เทวดาก็มีอายุขัย เมื่อเสวยสุขบนสวรรค์จนครบอายุขัยแล้ว ก็ต้องจุติลงมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกมนุษย์อีกครั้ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า 1ปีทิพย์ของสวรรค์มี360วันทิพย์ของสวรรค์แต่ละชั้นและเวลาของสวรรค์แต่ละชั้นเทียบกับของโลกก็ไม่เท่ากัน เทวดาในสวรรค์แต่ละชั้นก็อายุไม่เท่ากันเช่นกัน ดังนี้
ชั้นจาตุมหาราชิกา มี1วันทิพย์ เท่ากับ 50 ปีโลกมนุษย์ เทวดามี500 ปีทิพย์ เท่ากับ 9ล้านปีโลกมนุษย์
ชั้นดาวดึงส์ มี1วันทิพย์ เท่ากับ 100 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดา คือ1000 ปีทิพย์ เท่ากับ 36 ล้านปีโลกมนุษย์
ชั้นยามา มี1วันทิพย์ เท่ากับ 200 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดาคือ 2000ปีทิพย์ เท่ากับ144 ล้านปีโลกมนุษย์
ชั้นดุสิต (ดุสิตบุรี) มี1วันทิพย์ เท่ากับ 400 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดาคือ 4000 ปีทิพย์ เท่ากับ576 ล้านปีโลกมนุษย์
ชั้นนิมมานรดี มี1วันทิพย์ เท่ากับ 800 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดา คือ 8000 ปีทิพย์ เท่ากับ2304 ล้านปีโลกมนุษย์
ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี มี1วันทิพย์ เท่ากับ 1600 ปีโลกมนุษย์ เทวดามีอายุ 16000 ปีทิพย์ เท่ากับ 9216 ล้านปีโลกมนุษย์
การสิ้นอายุขัยของเทวดา
เทวดาก็สิ้นอายุขัยได้ เมื่อสิ้นอายุขัย เทวดาก็จะจุติออกจากสวรรค์นั้นไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งหรืออาจจะหล่นปุ๊บไปมหานรกก็ได้ ขึ้นอยู่กับกระแสบุญบาปจะได้ช่องหรือส่งผล ซึ่งการสิ่นอายุขัยของพวกเทวดามีเหตุเป็นไปได้ 4ประการ คือ
1.สิ้นชีวิตตามอายุในสวรรค์ชั้นนั้น
2.สิ้นชีวิตก่อนถึงกำหนดอายุในสวรรค์ชั้นนั้น
3.สิ้นชีวิตเพราะสนุดจนลืมกินอาหาร
4.สิ้นชีวิตเพราะความโกรธ (เมื่อเทวดาโกรธ จะกลายเป็นไฟไหม้ตนเอง)
จากการที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า แม้ว่าเทวดาทั้งหลายจะมีความสุขสมบัติมากมายเพียงใด ก็ยังต้องหมดสิ้นจากความสุขและทิพย์สมบัติต่างๆลงได้ในวันหนึ่ง นี่คืออนิจจัง ความไม่เที่ยง ซึ่งแม้แต่เทวดาหรือมยุษย์ก็ล้วนแต่มีความทุกข์ทั้งสิ้น และเมื่อเทวดาทั้งหลายหมดบุญหรือหมดอายุขัยแล้ว ก็จุติออกจากสวรรค์ มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างสมบารมีอีกครั้ง อย่างเช่นนักเรียนอนุบาลทุกๆคน

ดังนั้น มนุษย์เราทั้งหลายจะยึดมั่นในสมบัติอันไม่แน่นอนนี้ไปทำไม ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์เจ้าทั้งหลายก็ดี จึงไม่ปรารถนาในสุขสมบัติสังสารวัฎที่ไม่เที่ยงนี้ ท่านจึงเสด็จเข้าสู่นิพพานสมบัติทุกพระองค์