ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนว่าดิฉันชื่อจ๋า อายุ 24 ปี ขอไม่เอ่ยชื่อจริงกับนามสกุลนะคะ ทำธุรกิจขายอุปกรณ์การเกษตรกับคุณยายที่สุพรรณคะ
ดิฉันเป็นคนนับถือศาสนาพุทธ ปฏิบัติและก็ศรัทธาในหลักคำสอนของพุทธศาสนามากคะ ไม่เคยคิดร้ายหรือมองแง่ร้ายต่อนิกายใดๆทั้งสิ้น เชื่อว่าแต่ละนิกายหรือกลุ่มคนย่อมมีหลักในการปฏิบัติที่ดี
คุณพ่อกับคุณแม่ของดิฉันแยกทางกันตั้งแต่ดิฉันยังเด็กๆ คุณพ่อก็ไม่ค่อยมาดูแล คุณแม่ก็ไม่รู้ว่าไปไหนทำให้ดิฉันต้องอยู่กับคุณยายที่บ้านมานานแล้วคะ ดิฉันเป็นพี่คนโตมีน้องอีก 4 คน ซึ่งยังเรียนอยู่ทุกคนเลยคะ ธุรกิจขายอุปกรณ์การเกษตรก็พออยู่ได้คะ ค่าผ่อนบ้านก็ใกล้จะครบค่างวดแล้ว แต่ทรัพย์สินที่เก็บไว้ร่อยหรอลงจนแทบจะหมดแล้ว ดิฉันเพิ่งเรียนจบจึงต้องรีบมาศึกษางานและช่วยคุณยายขายของที่บ้านเพื่อเลี้ยงดูน้องๆต่อ
เรื่องมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปี คุณยายดิฉันเริ่มเข้าไปศึกษาแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของวัดธรรมกายคะ และเริ่มศึกษาธรรมะหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกดิฉันมองว่าเป็นเรื่องที่ดีคะ เพราะเห็นการปฏิบัติตัวของท่านดีขึ้นหลายอย่างเลยคะ หลังจากนั้นคุณยายดิฉันเริ่มทำบุญมากขึ้นเรื่อยๆ ขอกล่าวสั้นๆเลยนะคะ ถ้าจะให้เล่าทั้งหมดยาวมากเลยคะ ตอนแรกๆคุณยายดิฉันเริ่มทำไม่มากเท่าไหร่ แต่พอนานขึ้นเรื่อยๆคุณยายดิฉันเริ่มทำบุญมากขึ้นเรื่อยๆ ฐานะบ้านดิฉันไม่ใช่คนรวยคะ มีหนี้สินล้นพ้นตัว เหลืออีกสิบล้านกว่าล้านที่ต้องผ่อน พอดิฉันคุยกะคุณยายแบบใช้เหตุผล ก็มีการไ่ม่เข้าใจกันคะว่าทำบุญเยอะขนาดจนที่บ้านลำบาก มันดีตรงไหน หลังๆเริ่มไม่แน่ใจว่าที่มีการตกลงกันว่าจะไม่ทำบุญเยอะขนาดนี้อีกแล้ว มีการแอบดิฉันทำเพิ่มอีกคะ เพราะดิฉันเห็นใบทำบุญอีกหลายครั้งแต่ดิฉันก็ไม่ได้พูดอะไรคะ ดิฉันมองว่าการทำบุญเป็นสิ่งที่ดีมาก ดิฉันยังเชื่อมั่นอยูี่เลยว่าวัดธรรมกายคงสอนถูก แต่คุณยายของดิฉันคงเข้าใจผิดไปเอง
คุณยายของดิฉันบอกดิฉันว่าการทำบุญเป็นการสะสมบุญบารมีเพื่ออนาคตข้างหน้าอันใกล้หรือชาติหน้าๆที่จะมาถึง คุณยายบอกว่าคุณยายทำบุญเผื่อทุกคนในบ้านเลยคะ รวมถึงดิฉันและน้องๆด้วย คนที่จะได้รับผลประโยชน์ก็คือพวกเราเองนี่แหล่ะคะ ดิฉันไม่เคยคิดอคติเลยคะว่ามันจะจริงหรือไม่จริงอย่างไร ระยะหลังเกือบปีมานี้ การค้าขายที่บ้านไม่ค่อยดี บวกกับเงินหลายหมื่นต่อเดือน(เท่าที่รู้นะคะ)ที่เสียจากการทำบุญไป ขาดทุนคะ หลายเดือนติดต่อกันแล้ว แต่คุณยายไม่เข้าใจคะ กลับคิดว่าเรายังกำไรอยู่และมุ่งมั่นจะทำบุญต่อไป พูดยังไงก็ไม่เข้าใจคะจนดิฉันเหนื่อยและเครียดมากๆ คุณยายกลับมีความสุขที่จะรอถึงผลบุญที่ท่านจะได้รับจากการตั้งใจทำบุญ ดิฉันมองว่ามันเป็นการทำบุญที่หวังผลมากๆ ซึ่งไม่น่าจะถูกกับหลักพระพุทธศาสนาใช่มั๊ยคะ?? ควรจะแก้ปัญหาเรื่องการหยุดการทำบุญไปซักระยะนึงก่อน รอให้การค้าขายที่บ้านดีขึ้น ไม่ส่งผลเสี่ยงต่อน้องๆดิฉันที่กำลังเรียนอยู่ใช่มั๊ยคะ ถ้าเกิดว่าน้องๆดิฉัน ไม่มีเงินเรียนแล้วจะทำอย่างไร
ดิฉันชอบการทำบุญมากๆคะ แต่คิดว่าการทำบุญควรมีความพอประมาณและไม่ควรทำบุญเพื่อหวังผล อยากให้หยุดไปซักระยะนึงก่อน เพื่อความปลอดภัยของที่บ้าน เพราะตอนนี้เงินใกล้หมดแล้วคะ ถ้าบ้านโดนยึดดิฉันจะทำอย่างไร ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่คุณยายคนเดียวเลยคะ ดิฉันปวดหัวมากๆ ร่างกายก็แย่ลงเรื่อยๆ เพราะความเครียดสะสมเรื่องนี้มานานแล้วคะ ความจริงดิฉันไม่อยากโพสข้อความหรอกนะคะ แต่มันจนปัญญา หมดสิ้นหนทางแล้วจริงๆคะ เพราะเรื่องของศาสนา ตัวดิฉันเองก็ไม่อยากว่า ตัวคุณยายหลังจากศึกษาธรรมะเองแล้วก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ หลังๆไม่ค่อยเชื่อที่ดิฉันพูดแล้วคะ จนปัญญาไม่รู้จะเอาใครมาพูดให้ท่านฟังเพราะท่านเชื่อแต่ัวัดธรรมกาย เพราะตัวของดิฉันเองก็ไม่รู้จักใครเลยคะ เลยอยากมาสอบถามความคิดเห็นกับสมาชิกวัดธรรมกายทุกท่าน ว่ามีหนทางใดจะแก้ปัญหานี้ได้บ้าง หลักการของธรรมกาย จริงๆแล้วเป็นอย่างไร สามารถแนะนำใครที่น่าเชื่อถือในวัดธรรมกายมาพูดให้คุณยายของดิฉันเข้าใจสิ่งที่ควรทำคืออะไรได้บ้าง เพราะคุณยายเพิ่งทำบุญไปหลายหมื่่นทั้งๆทีี่บอกอยู่ว่าที่บ้านไม่มีเงินแล้ว เป็นสัญญาณที่น่ากลัวมากๆคะ ขอร้องสมาชิกทุกท่านช่วยแสดงความคิดเห็นให้ดิฉันด้วยคะ ดิฉันเดือดร้อนแล้วจริงๆ
ขอบพระคุณมากๆคะ
usr34281
เป็นสมาชิกตั้งแต่ 20 Apr 2010ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Apr 20 2010 10:57 AM