ไปที่เนื้อหา


usr23719

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 02 Jun 2008
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Jun 23 2008 08:30 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: การลงมาเองก่อนหมดกรรมกับถูกเชิญลงมาต่างกันไหมครับ

17 June 2008 - 05:46 PM

สุดยอด..ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ
ความรู้เพิ่มอีก....

ในกระทู้: การลงมาเองก่อนหมดกรรมกับถูกเชิญลงมาต่างกันไหมครับ

17 June 2008 - 09:57 AM

อ้อ...ครับเข้าใจแล้วครับ

แล้วแบบนี้ทุกท่านที่อยู่ดุสิตบุรี แต่ละท่านก็มีบุญเยอะพอๆที่จะนั่งเข้าสมาธิอธิฐานลงมาได้เลยสิครับ
แต่ก็ยังมีการไปเชิญลงมาทุกองค์เลยใช่ไหมครับ...
มีแบบว่าคิดอยากจะลงมาสร้างบารมีต่อแล้วนั่งอธิฐานลงมาเลย โดยไม่ต้องไห้ใครไปเชิญมีไหมครับ

ในกระทู้: ทำอย่างไรถึงจะไปเขตในได้

16 June 2008 - 02:19 PM

หว่า...อ่านแล้วรู้สึกมีทั้งกำลังใจ ละก็กำลังท้อใจเลยนะเนี่ย

เห็นพูดถึงแต่อุบาสก อุบาสิกาข้างนอก ละก็พรภิกษุสามเณาข้างในวัด

แล้วถ้าเป็นพระภิกษุที่อยู่วัดข้างนอก ที่ไม่ใช่วัดสาขาด้วย จะมีโอกาสไหมละเนี่ย...

หุหุหุ...

ในกระทู้: ชื่อออกแนวเดียวกันหมดทุกอสงไขย?การรื้อสัตว์ขนสัตว์?

16 June 2008 - 02:03 PM

ถ้าใครเคยฟังอดีตพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ท่านเคยนำนั่งที่โรงเรียนฝันในฝัน วันนั้นที่ท่านเทศน์ตอนบ่ายๆนะ

"....พวกเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ไม่มีอะไรใหม่สำหรับพวกเรา...."

ผมใช้เวลามานั่งคิดอยู่นาน(จริงๆแล้วก็เคยมีความสงสัยมานานเหมือนกัน)
เลยตั้งคำถามขึ้นกับตัวเองว่า....

โอกาส ที่ชื่อเมืองแต่ละเมืองจะชื่อเหมือนกัน และคนแต่ละคนชื่อเหมือนกัน มีไหม?
รถที่เราเคยขับ เครื่องบินที่เราเคยนั่ง เราเคยมีมาก่อนไหม?
โลกแตกดับสภาธรรมกายสากลที่พวกเรานั่งทุกอาทิตย์ จะยังอยู่ไหม?
แล้วถ้าโลกก่อตัวขึ้นใหม่เราจะมาสร้างสภาธรรมกายสากลอีกครั้งไหม?
ฯลฯ...ไหม?
หรือแม้กระทั่งเวลาเราเดินทางไปไหนมาไหน ทั้งๆที่เราไม่เคยไปมาก่อน แต่พอไปถึงพอเห็นเข้าเท่านั้น เรารู้สึกคุ้นๆตา เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน....
จนทุกวันนี้ก็ยังหาคำตอบอยู่...

นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ว่า โอกาสที่ชื่อจะตรงกันนั้น เป็นไปได้ ยิ่งถ้านึกถึงถาดทองคำของพระพุทธเจ้าที่ต้องลอยไปวางทับกันอีกยิ่งการันตีไปได้เลยว่ามีโอกาสจะเป็นไปได้อีก.....

แต่ถ้าเปรียบเทียบการใช้คำในภาษาบาลีก็น่าจะคิดได้อีกแบบหนึ่งว่า...
การจะใช้ศัพท์ในกาเรียกชื่อเมืองแต่ละครั้งนั้นเขาก็จะใช้ศัพท์คล้ายๆกับเราที่ใช้กันในปัจจุบันนี้หละครับ เช่น กรุงเทพฯ ทำไมคนต่างชาติเขาไม่เรียกตามเราว่า กรุงเทพ กลับไปเรียก แบงคอก คนบ้านนอกก็จะเรียก กรุงเทพว่า บางกอก สมมติว่านาย ก จะเทสน์ไห้นาย ข ฟังแล้วเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่า มีชายคนหนึ่งอยู่ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเมืองที่มีดอกบัวเยอะ เดินไปที่แม่น้ำลำคลองแห่งไหนก็มีแต่ดอกบัวงามสะพรั่งหลากสี....เราต้องบรรยายลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะเศรษฐกิจของเมืองนั้นให้มันยืดยาวไปทำไม ทำไมไม่เรียกคำเดียวไปเลยละว่า...เมืองอุบลราชธานี ก็เป็นที่น่าคิดอีกเช่นกันว่าการใช้ศัพท์เพื่อเรียกชื่อเมืองนั้นๆเป็นภาษาบาลี น่าเป็นการประกอบศัพท์ที่เป็นการบรรยายลักษณะเด่นของเมืองนั้นๆ หรืออาจจะเป็นศัพท์ที่ถูกใช้กันเป็นที่ทั่วไปเวลาเรียกเมือง ประเทศ หรือแม้กระทั่งคน ที่เราไม่รู้ชื่อ แทนที่เวลาพระอาจารย์ที่ท่านสังคายนาพระไตรปิฏกบรรยายถึงเมืองนั้นๆแล้ว ต้องเสียเวลานั่งบรรายลักษณะภูมิประเทศของประเทศนั้นๆ ทำไม แต่ถ้าหากใช้คำว่าว่า....พระราชาใหญ่ ในกรุงราชคฤห์ .... โดยให้คนที่อ่านก็เข้าใจไปเลยว่า...อ้อ มีประธานาธิบดีผู้ทรงอำนาจ อยู่ในเมืองที่ทรงอำนานั้น.... แต่ถ้าให้คิดแบบนี้มันก็ต้องคิดต่อไปอีกละว่า พระที่ท่านสังคายนาท่านก็มีความรู้อยู่แล้วก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเมืองนั้นชื่ออะไร ใครชื่ออะไร โอกาสที่ท่านจะมาใช้คำทั่วไปพูดให้คนฟังเอาแค่พอเข้าใจว่า เป็นเมืองทรงอำนาจเมืองหนึ่งกับคนๆหนึ่ง ท่านจะปกปิดไปทำไม หรือใช้คำเรียกทั่วไปเพียงเพื่อไม่ให้กระทบกับใครเท่านั้นเอง

มันเป็นแค่ความคิดของเด็กตาดำๆ อายุ21 อย่างผมคิดนะครับ ผิดถูกอย่างไรก็ช่วยชี้แจงด้วยนะครับ

แต่ทางที่ดีผมว่า ไปนั่งหลับตาดีกว่า แล้วค่อยฝันไปดูเอา

ในกระทู้: ชายหนุ่มผู้เห็นภาพบนผืนน้ำ

16 June 2008 - 12:46 PM

QUOTE
กระทู้นี้แรง กระทู้นี้แรง
ก้อเห็นด้วยนะจ๊ะ ว่า ใครๆก้มีสิทธิ์ที่จะออกความเห็น ที่ไม่เหมือนคนอื่น..
แต่อยากให้หัดเขียนแบบไม่ว่าใคร ไม่ยกตนข่มท่าน ว่าคุณเห็นผิด ฉันสิถูกเลยจ้ะ
....
กระทู้ DMC จะได้เย็นใจ น่าอ่าน ใครๆ ก็อยากมาโพสต์ อยากมาตอบ แบ่งปันกันแบบพี่น้องวงบุญ
ไม่อยากให้เหมือนกระทู้ทางโลกเลย ที่ว่ากันรุนแรง เชือดเฉือน
อ่านแล้วใจหมอง..ไม่มีความคิดที่อยากจะลงไปยุ่งด้วยเลย
....
หลายๆท่าน อาจคงยังเคยชินมังจ๊ะ กับการชี้แจง แบบเอาให้ชนะ ที่คนทางโลกเขาชมว่าแน่ๆ
แต่ของเรา เรามา ชม กับ เชียร์ ให้เป็นนิสัย น่าจะดีกว่านะ
วงบุญพิเศษนี่นา รู้มากกว่าเค้าต้องเยอะ
แถมได้เลี่ยง การบ่มเพาะนิสัย สร้างวิบากวจีกรรมด้วยย...จ้า


นี่สิของแท้...
นักปฏิบัติธรรมของจริง