ดวงปฐมมรรค คือดวงธรรมดวงแรกของกายนั้น ๆ
เช่น กายมนุษย์ ดวงปฐมมรรค ก็คือ ดวงธรรมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ซึ่งเป็นดวงธรรมดวงแรก
ถัดจากนั้น ก็เป็น ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ รวมทั้งหมดเป็น 6 ดวง
เมื่อ ผ่านทั้ง 6 ดวงนี้แล้ว ก็เข้าสู่กายใหม่ เช่นกายฝัน กายทิพย์ กายรูปพรหม ฯลฯ
กายแต่ละกาย ก็มีดวงปฐมมรรค คือดวงธรรมดวงแรก เช่น กยมนุษย์ กายฝัน กายทิพย์ ดังที่กล่าวมานี้
ส่วนปฐมฌาน คือระดับของสมาธิ
สมาธิเริ่มจาก ขนิกสมาธิ คือสมาธิเล็ก ๆ น้อย
ต่อมาก็เป็นอุปจารสมาธิ ซึ่งหยุดนิ่ง มีอารมณ์เป็นหนึ่งมากขึ้น
จากนั้นก็เป็นอัปปนาสมาธิ ซึ่งมีสมาธิมั่คงมากขึ้นไปอีก
จากนั้น ก็เป็น ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุถฌาน ซึ่งเป็นรูปฌาน ไปจนถึงอรูปฌาน เป็นต้น
ใจที่เห็นดวงปฐมมมรคแล้ว นั่นเป็นระดับสภาวะใจที่มีสมาธิถึงขั้นอัปปนาสมาธิ-ปฐมฌาน
ความแตกต่างของ ปฐมมรรค ปละปฐมฌาน จึงเป็นดังนี้
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: เอกายนมรรค
สถิติเว็บบอร์ด
- กลุ่ม Members
- โพสต์ 15
- ดูโปรไฟล์ 8137
- อายุ ไม่เปิดเผย
- วันเกิด ไม่เปิดเผย
-
Gender
ไม่เปิดเผย
0
Neutral
เครื่องมือผู้ใช้งาน
โพสต์ที่ฉันโพสต์
ในกระทู้: ปฐมมรรค กับ ปฐมฌาน
15 August 2007 - 11:40 AM
ในกระทู้: กรรมมีจริงคะ
11 September 2006 - 12:03 AM
เรียนคุณฟ้าใส
ทุกคนมีโอกาสทำผิด ทำพลาดกันได้ทุกคน ไม่เว้นผู้หนึ่งผู้ใด
แต่ถ้าจะแก้ไข เอาตัวให้รอดได้ เราต้องเรียนในสิ่งที่พระบรมศาสดาทรงสอน
พระองค์ทรงอุบัติขึ้นมาในโลกก็เพื่อช่วยเหลือพวกเราใหพ้นจากห้วงทุกข์ หรือวงจรอุบาทว์ของชีวิต
วันนั้นที่เราพลาดเพราะเราได้คนพาลเป็นมิตร
วันนี้เรารู้แล้ว ว่าเราพลาด ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้ใด้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ
พระองค์ทรงสอนว่า
1.ให้ละชั่วด้วย กาย วาจา ใจ
หมายความว่าอะไรที่ไม่ดี ๆ ก็ให้เลิกเสีย ง่าย ๆ รักษาศีลนั่นเอง
2.ให้ทำความดีให้ถึงพร้อมด้วย กาย วาจา ใจ
หมายความว่าอะไรทที่ดี ๆ ก็ทำให้มาก ๆ บ่อย ๆ เข้าไว้
3.ทำใจให้สว่างใส
อันนี้สำคัญที่สุด คือการเจริญภาวนานั่นเอง
ใจจะสว่างใสได้ก็ต้องทำใจ้ให้หยุด ให้นิ่งที่ 072
ขอเป็นกำลังใจให้นะ
ขออนุโมทนา
ทุกคนมีโอกาสทำผิด ทำพลาดกันได้ทุกคน ไม่เว้นผู้หนึ่งผู้ใด
แต่ถ้าจะแก้ไข เอาตัวให้รอดได้ เราต้องเรียนในสิ่งที่พระบรมศาสดาทรงสอน
พระองค์ทรงอุบัติขึ้นมาในโลกก็เพื่อช่วยเหลือพวกเราใหพ้นจากห้วงทุกข์ หรือวงจรอุบาทว์ของชีวิต
วันนั้นที่เราพลาดเพราะเราได้คนพาลเป็นมิตร
วันนี้เรารู้แล้ว ว่าเราพลาด ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้ใด้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ
พระองค์ทรงสอนว่า
1.ให้ละชั่วด้วย กาย วาจา ใจ
หมายความว่าอะไรที่ไม่ดี ๆ ก็ให้เลิกเสีย ง่าย ๆ รักษาศีลนั่นเอง
2.ให้ทำความดีให้ถึงพร้อมด้วย กาย วาจา ใจ
หมายความว่าอะไรทที่ดี ๆ ก็ทำให้มาก ๆ บ่อย ๆ เข้าไว้
3.ทำใจให้สว่างใส
อันนี้สำคัญที่สุด คือการเจริญภาวนานั่นเอง
ใจจะสว่างใสได้ก็ต้องทำใจ้ให้หยุด ให้นิ่งที่ 072
ขอเป็นกำลังใจให้นะ
ขออนุโมทนา
ในกระทู้: ทำไมต้องมาวัดทุกวันอาทิตย์
10 September 2006 - 10:24 PM
ที่ต้องไปวันอาทิตย์
ก็เพราะไม่ได้ไปวันเสาร์จ๊ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ เกิดมาทำอะไร"
http://www.dhammakaya.or.th
ก็เพราะไม่ได้ไปวันเสาร์จ๊ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ เกิดมาทำอะไร"
http://www.dhammakaya.or.th
ในกระทู้: ทำไมบางคนชอบวัดพระธรรมกายขนาดไห้ได้ทุกอย่าง แต่ทำไมบางคนถึงแอนตี้วัดพระธรร...
10 September 2006 - 10:15 PM
คุณอิอิ
สรุปประเด็นที่คุณถาม มีอยู่ 2 ประเด็น คือ
1.เรื่องของคนชอบวัด ฯ ขนาดที่ว่าสามารถให้ได้ทุกอย่าง ในขณะที่บางคนไม่ชอบเอามาก ๆ
2.ที่ว่าได้ดวงแก้วในท้องนั่น ได้กันจริง ๆ หรือว่าตามกันไป เพราะขนาดหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านยังต้องฝึกนาน
ขออนุญาตเรียนว่า คุณไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องวิชชาธรรมกายเลย
อย่าเพิ่งโกรธที่ทักเอาอย่างนี้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า คุณต้องเรียนเพิ่มเติม ศึกษาเพิ่มเติม จึงจะเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม ก็ขออธิบายสั้น ๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจรวบยอดดังนี้
วิชชาธรรมกายเป็นวิชาในพระพุทธศานา
สอนให้เดินตามร่องรอยของพระศาสนาอย่างไม่บิดเบือน มุ่งตรงสู่พระนิพพาน
วิชชาธรรมกายเป็นทั้ง สมถะ และ วิปัสสนา
หลักที่สอนกันแล้วคุยฟุ้งกันว่า สติปัฏฐาน 4 เป็นเลิศ นั้น
วิชชาธรรมกายเป็นวิชชาที่เห็นและเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
หัวใจของวิชชธรรมกายอยู่ตรงที่การทำใจหยุดใจนิ่ง ที่ศูนย์กลางกาย
ถ้าทำได้ ทำถูกส่วน ก็สามารถรู้เห็นได้ง่าย ไม่มีอะไรยาก
ดังนั้น การที่คุณป้าทั้งหลายท่านจะบอกว่า เห็นดวงแก้ว ๆ นั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรง
แต่ขออนุญาตเรียนเพื่อความชัดเจนิกนิดหน่อยตรงจุดนี้ว่า
ดวงแก้วที่บอกว่าเห็น ๆ กันในท้องนั้น แบ่งเป็น 2 อย่าง
คือ 1. เห็นดวงนิมิต ซึ่งยังไม่แน่นอน ยังไม่มั่นคง สามารถเสื่อมและโทรมลงไปได้เมื่อสมาธิเคลื่อน
2. เห็นดวงปฐมมรรค ซึ่งแน่นอน มั่นคง และชัดเจนกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถเสื่อมลงได้ถ้าไม่ระมัดระวังรักษาใจไว้ให้ดี
และนี่คือคำตอบในส่วนที่ 2
ส่วนคำตอบในส่วนที่ 1 เรื่องการรักชอบวัด ฯ นั้น ไม่มีใครไปบังคับใครได้
เขารักเขาชอบ ก็แสดงว่าเขามีเหตุผล คงไม่ได้ไปหลง บ้า ใบ้ตามใครเป็นแน่
อย่างน้อย คนที่มีอายุ ผ่านโลกมาไม่น้อย ก็ย่อมจะต้องเห็นอะไรดี ๆ บ้าง ไม่มาก ก็น้อย
บางที เขาอาจจะเห็นอะไร เข้าใจอะไร และได้อะไร มากกว่าที่เราคิด และมากกว่าที่เราทำได้เองเสียด้วยซ้ำ
"ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก"
---------------------------------------
ขออนุญาตแก้ไขโดย ฟ้า้ร้าง
สรุปประเด็นที่คุณถาม มีอยู่ 2 ประเด็น คือ
1.เรื่องของคนชอบวัด ฯ ขนาดที่ว่าสามารถให้ได้ทุกอย่าง ในขณะที่บางคนไม่ชอบเอามาก ๆ
2.ที่ว่าได้ดวงแก้วในท้องนั่น ได้กันจริง ๆ หรือว่าตามกันไป เพราะขนาดหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านยังต้องฝึกนาน
ขออนุญาตเรียนว่า คุณไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องวิชชาธรรมกายเลย
อย่าเพิ่งโกรธที่ทักเอาอย่างนี้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า คุณต้องเรียนเพิ่มเติม ศึกษาเพิ่มเติม จึงจะเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม ก็ขออธิบายสั้น ๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจรวบยอดดังนี้
วิชชาธรรมกายเป็นวิชาในพระพุทธศานา
สอนให้เดินตามร่องรอยของพระศาสนาอย่างไม่บิดเบือน มุ่งตรงสู่พระนิพพาน
วิชชาธรรมกายเป็นทั้ง สมถะ และ วิปัสสนา
หลักที่สอนกันแล้วคุยฟุ้งกันว่า สติปัฏฐาน 4 เป็นเลิศ นั้น
วิชชาธรรมกายเป็นวิชชาที่เห็นและเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
หัวใจของวิชชธรรมกายอยู่ตรงที่การทำใจหยุดใจนิ่ง ที่ศูนย์กลางกาย
ถ้าทำได้ ทำถูกส่วน ก็สามารถรู้เห็นได้ง่าย ไม่มีอะไรยาก
ดังนั้น การที่คุณป้าทั้งหลายท่านจะบอกว่า เห็นดวงแก้ว ๆ นั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรง
แต่ขออนุญาตเรียนเพื่อความชัดเจนิกนิดหน่อยตรงจุดนี้ว่า
ดวงแก้วที่บอกว่าเห็น ๆ กันในท้องนั้น แบ่งเป็น 2 อย่าง
คือ 1. เห็นดวงนิมิต ซึ่งยังไม่แน่นอน ยังไม่มั่นคง สามารถเสื่อมและโทรมลงไปได้เมื่อสมาธิเคลื่อน
2. เห็นดวงปฐมมรรค ซึ่งแน่นอน มั่นคง และชัดเจนกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถเสื่อมลงได้ถ้าไม่ระมัดระวังรักษาใจไว้ให้ดี
และนี่คือคำตอบในส่วนที่ 2
ส่วนคำตอบในส่วนที่ 1 เรื่องการรักชอบวัด ฯ นั้น ไม่มีใครไปบังคับใครได้
เขารักเขาชอบ ก็แสดงว่าเขามีเหตุผล คงไม่ได้ไปหลง บ้า ใบ้ตามใครเป็นแน่
อย่างน้อย คนที่มีอายุ ผ่านโลกมาไม่น้อย ก็ย่อมจะต้องเห็นอะไรดี ๆ บ้าง ไม่มาก ก็น้อย
บางที เขาอาจจะเห็นอะไร เข้าใจอะไร และได้อะไร มากกว่าที่เราคิด และมากกว่าที่เราทำได้เองเสียด้วยซ้ำ
"ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก"
---------------------------------------
ขออนุญาตแก้ไขโดย ฟ้า้ร้าง
ในกระทู้: ของฝากจากยอดดอย...เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะหลับตา
10 September 2006 - 09:11 PM
ดีจัง ดีจริง
ขอกราบอนุโมทนา
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ เกิดมาทำอะไร..."
http://www.dhammakaya.or.th
ขอกราบอนุโมทนา
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ เกิดมาทำอะไร..."
http://www.dhammakaya.or.th
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: เอกายนมรรค
- Privacy Policy
- เงื่อนไข ข้อตกลง และกฏระเบียบของเว็บไซต์ DMC ·