หลวงพ่อตอบปัญหาโดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: คนใส่บาตร เพื่อสะเดาะเคราะห์จะทำได้ไหมคะ?
คำตอบ: คำว่า สะเดาะเคราะห์ ไม่มีในพระพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้ใครไปสะเดาะเคราะห์เลย มีแต่สอนว่าให้ทำความดี แล้วผลแห่งความดีจะส่งให้เป็นสุขยิ่งๆ ขึ้นไป ถ้าเคยทำความชั่วมาก่อน แต่เราทำความดีมากพอ ผลแห่งความชั่วมันก็จะตามไม่ค่อยทันในทางพระพุทธศาสนา การทำบุญตักบาตรเพื่อสะเดาะเคราะห์นั้นไม่มีเราตักบาตรทำบุญทำทานนี้ ถามว่าใครได้ คนที่ตายได้หรือว่าเราได้ ตอบว่าเราได้ ไม่ใช่คนอื่นนะ เราทำบุญเราก็ได้ของเรา เรากินข้าวพ่ออิ่ม แม่อิ่ม หรือว่าเราอิ่ม? พ่อกินข้าวแม่กินข้าว เราไม่ได้กิน เราอิ่มไหม? เราไม่อิ่มเรื่องบุญก็เช่นเดียวกัน เราตักบาตรจะอุทิศบุญกุศลให้ใครหรือไม่อุทิศให้ใครก็ตามทีเถอะ เราได้บุญเป็นอันดับแรกถ้าเราอุทิศบุญให้ใคร คนนั้นก็พลอยได้บุญตามไปด้วย ถ้าเขารับรู้ได้และอนุโมทนาเป็น แต่ถ้าไม่มีโอกาสรับรู้และไม่ได้อนุโมทนาบุญก็ไม่ได้บุญ เช่น สมมติเราตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้พ่อที่ตายไปแล้ว แต่ปรากฏว่าพ่อตกนรกลึกไป เลยไม่ได้รับบุญ รับไม่ได้ก็ไม่ได้รับ จะทำอย่างไรได้ แต่ที่แน่ๆ คนทำบุญคือเราต้องได้ มันก็เป็นอย่างนี้การทำบุญเพื่อสะเดาะเคราะห์เท่าที่เห็นทำกัน มักอ้างว่าเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรการทำบุญเพื่อสะเดาะเคราะห์เท่าที่เห็นทำกัน มักอ้างว่าเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร คือผู้ที่เราทำร้ายเขาจนตาย หรือไม่ตายก็ตามที แต่ตอนนี้เขาได้ล่วงลับไปแล้ว เราคิดว่าเขาต้องจองเวรหาทางทำร้ายกลับคืน จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ หวังว่าเขาได้บุญแล้ว คงเลิกจองเวรไม่ทำให้เราเดือดร้อนแต่จริงๆ แล้วในพระพุทธศาสนา ไม่มีคำว่า เจ้ากรรมนายเวร มีแต่กฎแห่งกรรม ที่อุปมาว่า หว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น บาปที่เราเคยทำไว้คราวนั้นไม่หมด เพราะถูกยกเลิกการจองเวร เหมือนขับรถชนคนบาดเจ็บ แม้เจ้าทุกข์ไม่เอาเรื่อง ตำรวจก็ยังเอาเรื่องตามกฎหมาย ฐานขับรถโดยประมาท กฎแห่งกรรมนั้นตรงเผงยิ่งกว่ากฎหมายบ้านเมือง และไม่มีวันหมดอายุความเสียด้วยผลแห่งความชั่ว มันติดตามเจ้าของไม่ลดละ แต่ถ้าหมั่นทำบุญไว้มากๆ บาปก็เล่นงานได้ไม่เต็มที่ มันอ่อนฤทธิ์ได้ เหมือนเกลือเม็ดเดียวในแท็งก์น้ำจืดนั่นแหละการสะเดาะเคราะห์ด้วยการตักบาตร คงเป็นกุศโลบายของคนแนะนำที่อยากให้คนทำบุญการสะเดาะเคราะห์ด้วยการตักบาตร คงเป็นกุศโลบายของคนแนะนำที่อยากให้คุณทำบุญนั่นเอง ซึ่งต้องชมเชยว่า เป็นคำแนะนำที่ดี เวลาตักบาตรให้เอาใจผูกไว้กับบุญตลอดเวลา อย่าหวนคิดถึงความทุกข์ยากให้ใจเศร้าหมอง ทำอย่างนี้บุญจึงจะมีฤทธิ์มากคำถาม: พูดกันมากว่าโสเภณีเป็นของคู่โลก มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว และยังไม่มีทางกำจัดได้ เรื่องนี้จริงหรือไม่เจ้าคะ?
คำตอบ: เรื่องนี้ถ้าเราได้ฝึกสมาธิมามากพอ จนกระทั่งสามารถระลึกชาติได้เราจะพบว่าผู้ที่มาเป็นโสเภณีนี้ ชาติก่อนๆ ที่ผ่านมาแต่เดิมก็เป็นผู้ชายนั่นแหละ แต่เป็นผู้ชายประเภทที่ชอบเป็นชู้กับเมียคนอื่น ผิดศีลกาเมมาตลอด เวรกาเมฯติดตามล้างผลาญข้ามภพข้ามชาติมานับไม่ถ้วนเมื่อตอนละโลก นอกจากตกนรกหมกไหม้เสียย่ำแย่แล้วเมื่อพ้นจากนรก ยังไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานที่หมกมุ่นเดือดร้อนเรื่องกามอีกไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ พอหมดเวรได้เกิดเป็นมนุษย์กับเขา เศษเวรเศษกรรมที่ตามมาล้างผลาญ แค่เศษๆ เท่านั้นยังบีบคั้นให้เพศเปลี่ยนไป แต่ใจยังเจ้าชู้เหมือนเดิม เพศเปลี่ยนไปคือเปลี่ยนจากชายเป็นหญิง ส่วนความชู้ที่มีอยู่สมัยเป็นผู้ชาย ได้ทำให้เกิดเป็นผู้หญิงประเภทที่ให้อยู่เหย้าเฝ้าเรือนอย่างผู้หญิง ทั่วๆ ไป ก็ไม่ยอมอยู่ ให้ไปทำมาหากินอย่างชาวบ้านเขาทำ ก็ไม่ทำ ชอบเที่ยวเตร่ชายหูชายตาเรื่อยไปเพราะผู้ชายเจ้าชู้เป็นต้นเหตุต้นพันธุ์ของโสเภณีเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ถามว่าโสเภณีจะหมดไปจากโลกได้ไหมก็ต้องบอกว่า ก่อนจะกำจัดให้โสเภณีหมดโลก ไม่มีทายาทต่อไปอีก ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ แก้อย่างไร ก็ต้องอย่าให้เกิดการเป็นชู้กับลูกเมียคนอื่นเกิดขึ้นในโลกนี้ ถ้าแก้ตรงนี้ได้โสเภณีก็หมด ถ้าแก้ตรงผู้ชายเจ้าชู้ไม่ได้ โสเภณีไม่หมดหรอก เพราะผู้ชายเจ้าชู้เป็นต้นเหตุต้นพันธุ์ของโสเภณี คุณว่าการแก้ไขให้ผู้ชายเจ้าชู้หมดไปจากโลกยากไหมล่ะ ยาก..เพราะฉะนั้น โสเภณีคงจะยังมีต่อไปเมื่อรู้ภูมิหลังอย่างนี้แล้วว่า คุณไม่สามารถไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงใครคนอื่นได้ ดังนั้นคุณควรแก้ไขตนเอง ป้องกันตนเองจะดีกว่า ป้องกันโดยวิธีเล่าเรื่องที่หลวงพ่ออธิบายให้ฟังนี้ ให้สามีของคุณฟัง เพื่อว่าต่อไปในภายภายหน้า เขาไปถูกใจภรรยาคนอื่นเข้า เขาจะได้ยับยั้งตัวเอง ห้ามตัวเองได้ ทำอย่างนี้เท่ากับคุณได้กำจัดต้นเหตุของโสเภณีไปจากโลกได้ ๑ คนแล้วสำหรับลูกชายหรือลูกสาวของคุณ คุณก็หมั่นสอนเขาไว้ว่า ต่อไปข้างหน้าอย่าไปทำเจ้าชู้ ผิดลูก ผิดเมีย ผิดสามีคนอื่นเขานะ แล้วก็อธิบายอย่างที่หลวงพ่ออธิบายให้ฟัง นี้ก็เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโสเภณีขึ้นมาในโลกอีก ๑ คนรู้จักใคร เห็นท่าทางจะอธิบายจะสอนได้ก็บอกเขา ช่วยกันสร้างความดีให้เกิดขึ้นในโลก ด้วยการเผยแพร่ความรู้ที่หลวงพ่อค้นมาได้จากพระไตรปิฎก ได้มาจากการที่หลวงปู่ หลวงตาทั้งหลายท่านได้ฝึกหัดขัดเกลาตนเอง ได้ปฏิบัติธรรมมามาก จนกระทั่งได้พบความจริงของโลก และยอมรับว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ หรือที่พระอรหันต์ท่านได้บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกนั้นเป็นเรื่องจริง รวมทั้งความจริงที่ว่าผู้ที่เป็นชู้เมียคนอื่นจะต้องกลายเป็นโสเภณีในภพชาติข้างหน้า เขาจะได้กลัวบาป กลัวกรรมกันทั้งแผ่นดิน

http://goo.gl/fKMhV