หลวงพ่อตอบปัญหาโดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: คนที่ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญว่ามีจริง ซ้ำยังกล่าวว่าคนที่เชื่อนั้นงมงาย เขายกเหตุผลมาชี้ว่า คนที่ฆ่าคนตายถ้าบาปมีจริง ทำไมจึงไม่ได้รับการฆ่าอย่างเดียวกันและฉับพลันล่ะ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวบาปกรรมและยังถามว่าบาปกรรมหน้าตาเป็นอย่างไร จะตอบเขาว่าอย่างไรดีคะ?
คำตอบ: ไปบอกคนที่ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคนนั้นว่า ถ้าอยากจะเห็นตัวบาปชัดๆ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ก็มีวิธีดูง่ายๆ คือให้ไปดูที่หน้ากระจกเงา หน้าที่เห็นในกระจกนั่นแหละตัวบาปละส่วนตัวคุณโยมเองก็ควรรู้ความจริงว่า ไม่ว่าบาปไม่ว่าบุญเวลาออกผลต้องใช้เวลาพอสมควร เหมือนปลูกกล้วยวันนี้ ถามว่าพรุ่งนี้จะได้กินกล้วยไหม ?ตอบว่าไม่ได้ ต้องรออีกเป็นเดือนๆ บางทีเกือบปี จึงจะได้กินกล้วย เช่นกันทำความดีวันนี้จะให้สังคมยอมรับ หรือทำให้ลาภผลอะไรเกิดขึ้นต้องรออีกเป็นปี ต้องรอด้วยกันทุกคน แต่ที่จะได้ทันที คือผลที่เกิดขึ้นภายในใจของผู้กระทำความดีได้ในลักษณะเป็นความชื่นใจ สบายใจ ทำปุ๊บได้ปั๊บเลยทีเดียวบาปก็เช่นเดียวกัน ทำบาปปุ๊บก็ได้ผลปั๊บเหมือนกัน คือใจขุ่นมัวแล้วกว่าผลบาปเต็มๆ จะตามมาทัน ก็ต้องรอเวลาอีกช่วงหนึ่งเหมือนกัน ธรรมดามันเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นคนที่มักง่าย ไม่ตรองอะไรจริงๆ จังๆ ไม่ละเอียดสุขุมรอบคอบก็เลยมักจะทึกทักเอาว่า บุญไม่มี บาปไม่มีคนส่วนมากในโลกนี้เมื่อเวลาคนอื่นทำชั่ว ก็อยากทำให้เขาได้รับผลชั่วทันที ซึ่งก็ดีเหมือนกัน สมมุตินะ ถ้าพอใครโกหกปุ๊บให้ฟันหักหมดปากปั๊บเลย สงสัยที่นั่งกันอยู่ตรงนี้คงไม่มีใครเปลือฟันสักซี่ แต่ส่วนมากไม่เป็นอย่างนั้น เวลาตัวเองโกหกปุ๊บ สาธุ ขอเราอย่าเพิ่งฟันหักเลย นี่คือเราบาปบุญมีจริงอยู่ที่ว่าอันไหนจะส่งผลก่อนหลังพอทำความดีปุ๊บ อยากจะได้ดีทันที อยากให้คนเขายกย่องเชิดชู อยากได้ยศถาบรรดาศักดิ์ ได้ลาภได้ผล อยากให้ได้ทันที แต่เวลาคนอื่นเขาทำความดีกลับบอกว่า รอก่อน อย่าเพิ่งได้ดีเลยนะ เดี๋ยวจะมาแซงข้าไป คิดกีดกันไปเสียโน่นคุณโยม อะไรมันจะแซงอะไรหรือไม่แซงอะไรก็ช่างมันเถอะนะตั้งใจทำความดีของเราเรื่อยไป แล้วจะได้ดีเอง ความชั่วก็เหมือนกัน ทำเองก็จะได้ทุกข์ต้องโทษทัณฑ์เอง ยมบาลไม่ต้องมาตัดสินก็ได้ชั่วเองขอฝากพวกเราไว้นะว่า หน้าที่ของเราเกิดมาในชาตินี้มีหน้าที่เพื่อมากลั่นขันธ์ทั้ง ๕ กลั่นธาตุทั้ง ๖ ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ขึ้น ในระยะที่ยังไม่หมดกิเลส ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ก็กลั่นให้มีผลเป็นความสุขกายสุขใจ ไม่ต้องทุกข์กายทุกข์ใจ กลั่นธาตุกลั่นขันธ์ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาให้ดีนะคำถาม: หลวงพ่อเคยสอนว่าทำบุญมากเข้า กรรมชั่วจะค่อยๆ จางไป แล้วเปรียบเทียบเรื่องน้ำกับเกลือ หนูฟังแล้วเข้าใจว่าทำกรรมดีมากเข้า กรรมชั่วจะตามไม่ทัน เพราะกรรมดีมีมากกว่า แล้วได้ฟังเรื่องของพระโมคคัลลานะ ที่ถูกโจรฆ่าตาย เพราะกรรมตามมาสนอง สงสัยว่าทำไมคนที่มีบุญสูงมากเช่นนี้ จึงยังต้องชดใช้กรรมที่เคยทำมาคะ ?
คำตอบ: ธรรมดากรรมชั่วที่เราทำไว้ ถึงเวลากรรมนั้นก็ตามให้ผลเป็นความเดือดร้อน ทำนองเดียวกัน กรรมดีที่เราทำไว้ ถึงเวลากรรมดีก็ตามให้ผลเป็นความร่มเย็นเป็นสุข และการให้ผลก็อยู่ในลักษณะดอกเบี้ยทบต้นด้วย เหมือนอย่างเราเอาข้าวเปลือกเมล็ดหนึ่งมาปลูก ปลายปีก็ได้ข้าวกอเบ้อเร่อ ได้รวงข้าว ไม่รู้กี่รวงต่อกี่รวง ถ้าเอาหญ้าคาสักเมล็ดมาปลูก ปลายปีหญ้าก็งามได้เมล็ดเป็นกอบเลย ดอกเบี้ยมันทบต้นอย่างนี้การกระทำใดๆ ทั้งฝ่ายบุญฝ่ายบาป เมื่อทำแล้วไม่ไร้ผล และยังตามให้ผลไปอีกนานการกระทำใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าฝ่ายบุญฝ่ายบาป เมื่อทำแล้วไม่ไร้ผล และยังตามให้ผลไปอีกนานทีเดียว ในลักษณะต่างฝ่ายต่างให้ เพราะฉะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสไว้ว่า “ขึ้นชื่อว่าความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า” ทำแต่ที่ดีๆ เข้าไว้ แล้วจะรอดตัวพระโมคคัลลานะท่านเคยทำร้ายทุบตีพ่อแม่ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณมาก เมื่อภพชาติในอดีต จึงเป็นกรรมหนัก เพราะฉะนั้นภพชาติสุดท้าย ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นพระอรหันต์แล้ว บาปกรรมนั้นก็ยังตามท่านอยู่ แต่ว่าเมื่อท่านเข้าพระนิพพานแล้วไม่ต้องเกิดอีก บาปเวรจะชดใช้หมดหรือไม่หมด ถึงเวลานั้นก็ต้องยกเลิก เหมือนข้าศึกไม่มีสนามรบ บาปที่ทำร้ายพ่อแม่มีฤทธิ์มากนัก อุปมาเป็นเกลือเม็ดเดียวไม่ได้ บุญขนาดพระอรหันต์ยังเจือจางฤทธิ์บาปที่ทำร้ายพ่อแม่ไม่ได้ทั้งๆ ที่ชดใช้มาหลายชาติแล้วก็ตามคำถาม: ตามที่หลวงพ่อเคยเทศน์ครั้งก่อนว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ จึงทำให้นิ้วมือแต่ละนิ้วของท่านยาวเท่ากัน แต่ถูกสงสัยว่านิ้วหัวแม่มือทั้ง ๒ ของท่านสั้นกว่านิ้วอื่นไม่ใช่หรือเจ้าคะ และลูกไม่เห็นอุณาโลมที่พระธรรมกายเลยค่ะ เป็นเพราะว่าปั้นไม่ได้หรือเพราะอะไรเจ้าคะ?
คำตอบ: ไปดูใกล้ๆ ให้ดีนะ คืออุณาโลมนี้ไม่ใช่ใหญ่โตมากมายอะไร เป็นเส้นขนเล็กๆ กลุ่มหนึ่งขดอยู่เหนือหว่างคิ้วกลางหน้าผาก ขอให้เข้าไปดูใกล้ๆ แล้วจะเห็น อย่างไรก็ตามเส้นขนนั้นปั้นยากที่สุดลักษณะนิ้วมือของมหาบุรุษคือนิ้วมือแต่ละนิ้วยาวเท่ากันสำหรับเรื่องนิ้วมือ นิ้วทั้ง ๕ ของพระพุทธองค์ยาวเสมอกันจริงๆ นิ้วหัวแม่มือก็ยาวเท่ากับอีก ๔ นิ้ว แต่ฐานที่ตั้งของนิ้วหัวแม่มือต่ำกว่า จึงดูเหมือนว่าสั้นกว่านิ้วอื่นๆ ไปเล็กน้อย จริงๆ แล้วเท่ากัน แต่นิ้วหัวแม่มือของพวกเราสั้นกว่านิ้วอื่นเป็นอันมาก เพราะเรายังไม่ได้ลักษณะมหาบุรุษ เหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

http://goo.gl/tgTmb