ไปที่เนื้อหา


Mr.Musion

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 08 Apr 2009
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Apr 23 2009 07:40 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: อยากไปสวรรค์ชั้น6 ต้องทำบุญอย่างไร

14 April 2009 - 11:55 PM

... เข้ามาดู

แต่อย่าลืมนะครับว่า สุขของสวรรค์ชั้นที่ 6 ก็ยังเทียบไม่ได้กับสุขของพระนิพพาน

เพราะว่า...นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง (ขุททกนิกาย ธรรมบท พระไตรปิฎก เล่ม 25 ข้อ 25)

ในกระทู้: แบบนี้ผิดศีลข้อ3 และขึ้นต้นงิ้วรึเปล่า

12 April 2009 - 12:29 AM

...เข้ามาดู (อีกรอบ)

ตอบคุณหัดฝันก่อน

คือการทำบุญ เราก็ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้รับจะได้รับด้วยครับ ว่าุที่เราให้ไป มีความเหมาะสมรึเปล่า แล้วอีกอย่าง อย่างลืมดูต้นทุนตัวเองด้วยนะครับ ว่าทำเท่านี้เราจะอยู่ได้รึเปล่า

ตัวอย่าง ถ้าผมมีเงินอยู่ทั้งเนื้อทั้งตัว 200 บาทละกัน ผมตัดสินใจทำบุญซะ 100 บาท ซื้อภัตตาหาร 1 มื้อไปถวายพระ 1 รูป ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องเจียดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริืงๆ เอาไว้ 100 บาท แล้ว 100 บาท ซื้ออาหารไป ก็มากเกินพอที่จะยังชีวิตพระ 1 รูปให้ดำรงอยู่ผ่านมื้อนั้นไปได้

แต่ถ้าสมมติว่าผมมีเงินอยูู่่ 105 บาท อยากจะทำบุญพอดี ต้องเจียดไว้ 100 บาทเท่าเดิืม เหลือ 5 บาท จะไปทำบุญถวายพระ ก็กระไรอยู่ ผมเหลือบไปเห็นตู้บริจาคสมทบทุนอาหารกลางวันให้เด็กยากไร้พอดี แล้วก็ไม่รู้จะทำที่ไหนอีกแล้ว

ผมก็มีทางเลือก จะทำตรงนั้น 5 บาท หรือจะเก็บเอาไว้ รอเงินมาให้ได้จำนวนหนึ่งก่อน แล้วค่อยถวายพระ

ถ้าเป็นคุณอยากจะทำบุญในเขตพระพุทธศาสนา คุณก็คงเลือกข้อหลัง แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณทุ่มถึงขนาดทำไปเลย 100 บาท เหลือ 5 บาทติดกระเป๋า ไม่พอนู่นไม่พอนี่่อีก

ผมเองผมขอบอกอย่างนึงนะ คือการทำบุญนะครับ อย่าลืมใช้ปัญญาพิจารณาก่อนทำบุญด้วย การทำบุญ มีศรัทธา อย่าลืมปัญญา ถ้ามีศรัทธา แล้วไม่มีปัญญา ประเภททำบุญทุ่มหมดตัวไปเลย แบบนี้ผมเรียกว่า "งมงาย" ครับ ไม่ใช่ศรัทธาแล้ว เพราะมันศรัทธาจนเกินพอดีเกินไป

ผมว่าการทำบุญที่ดี ต้องมีวิจารณญาณด้วย ทำบุญแล้ว ผู้รับได้ประโยชน์ ผู้ให้ไม่เดือดร้อน ถ้าผู้ให้ไม่เดือดร้อน แต่ผู้รับไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร อย่างที่คุณหัดฝันยกตัวอย่างมา มันก็ไม่ใช่การทำบุญที่ฉลาด ผมยังจะบอกว่า "ขี้เหนียว" อีกตะหาก แต่ถ้าผู้รับได้ประโยชน์เต็มที่ แล้วผู้ให้ดันมาเดือดร้อน ต้องมากู้หนี้ยืมสิน ผ่อนรายเดือน แบบนี้ผมก็ว่าไม่ฉลาดเหมือนกัน ทำบุญไม่ดูตัวเอง เดือดร้อนเอง เป็นคุณจะเลือกแบบไหน

แล้วอีกอย่างนึง การทำทาน ไม่จำเป็นต้องทำกับพระภิกษุสงฆ์ในเขตพระพุทธศาสนาอย่างเดียวหรอกครับ การให้ทานกับพระได้อานิสงส์มากที่สุด ใช่ แต่ถ้าสมมติคนทั้งโลกคิดจะให้ทานกับพระอย่างเดียว กับฆราวาสทั่วไปไม่ให้เลย คุณไม่คิดถึงคนอื่นๆ ที่ตกทุกข์ได้ยากบ่้างหรอว่าจะทุกข์ขนาดไหน เขาสมควรจะได้รับความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้ แล้วทุกคนไปให้แต่กับพระจนหมด ผมฝากคุณไปคิดแล้วกันนะ

ในกระทู้: ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิด ควรทำอย่างไรบ้างค่ะ

11 April 2009 - 10:46 PM

...เข้ามาต่อจากข้างบน

แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ผมว่่าพระโสดาบันส่วนใหญ่บารมีก็เต็มๆ กันแล้วนะครับ พระโสดาบันที่บรรลุธรรมแบบท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี แล้วก็นางวิสาขา ผมว่าตอนนี้ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่จะปฏิบัติวิปัสสนากันแล้วได้ซะส่วนมาก แล้วพอถึงพระโสดาบันแล้วก็ต่อพระอรหันต์เลย ไม่ค่อยมีใครที่หยุดแค่พระโสดาบันหรอก

ในกระทู้: อยากได้บุญ วันคุ้มครองโลก 22 เมษายน 2552

08 April 2009 - 07:43 PM

...เข้ามาอนุโมทนา

แต่ถ้าอยากได้บุญ ก็ถือว่าทำบุญด้วยความโลภนะครับ โลภในผลของบุญ เหมือนเล่นหุ้นเก็งกำไร ทำใจให้ใสสว่าง หยุดนิ่งที่กลางกาย ดีกว่านะครับ

ในกระทู้: เศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ จะทำอย่างไรดี

08 April 2009 - 07:34 PM

...เข้ามาอนุโมทนา

การทำบุญที่เจตนาเต็มเปี่ยม ไม่มีกิเลส แม้กระทั่งความปรารถนาในผลของบุญ ไม่เดือดร้อน ไม่เบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่น ด้วยทรัพย์สินที่บริสุทธิ์ ในเนื้อนาบุญที่เหมาะสม จิตเป็นกุศลทั้งก่อน ขณะ และหลังทำ ย่อมได้อานิสงส์ที่เต็มเปี่ยม อนุโมทนากับทานอันบริสุทธิ์ สาธุ