หลวงพ่อตอบปัญหาโดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ครับ?
คำตอบ: ในคัมภีร์พระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ล่วงไปแล้วในอดีตนั้นน่ะ นับไม่ถ้วนทีเดียว แต่ว่าสำหรับในกัปนี้ ในโลกมนุษย์ของเรานี้ ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นผ่านไปแล้ว 4 พระองค์ คือในกัปนี้ โลกมนุษย์ของเราได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นผ่านไปแล้ว 4 พระองค์พระกกุสันธะพุทธเจ้า, พระโกนาคมนะพุทธเจ้า, พระกัสสปะพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าในยุคของพวกเรามีพระนามว่า พระโคตมะพุทธเจ้า ส่วนพระองค์ที่ 5 มีพระนามว่า พระเมตไตรยพุทธเจ้า ยังไม่เสด็จอุบัติขึ้นมาหรอกนะคำถาม: คำว่า “พระ” คำว่า “ภิกษุ” คำว่า “สงฆ์” แต่ละคำมีความหมายถึงบุคคลเดียวกัน ทำไมนิยมใช้ทั้ง 3 คำ มาเขียนติดกันเป็นพระภิกษุสงฆ์ล่ะคะ?
คำตอบ: คำว่า “ภิกษุ” โดยคำศัพท์แปลว่า ผู้ขอ ผู้เพ่งเล็งเอา หมายถึงชายที่บวชในพระพุทธศาสนาดำรงชีวิตอยู่ โดยไม่ได้หุงหาอาหารกินเอง ใช้เวลาเพื่อปฏิบัติธรรม และสอนชาวบ้านเท่านั้น เรื่องอาหารแต่ละวันต้องขอชาวบ้านเขากิน อย่างที่เราเห็นท่านออกบิณฑบาตทุกๆ วันนี่แหละภิกษุ“พระ” หมายถึง ชายที่บวชในพระศาสนาที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมตามพระวินัย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติเอาไว้ มีศีล 227 ข้อ เป็นต้น ส่วนธรรมะต่างๆ ก็ศึกษาเล่าเรียนกันไป ภิกษุที่มีความตั้งใจปฏิบัติตามธรรมตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด จะเกิดความประเสริฐ หรือเกิดความดีขึ้นในตัวคือความโลภน้อยลง ความโกรธน้อยลง ความหลงน้อยลง เป็นผลให้สติปัญญาทางธรรมก้าวหน้ายิ่งขึ้น ความประเสริฐก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามมาพระคำว่าประเสริฐมาจากคำว่า “วร” (อ่านว่า วะ-ระ) แล้วก็แผลงมาเป็น “พระ” ฉะนั้น พระคือภิกษุผู้ประเสริฐ ส่วนคำว่า “สงฆ์” ในพระวินัย หมายถึงกลุ่มภิกษุตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป ร่วมกันทำกิจอย่างหนึ่งอย่างใดของศาสนา เช่น สงฆ์ลงสวดปาฏิโมกข์ เป็นต้นสงฆ์ความหมายของแต่ละคำ ก็อย่างที่ว่ามานี้ เวลาจะแยกใช้ก็เลือกใช้คำให้เหมาะสมตามวาระตามโอกาส แต่คำว่าพระเป็นความหมายเชิงยกย่อง เรานิยมใช้ช้อนเป็นคำนำหน้า เช่นพระภิกษุ พระสงฆ์ หรือรวมทุกคำคำถาม: ทำไมพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงดังๆ หลายๆ องค์ จึงมีอภินิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่เป็นรูปปั้นของพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน บางทีมีคนกล่าวว่าพระพุทธรูปกินสินบน เพราะอยากได้อะไรต้องบนบานศาลกล่าว จึงจะสำเร็จ อยากทราบว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วเหลือแต่รูปปั้นจะช่วยได้จริงหรือ?
คำตอบ: พวกเราทั้งพระภิกษุและฆราวาสหลายท่าน ยังมีความเข้าใจไขว้เขวอยู่มากในเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธรูปเอาอย่างนี้ก่อน อย่าเพิ่งพูดไปถึงเรื่องการบนบานศาลกล่าวอะไรเลย อยากฝากข้อคิดเอาไว้เรื่องกราบพระ พวกเราจำนวนพันที่มานั่งอยู่ที่นี่ ถ้าจะแบ่งประเภทของผู้ที่กราบพระพุทธรูป พระธรรมกายองค์นี้แหละ เรากราบพร้อมๆ กัน เป็นจำนวนพันคน แต่ผลที่แต่ละคนได้รับไม่เหมือนกัน สามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้1. ประเภทยิ่งกราบยิ่งฉลาด2. ประเภทยิ่งกราบยิ่งเมื่อย3. ประเภทบางคนยิ่งกราบยิ่งโง่ประเภทยิ่งกราบยิ่งฉลาด คนพวกนี้จะคิดก่อนกราบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงคุณธรรมความดีอะไร ฉันจึงต้องกราบ อ๋อ...เมื่อสมัยที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่เมื่อกว่า 2500 ปีก่อนโน้น พระองค์ทรงมีพระปัญญาธิคุณเป็นเลิศเลย พูดภาษาชาวบ้านว่า ทรงเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุด ในยุคสมัยที่มนุษย์จะสามารถฉลาดได้ จึงได้ตรัสรู้ธรรม ฉะนั้นเราจะกราบพระปัญญาธิคุณของพระองค์กราบแล้วนึกอย่างไร? ก็นึกว่านับแต่นี้ไปเราจะตั้งใจศึกษาหาความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะทางธรรมจะลงมือปฏิบัติจริงให้รู้ ให้เห็นธรรมะ สร้างปัญญาตามพระองค์ อย่างนี้กราบครั้งหนึ่งก็ฉลาดขึ้นมาส่วนหนึ่งพอจะกราบครั้งที่ 2 ก็คิดว่าพระองค์ทรงมีความดีอะไรอีก อ๋อ..ทรงมีพระกรุณาธิคุณเป็นเยี่ยม ตรัสรู้แล้วไม่ทรงหวงวิชา ยอมเหนื่อยสั่งสอนชาวโลกอยู่ถึง 45 ปี แล้วยังสอนวิธีถ่ายทอดพระศาสนามาจนกระทั่งถึงพวกเรา พระองค์ทรงมีพระกรุณาธิคุณอย่างนี้จะไปหาได้จากที่ไหน กราบครั้งที่ 2 ก็ฉลาดเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่งก่อนจะกราบครั้งที่ 3 ก็คิดอีกว่า พระองค์ทรงมีความดีอะไรอีก อ้อ..ทรงมีพระบริสุทธิคุณเป็นเยี่ยม จะหาใครๆ ที่มีความบริสุทธิ์เสมอเหมือนพระองค์ไม่มีเลย เมื่อตรัสรู้แล้วไม่ทรงคิดร้าย พูดร้าย หรือทำร้ายใครเลย มีแต่ทรงคิดดี พูดดี ทำดีตลอด มิหนำซ้ำยังทรงบัญญัติศีลเอาไว้เพื่อให้พวกเราได้ปฏิบัติ และมีความบริสุทธิ์ตาม เพราะฉะนั้นพอจะกราบพระก็เตือนตัวเองด้วยว่า นับแต่นี้ไปเราจะต้องรักษาศีลให้เยี่ยมเลย แล้วก็ตั้งใจกราบกราบอย่างนี้เรียกว่ายิ่งกราบยิ่งฉลาด ผลบุญจากการกราบอย่างนี้ จะเตือนตัวเราให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป มรรคผลนิพพานก็คงไม่ไกลเราแล้วประเภทที่ 2 ยิ่งกราบยิ่งเมื่อย พวกนี้ไม่เคยศึกษา ไม่เคยคิดพิจารณาอะไรทั้งนั้น เห็นเขากราบ ฉันก็กราบบ้าง กราบอย่างนี้ได้อะไรบ้าง ก็ได้แต่ความเมื่อย เพราะฉะนั้นคนฉลาดต้องศึกษาด้วยว่ากราบพระทำไม?ประเภทที่ 3 ยิ่งกราบยิ่งโง่ พวกนี้พอจะกราบพระปุ๊บเขาก็นึกเหมือนกัน แต่นึกว่า “หลวงพ่อ ตอนนี้ก็ปลายเดือนแล้วขอเลข 2 ตัวเถอะ เงินมันขาดกระเป๋า” เขาขอเลขท้าย 2 ตัว ไปแทงหวง ซึ่งจัดเป็นการพนัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจัดการพนันว่าเป็นอบายมุข อบายมุข แปลว่า ทางนำไปสู่ความฉิบหาย ฉะนั้นคนที่พอ กราบพระแล้วขอเลขท้าย 2 ตัว ก็เท่ากับบอกว่า หลวงพ่อขอให้ฉันฉิบหายเร็วๆ นะ อย่างนี้เรียกว่ายิ่งกราบยิ่งโง่พวกเราชาวพุทธ ถ้าจะกราบพระ ขอให้กราบแบบประเภทที่ 1 คือ ยิ่งกราบยิ่งฉลาดเพิ่มมากขึ้นนะส่วนการที่คนเราไปบนบานศาลกล่าวกัน ไปกราบพระตามที่ต่างๆ กัน แล้วได้ผลตามที่เขาบนบานศาลกล่าวบ้าง ไม่ได้บ้างก็มี คนที่ได้นั้นความจริงเขาได้เพราะอะไรการบนบานศาลกล่าวเขาได้เพราะบุญที่ทำไว้ในอดีตถึงคราวจะให้ผล ไม่ใช่เพราะพระพุทธรูปองค์นั้นองค์นี้ให้ บุญของเขามี อุปมาเหมือนฝนที่ตกจากฟ้า เราเป็นเจ้าของโอ่งน้ำ พอกราบพระ ใจก็เปิดกว้าง เหมือนเปิดฝาโอ่ง น้ำฝน คือ บุญที่เราได้ทำไว้แล้ว ก็ถึงแก่เราเต็มร้อยส่วนคนที่ไม่ได้ผล ก็เพราะว่าไม่เคยทำบุญทำทานเอาไว้เลย แต่ว่าจะเอาผลของบุญ จะเป็นไปได้อย่างไร ธรรมดาแล้วคนปลูกถั่วก็ได้กินถั่ว ปลูกงาก็ได้งานะ เพราะพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน พระพุทธรูปย่อมจะต้องศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน แต่ที่ยังไม่ศักดิ์สิทธิ์ก็คือตัวเรานี่แหละ เรายังไม่ได้ตั้งใจละชั่ว ประพฤติชอบทำความดี กลั่นใจให้ผ่องใส ตามที่พระองค์ตรัสสอน เราจึงต้องมาเกิด มาทำมาหากินจนตัวเป็นเกลียวอย่างนี้เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ไปรักษาศีลให้เยี่ยม นั่งสมาธิให้ตัวตั้งปัญญาทางธรรมก็สั่งสมกันเข้าไป ถ้าอย่างนี้พระพุทธรูปซึ่งท่านศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว จะยิ่งศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นส่วนตัวเราถ้าทำตามอย่างที่ว่านี้ สั่งสมบุญบารมีมากเข้าๆ ตัวเราเองก็ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา คราวนี้คิดจะทำอะไรก็สำเร็จ แล้วตอนนั้นก็ไม่ต้องไปบนบานศาลกล่าวขอใครอีกที่สำคัญขอเตือนไว้ว่าไม่ควรไปพูด ล่วงเกินพระพุทธรูปว่ากินสินบน เท่ากับแกว่งปากหาบาปแท้ๆ นะลูกนะ

http://goo.gl/0SH3T