หลวงพ่อตอบปัญหาโดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: คนที่จะรักษาศีลได้ จะต้องฝึกสติอย่างไรคะ จึงจะไม่เผลอ การรักษาศีลจะได้บุญตรงไหนคะ?
คำตอบ: สติในความหมายของการปฏิบัติ คือการประคองใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย เป็นเพราะเราสามารถประคองใจไว้ที่ศูนย์กลางกายได้ เราจึงสามารถห้ามใจไม่ให้ไปทำความชั่วต่าง ๆถ้าเวลาใดใจหลุดออกจากศูนย์กลางกาย แสดงว่าสติหย่อนจะทำให้พลั้งเผลอไปทำผิดศีลได้ เพราะฉะนั้นการที่เราห้ามใจไม่ให้ทำความชั่ว นอกจากเป็นการรักษาศีลได้แล้ว ยังเป็นการฝึกสติให้อยู่ในตัวควบคู่กันไปอีกด้วย หมั่นประคองใจไว้ที่ศูนย์กลางกายไปเถอะ แล้ววันหนึ่งเราจะเข้าใจเองการรักษาศีลควบคู่กับสติการรักษาศีลจะได้บุญตรงที่ว่า ธรรมชาติของใจเมื่อจรดเข้าศูนย์กลางกายได้เมื่อใด ความสว่างก็เกิดขึ้นในใจ อุปมาเหมือนหัวไม้ขีดไฟ ถ้ามาสีเร็วๆ กับข้างกล่องไม้ขีดเมื่อใด เมื่อนั้นไฟจะติดขึ้นมาทันที เช่นเดียวกับใจ เมื่อจรดกับศูนย์กลางกายได้เมื่อใดความสว่างจะเกิดวูบขึ้นมาภายใน ทำให้เราสามารถห้ามตัวเองไม่ให้ทำความชั่วได้เราจะเรียกว่าความมีสติก็ได้ บุญเกิดขึ้นตรงความสว่างนั่นแหละ และบุญที่เกิดนี้ก็มีฤทธิ์ที่จะฆ่าความชั่วความมืดภายในทั้งหลายได้อีกด้วยคำตอบ: ศีล ๑๐ คือศีลของสามเณร มีข้อเพิ่มจากศีล ๘ ของญาติโยมที่ไปถือศีลอุโบสถกันในวันพระอีก ๒ ข้อ คือศีลของสามเณรใช้ศีลข้อ ๖ วิกาลโภชนาฯ เหมือนกัน คือห้ามกินข้าวเย็น แล้วท่านแบ่งศีลข้อที่ ๗ ออกเป็น ๒ ตอน คือตอนที่ ๑ นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสนะ แปลว่าห้ามร้องเพลง ฟังเพลง ดูการละเล่นต่าง ๆ อันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์คือที่ทำให้อยากมีคู่ครองนั่นแหละตอนที่ ๒ มาลาคันธะวิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ-วิภูสะนัฏฐานา คือแม้แต่ทัดดอกไม้ลูบไล้ของหอม เขียนคิ้วทาปากประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดาก็ห้ามแล้วศีลข้อที่ ๘ คืออุจจาสะยะนา ห้ามไม่ให้นอนบนฟูกหนา ๆ นิ่ม ๆ ก็กลายเป็นข้อที่ ๙ ของสามเณรสามเณรผู้ถือศีล ๑๐ ข้อแล้วก็เพิ่มศีลข้อที่ ๑๐ มาให้เป็นการเฉพาะของสามเณร คือชาตะรูปะระชะตะ ปะฎิคคะหะณา ไม่ให้จับเงินจับทอง ซึ่งใช้เป็นสื่อในการซื้อขายสินค้ากันตามกฎหมายของสังคมนั้นๆศีลของสามเณรก็มีอยู่ ๑๐ ข้อด้วยกันอย่างนี้ ถามว่าดีกว่าศีล ๘ มากไหม ตอบว่าดีมากแน่นอน เพราะคนที่ออกจากครอบครัวมาบวชเป็นสามเณร เตรียมจะบวชเป็นพระภิกษุ ก็ควรเอาศีลมาเป็นเกราะป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากความฝักใฝ่ในการครองเรือน จะได้ออกบวชได้สำเร็จท่านมีศีลมาก ท่านก็ปลอดภัยจากทุกข์ในทางโลกมากกว่าโยมที่เป็นชาวบ้าน ซึ่งถือศีลน้อยข้อกว่าแน่นอนคำถาม: ผู้ที่บอกว่าถือศีล ๘ เป็นประจำแต่ไม่ถือ ๒ ข้อ และเว้นไม่ถือศีลอาทิตย์ละ ๒ วัน อย่างนี้เรียกว่าเขาถือศีล ๖ ได้ไหม และจะมีทางไปนิพพานได้ไหมคะ ?
ทางไปนิพพานคำตอบ: มันก็แปลกดีนะ บอกว่าถือศีล ๘ เป็นประจำแต่ไม่ถือ ๒ ข้อ มันก็ไม่ใช่ศีล ๘ ละซิ ทางไปนิพพานน่ะมี แต่หนูจะได้ไปนิพพานหรือเปล่าไม่รู้ เพราะหนูถือศีลไว้ ๖ ข้อ แล้ว ๒ ข้อ ที่ขาดไป ก็ไม่ได้บอกว่าข้อไหนบ้าง ถ้าเป็น ๒ ใน ๕ ข้อแรก ถือว่าศีล ๕ ขาด ชาติหน้านอกจากไม่ถึงนิพพานแล้ว ยังตกนรกด้วยนะหนูนะคำว่าศีล ๖ ก็ไม่มีในระบบ ถ้าทำศีลข้อ ๖ หรือ ๗ หรือ ๘ ขาดไปเพียงข้อใดข้อหนึ่ง นอกนั้นอยู่ครบก็เรียกว่ารักษาศีล ๕ ได้ แต่ศีล ๘ เป็นศีลพวง ขาดข้อเดียวก็ถือว่าขาดศีล ๘ ทั้งหมดนะหนูนะคำถาม: สามเณรถือศีล ๑๐ ซึ่งเพิ่มจากศีล ๘ อีก ๒ ข้อ ขอเรียนถามศีลข้อที่ ๙ และ ๑๐ ว่าเป็นอย่างไรครับ?
คำตอบ: ศีล ๘ เป็นศีลสำหรับอุบาสก อุบาสิกา พอมาเป็นศีล ๑๐ สำหรับสามเณร ท่านแยกศีลข้อที่ ๗ ที่ว่า “ ห้ามไม่ให้เขียนคิ้วทาปาก ห้ามประดับตกแต่งต่างกายด้วยเพชรนิลจินดา และเอาดอกไม้มาแซมผม” ท่านให้แยกเป็น ๒ ตอน คือตอนต้น “ห้ามไม่ให้ร้องรำทำเพลงและดูการละเล่น” เป็นศีลข้อที่ ๗ ของศีล ๑๐ และตอนปลาย “ห้ามไม่ให้เขียนคิ้วทาปากห้ามไม่ให้ประดับตกแต่งร่างกายด้วยเพชรนิลจินดาและเอาดอกไม้มาทัดหู” เป็นศีลข้อที่ ๘ ของศีล ๑๐ส่วนศีลข้อที่ ๘ ของศีล ๘ ห้ามไม่ให้นอนที่นอนสูงใหญ่ภายมในมีนุ่นและสำลีนิ่ม ๆ ก็กลายเป็นศีลข้อที่ ๙ ของศีล ๑๐ศีลข้อที่ ๑๐ ก็คือห้ามไม่ให้หยิบเงินทอง จับจ่ายซื้อของอย่างชาวบ้านศีลข้อที่ ๑๐ ก็คือห้ามไม่ให้หยิบเงินทอง จับจ่ายซื้อของอย่างชาวบ้านสำหรับศีล ๑๐ นั้น เป็นศีลเฉพาะของสามเณร ส่วนศีล ๘ คือศีลของฆราวาสที่ถือปฏิบัติ เพื่อให้ กาย วาจา ใจ บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น โดยเน้นการประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ข้องเกี่ยวทางเพศกับใคร ผู้ที่สมาทานศีล ๘ หรือบวชเป็นสามเณรสมาทานศีล ๑๐ ก็เพื่อตีกรอบตัวเองให้สามารถประพฤติธรรม เพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานได้ง่ายขึ้นคำถาม: ผู้ที่ได้ธรรมกายแล้ว ละล่วงละเมิดศีล ๕ ได้บ้างไหม หรือไม่ได้เลยครับ?
คำตอบ: จำไว้ก็แล้วกัน ผู้ที่จะเข้าถึงธรรมกายในตัวได้ อย่างน้อยต้องรักษาศีล ๕ ได้ครบคราวนี้พอมีศีล ๕ ครบ และปฏิบัติธรรมจนเห็นธรรมกายในตัวชัดเจนดีแล้ว ถ้าไปทำผิดศีล ๕ ข้อใดข้อหนึ่งเข้า การรู้การเห็นก็เลือนไป ต้องมาเริ่มต้นรักษาศีล นั่งสมาธิกันใหม่อย่างจริงจังคือเริ่มต้นใหม่นั่นเองผู้ที่จะเข้าถึงธรรมกายในตัวได้ อย่างน้อยต้องรักษาศีล ๕ ได้ครบเพราะฉะนั้น ใครได้เข้าถึงธรรมกายในตัวแล้ว ควรรักษาให้ดีอุปมาเหมือนปลูกต้นไม้ ถ้าเราปลูกขึ้นมา แล้วปล่อยให้มันเฉากว่าจะรดน้ำพรวนดินให้มันฟื้นขึ้นมาได้นั้นยากกว่าปลูกใหม่ดังนั้นพวกเราจงตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ เพราะศีล ๕ เป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ และเป็นพื้นฐานของการสร้างความดีทั้งปวง
http://goo.gl/vtO18