชมล่าสุด
โพสต์ที่ฉันโพสต์
ในกระทู้: การลงมาเองก่อนหมดกรรมกับถูกเชิญลงมาต่างกันไหมครับ
17 June 2008 - 05:46 PM
ในกระทู้: การลงมาเองก่อนหมดกรรมกับถูกเชิญลงมาต่างกันไหมครับ
17 June 2008 - 09:57 AM
อ้อ...ครับเข้าใจแล้วครับ
แล้วแบบนี้ทุกท่านที่อยู่ดุสิตบุรี แต่ละท่านก็มีบุญเยอะพอๆที่จะนั่งเข้าสมาธิอธิฐานลงมาได้เลยสิครับ
แต่ก็ยังมีการไปเชิญลงมาทุกองค์เลยใช่ไหมครับ...
มีแบบว่าคิดอยากจะลงมาสร้างบารมีต่อแล้วนั่งอธิฐานลงมาเลย โดยไม่ต้องไห้ใครไปเชิญมีไหมครับ
แล้วแบบนี้ทุกท่านที่อยู่ดุสิตบุรี แต่ละท่านก็มีบุญเยอะพอๆที่จะนั่งเข้าสมาธิอธิฐานลงมาได้เลยสิครับ
แต่ก็ยังมีการไปเชิญลงมาทุกองค์เลยใช่ไหมครับ...
มีแบบว่าคิดอยากจะลงมาสร้างบารมีต่อแล้วนั่งอธิฐานลงมาเลย โดยไม่ต้องไห้ใครไปเชิญมีไหมครับ
ในกระทู้: ทำอย่างไรถึงจะไปเขตในได้
16 June 2008 - 02:19 PM
หว่า...อ่านแล้วรู้สึกมีทั้งกำลังใจ ละก็กำลังท้อใจเลยนะเนี่ย
เห็นพูดถึงแต่อุบาสก อุบาสิกาข้างนอก ละก็พรภิกษุสามเณาข้างในวัด
แล้วถ้าเป็นพระภิกษุที่อยู่วัดข้างนอก ที่ไม่ใช่วัดสาขาด้วย จะมีโอกาสไหมละเนี่ย...
หุหุหุ...
เห็นพูดถึงแต่อุบาสก อุบาสิกาข้างนอก ละก็พรภิกษุสามเณาข้างในวัด
แล้วถ้าเป็นพระภิกษุที่อยู่วัดข้างนอก ที่ไม่ใช่วัดสาขาด้วย จะมีโอกาสไหมละเนี่ย...
หุหุหุ...
ในกระทู้: ชื่อออกแนวเดียวกันหมดทุกอสงไขย?การรื้อสัตว์ขนสัตว์?
16 June 2008 - 02:03 PM
ถ้าใครเคยฟังอดีตพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ท่านเคยนำนั่งที่โรงเรียนฝันในฝัน วันนั้นที่ท่านเทศน์ตอนบ่ายๆนะ
"....พวกเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ไม่มีอะไรใหม่สำหรับพวกเรา...."
ผมใช้เวลามานั่งคิดอยู่นาน(จริงๆแล้วก็เคยมีความสงสัยมานานเหมือนกัน)
เลยตั้งคำถามขึ้นกับตัวเองว่า....
โอกาส ที่ชื่อเมืองแต่ละเมืองจะชื่อเหมือนกัน และคนแต่ละคนชื่อเหมือนกัน มีไหม?
รถที่เราเคยขับ เครื่องบินที่เราเคยนั่ง เราเคยมีมาก่อนไหม?
โลกแตกดับสภาธรรมกายสากลที่พวกเรานั่งทุกอาทิตย์ จะยังอยู่ไหม?
แล้วถ้าโลกก่อตัวขึ้นใหม่เราจะมาสร้างสภาธรรมกายสากลอีกครั้งไหม?
ฯลฯ...ไหม?
หรือแม้กระทั่งเวลาเราเดินทางไปไหนมาไหน ทั้งๆที่เราไม่เคยไปมาก่อน แต่พอไปถึงพอเห็นเข้าเท่านั้น เรารู้สึกคุ้นๆตา เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน....
จนทุกวันนี้ก็ยังหาคำตอบอยู่...
นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ว่า โอกาสที่ชื่อจะตรงกันนั้น เป็นไปได้ ยิ่งถ้านึกถึงถาดทองคำของพระพุทธเจ้าที่ต้องลอยไปวางทับกันอีกยิ่งการันตีไปได้เลยว่ามีโอกาสจะเป็นไปได้อีก.....
แต่ถ้าเปรียบเทียบการใช้คำในภาษาบาลีก็น่าจะคิดได้อีกแบบหนึ่งว่า...
การจะใช้ศัพท์ในกาเรียกชื่อเมืองแต่ละครั้งนั้นเขาก็จะใช้ศัพท์คล้ายๆกับเราที่ใช้กันในปัจจุบันนี้หละครับ เช่น กรุงเทพฯ ทำไมคนต่างชาติเขาไม่เรียกตามเราว่า กรุงเทพ กลับไปเรียก แบงคอก คนบ้านนอกก็จะเรียก กรุงเทพว่า บางกอก สมมติว่านาย ก จะเทสน์ไห้นาย ข ฟังแล้วเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่า มีชายคนหนึ่งอยู่ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเมืองที่มีดอกบัวเยอะ เดินไปที่แม่น้ำลำคลองแห่งไหนก็มีแต่ดอกบัวงามสะพรั่งหลากสี....เราต้องบรรยายลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะเศรษฐกิจของเมืองนั้นให้มันยืดยาวไปทำไม ทำไมไม่เรียกคำเดียวไปเลยละว่า...เมืองอุบลราชธานี ก็เป็นที่น่าคิดอีกเช่นกันว่าการใช้ศัพท์เพื่อเรียกชื่อเมืองนั้นๆเป็นภาษาบาลี น่าเป็นการประกอบศัพท์ที่เป็นการบรรยายลักษณะเด่นของเมืองนั้นๆ หรืออาจจะเป็นศัพท์ที่ถูกใช้กันเป็นที่ทั่วไปเวลาเรียกเมือง ประเทศ หรือแม้กระทั่งคน ที่เราไม่รู้ชื่อ แทนที่เวลาพระอาจารย์ที่ท่านสังคายนาพระไตรปิฏกบรรยายถึงเมืองนั้นๆแล้ว ต้องเสียเวลานั่งบรรายลักษณะภูมิประเทศของประเทศนั้นๆ ทำไม แต่ถ้าหากใช้คำว่าว่า....พระราชาใหญ่ ในกรุงราชคฤห์ .... โดยให้คนที่อ่านก็เข้าใจไปเลยว่า...อ้อ มีประธานาธิบดีผู้ทรงอำนาจ อยู่ในเมืองที่ทรงอำนานั้น.... แต่ถ้าให้คิดแบบนี้มันก็ต้องคิดต่อไปอีกละว่า พระที่ท่านสังคายนาท่านก็มีความรู้อยู่แล้วก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเมืองนั้นชื่ออะไร ใครชื่ออะไร โอกาสที่ท่านจะมาใช้คำทั่วไปพูดให้คนฟังเอาแค่พอเข้าใจว่า เป็นเมืองทรงอำนาจเมืองหนึ่งกับคนๆหนึ่ง ท่านจะปกปิดไปทำไม หรือใช้คำเรียกทั่วไปเพียงเพื่อไม่ให้กระทบกับใครเท่านั้นเอง
มันเป็นแค่ความคิดของเด็กตาดำๆ อายุ21 อย่างผมคิดนะครับ ผิดถูกอย่างไรก็ช่วยชี้แจงด้วยนะครับ
แต่ทางที่ดีผมว่า ไปนั่งหลับตาดีกว่า แล้วค่อยฝันไปดูเอา
"....พวกเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ไม่มีอะไรใหม่สำหรับพวกเรา...."
ผมใช้เวลามานั่งคิดอยู่นาน(จริงๆแล้วก็เคยมีความสงสัยมานานเหมือนกัน)
เลยตั้งคำถามขึ้นกับตัวเองว่า....
โอกาส ที่ชื่อเมืองแต่ละเมืองจะชื่อเหมือนกัน และคนแต่ละคนชื่อเหมือนกัน มีไหม?
รถที่เราเคยขับ เครื่องบินที่เราเคยนั่ง เราเคยมีมาก่อนไหม?
โลกแตกดับสภาธรรมกายสากลที่พวกเรานั่งทุกอาทิตย์ จะยังอยู่ไหม?
แล้วถ้าโลกก่อตัวขึ้นใหม่เราจะมาสร้างสภาธรรมกายสากลอีกครั้งไหม?
ฯลฯ...ไหม?
หรือแม้กระทั่งเวลาเราเดินทางไปไหนมาไหน ทั้งๆที่เราไม่เคยไปมาก่อน แต่พอไปถึงพอเห็นเข้าเท่านั้น เรารู้สึกคุ้นๆตา เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน....
จนทุกวันนี้ก็ยังหาคำตอบอยู่...
นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ว่า โอกาสที่ชื่อจะตรงกันนั้น เป็นไปได้ ยิ่งถ้านึกถึงถาดทองคำของพระพุทธเจ้าที่ต้องลอยไปวางทับกันอีกยิ่งการันตีไปได้เลยว่ามีโอกาสจะเป็นไปได้อีก.....
แต่ถ้าเปรียบเทียบการใช้คำในภาษาบาลีก็น่าจะคิดได้อีกแบบหนึ่งว่า...
การจะใช้ศัพท์ในกาเรียกชื่อเมืองแต่ละครั้งนั้นเขาก็จะใช้ศัพท์คล้ายๆกับเราที่ใช้กันในปัจจุบันนี้หละครับ เช่น กรุงเทพฯ ทำไมคนต่างชาติเขาไม่เรียกตามเราว่า กรุงเทพ กลับไปเรียก แบงคอก คนบ้านนอกก็จะเรียก กรุงเทพว่า บางกอก สมมติว่านาย ก จะเทสน์ไห้นาย ข ฟังแล้วเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่า มีชายคนหนึ่งอยู่ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเมืองที่มีดอกบัวเยอะ เดินไปที่แม่น้ำลำคลองแห่งไหนก็มีแต่ดอกบัวงามสะพรั่งหลากสี....เราต้องบรรยายลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะเศรษฐกิจของเมืองนั้นให้มันยืดยาวไปทำไม ทำไมไม่เรียกคำเดียวไปเลยละว่า...เมืองอุบลราชธานี ก็เป็นที่น่าคิดอีกเช่นกันว่าการใช้ศัพท์เพื่อเรียกชื่อเมืองนั้นๆเป็นภาษาบาลี น่าเป็นการประกอบศัพท์ที่เป็นการบรรยายลักษณะเด่นของเมืองนั้นๆ หรืออาจจะเป็นศัพท์ที่ถูกใช้กันเป็นที่ทั่วไปเวลาเรียกเมือง ประเทศ หรือแม้กระทั่งคน ที่เราไม่รู้ชื่อ แทนที่เวลาพระอาจารย์ที่ท่านสังคายนาพระไตรปิฏกบรรยายถึงเมืองนั้นๆแล้ว ต้องเสียเวลานั่งบรรายลักษณะภูมิประเทศของประเทศนั้นๆ ทำไม แต่ถ้าหากใช้คำว่าว่า....พระราชาใหญ่ ในกรุงราชคฤห์ .... โดยให้คนที่อ่านก็เข้าใจไปเลยว่า...อ้อ มีประธานาธิบดีผู้ทรงอำนาจ อยู่ในเมืองที่ทรงอำนานั้น.... แต่ถ้าให้คิดแบบนี้มันก็ต้องคิดต่อไปอีกละว่า พระที่ท่านสังคายนาท่านก็มีความรู้อยู่แล้วก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเมืองนั้นชื่ออะไร ใครชื่ออะไร โอกาสที่ท่านจะมาใช้คำทั่วไปพูดให้คนฟังเอาแค่พอเข้าใจว่า เป็นเมืองทรงอำนาจเมืองหนึ่งกับคนๆหนึ่ง ท่านจะปกปิดไปทำไม หรือใช้คำเรียกทั่วไปเพียงเพื่อไม่ให้กระทบกับใครเท่านั้นเอง
มันเป็นแค่ความคิดของเด็กตาดำๆ อายุ21 อย่างผมคิดนะครับ ผิดถูกอย่างไรก็ช่วยชี้แจงด้วยนะครับ
แต่ทางที่ดีผมว่า ไปนั่งหลับตาดีกว่า แล้วค่อยฝันไปดูเอา
ในกระทู้: ชายหนุ่มผู้เห็นภาพบนผืนน้ำ
16 June 2008 - 12:46 PM
QUOTE
กระทู้นี้แรง กระทู้นี้แรง
ก้อเห็นด้วยนะจ๊ะ ว่า ใครๆก้มีสิทธิ์ที่จะออกความเห็น ที่ไม่เหมือนคนอื่น..
แต่อยากให้หัดเขียนแบบไม่ว่าใคร ไม่ยกตนข่มท่าน ว่าคุณเห็นผิด ฉันสิถูกเลยจ้ะ
....
กระทู้ DMC จะได้เย็นใจ น่าอ่าน ใครๆ ก็อยากมาโพสต์ อยากมาตอบ แบ่งปันกันแบบพี่น้องวงบุญ
ไม่อยากให้เหมือนกระทู้ทางโลกเลย ที่ว่ากันรุนแรง เชือดเฉือน
อ่านแล้วใจหมอง..ไม่มีความคิดที่อยากจะลงไปยุ่งด้วยเลย
....
หลายๆท่าน อาจคงยังเคยชินมังจ๊ะ กับการชี้แจง แบบเอาให้ชนะ ที่คนทางโลกเขาชมว่าแน่ๆ
แต่ของเรา เรามา ชม กับ เชียร์ ให้เป็นนิสัย น่าจะดีกว่านะ
วงบุญพิเศษนี่นา รู้มากกว่าเค้าต้องเยอะ
แถมได้เลี่ยง การบ่มเพาะนิสัย สร้างวิบากวจีกรรมด้วยย...จ้า
ก้อเห็นด้วยนะจ๊ะ ว่า ใครๆก้มีสิทธิ์ที่จะออกความเห็น ที่ไม่เหมือนคนอื่น..
แต่อยากให้หัดเขียนแบบไม่ว่าใคร ไม่ยกตนข่มท่าน ว่าคุณเห็นผิด ฉันสิถูกเลยจ้ะ
....
กระทู้ DMC จะได้เย็นใจ น่าอ่าน ใครๆ ก็อยากมาโพสต์ อยากมาตอบ แบ่งปันกันแบบพี่น้องวงบุญ
ไม่อยากให้เหมือนกระทู้ทางโลกเลย ที่ว่ากันรุนแรง เชือดเฉือน
อ่านแล้วใจหมอง..ไม่มีความคิดที่อยากจะลงไปยุ่งด้วยเลย
....
หลายๆท่าน อาจคงยังเคยชินมังจ๊ะ กับการชี้แจง แบบเอาให้ชนะ ที่คนทางโลกเขาชมว่าแน่ๆ
แต่ของเรา เรามา ชม กับ เชียร์ ให้เป็นนิสัย น่าจะดีกว่านะ
วงบุญพิเศษนี่นา รู้มากกว่าเค้าต้องเยอะ
แถมได้เลี่ยง การบ่มเพาะนิสัย สร้างวิบากวจีกรรมด้วยย...จ้า
นี่สิของแท้...
นักปฏิบัติธรรมของจริง
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: usr23719
- Privacy Policy
- เงื่อนไข ข้อตกลง และกฏระเบียบของเว็บไซต์ DMC ·