ไปที่เนื้อหา


pandin

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 10 Oct 2009
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Jun 24 2011 08:08 AM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ธรรมะพิเศษ (21.2) ต้นตำหรับ กระดาษทิชชู่ กับ...

27 February 2010 - 03:06 PM

ธรรมะพิเศษ : เพื่อขุนรบจักรพรรดิ์
ฉบับต้นตำหรับ



วิธีการเข้าถึงธรรมะภายใน ต้องง่ายๆๆๆๆ

หลวงพ่อบอกว่า ต้องขอบคุณหลวงปู่มากๆที่สอนการเข้าถึงสิ่งที่ยากที่สุด ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุด
การเข้าถึงธรรมกาย ถ้ายากๆ ไม่ใช่ ต้องง่ายๆ ต้องนั่งสบายๆแบบไฮโซ ไม่ใช่แบบกรรมาชีพ

การภาวนาที่ถูกต้อง ให้ใช้ใจภาวนาไม่ใช่คิดหรือใช้หัว โดยทำเหมือนว่า เราเปิดซีดีคำภาวนา และ เครื่องเล่นซีดีก็จะดังออกมา เองว่า สัมมาอะระหัง ฟังไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไร อย่าไปบังคับ ไม่งั้นยิ่งนั่งก็ยิ่งแก่ ให้ข้างในเขาภาวนาเอง ถ้าใจหยุดนิ่งเมื่อไหร่ คำภาวนาก็จะหายไปเอง

การนึก ก็อย่าใช้ตาหรือเพ่งนะ ถ้าใครตึงท้ายทอย หรือ หน้าผาก แสดงว่าติดการใช้ตาหรือพยายามเพ่งให้ชัด
ให้ปรับใหม่ ไม่ใช่คิด ใช้ใจนึกง่ายๆ สบายๆ ใครนึกถึงดอกไม้ได้บ้าง เช่นดอกกุหลาบ สีอะไรจ๊ะ ดอกมะลิสีอะไร มะลิซ้อนหรือมะลิธรรมดา ดอก........... ดอกบัวสีอะไร โตขนาดไหน บัวตูมหรือบัวบาน อ้าวให้บานออก นึกว่าดอกบัวลอยอยู่ข้างหลัง(จะได้ไม่ใช้ตา) เหนือศีรษะด้านซ้าย ด้านขวา ข้างหน้า ข้างหลัง แล้วเลื่อนมาอยู่ กลางท้องก็จะเห็นท๊อปวิว ตรงกลางดอกบัวเกสร สีอะไรจ๊ะ
กลางดอกบัววางดวงแก้วหนึ่งดวง โตขนาดไหนจ๊ะ สมมุติดวงแก้วเป็นหลอดไฟ อ้าวเปิดๆไฟ สว่างมั๊ยจ๊ะ ตรงกลางหลอดที่สว่างที่สุด
เป็นจุดเล็กสว่าง สีอะไรจ๊ะ อ้าวดูจุดเล็กใสไปเรื่อยๆ สบายไปเรื่อยๆ เชื่อมกับบุญไปเรื่อยๆ
วางทุกสิ่ง ทิ้งทุกอย่าง แม้ร่างกาย สุดท้ายแม้ชีวิต เหมือนที่หลวงปู่บอกว่า ต้องดับแล้วจึงเกิด

ปล่อยใจให้คลายออก หรือขยายออกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวดวงก็จะขยายออกไป ตามใจที่ขยายออกไป
พอนิ่งได้ที่เดี๋ยวดวงก็จะผุดออกมาจากจุดเล็กสว่าง พอใจบริสุทธิ์เท่ากับองค์พระ เดี๋ยวองค์พระก็จะผุดซ้อนขึ้นมาจากจุดเล็กสว่าง

อย่าไปค้นหา ให้มั่นใจไปเลย เหมือนที่หลวงพ่อบอกว่า ธรรมะมีอยู่แล้วในตัว องค์พระท่านรอคอยเราอยู่ตลอดเวลา
คอยอยู่ว่าเมื่อไหร่เราเอาใจมาเชื่อมกับศก.ได้ เราก็เชื่อมกับท่านได้ ท่านก็จะสอดบุญให้เราได้
บุญก็จะกลั่นใจของเราให้ใส ใจบริสุทธิ์เท่าสภาวะธรรมไหนก็เห็นสภาวะธรรมนั้นๆ
บริสุทธิ์เท่าดวงก็เห็นดวง บริสุทธิ์เท่ากายก็เห็นกาย บริสุทธิ์เท่าองค์พระก็เห็นองค์พระ


ให้เพิ่มความเชื่อมั่น โดยนึกเชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์ หลวงปู่หรือ หลวงพ่อหรือ คุณยายหรือทั้งสามท่าน
หรือจะให้มหาธรรมกายเจดีย์ครอบเราเลยนะ ให้ท่านปกป้องคุ้มครองดูแลรักษา ส่งเสริม สนับสนุน เติมบุญบารมี
รัศมี.........................และธรรมะที่ถูกต้องตามความเป็นจริงให้แก่เรา โดยศก.ของเรา(จุดเล็กสว่าง)กับของท่านตรงกัน
ให้เชื่อมั่นว่าท่านดูแลเราอยู่ตลอดเวลา เราเชื่อมกับท่านได้ท่านก็ดูแลเราได้

เอาหละ ขณะพวกเราฟังหลวงพี่คุยธรรมะ ใจเราก็ดูข้างในไปและเชื่อมกับบุญไปเรื่อยๆ ให้ฟังจากกลางอย่างที่หลวงพ่อบอก
อย่าใช้ความคิดนะ ให้ฟังด้วยใจ อย่าใช้หัว (หัวคับแคบใช้มากจะปวดหัว กลางท้องกว้างมากๆ ไม่ปวดท้อง)
ข้างในเขาเป็นอย่างไร ก็ให้ดูไปอย่างนั้น ปล่อยใจตามไป เหมือนอัดซีดีไปเรื่อยๆ



ชีวิตเปรียบด้วยกระดาษทิชชู่

หลวงพ่อท่านบอกว่า คู่แข่งที่แท้จริงคือ เวลา และ สุขภาพ สองประการนี้สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
เรื่องสุขภาพ ไปหาวิธีดูแลกายหยาบของเราเอาเองนะ มีหลากหลาย เลือกเอาที่เหมาะกับเรา

ส่วนเรื่องเวลา หลายคนคงคิดว่าเรายังมีเวลาอีกเยอะ แต่ในความเป็นจริงมีน้อยมาก อยากให้ดูกระดาษทิชชู่ แผ่นนี้ ฉีกให้เป็นเส้นยาวๆ
(ลองหยิบขึ้นมาทดลองดูนะครับ)

ถ้าเราสมมุติว่าเวลาในชีวิตของเรา มีความยาวเท่ากับกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ สมมุติว่า แผ่นนี้เท่ากับ เจ็ดสิบห้าปี(อายุเฉลี่ยของมนุษย์ ถ้าโชคดีอยู่ถึง) เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเราหมดไปกับอะไรบ้างจ้ะ???

เวลานอน หมดไป หนึ่งในสามของวัน(เฉลี่ยแปดชั่วโมง) หรือ หนึ่งในสามของเวลาชีวิต(เจ็ดสิบห้าปี) คือประมาณ ยี่สิบห้าปี เอ้า เราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไป หนึ่งในสามส่วน หมดไปกับการนอน( เหลือ สองในสาม หรือ คิดเป็นชั่วโมงต่อหนึ่งวันก็เท่ากับ เหลือ สิบหกชั่วโมง)

เวลาทำงาน พวกเราเรียนหรือทำงานกันวันล่ะกี่ชั่วโมง เฉลี่ยก็ประมาณ หนึ่งในสามของวัน หรือ อีกหนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา คือประมาณอีก ยี่สิบห้าปี เอ้าเราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไปอีกหนึ่งในสามส่วน หมดไปกับการเรียนและทำงาน
(ตอนนี้กระดาษทิชชู่เหลืออยู่อีกเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น คือแปดชั่วโมง)

นอกจากเราทำงาน และ นอนแล้วเรายังต้องทำอะไรกันอีกบ้างจ้ะ???

เวลาทานอาหาร คือ ตั้งแต่ ไปจ่ายตลาด กลับมาเตรียมปรุงอาหาร ทานอาหาร เก็บล้างภาชนะ หมดกันไปอีกเท่าไหร่แล้ว เอ้า สมมุติว่าสามมื้อ มื้อล่ะชั่วโมง ก็หมดไปอีก สามชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)

เอ้าเหลือเวลาเท่าไหร่แล้ว ห้าชั่วโมงใช่ไหม และ ต้องทำอะไรกันอีก

เวลาทำความสะอาด อาบน้ำ แปรงฟัน ถ่ายหนัก ถ่ายเบา แต่งตัว จนถึงแต่งหน้า ทาปาก ตั้งแต่เช้าจนเข้านอน ทั้งวันหมดไปอีกเท่าไหร่แล้ว
อ้อ สองชั่วโมงนะ (ฉีกกระดาษอีก) เหลืออีกสามชั่วโมง

เวลาเดินทาง เวลารถติดบนถนน เอ้าหมดไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว (ฉีกกระดาษอีก ) เหลือ สองชั่วโมงแล้วนะ

เอ้าใครติดดูละครบ้าง ติดดูหนัง ติดอินเตอร์เนต แหม ทีดูละครดูทีวี เจ็ดแปดชั่วโมง ยังดูกันได้เลย

แล้วมาบอกว่าไม่มีเวลานั่งธรรมะ เอ้าหยวนๆให้ หนึ่งชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)

เวลาเมาท์แตกอีกหละ วันๆ หมดกันไปอีกเท่าไหร่หล่ะเนี่ย

เวลาอื่นๆอีกหล่ะ ทำอะไรกันอีกบ้าง ไม่มีกระดาษเหลือให้ฉีกแล้ว

และ เวลาปฏิบัติธรรมหล่ะ มีกันเท่าไหร่???? เป็นอย่างไร เรามีเวลาเยอะไหม ???


สรุปว่า เวลาในชีวิตของเราแบ่งออก เวลาที่จำเป็นหนีไม่พ้นคือ
เวลากิน เวลานอน เวลาทำงาน ทำความสะอาด ดูแลสุขภาพ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่
ส่วนที่สอง คือเวลาสัพเพเหระ ตรงนี้เราบริหารจัดการได้ เอ้าไปบริหารเวลากันใหม่นะ

แต่ที่น่ากลัวที่สุด คือ ตอนนี้เราอายุเท่าไหร่กันบ้างแล้ว ???? ฉีกออกไปตามอายุ(จากเศษทิชชู่ที่เหลือ) แล้วแน่ใจเหรอว่าจะอยู่ได้ถึง เจ็ดสิบห้า แล้วยิ่งอายุมากเข้าก็จะยิ่งทำลำบาก เพราะฉะนั้น จะทำอะไรก็ต้องรีบทำนะ อย่าคิดว่าเวลาทั้งชีวิตมีเยอะนะ
ดังนั้น เวลาลืมตาก็ต้องทำ จะเอาแค่เพียงเวลานั่งหลับตาแค่นี้ไม่พอนะ ทำแค่สองเวลาก็พออย่างที่หลวงพ่อบอก คือ หลับตา และ ลืมตา

การปฏิบัติธรรมเราต้องมีความเชื่อมั่นว่า เราทำได้แน่นอน เหมือนที่หลวงพ่อให้เราท่อง เรามีบุญมากพอ เราทำได้ถ้าได้ทำ ได้อย่างง่ายๆๆๆ และ ได้อย่างอย่างต่อเนื่องด้วย


มารคือผู้ขวางการทำความดี

วิธีของมารเขา มีห้าวิธี ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม คือ

1) เรียกร้องสิทธิ
2) เจรจาต่อรอง
3) ข่มขู่
4) เอาของมาล่อ
5) ขอร้องวิงวอนบีบน้ำตา

เวลามีอะไรเกิดขึ้น อย่าเพิ่งตอบ ตกลงหรือปฏิเสธ แต่ให้ใจนิ่งๆอยู่ในบุญ ใจเป็นกลางๆ และอยู่กับมหาปูชนียาจารย์ ไม่มีโลภ โกรธ หลง พิจารณาดูให้รอบคอบก่อนว่า ทำแล้วหรือช่วยแล้วเกิดบุญเพิ่ม หรือใจใสเพิ่ม ก็โอเค แต่ถ้าดูแล้วได้ไม่คุ้มเสียก็ต้องวางอุเบกขา ให้ดูบุญบารมีของเราด้วย เหมือนอย่างที่ยายสอน จะช่วยใครก็ต้องดูบุญบารมีของเราก่อนว่าไหว หรือไม่ไหว ให้ฉลาดในการช่วยด้วย

ถ้าไม่แน่ใจลองสองวิธีคือหนึ่งลองสมมุติว่า เอาคำถามนี้ไปถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปถามหลวงพ่อ 101หรือ 102 ดู ท่านจะตอบว่าอย่างไร ก็พอจะได้คำตอบแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ หรือสองอย่างที่หลวงพ่อบอก นั่งสมาธิจนเชื่อมกับผู้รู้ภายในได้ แล้วก็ถามท่าน ก็จะได้คำตอบที่ดีที่สุด

ความลังเล สงสัย ไม่แน่ใจ ยากๆ ไม่สำเร็จ ไม่ได้ เป็นคำของเขา ที่เขาสอดละเอียดมา ให้เราสร้างบารมีไม่สะดวกติดขัด มีปัญหา เหมือนที่หลวงพ่อเคยยกตัวอย่าง เช่นเขาให้เราทำใจว่า แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร ซึ่งไม่ใช่ ต้องเปลี่ยนใหม่ ตั้งผังใหม่ มารต้องแพ้ ชนะต้องพระ ธรรมะต้องชนะอธรรม ให้ความเชื่อมั่น มั่นใจ สำเร็จ อย่างง่ายๆ และดีด้วย เป็นผังของเรา ใจของเราก็เหมือนเป็น Software ล้างโปรแกรมเก่าๆ ที่ยากๆ แย่ๆ ไม่สำเร็จ ไม่แน่ใจ ลังเล สงสัย ฯลฯทิ้ง และ ดาวโหลดโปรแกรมใหม่ ๆที่ง่ายๆ สบายๆ สำเร็จอย่างง่ายๆเอามาใช้

ขนาดพระพุทธเจ้าถอดกายเขายังคุมได้ ต่อรองได้ เอาวิบากกรรมเข้ามาควบคุม สอนได้เฉพาะใบไม้ในกำมือ ห้ามสอนใบไม้ในป่า ห้ามเกินแปดสิบพรรษา ......... เป็นต้น แล้วพวกเราล่ะจะเหลือเหรอ ทำอย่างไรดีล่ะ???

ไม่เป็นไร พวกเราเด็กเส้น มีเส้นดี และเป็นเส้นที่เชื่อมต่อกับ มหาปูชนีอาจารย์ และนิพพานทั้งหมด

เชื่อมได้ง่ายๆ แบบทีวีดาวเทียมผ่านมหาปูชนียาจารย์ ยิ่งเชื่อมกับท่านใจเราจะยิ่งใสขึ้น เพราะท่านเป็นทางมาแห่งบุญ
เหมือนเราดูทีวี เวลาดูหนังเศร้า บาปก็เข้ามา ทำให้เราร้องไห้ เวลาดูหนังผีก็กลัว ดูหนังแอ๊คชั่นก็ตื่นเต้น ทั้งๆที่เราก็รู้ว่าไม่จริงเป็นการแสดง ยังมีผลต่อใจเราเลย แล้วเรื่องจริงในชีวิตจะขนาดไหนล่ะ

เพราะฉะนั้นให้ดู............ดีเอ็มซี ช่องนี้ช่องเดียว ก็สบายได้บุญเพิ่ม

คือต้องเชื่อม(กับมหาปูชนียาจารย์และนิพพาน)ให้ได้ตลอดเวลา 24น.เพราะถ้าเราเผลอเมื่อไหร่ อันตรายจ้า เขาก็สอดบาปเข้ามา ควบคุมเราได้
เหมือนทารกน้อยต้องอาศัย พ่อแม่ดูแลใกล้ชิดตลอดเวลาฉันใด เราก็ต้องเชื่อมกับมหาปูชนียาจารย์ให้ท่านดูแลเราฉันนั้น มิฉะนั้นชีวิตไม่ปลอดภัยจ้า
เวลามีภัยส่วนมากเราไม่ค่อยเผลอ เพราะจะนึกถึงให้ท่านช่วย เวลาที่ควรระวังมากๆๆๆๆคือเวลาที่เราสบาย มีความสนุกสนานน่านแหละระวัง เพราะไม่ค่อยนึกถึงท่าน ระวังให้ดี เคยมีมั๊ย กำลังสนุกสนานดีๆ เปรี้ยงเดียว ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรืออุบัติเหตุ ทุกอย่างพลิกผันทันทีเลย.......

จริงๆมหาปูชนียาจารย์ พระรัตนตรัยท่านเป็นทั้งผู้ปกป้องคุ้มครอง ดูแลรักษาส่งเสริม สนับสนุน สอดบุญ............เหมือนที่เรากล่าวนำเวลาสวดมนต์บูชาพระ.........พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเรายิ่งไปกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว (บางครั้งหลวงพ่อก็เสริมว่า เสมอเหมือนก็ไม่มี)

หลวงพ่อเปรียบเทียบให้ฟังว่า หากเราต้องการให้เพื่อนบ้านเราเข้าไปในบ้าน เราก็หมั่นไปหา ไปเยี่ยม ไปคุยเรื่องดีๆนะ แล้วก็เอาของไปฝาก เอาขนมไปให้บ้างเป็นต้น ต่อไปพอเห็นหน้าเราเขาก็รีบเชิญเราเข้าบ้านเลย

ดังนั้นเราต้องคุยกะมหาปูชนียาจารย์ท่านบ่อยๆ ไปเล่าให้ท่านฟังว่า วันนี้ทำความดีอะไรมาบ้าง ทำบุญบูชาธรรมท่านบ้าง เดี๋ยวท่านก็เมตตา เพราะ เราทำตัวน่ารัก รักบุญ ท่านเอาเราเข้าไปในกลางท่านตลอด ก็สบายเลย ท่านจัดการให้เหมือนพ่อแม่ดูแลทารกน้อย

เชื่อมกับท่านให้ได้ตลอด ติดขัดอะไรก็บอกท่าน เหมือนที่หลวงพ่อบอกให้อ้อนๆ ท่านบ่อยๆ

ทางรอดของเราคือ ต้อง เชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์นะ เพราะท่านเExpert แต่เราไม่ใช่ ท่านเชี่ยวชาญ ชำนาญ ท่านทำของท่านเดี๋ยวเดียว ก็ได้บุญมหาศาล ยิ่งบุญที่จะไปที่สุดแห่งธรรมก็ต้องเยอะๆๆๆ และถ้าจะไปที่สุดแห่งธรรมก็ต้องเชื่อมกับผู้นำให้ได้ตลอดจ้า

เชื่อมกะท่านให้ได้ตลอด ห้ามถอดปลั๊ก ห้ามปิด Wire less แค่นึกถึงท่าน เราก็เชื่อมกับท่านได้ท่านก็ช่วยเราได้




ความประมาท

มีคนถามว่า ทำไมคนที่อยู่ใกล้ชิด 101 ยังสึกออกไปหรือหลุดออกไปได้ คำตอบคือ เพราะเขาประมาท

ให้นึกถึงปัจฉิมโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่กล่าวเตือนพระภิกษุว่า....ชีวิตเป็นของน้อย มีความชรามาเยือนอยู่เป็นนิจ จงยังชีวิตให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด.........

คนที่ประมาทแล้วก็เหมือนคนตายแล้ว ไม่ใช่ตายแค่ชาติเดียว แต่เป็นล้านๆชาติ ความประมาทนี้น่ากลัวมากๆ ขนาดอยู่ใกล้ 101 แต่ประมาท ก็โดนเขาเก็บหมด กลายเป็นมิจฉาฐิทิไปก็มี ดังนั้นอย่าประมาท การงาน การเงิน ธุรกิจ จิตใจ ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าฝากที่ใคร ให้เอาไว้ที่072
และมหาปูชนียาจารย์ เท่านั้น

ความประมาทสามระดับ

1. ความประมาทประการแรกคือ ใจไม่อยู่กับตัว เหมือนทหารหนีฐานทัพออกไปเที่ยว พอข้าศึกโจมตีก็เรียบร้อย หรือถูกเขายึดเอาร่างกายของเราเอามาเข่นฆ่ากันเอง ดังนั้น ต้องอยู่ที่ฐาน หรือศก. ตลอดเวลา

2. ความประมาทประการที่สองคือไม่ขยันเติมบุญ เพราะเราต้องใช้บุญตลอดเวลา เหมือนหุ่นยนต์ ที่ต้องใช้แบตเตอรี่ คนตายส่วนหนึ่งคือ เพราะหมดบุญ

คนที่ใช้บุญอย่างเดียวโดยไม่หาบุญเพิ่ม เท่ากับคนประมาท ดังนั้นเราต้องหมั่นเติมบุญทุกวัน(บุญกิริยาวัตถุสิบประการ)
ต้องถามตัวเองทุกวันว่า วันๆหนึ่งเราเชื่อมกับบุญ หรือ บาปมากกว่ากัน ให้ไปลองเช็คดู ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าบุญมากกว่าก็พอรอดตัว

แต่ถ้าบาปมากกว่าหละ จะรอดไหม???

ถ้าบาปมากกว่า จะทำอย่างไร เราก็ต้องหาบุญก้อนโตๆ มาปิดบัญชีตัวแดงของเราสิ อย่างเช่นที่

คุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาให้บุญเรา คือ บุญบูชาข้าวพระ กฐินคุณยาย บวชพระหนึ่งแสนรูปเป็นต้น

มีคนถามว่า ทำไมทำบุญใหญ่ตั้งมากมาย ทำไมถึงยังไม่ส่งผล ก็เพราะเขายืดบุญเราออกไป

และ สอดละเอียดเอาบาปเข้ามาแทนที่เขา Save บุญเราเอาไว้ไม่ให้ส่งผล

ถ้าเราอยากให้บุญส่งผล เราต้องกราบขอความเมตตามหาปูชนีอาจารย์ ให้ท่านเมตตาเบิกบุญใหญ่ให้เรา เพราะท่านมี Password


3.ความประมาทประการที่สามคือ ไม่ได้เชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์
ถ้าใครรู้สึกว่าเล็ก แคบ ให้ขยายใจออกไปเลย ให้รู้สึกว่า เราอยู่ในกลางท่านทั้งหมด เพราะกลางของหลวงปู่ท่านกว้างใหญ่ไพศาลมากยิ่งกว่าภพสาม ขยายใจให้หลวมๆ ให้ท่อธารแห่งบุญของเราใหญ่ ปล่อยใจสบายๆ อย่าไปบังคับนะ


เราต้องกราบขอให้ท่านกลั่นแก้ให้เรา ขอให้ท่านเมตตาคุ้มครองเรา เหมือนกับ เราเป็นทารกน้อย ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากทางฝ่ายเขา
เดิมเคยสอนว่าพระพุทธองค์ สอนให้ภิกษุ เอาอายตนะทั้งหกไว้ภายในเหมือนเต่า เวลาสุนัขจิ้งจอกหิวโซ วิ่งมาจะกินเต่า เต่าก็หดหัว ขา หางไว้ในกระดอง สุนัขก็ทำอะไรไม่ได้
เคยปรารภกับเพื่อนภิกษุว่า อีกามันฉลาด เวลาจะกินหอยก็จะคาบหอยบินขึ้นไปสูงๆ แล้วปล่อยตกลงมาบนโขดหิน ก็กินหอยได้ เพื่อนภิกษุก็เล่าว่าเคยเห็นเหยี่ยวก็ทำแบบเดียวกัน แต่ที่เหยี่ยวทำคือคาบเต่าบินขึ้นไปสูงๆ แล้วก็ปล่อยให้ตกลงมาบนโขดหิน!!!
เลยได้ข้อคิดว่า ลำพังตัวเรายังไม่พอคุ้มครองตัวเองแม้ใจอยู่ศก. ก็ตาม จึง ต้องมีพญาครุฑ หรือมหาปูชนียาจารย์มาช่วยป้องกันเหยี่ยวอีกทีหนึ่ง

ดังนั้นการเอาใจไว้ที่ 072 อย่างเดียวจึงไม่ปลอดภัยแล้ว เพราะเหยี่ยว ก็เหมือนเขานั่นแหละ เพราะ เขามีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก

ดังนั้นทางรอดของเราคือ เราต้องอาศัยบารมีของพระรัตนตรัย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ต้นๆเลย
และ บารมีของมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น


สรุป ความไม่ประมาทในชีวิตคือ

1. ใจต้องอยู่ที่ฐานคือ ศก. ตลอดเวลา

2. ต้องหมั่นเติมบุญ (บุญกิริยาวัตถุสิบประการ) ตลอด เพราะทุกอริยาบถเราต้องใช้บุญ

3. ต้องเชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์ ให้ได้ตลอดยี่สิบสี่ น.

โดยเราต้องรักท่านให้มากที่สุด รักและนึกถึง เชื่อมต่อท่านตลอดเวลาให้ได้เหมือนที่หลวงพ่อบอกว่าเหมือนชายหนุ่มรักหญิงสาว อย่าไปพึ่งพาอาศัยหรือเชื่อมกะใครที่ไหน คนที่นั่งข้างๆหนะ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย(คนข้างกาย) 555 เขาเร็วมาก ไม่มาทางตรง ก็มาทางอ้อม แม้อยู่ใกล้กับ 101 ถ้าเชื่อมกับท่านไม่ได้ เราก็ไปกับท่านไม่ได้

มีท่านหนึ่งนั่งธรรมะที่หมู่บ้านกับ 101 กำลังนั่งได้ที่ พอนึกถึงคุณพ่อที่เพิ่งเสียไป เจ้าตัวบอกว่า กำลังนั่งได้ ใสๆ สว่างๆ ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์แต่ ความเศร้าก็ได้ช่องสอดเข้ามา ดวงดำๆไหลเข้ามาเพียบเลยต้องวิ่งออกไปร้องไห้นอกห้อง แม้ได้นั่งใกล้ 101 ถ้าเผลอไปเชื่อมเขาเข้า เหมือนถูกไฟช๊อตเลย เขาสอดเข้ามาทันทีเลย

ดังนั้นทางรอด ทางสะดวก ทางแห่งความใสสว่าง ทางแห่งความความสุข ความสำเร็จ คือต้องเชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์หรือพระรัตนตรับเท่านั้น

ต่อจากนี้ไป อย่าไปห่วงบุญ ห่วงบาป แทนใครเขา อย่าไปนินทา หรือ ไปพูดถึงใครในทางไม่ดี
เหมือนกับคนแบกศพ ทั้งเหม็นทั้งหนัก ก็ทิ้งไปสิเรื่องไม่ดีของคนอื่น อย่าไปเชื่อมเอาเข้ามาในใจของเรา กระแสบุญ กระแสบาป เร็วยิ่งกว่าแสง เผลอโกรธทีเดียว เหมือนรูดบัตรเครดิต บุญหายแว็บเลย ขัดอกขัดใจใคร ให้นึกถึงมหาปูชนีอาจารย์ นึกขยายให้ครอบคลุมตัวของเรา แผ่เมตตาไป
แต่ถ้าดูแล้วเราสู้ไม่ไหว คุมตัวเองไม่ไหว 101 ท่านสอนให้ไปนั่งมองตาพระเดชพระคุณหลวงปู่ เดี๋ยวอารมณ์ราคะ โทสะ โมหะก็จะบรรเทาเบาบางในระดับที่คุมตัวเองได้

อย่าเชื่อมั่นในตนเอง ให้เชื่อมั่นในมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น

เรียบเรียง จากการรับฟังธรรมพิเศษ จากพระอาจารย์พิเศษ เพื่อขุนรบจักรพรรดิ์ เท่านั้นจ้า
ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ได้เมตตาแสดงธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระอาจารย์ได้เมตตาปรับปรุงแก้ไขบันทึกธรรม ที่่กระผมได้เคยบันทึกไว้ในครั้งก่อน ให้สมบูรณ์ เหมาะสมที่จะเป็นเข็มทิศ นำทางชีวิต ทำให้น้องๆ ลูกพระธรรมทุกท่านเกิดกำลังใจในการสร้างบารมีอย่างมากมาย และ ทำให้พวกเราได้เรียนรู้วิธีการในการสร้างบารมีให้ดี ให้ได้ ไปตลอดรอดฝั่ง ตลอดชีวิต ตามติด ติดตาม พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ และ คุณยายอาจารย์ ไปได้ทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม ขอกราบขอบพระคุณมาณ.โอกาสนี้ครับ



กราบอนุโมทนาบุญกับยอดขุนรบจักรพรรดิ์ทุกท่านด้วยนะครับในความทุ่มเทแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เพื่อสานฝันของพ่อให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ในครั้งนี้

และ หนึ่งแสนรูปตลอดพรรษาที่จะถึงนี้ คำว่าวัดร้างจะกลายเป็นวัดล้น และ เปลี่ยนเป็นวัดรุ่ง พุ่งแรง อย่างแน่นอน และขอมอบบทกลอนบทนี้ ให้แด่ขุนรบจักรพรรดิ์ทุกๆท่่านเลยนะครับ


วัด วาวายว่างเว้น ............วังเวง
ร้าง เร่าร้อนละเลง ............เรื่องร้าย
พระพ่อ พลีเพียงเพลง ................ผ่านพ้น ภัยพาล
ช่วย ชุบชีพชาติชาย ...................ชิงช่วง ชนะชัย

ให้ ฮึกเหิมหาญห้าว ........................ห่างหาย เหี่ยวเฮย
เปลี่ยนเป็น ประเปรียวปลาย ......ปลาบปลื้ม
วัด วาวิ่งว่องว้าย!!! .................วู้ว้าว วินวิน!!!
รุ่ง เรืองเรียงร้อยรื่น ..................เลือนลั่น แรงเร็ว

วัด ร้าง พระพ่อ ช่วย ให้ เปลี่ยนเป็น วัด รุ่ง


แผ่นดิน (จะพยายามไม่ประมาท และ ไม่พลาดบุญบวชแสนรูปเข้าพรรษานี้ แน่นอนจ้า)

“ ผังสำเร็จนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแค่พวกเราทุ่มเทเท่านั้น ”



27 กุมภาพันธ์ 2553
[/color][/color]

ถ้าเราสามัคคีกันวางอุเบกขา

14 February 2010 - 12:26 AM

ความสุขสงบ แบบสังคมชาวพุทธ

ความสะดวกสบาย แบบสังคมวัตถุนิยม

ในดินแดนแ่ห่งรอยยิ้ม


ที่เราเคยมีกำลังจะล่มสลายลง ถ้าเราสามัคคีกันวางอุเบกขา


http://www.phrathai.net/node/108
http://www.phrathai.net/node/514


โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการบวชพระแสนรูปทุกหมู่บ้านทั่วไทยจึงต้องเกิดขึ้น

ดังนั้น เราต้องรวมใจให้เป็นหนึ่ง ทุ่มเทแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อ พ่อ เพื่อ พระ เพื่อ ภารกิจ...คือที่สุดแห่งธรรม


laugh.gifแผ่นดิน

ธรรมะพิเศษ (22) กระดาษทิชชู่หมด กับ เวลาแห่งชีวิต

12 February 2010 - 01:33 PM

กระดาษทิชชู่หมด และ นาฬิกาแห่งชีวิต



วันหนึ่งผมได้อ่านหนังสือ ปรากฏการณ์ หัวใจทองคำ ได้อ่านบันทึกส่วนตัวของ คุณ ไพศาล ทวีชัยถาวร

ที่ได้เขียนความรู้สึก และ แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างบารมี



และโดยบังเอิญ ในขณะที่ได้อ่านนั้นได้ดูภาพประกอบ ซึ่งเป็นภาพถ่ายของบันทึกส่วนตัวของ คุณ ไพศาล ทวีชัยถาวร


ก็ได้ข้อคิดดีๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่า เป็นอย่างยิ่ง



ในบันทึกนั้น เริ่มต้นว่า.......



ผมเหลือ เวลา 6,205 วัน ในการสั่งสมบารมี



คนยุคเราอายุเฉลี่ย 75 ปี (27,375 วัน) ถ้าไม่โดนวิบากกรรมตัดรอนเสียก่อน ผมจะเหลือเวลาสั่งสมบารมี 6,205 วัน

วันนี้ผ่านไปอีก 1 วัน คงเหลือ 6,204 วัน ( ไม่นับวันป่วย และ วันอื่นๆ) คุณลองทำเครื่องหมายวันที่คุณเหลือเวลาบนโลกใบนี้

ไว้ที่ฝาบ้าน หรือที่ไหนก็ได้ แล้วคุณจะรู้ว่าเวลาของคุณเหลือน้อยมาก......



เมื่อผมได้อ่านถึงตรงนี้แล้ว ผมรู้สึกสะดุดใจมาก และ เกิดคำถามในทันทีว่า





แล้วเวลาของเรา เหลืออีกเท่าไหร่ ?????



ถ้าเราเอา อายุ 75 ปี ลบด้วย อายุของเราในปัจจุบัน........ แล้วคูณด้วย 365 วัน

เราจะได้คำตอบว่า ถ้าเรามีบุญมีอายุขัยถึง 75 ปี เราจะเหลือเวลาอีกกี่วัน.........



แล้วผมก็ลองเอาเวลาที่เหลือ ไม่กี่วันนี้ มาคูณด้วย 24 ชั่วโมง และ นำมาคูณต่อด้วย 60 นาที

.....และ ผมก็ได้คำตอบว่า ผมจะมีเวลาเหลือเป็นจำนวนกี่ชั่วโมง และ เป็นเวลากี่นาที..........



!!!!! ปี !!! เดือน !!! วัน !!! ชั่วโมง !!! นาที !!!!!



นาฬิกาเดินไปอย่างช้าๆ พร้อมๆกับเวลาในชีวิตที่หดสั้นลง ไปเรื่อยๆ



บางครั้ง กว่าที่ตัวเราจะตระหนักถึง วันเวลาที่ผ่านไป เวลานั้นก็ผ่านไปแล้ว เป็นปี ......

กว่าจะรู้สึกว่าตัวเรามีอายุที่เพิ่มขึ้น และ เวลาของชีวิตที่หดสั้นลง ก็มักเป็นวลาเมื่อครบรอบวันคล้ายวันเกิด อีกครั้ง .......

และในหลายๆครั้ง เรามักคิดเข้าข้างตัวเองว่า ยังมีเวลาอีกมาก ที่จะทำในสิ่งที่ดีงาม และ เป็นประโยชน์ แก่ตัวของเราเอง

คนที่เรารักทุกๆคน ตลอดจน คนทั้งหลายทั่วโลก



If Tomorrow Never Comes

ถ้าไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับเรา ????


เวลา ของเราเหลือน้อยมาก และช่างน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับ เวลาในสุขติ หรือทุคคติ ที่ยาวนาน


ดัง นั้นต้องทุ่มเทชีวิต จิตใจ และ ใช้เวลาให้มีคุณค่า ในการทำเป้าหมายในชีวิตของเราให้เต็มบริบูรณ์

ด้วยการทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี แล้วเราจะพบแต่ความสุข และความสำเร็จที่แท้จริงแห่งชีวิต

ตราบจนถึงที่สุดแห่งธรรม

ทั้งกำลัง กาย กำลังใจ กำลังความคิด และ กำลังทรัพย์ ของเราในเวลานี้ มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อวิชชาธรรมกาย



มาเถิดมาใช้เวลาที่มีคุณค่า ทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิด และ กำลังทรัพย์

เพื่อน้อม ถวายเวลา และ ความแข็งแรงให้แด่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อให้ท่านได้ทำงานที่แท้จริงที่ไม่อาจมีใครทำแทนได้เลย



สิ่งที่ให้ในยามต้องการ มักมีคุณค่ามาก แม้มีมูลค่าน้อย

สิ่งที่ให้ในยามไม่ต้องการ มักมีคุณค่าน้อย แม้มีมูลค่ามาก



ขอแถมข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเรื่องเวลาแห่งชีวิต แบ่งปันให้แด่ยอดนักสร้างบารมี ขุนรบจักรพรรดิ์ของพระพ่ออีกสักเรื่องนะครับ

จะได้เอาไว้ใช้เป็นธรรมาวุธในการชักชวน มหัศจรรย์ชายทั้งหลายมาบวชกัน

สถาปนาโครงการ บวชแสนรูปทุกหมู่บ้านทั่วไทย ตลอดพรรษานี้ ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์

ที่ผ่านมาทุกทุกท่านได้ทุ่มเท อย่างอุทิศชีวิตในการสร้างบารมี

สมดังการเกิดมาในครั้งนี้

เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อใช้ชีวิต

แต่เราเกิดมาเพื่อพลีชีวิต

ที่สุดแห่งธรรมคือเป้าหมาย การเผยแผ่วิชชาธรรมกายเป็นหน้าที่ เราเกิดมาสร้างบารมี

กราบอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ

แผ่นดิน rolleyes.gif

ธรรมะพิเศษ (21.1) กระดาษทิชชู่ กับ ความประมาท

12 February 2010 - 12:56 PM




ขอ เพิ่มข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ เวลา(ไฟล์ที่แนบมาด้วย) นะครับ เพื่อขุนรบจักรพรรดิ์ทุกๆท่านจะได้เอาไว้ใช้เป็นธรรมมาวุธในการ

ชักชวนชายแมนๆ มาบวชกันในโครงการ หนึ่งแสนรูปทุกหมู่บ้านทั่วไทย ในช่วงเข้าพรรษาให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์นะครับ เพราะจากเรื่องกระดาษทิชชู่

หรือ เรื่องเวลาในชีวิตนี้ จะไปกระตุ้นต่อม ความรู้สึกไม่ประมาทของคนทั้งหลาย ให้หันมามองตามความเป็นจริงว่า จริงๆแล้ว เวลาในชีวิตของเราไม่

ได้มีมากอย่างที่เราคิด มีน้อยเหลือเกิน ประดุจ หยาดน้ำค้างยามเช้า ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะใช้ชีวิตของเราให้คุ้มค่า สมกับการเกิดมาสร้างบารมี

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ

แผ่นดิน cool.gif


ชีวิตเปรียบด้วยกระดาษทิชชู่


หลวงพ่อท่านบอกว่า คู่แข่งที่แท้จริงคือ เวลา และ สุขภาพ สองประการนี้สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา

เรื่องสุขภาพไปหาเอาเอง ไปหาวิธีดูแลกายหยาบของเราเอาเองนะ

ส่วนเรื่องเวลา เวลาในชีวิตของเรา

อยากให้ดูกระดาษทิชชู่ หนึ่งแผ่นนี้ กางออกมาแล้วม้วนให้เป็นเส้นยาวๆ อย่างนี้นะ (ลองหยิบขึ้นมาทดลองดูนะครับ)

ถ้าเราสมมุติว่าเวลาในชีวิตของเรา มีความยาวเท่ากับกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ สมมุติว่า แผ่นนี้เท่ากับ เจ็ดสิบห้าปี


เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเราหมดไปกับอะไรบ้างจ้ะ???

เวลานอน หมดไป หนึ่งในสามของวัน หรือ หนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา คือประมาณ ยี่สิบห้าปี เอ้า

เราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไป หนึ่งในสามส่วน( เหลือ สองในสาม หรือ คิดเป็นชั่วโมงต่อหนึ่งวันก็เท่ากับ เหลือ สิบหกชั่วโมง)

เวลาทำงาน พวกเราทำงานกันวันล่ะกี่ชั่วโมง ก็ประมาณ หนึ่งในสามของวัน หรือ อีกหนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา

คือประมาณอีก ยี่สิบห้าปี เอ้าเราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไปอีกหนึ่งในสามส่วน

(ตอนนี้กระดาษทิชชู่เหลืออยู่อีกเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น เพราะหมดไปกับเวลานอน

และ เวลาทำงานถึง สองในสามส่วนแล้ว คิดเป็นต่อวัน เหลืออีก แปดชั่วโมง)

นอกจากเราทำงาน และ นอนแล้วเรายังต้องทำอะไรกันอีกบ้างจ้ะ

อย่าลืมนะว่าตอนนี้เหลือให้ฉีกอีกแค่ หนึ่งในสามส่วน หรือ แปดชั่วโมงต่อหนึ่งวันเท่านั้น

เวลาทานอาหาร คือ ตั้งแต่ ไปจ่ายตลาด กลับมาเตรียมปรุงอาหาร ทานอาหาร เก็บล้างภาชนะ หมดกันไปอีกเท่าไหร่แล้ว

เอ้า สมมุติว่าสามมื้อ มื้อล่ะชั่วโมง ก็หมดไปอีก สามชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)

เอ้าเหลือเวลาเท่าไหร่แล้ว ห้าชั่วโมงใช่ไหม และ ต้องทำอะไรกันอีก

เวลาทำความสะอาด อาบน้ำ ถ่ายหนัก ถ่ายเบา แต่งตัว จนถึงแต่งหน้า ทาปาก หมดไปอีกเท่าไหร่แล้ว อ้อ สองชั่วโมงนะ (ฉีกกระดาษอีก)

เวลาเดินทาง เวลารถติดบนถนน เอ้าหมดไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว (ฉีกกระดาษอีก ) เหลือ สองชั่วโมงแล้วนะ

เอ้าใครติดดูละครบ้าง ติดดูหนัง ติดอินเตอร์เนต แหม ทีดูละครดูทีวี เจ็ดแปดชั่วโมง ยังดูกันได้เลย

แล้วมาบอกว่าไม่มีเวลานั่งธรรมะ เอ้าหยวนๆให้ หนึ่งชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)

เวลาเมาท์แตกอีกหละ วันๆ หมดกันไปอีกเท่าไหร่หล่ะเนี่ย

เวลาอื่นๆอีกหล่ะ ทำอะไรกันอีกบ้าง ไม่มีกระดาษเหลือให้ฉีกแล้ว

และ เวลาปฏิบัติธรรมหล่ะ มีกันเท่าไหร่????

เป็นอย่างไร เรามีเวลาเยอะไหม ???


สรุปว่า เวลา ถ้าจะแบ่งออก ก็แบ่งได้สามงบ งบแรก เวลานอน และ งบที่สอง เวลาทำงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่

ส่วนงบที่สาม คือเวลาสัพเพเหระ ตรงนี้เราบริหารจัดการได้ เอ้าไปบริหารเวลากันใหม่นะ


ที่น่ากลัวที่สุด ตอนนี้อายุเท่าไหร่กันบ้างแล้ว ????

แล้วแน่ใจเหรอว่าจะอยู่ได้ถึง เจ็ดสิบห้า

จะทำอะไรก็ต้องรีบทำนะ อย่าคิดว่าเวลาทั้งชีวิตมีเยอะนะ


ดังนั้น เวลาลืมตาก็ต้องทำ จะเอาแค่เพียงเวลานั่งหลับตาแค่นี้ไม่พอนะ ทำแค่สองเวลาก็พอ คือ หลับตา และ ลืมตา

การปฏิบัติธรรมเราต้องมีความเชื่อมั่นว่า เราทำได้แน่นอน เรามีบุญมากพอ ต้องทำได้ และ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง


แนบไฟล์  image001.jpg   133.25K   194 ดาวน์โหลด

ธรรมะพิเศษ (21) กระดาษทิชชู่ กับ ความประมาท

08 February 2010 - 01:50 PM

ธรรมะพิเศษ : เพื่อขุนรบจักรพรรดิ์
กระดาษทิชชู่ กับความประมาท

หลวงพ่อสอนสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุด

ถ้าวิธีการที่ยากๆ ไม่ใช่ ต้องง่ายๆ ต้องนั่งแบบไฮโซ ไม่ใช่แบบกรรมาชีพ

การภาวนา ให้ทำเหมือนว่า เราเปิดซีดีคำภาวนา และ เครื่องเล่นซีดีก็จะดังออกมา เองว่า สัมมาอะระหัง ฟังไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องทำอะไรกับมันเลย

อย่าไปบังคับ ไม่งั้นยิ่งนั่งก็ยิ่งแก่ ให้ข้างในเขาภาวนาเอง ถ้าสบาย คำภาวนาก็จะหายไปเอง

เริ่มนึก อย่าใช้ตานะ ถ้าใครตึงท้ายทอย หรือ หน้าผาก แสดงว่าติดการใช้ตา ให้ปรับใหม่

ให้นึกง่ายๆ สบายๆ ใครนึกถึงดอกไม้ได้บ้าง ดอกอะไร สีอะไรจ้ะ

ให้นึกว่าดอกกุหลาบนั้นลอยอยู่ข้างหลังเรานะ

และค่อยๆเคลื่อนออกมาข้างหน้า มาถึงกลางท้องของเรานะ

นึกง่ายๆ นะ กลางดอกมีอะไร กลางดอกมีดวงแก้ว ในกลางดวงแก้วมีองค์พระผุดซ้อนขึ้นมา

อย่าไปค้นหา ให้มั่นใจไปเลยว่า องค์พระท่านรอคอยเราอยู่ตลอดเวลา รอคอยพวกเราอยู่

ให้เพิ่มความเชื่อมั่น โดยนึกถึงมหาปูชนีอาจารย์ หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ให้นึกถึงมหาธรรมกายเจดีย์ครอบเราเลยนะ

ให้เชื่อมั่นว่าท่านดูแลเราอยู่ตลอดเวลา


เอาหละ ขณะพวกเราฟังธรรม ข้างในของเราก็ดูไปเรื่อยๆ ให้ฟังด้วยกลางของเรา อย่าใช้ความคิดนะ

ให้ฟังด้วยใจ อย่าใช้สมอง
ข้างในเขาเป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้น ปล่อยใจตามไป ฟังเหมือนฟังเพลงนะ




ชีวิตเปรียบด้วยกระดาษทิชชู่


หลวงพ่อท่านบอกว่า คู่แข่งที่แท้จริงคือ เวลา และ สุขภาพ สองประการนี้สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา

เรื่องสุขภาพไปหาเอาเอง ไปหาวิธีดูแลกายหยาบของเราเอาเองนะ

ส่วนเรื่องเวลา เวลาในชีวิตของเรา

อยากให้ดูกระดาษทิชชู่ หนึ่งแผ่นนี้ กางออกมาแล้วม้วนให้เป็นเส้นยาวๆ อย่างนี้นะ (ลองหยิบขึ้นมาทดลองดูนะครับ)

ถ้าเราสมมุติว่าเวลาในชีวิตของเรา มีความยาวเท่ากับกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ สมมุติว่า แผ่นนี้เท่ากับ เจ็ดสิบห้าปี


เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเราหมดไปกับอะไรบ้างจ้ะ???

เวลานอน หมดไป หนึ่งในสามของวัน หรือ หนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา คือประมาณ ยี่สิบห้าปี เอ้า

เราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไป หนึ่งในสามส่วน( เหลือ สองในสาม หรือ คิดเป็นชั่วโมงต่อหนึ่งวันก็เท่ากับ เหลือ สิบหกชั่วโมง)

เวลาทำงาน พวกเราทำงานกันวันล่ะกี่ชั่วโมง ก็ประมาณ หนึ่งในสามของวัน หรือ อีกหนึ่งในสามของเวลาในชีวิตของเรา

คือประมาณอีก ยี่สิบห้าปี เอ้าเราก็ฉีกกระดาษทิชชู่แผ่นนี้ออกไปอีกหนึ่งในสามส่วน

(ตอนนี้กระดาษทิชชู่เหลืออยู่อีกเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น เพราะหมดไปกับเวลานอน

และ เวลาทำงานถึง สองในสามส่วนแล้ว คิดเป็นต่อวัน เหลืออีก แปดชั่วโมง)

นอกจากเราทำงาน และ นอนแล้วเรายังต้องทำอะไรกันอีกบ้างจ้ะ

อย่าลืมนะว่าตอนนี้เหลือให้ฉีกอีกแค่ หนึ่งในสามส่วน หรือ แปดชั่วโมงต่อหนึ่งวันเท่านั้น

เวลาทานอาหาร คือ ตั้งแต่ ไปจ่ายตลาด กลับมาเตรียมปรุงอาหาร ทานอาหาร เก็บล้างภาชนะ หมดกันไปอีกเท่าไหร่แล้ว

เอ้า สมมุติว่าสามมื้อ มื้อล่ะชั่วโมง ก็หมดไปอีก สามชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)

เอ้าเหลือเวลาเท่าไหร่แล้ว ห้าชั่วโมงใช่ไหม และ ต้องทำอะไรกันอีก

เวลาทำความสะอาด อาบน้ำ ถ่ายหนัก ถ่ายเบา แต่งตัว จนถึงแต่งหน้า ทาปาก หมดไปอีกเท่าไหร่แล้ว อ้อ สองชั่วโมงนะ (ฉีกกระดาษอีก)

เวลาเดินทาง เวลารถติดบนถนน เอ้าหมดไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว (ฉีกกระดาษอีก ) เหลือ สองชั่วโมงแล้วนะ

เอ้าใครติดดูละครบ้าง ติดดูหนัง ติดอินเตอร์เนต แหม ทีดูละครดูทีวี เจ็ดแปดชั่วโมง ยังดูกันได้เลย

แล้วมาบอกว่าไม่มีเวลานั่งธรรมะ เอ้าหยวนๆให้ หนึ่งชั่วโมง (ฉีกกระดาษอีก)

เวลาเมาท์แตกอีกหละ วันๆ หมดกันไปอีกเท่าไหร่หล่ะเนี่ย

เวลาอื่นๆอีกหล่ะ ทำอะไรกันอีกบ้าง ไม่มีกระดาษเหลือให้ฉีกแล้ว

และ เวลาปฏิบัติธรรมหล่ะ มีกันเท่าไหร่????

เป็นอย่างไร เรามีเวลาเยอะไหม ???


สรุปว่า เวลา ถ้าจะแบ่งออก ก็แบ่งได้สามงบ งบแรก เวลานอน และ งบที่สอง เวลาทำงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่

ส่วนงบที่สาม คือเวลาสัพเพเหระ ตรงนี้เราบริหารจัดการได้ เอ้าไปบริหารเวลากันใหม่นะ


ที่น่ากลัวที่สุด ตอนนี้อายุเท่าไหร่กันบ้างแล้ว ????

แล้วแน่ใจเหรอว่าจะอยู่ได้ถึง เจ็ดสิบห้า

จะทำอะไรก็ต้องรีบทำนะ อย่าคิดว่าเวลาทั้งชีวิตมีเยอะนะ


ดังนั้น เวลาลืมตาก็ต้องทำ จะเอาแค่เพียงเวลานั่งหลับตาแค่นี้ไม่พอนะ ทำแค่สองเวลาก็พอ คือ หลับตา และ ลืมตา

การปฏิบัติธรรมเราต้องมีความเชื่อมั่นว่า เราทำได้แน่นอน เรามีบุญมากพอ ต้องทำได้ และ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง





มารคือผู้ขวางการทำความดี



วิธีของมาร มีห้าวิธี คือ เรียกร้องสิทธิ เจรจาต่อรอง ข่มขู่ เอาของมาล่อ ขอร้องวิงวอนบีบน้ำตา

ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ ยาก ไม่สำเร็จ เป็นคำของเขา ที่เขาสอดละเอียดมา

ความเชื่อมั่น มั่นใจ ง่าย สำเร็จ เป็นคำของเรา

ขนาด (...) ถอดกาย เขายังคุมได้ แล้วพวกเราหล่ะ จะทำอย่างไร???

ไม่เป็นไร พวกเราเด็กเส้น มีเส้นดี และเป็นเส้นที่เชื่อมต่อกับ มหาปูชนีอาจารย์ แถมเป็นเส้น แบบ Wire-less ซะด้วย

ดังนั้นเราต้องขอความเมตตามหาปูชนีอาจารย์ ขอเชื่อมกับท่าน ยิ่งเชื่อมกับท่านใจเราจะยิ่งใสขึ้น

และ ต้องเชื่อมให้ได้ตลอดเวลา 24น.เพราะถ้าเราเผลอเมื่อไหร่ ก็เหมือนคนจมน้ำ

เราต้องเชื่อม และ ต้องขอ ต้องกราบขอท่านบ่อยๆ เหมือนเราอยากให้เพื่อนมาเยี่ยมบ้าน เราต้องขอเขาบ่อยๆ

เช่นกันเราก็ต้องกราบขอท่านบ่อยๆ กราบรายงานท่านว่าเราทำบุญอะไร กราบเรียนให้ท่านได้รู้

เมื่อท่านเห็นว่าเราน่ารัก รักบุญ ท่านจะเมตตาเรา และ ความบริสุทธิกาย วาจา ใจ ของเราก็จะเพิ่มพูนขึ้น


ทางรอดของเราคือ ต้อง เชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์ท่าน เพราะท่านเป็นExpert แต่เราไม่ใช่ ท่านเชี่ยวชาญท่านทำของท่านเดี๋ยวเดียว

ใจของเราก็เหมือนเป็น Soft ware จะยกเลิกโปรแกรมเก่าๆ ที่ยากๆ แย่ๆ ไม่สำเร็จ และ ดาวโหลดโปรแกรมใหม่ ที่ง่ายๆ สบายๆ สำเร็จ

เชื่อมท่านให้ได้ตลอด ห้ามถอดปลั๊ก ห้ามปิด Wire less แค่นึกถึงท่าน ท่านก็จะนึกถึงเรา

ใจของเรา เดี๋ยวไปนู่นไปนี่ ทำให้เชื่อมไม่ได้ตลอด ดังนั้นต้องเอาใจของเรามาอยู่ใกล้ๆ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด

ก็เหมือนกับเอาNote Book ของเรามาไว้ในจุดที่มีสัญญาณ Wire less





ความประมาท

มีคนถามว่า ทำไมคนที่อยู่ใกล้ชิด 101 ยังสึกออกไปได้ คำตอบคือ เพราะเขาประมาท


ความประมาทสามระดับ

1.ความประมาทประการแรกคือ ใจไม่อยู่กับตัว เหมือนทหารหนีฐานทัพออกไปเที่ยว พอข้าศึกโจมตีก็เรียบร้อย

ดังนั้น ต้องอยู่ที่ 072 ตลอดเวลา

ให้นึกถึงปัจฉิมโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้....

คนที่ประมาทเหมือนคนที่ตายแล้ว ความประมาทนี้น่ากลัวมากๆ

ขนาดอยู่ใกล้ 101 แต่ประมาท แอบหนีไป โดนเขาเก็บหมด กลายเป็นมิจฉาฐิทิไปก็มี

ดังนั้นอย่าประมาท การงาน การเงิน ธุรกิจ จิตใจ ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าฝากที่ใคร ให้เอาไว้ที่072 เท่านั้น

ใจต้องอยู่กับตัว ถ้าใครรู้สึกว่าเล็ก แคบ ให้ขยายใจออกไปเลย ให้รู้สึกว่า เราอยู่ในกลางทั้งหมด

เพราะกลางของหลวงปู่ท่านกว้างใหญ่ไพศาลมาก
ขยายใจให้หลวมๆ ให้ท่อธารแห่งบุญของเราใหญ่ ปล่อยใจสบายๆ อย่าไปบังคับนะ


2.ความประมาทประการที่สองคือ บุญหมด เพราะเราต้องใช้บุญตลอดเวลา เหมือนหุ่นยนต์ ที่ต้องใช้แบตเตอรี่

คนตาย เพราะหมดบุญ หรือ หมดอายุขัย

คนที่ใช้บุญอย่างเดียวโดยไม่หาบุญเพิ่ม เท่ากับคนประมาท ดังนั้นเราต้องหมั่นเติมบุญทุกวัน

ต้องถามตัวเองทุกวันว่า วันๆหนึ่งเราเชื่อมกับบุญ หรือ บาปมากกว่ากัน ให้ไปลองเช็คดู ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

ถ้าบุญมากกว่าก็พอรอดตัว

แต่ถ้าบาปมากกว่าหละ จะรอดไหม???

ถ้าบาปมากกว่า จะทำอย่างไร เราก็ต้องหาบุญก้อนโตๆ มาปิดบัญชีตัวแดงของเราสิ อย่างเช่นที่

คุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาให้บุญเรา คือ บุญบูชาข้าวพระ กฐินคุณยาย บวชพระหนึ่งแสนรูปเป็นต้น

มีคนถามว่า ทำไมทำบุญใหญ่ตั้งมากมาย ทำไมถึงยังไม่ส่งผล ก็เพราะเขายืดบุญเราออกไป

และ สอดละเอียดเอาบาปเข้ามาแทนที่เขา Save บุญเราเอาไว้ไม่ให้ส่งผล

ถ้าเราอยากให้บุญส่งผล เราต้องกราบขอความเมตตามหาปูชนีอาจารย์ ให้ท่านเมตตาเบิกบุญใหญ่ให้เรา เพราะท่านมี Password


3.ความประมาทประการที่สามคือ ไม่ได้เชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์

เราต้องกราบขอให้ท่านกลั่นแก้ให้เรา ขอให้ท่านเมตตาคุ้มครองเรา

เหมือนกับ เราเป็นเต่าตัวน้อยๆ ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากสัตว์ร้าย เช่น สุนัขป่า เสือ ฯลฯ ก็ต้อง หดอยู่ในกระดอง จึงจะปลอดภัย

แต่ถามว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์หรือยังจ้ะ???

ยังจ้า เพราะยังมีสัตว์บางชนิดเช่น อีกามันคาบเต่าบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงๆ แล้วปล่อยตกลงมา จนกระดองแตก และตายในที่สุด

ดังนั้นการเอาใจไว้ที่ 072 อย่างเดียวจึงไม่ปลอดภัยแล้ว เพราะอีกา ก็เหมือนเป็นเขานั่นแหละ เพราะ เขามีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก

ดังนั้นเราต้องร้องหา พญานกอินทรี ถึงจะช่วยเราได้


ดังนั้นทางรอดของเราคือ เราต้องอาศัยบารมีของพระรัตนตรัย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ต้นๆเลย

และ บารมีธรรมของมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น




สรุป ความไม่ประมาทในชีวิตคือ

1. ใจต้องอยู่ที่ 072
2. ต้องหมั่นเติมบุญ
3. ต้องเชื่อมกับมหาปูชนีอาจารย์

โดยเราต้องรักท่านให้มากที่สุด รักและนึกถึง เชื่อมต่อท่านตลอดเวลาให้ได้


อย่าไปพึ่งพาอาศัยใครที่ไหน คนที่นั่งข้างๆหนะ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย(คนข้างกาย) 555

เขาเร็วมาก ไม่มาทางตรง ก็มาทางอ้อม

แม้ได้นั่งกับ 101 ถ้าเชื่อมท่านไม่ได้ เราก็ไปกับท่านไม่ได้

มีท่านหนึ่งนั่งธรรมะที่หมู่บ้าน กำลังนั่งได้ที่ จู่ๆก็ร้องไห้เพราะนึกถึงคุณพ่อที่เพิ่งเสียไป เจ้าตัวบอกว่า

กำลังนั่งได้ ใสๆ สว่างๆ ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์แต่ เมื่อนึกถึงคุณพ่อ ความเศร้าก็ได้ช่องสอดเข้ามา ดวงดำๆไหลเข้ามาเพียบเลย

แม้ได้นั่งใกล้ 101 ถ้าเผลอไปเชื่อมเขาเข้า เหมือนจู่ๆถูกไฟช๊อตเลย เขาสอดเข้ามาทันทีเลย

ดังนั้นถ้าอยากมีความสุข ความสำเร็จ เราต้องเชือมกับมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น



อย่าห่วงบุญ ห่วงบาป ของใคร


ต่อจากนี้ไป อย่าไปห่วงบุญ ห่วงบาป แทนใครเขา อย่าไปนินทา หรือ ไปพูดถึงใครในทางไม่ดี

เหมือนกับคนแบกศพ ทั้งเหม็นทั้งหนัก ก็ทิ้งไปสิเรื่องไม่ดีของคนอื่น อย่าไปเชื่อมเอาเข้ามาในใจของเรา

กระแสบุญ กระแสบาป เร็วยิ่งกว่าแสง

เผลอโกรธทีเดียว เหมือนรูดบัตรเครดิต บุญหายแว็บเลย

ขัดอกขัดใจใคร ให้นึกถึงมหาปูชนีอาจารย์ นึกขยายให้ครอบคลุมตัวของเรา แผ่เมตตาไป

แต่ถ้าดูแล้วเราสู้ไม่ไหว คุมตัวเองไม่ไหว 101 ท่านสอนให้ไปนั่งมองตาพระเดชพระคุณหลวงปู่

อย่าเชื่อมั่นในตนเอง ให้เชื่อมั่นในมหาปูชนีอาจารย์เท่านั้น


เรียบเรียง จากการรับฟังธรรมพิเศษ จากพระอาจารย์พิเศษ เพื่อขุนรบจักรพรรดิ์ เท่านั้นจ้า


ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ได้เมตตาแสดงธรรม ที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เกิดกำลังใจในการสร้างบารมีอย่างมากมาย และ ทำให้พวกเรา

ได้เรียนรู้วิธีการในการสร้างบารมีให้ดี ให้ได้ ไปตลอดรอดฝั่ง ตลอดชีวิต ไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม



กราบอนุโมทนาบุญกับยอดขุนรบจักรพรรดิ์ทุกท่านด้วยนะครับในความทุ่มเทแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

เพื่อสานฝันของพ่อให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ในครั้งนี้


และ หนึ่งแสนรูปตลอดพรรษาที่จะถึงนี้ คำว่าวัดร้างจะกลายเป็นวัดล้น และ เปลี่ยนเป็นวัดรุ่ง พุ่งแรง อย่างแน่นอน


และขอมอบบทกลอนบทนี้ ให้แด่ขุนรบจักรพรรดิ์ทุกๆท่่านเลยนะครับ


วัด วาวายว่างเว้น ............วังเวง
ร้าง เร่าร้อนละเลง ............เรื่องร้าย
พระพ่อ พลีเพียงเพลง ................ผ่านพ้น ภัยพาล
ช่วย ชุบชีพชาติชาย ...................ชิงช่วง ชนะชัย

ให้ ฮึกเหิมหาญห้าว ........................ห่างหาย เหี่ยวเฮย
เปลี่ยนเป็น ประเปรียวปลาย ......ปลาบปลื้ม
วัด วาวิ่งว่องว้าย!!! .................วู้ว้าว วินวิน!!!
รุ่ง เรืองเรียงร้อยรื่น ..................เลือนลั่น แรงเร็ว

วัด ร้าง พระพ่อ ช่วย ให้ เปลี่ยนเป็น วัด รุ่ง

แผ่นดิน laugh.gif (จะพยายามไม่ประมาท และ ไม่พลาดบุญบวชแสนรูปเข้าพรรษานี้ แน่นอนจ้า)

“ ผังสำเร็จนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแค่พวกเราทุ่มเทเท่านั้น ”


7 กุมภาพันธ์ 2553