เครือข่ายคนดี สำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องสร้าง - หลวงพ่อตอบปัญหา

เครือข่ายคนดี สำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องสร้าง, พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีเอาไว้อย่างไรบ้าง, คำแนะนำในการสร้างเครือข่ายคนดี https://dmc.tv/a5559

บทความธรรมะ Dhamma Articles > หลวงพ่อตอบปัญหา
[ 16 ก.ย. 2552 ] - [ ผู้อ่าน : 18254 ]
 
 
คำถาม:กระผมขอกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่าให้ช่วยกันสร้างเครือข่ายคนดี อยากให้พระเดชพระคุณหลวงพ่ออธิบายว่ามันสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องสร้างด้วยครับ
 
คำตอบ:ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนนะว่า คำว่าเครือข่ายคนดีนี้ มาจากคำว่า กัลยาณมิตตา คือ การคบคนดีเป็นเพื่อนคบคนดีเป็นมิตร โดยตัวเนื้อหาสาระแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนเอาไว้ว่า ในการที่เราจะประกอบอาชีพใดๆก็ตาม ถึงแม้เราจะมีความสามารถในการทำการค้าการขาย ในการประกอบธุรกิจต่างๆ จะเก่งอย่างไรก็ตาม เรามีความจำเป็นจะต้องสร้างจะต้องมีคนดีเป็นเพื่อนเอาไว้เยอะๆ เพราะฉะนั้น เครือข่ายคนดีในที่นี้ก็หมายถึงการมีคนดีเป็นเพื่อนเยอะๆ ตีประเด็นนี้ก่อนนะ
 
เครือข่ายคนดี คือ อะไร
 
เครือข่ายคนดี คือ การมีเพื่อนเป็นคนดีเยอะๆ
 
สำคัญอย่างไร
 
สำคัญ เพราะว่าเราก็จะได้ซึมซับเอาความดีจากรอบทิศมาได้เยอะๆ ทีนี้ พูดง่ายๆ ในวันหนึ่งวันหนึ่ง เราหมดเวลาไปกับการทำมาหากินเยอะ ส่วนว่าความรู้ความดี โดยเฉพาะธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเอามาใช้ปรับปรุงตัว เอามาปราบกิเลสน่ะ เราแทบไม่ค่อยจะมีเวลาไปค้นคว้าพระไตรปิฎกมาอ่านกันเลย เวลาจะไปวัด ยังหากันไม่ค่อยได้ แล้วจะทำอย่างไรล่ะ จะให้ความดีมาถึงบ้าน มีทางเดียว คบคนดีเป็นมิตรเยอะๆ
 
เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า ความสำคัญของการสร้างเครือข่ายคนดี หรือการมีคนดีเป็นเพื่อนเยอะๆ มันอยู่ตรงไหน
 
คำตอบ คือ อยู่ตรงที่ว่ายิ่งสร้างมามากเท่าไหร่ ความดีก็ไหลเข้าตัวเข้าบ้านเรามากเท่านั้นนั่นเอง ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้
 
ไม่สร้างได้หรือไม่
 
คำตอบ คือ ไม่ได้ เพราะเป็นธรรมดาว่าถึงเราไม่สร้างเครือข่ายคนดี ก็จะต้องมีคนมาหาเรา มาคบเราอยู่ดี เพราะอะไร…เพราะเป็นธรรมชาติว่าคนเรานั้น มันอยู่ลำพังคนเดียวในโลกไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทำอย่างไร...ก็พึ่งกันสิ เราอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก ทักษะในด้านเหล่านี้ทั้งหมดไม่พอในชีวิตของเรา เมื่อเป็นอย่างนี้เราก็แค่ประกอบอาชีพหารายได้เข้ามา แล้วก็เอาเงินของเรานั่นแหละ เอาเงินนั้นเอาไปแลกเอาไปเปลี่ยนเป็นปัจจัยมาหล่อเลี้ยงชีวิต
 
ทีนี้ความจำเป็นมันมีอยู่ว่า เราจำเป็นจะต้องพึ่งเขาแล้ว เมื่อต้องพึ่งกันอย่างนี้แหละ มันจึงเกิดเพื่อนขึ้นมาโดยธรรมดา เพื่อนโดยธรรมชาติ เช่น ไปซื้อข้าวซื้อของกัน คุ้นกัน มันก็ต้องเป็นเพื่อนกัน อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงคราวป่วยคราวไข้มันก็ยังต้องพึ่งกัน แต่เพราะการพึ่งกันนี่แหละ มันต้องระวังนะ ในโลกนี้มีทั้งคนดีและคนเลว เมื่อมันมีทั้งคนดีและคนเลว แล้วรวมทั้งมีทั้งของปลอมและของแท้ แล้วจะทำอย่างไรล่ะ…จึงจะได้แต่ของแท้ๆของดีๆไม่ใช่ของเก๊ของปลอมของเทียม ก็ต้องได้มาจากคนดีที่เราคบนั่นแหละ
 
ความรู้ความดีทั้งหลายแหล่ ก็ต้องเอามาจากคนดีที่เราคบนั่นแหละ ถ้าเราไม่รีบเลือกคบคนดี ไปคบคนชั่วเข้าล่ะนะ โจรมันก็จะเข้ามา เอาของปลอมมาให้เรา สื่อสารเอาของเก๊ๆมาให้เรา ผลสุดท้ายเราเลยอยู่ท่ามกลางคนชั่วคนพาล โดยเราไม่รู้ตัว หรือเรากลายเป็นไม่มีทางเลือก เกิดขึ้นมาก็บ้านนี้เมืองนี้ โจรเต็มเมืองแล้ว เราไม่มีทางเลือก อย่างที่ปัจจุบันนี้เราก็บ่นกันว่า โจรเต็มบ้านเต็มเมือง คอรัปชั่นกันเต็มบ้านเต็มเมือง เด็กนักเรียนก็ยกพวกตีกันเต็มบ้านเต็มเมือง แก๊งยาเสพติดก็เต็มบ้านเต็มเมือง
 
แล้วทำอย่างไรล่ะ…จะทนอยู่เฉยๆหรือว่ามาช่วยกันแก้
 
ทนอยู่เฉยๆชาตินี้ก็เหี่ยวลงไปทุกวัน ลูกหลานเกิดมาในภายหน้าก็ลำบากหนักเข้าไปอีก
 
แต่ถ้าลงมือสร้างเครือข่ายคนดีเสียตั้งแต่วันนี้ ประกอบอาชีพอะไรเป็นล่ำเป็นสันได้เงินมาแล้ว เงินส่วนนั้นแหละ เอามาสร้างเครือข่ายคนดี เป็นเงินในการรับแขกในการต้อนรับแขก ในการที่จะไปคบค้าสมาคมกับคนอื่น ใครเป็นคนดีอยู่ที่ไหนเราก็ไปคบกันถึงนั่น ในที่สุดแล้ว มันกลายเป็นว่าเป็นการเอาความดีไปแลกกันกับคนในสังคม ความดีที่เรามีอยู่ก็เอาไปแลกกับเขา ใครมีดีอะไรก็มาแลกกับเรา ความดีที่เราได้มาจะฆ่าความไม่ดีที่มีอยู่ในเราให้หมดไป ความดีที่เรามีแจกไปให้คนอื่น ก็จะไปฆ่าความไม่ดีของคนอื่นให้มันหมดไป
 
เมื่อแจกความดีเพื่อไปฆ่าความเลวกันอย่างนี้เรื่อยๆ คนดีมันก็จะเกิดเพิ่มขึ้นในบ้านในเมืองเยอะๆ และคนหนึ่งที่จะพลอยดีตามไปเป็นหมู่เป็นคณะด้วยล่ะ คือ ใคร
 
คำตอบ คือ เรา รวมทั้งลูกหลานของเรา บริวารว่านเครือเนื้อหน่อของเรา
 
ตกลง การสร้างเครือข่ายคนดี กลายเป็นการสร้างสังคมดีขึ้นมา มันดีทั้งการเพิ่มพูนศีลธรรมให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ให้กับสังคม ดีทั้งในการประกอบอาชีพที่จะได้ไม่มีการบีบกันทางด้านการค้า ไม่มีการทำลายกันทางด้านธุรกิจ ดีทั้งในแง่ในออฟฟิศในที่ทำงานเองนั่นแหละ เลื่อยขาเก้าอี้กันไม่มี หักหลังกันไม่มี ไม่ต้องมากินน้ำใบบัวบกกันล่ะนะ
 
การสร้างเครือข่ายคนดีมีความสำคัญ มีความจำเป็นอย่างนี้ อยู่ที่ไหน ทำมาหากินได้ ก่อนจะเอามากิน แบ่งงบไปสร้างเครือข่ายคนดี แล้วโลกนี้จะเจริญ เราก็เจริญ ทุกคนเจริญหมด ด้วยคำว่า เครือข่ายคนดี หรือ กัลยาณมิตตา
 
คำถาม:พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีเอาไว้อย่างไรบ้างครับ
 
คำตอบ:คว้าหัวใจเลยเชียวนะ...หลักในการสร้างเครือข่ายคนดี มีย่อๆอยู่สี่คำ คือ ให้ ให้ ให้ แล้วก็ ให้...ชัดเจนดีไหม
 
หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีนั้น เนื่องจากคนทุกคนมีความพร่องอยู่ในใจ จำไว้ก็แล้วกัน แม้เราเองก็มีความพร่องอยู่ในใจ แต่ละคนพร่องในเรื่องอะไรบ้าง
 
พร่องประการที่หนึ่ง คือ พร่องสมบัติ ทรัพย์สมบัติ มันไม่ค่อยจะพอกันทั้งนั้นแหละ มันจึงต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขายกันตลอดชีวิตนั่นแหละ ทำมันทำไม…ทำเอามากิน ทำเอามาใช้นั่นแหละนะ ทรัพย์สมบัติมันพร่อง นี่เป็นธรรมชาติของคนจึงต้องประกอบอาชีพกันตลอดชีวิต
 
พร่องประการที่สอง กำลังใจมันพร่อง ไม่ว่าเราจะเก่งกาจแค่ไหน ทำงานไปแล้ว มันก็เจออุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา เมื่อไปเจออุปสรรคเข้า ถ้าแค่บ้างมันก็แล้วไป แต่พอเจอหนักๆเข้า กำลังใจมันก็ชักถอยๆถดๆไปล่ะนะ เมื่อกำลังใจถดถอยไป กำลังใจมันพร่องไป มันก็ต้องหามาเติม กำลังใจมันคอยจะพร่อง ดูนักกีฬาก็แล้วกัน เล่นกีฬาแล้วไม่มีกองเชียร์เล่นไม่สนุกหรอก ไม่เชื่อนะ คุณลองไปวิ่งคนเดียวดูก็แล้วกัน ไม่มันหรอก มันต้องมีกองเชียร์ แล้วก็ต้องมีคนแข่งด้วย กำลังใจมันพร่องก็ต้องมีคนคอยเชียร์กันบ้าง นี่เป็นตัวอย่างนะ
 
พร่องประการที่สาม พร่องความรู้ความสามารถ โถ...คนเราเกิดมาพร้อมกับความโง่ มารู้ มาเรียนรู้ ทีหลังทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ต่อให้มีอายุเป็นพันปีด้วย เรียนความรู้ในโลกนี้ไม่หมด มันคอยจะพร่องอยู่ตลอดเวลา ยิ่งงานก้าวหน้าความรู้ยิ่งตามไม่ทันงาน ทำอย่างไรล่ะ…มันก็ต้องหาคนมาเติมความรู้ความสามารถให้ นี่เป็นตัวอย่างนะ
 
พร่องประการที่สี่ พร่องความปลอดภัย ทำงานไปทำงานไป ระวัง...ความปลอดภัยมันไม่ได้ ถ้าเด่นนัก...เดี๋ยวเถอะ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน มันไม่ปลอดภัยเสียอีกแล้ว หรือเรามันย่ำแย่อยู่ ภัยมันยิ่งบีบหนักเข้าไปอีก ไม่เก่งก็ภัยเยอะ เก่งจัดนักก็ภัยเยอะ ทำอย่างไรล่ะจึงจะปลอดภัย...นั่นแหละๆความปลอดภัยมันพร่องไป มันจึงต้องหามาเติมให้เต็มจนกระทั่งภัยมันหมดไป
 
เพราะฉะนั้น คบกัลยาณมิตร ถึงคราวทรัพย์มันขาดมือ ปันกันได้มันก็ต้องปันกัน พวกจะตายแล้วก็ไม่ช่วยกันนี่ไม่รู้จะคบกันไปทำไม สายสัมพันธ์มันก็ขาดผึงไป กาวใจมันไม่มี
 
กาวใจประการแรก คือ สมบัติส่วนที่เขาขาดมือนั่นแหละ มันก็ต้องไปช่วยไปจุนเจือกันไป
 
กาวใจประการที่สอง กำลังใจมันขาด สมบัติน่ะมันมีนะ แต่กำลังใจบางครั้งมันขาดไป แม้แต่มหาเศรษฐีถึงทีก็ยังขาดกำลังใจได้ มันไม่แน่ คราวป่วยคราวไข้ คราวเจออุปสรรค คราวเจอการกระทบกระทั่งในครอบครัวของตัวเองนั่นแหละ มันต้องการกำลังใจ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเถอะ ได้แตกได้สลายกันแน่ ต้องการกำลังใจ พึงจำไว้ก็แล้วกัน สิ่งที่ทอนกำลังใจมนุษย์น่ะ ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่แสลงใจ และสิ่งที่เพิ่มพูนกำลังใจให้มนุษย์น่ะ ก็ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่เพราะๆ คำพูดที่ให้กำลังใจกัน
 
กาวใจประการที่สาม มีความรู้มีความสามารถไม่หวงกัน แนะนำอะไรกันได้ก็ให้ ความสามารถอะไรที่มี ทุ่มกำลังกายทุ่มศิลปะเข้าไป ทุ่มเทคโนโลยีไป ช่วยกันได้ มันก็ต้องช่วยกัน ยิ่งประกอบอาชีพเดียวกันยิ่งต้องช่วยกัน ไม่ใช่กีดกันกัน มัวกีดกันกันเองในประเทศ ต่างประเทศเขาเลยรวมกันได้ เขาเลยมาเหยียบเราตาย ร้องอ๊อกๆกันอยู่ทุกวันนี้นั่นแหละ เพราะคนในอาชีพเดียวกันในประเทศไทยไม่จับมือกัน ถ้าจับมือกัน ห้างใหญ่ๆมันเกิดเต็มประเทศ ไม่ต้องให้ห้างใหญ่ๆจากต่างประเทศมาดูดเงินจากเมืองไทยออกไปหรอก ตอนนี้โดนดูด เลือดไหลไม่หยุดอยู่นี่ นี่ถ้าคนไทยจับมือกันได้นะ เลือดมันหยุดไหลไปตั้งนานแล้ว มันอยู่ตรงนี้
 
กาวใจประการที่สี่ ก็มีความจริงใจให้กันเสมอต้นเสมอปลาย ถึงคราวพวกได้ดีก็ดีใจด้วย ไม่อิจฉาตาร้อน ประเภท...หนอยแน่ไอ้นี่ มันล้ำหน้าไปกว่าเรา ต้องเลื่อยขาเก้าอี้มันต้องแทงข้างหลังมัน อย่างนี้ไม่ใช่ อย่างนี้ไม่ปลอดภัย แต่ว่าเพื่อนได้ดี เรามีจิตมุทิตาดีใจด้วย เพื่อนเอ๊ย ดีไปเถอะ ตำแหน่งเพิ่มขึ้นดีไปเถอะ ดีใจด้วย แซงไปเลย กำไรมากกว่า เออ...ดีแล้ว ปีหน้าจะได้มาร่วมทุนร่วมหุ้นลงทุนกัน เพื่อนจะได้เป็นเจ้ามือใหญ่ ถือหุ้นใหญ่ก็ไม่ว่ากัน เรากำลังน้อยกำลังทรัพย์น้อยเอาแรงกายเข้าถมเป็นไรไปล่ะ คบกันอย่างนี้
 
มีสมบัติก็ปันกัน ท่านใช้คำว่า ทาน
 
ให้คำพูดเป็นกำลังใจกัน คือ ปิยวาจา
 
มีเรี่ยวแรง มีความรู้ความสามารถ ก็ไม่หวงกัน ก็ให้กันคราวใครขาดแคลน ท่านใช้คำว่า อัตถจริยา
 
ถึงคราวน่ะ ไม่แทงกันข้างหลัง มีแต่สนับสนุนกัน ทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย คือ สมานัตตตา
 
ให้ของ ให้คำ ให้กำลังกายกำลังใจ แล้วก็ให้ความปลอดภัย นี้คือคาถาแห่งการสร้างเครือข่ายคนดี แล้วเราจะมีกัลยาณมิตรรอบข้างอย่างที่จะนับจะประมาณมิได้
 
คำถาม:กระผมกำลังสร้างเครือข่ายคนดีที่เป็นนักธุรกิจ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจะมีคำแนะนำอย่างไรบ้างให้ประสบความสำเร็จครับ 
 
คำตอบ:ขอโมทนาด้วยนะ...ความเดือดร้อนเกี่ยวกับเศรษฐกิจในบ้านเมืองไทยของเราน่ะ อยู่ตรงไหน...อยู่ตรงที่คนไทยหรือนักธุรกิจไทยไม่ค่อยชอบสร้างเครือข่ายกัน เลยกลายเป็นว่าในประเทศไทยที่ผ่านมา นักธุรกิจประเภทเดียวกัน แทนที่จะสร้างเครือข่ายซึ่งกันและกันกลายเป็นว่าฟาดฟันกันเอง ผลสุดท้ายยังไม่มีใครมาทำลายเราเลย เราก็ทำลายกันเองเสียแล้ว แข่งกันตัดราคา ความฉิบหายทางเศรษฐกิจของชาติจึงได้เกิดขึ้น ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะมองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก มันเป็นเรื่องของคนใจแคบ 
 
คนใจแคบสร้างเครือข่ายคนดีไม่ได้...ทำไม  
 
เพราะเขาจะมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก เพราะฉะนั้น การที่คุณโยมคิดจะสร้างเครือข่ายคนดีของนักธุรกิจน่ะ ขอโมทนาด้วยนะ ซึ่งการที่จะทำอย่างนี้ได้ สิ่งสำคัญก็คือ ต้องฝึกให้เป็นคนสายตายาว แต่สายตายาวในที่นี้ไม่ใช่ต้องประกอบแว่นนะ ยาวนั้นให้มองกันให้ข้ามชาติไปเลย อย่ามองกันแค่ใกล้ๆ คือ มองว่าเกิดมาชาตินี้น่ะ เกิดมาเพื่อสร้างบุญสร้างบารมี เกิดมาเพื่อทำความดี เกิดมาเพื่อปราบกิเลสให้หมด ทำพระนิพพานให้แจ้ง  
 
ในระหว่างสร้างบุญสร้างบารมีนี้ มันยังต้องกินมันยังต้องใช้ มันก็จะต้องประกอบอาชีพประกอบธุรกิจ เมื่อต้องประกอบอาชีพประกอบธุรกิจ ก็ขอให้มองว่าอันนี้น่ะมันแค่ทางผ่าน มันไม่ใช่เป้าหมายชีวิต มองกันให้ชัดอย่างนี้  
 
การประกอบธุรกิจ ไม่ใช่เป้าหมายชีวิต เป็นแค่ทางผ่านเป็นแค่อุปกรณ์ในการสร้างบารมี อุปกรณ์ในการปราบกิเลสให้ยิ่งๆขึ้นไป เมื่อมองอย่างนี้แล้ว...ใจใหญ่ๆ นั่นแหละใจใหญ่ๆตายาวๆ มองชีวิตว่าเกิดมาสร้างบารมี จากนั้นให้มองว่าครั้งนี้ที่เราทำเครือข่ายธุรกิจนักธุรกิจนี้ มันไม่ใช่รวมแค่เงินทุน แต่มันเป็นเรื่องของการรวมคนดี รวมนักสร้างบารมีมาร่วมกัน เพราะฉะนั้น...  
 
ประการที่หนึ่ง ในเครือข่ายของเรานี้ จะไม่เกี่ยงว่าใครอาชีพอะไร ต่างกันหรือเหมือนกัน ขอให้เป็นสัมมาอาชีวะเป็นพอ คือ ไม่ใช่อาชีพต้องห้าม เช่น อาชีพตั้งซ่อง อาชีพค้าเหล้า อาชีพค้าอาวุธ นี่เราไม่คุยกัน เราจะเอาแต่ผู้ที่ประกอบสัมมาอาชีวะเท่านั้น มาอยู่เป็นเครือข่ายนักธุรกิจ หรือเครือข่ายนักสร้างบารมีกัน  
 
ประการที่สอง ข้อแม้ของเครือข่ายนี้ คือ ผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิกต้องไม่แตะต้องอบายมุข ชัดเจนลงไปเลย  
 
ประการที่สาม แน่ลงไปเลยว่า อยู่ในศีลอยู่ในธรรมกันนะ ถ้าใครไม่รักษาศีลกันล่ะก็เราคงไปด้วยกันไม่ได้หรอก เพราะว่านี่คือเครือข่ายนักสร้างบารมี คือ นอกจากในระหว่างที่ประกอบอาชีพกันไป ช่วยเหลือกันไปนั้น เมื่อมีโอกาสแล้ว สังคมสงเคราะห์ต้องทำ ศาสนาสงเคราะห์ต้องทำ บุญทานอะไร มีโอกาส...ทำ อย่างนี้บุญบารมีเกิดขึ้นตลอดทาง
 
จากนั้น ก็มองให้ดี เวลาร่วมเป็นองค์กรหรือเครือข่ายกัน ให้มองว่า...  
 
1.เราจะใช้ทรัพย์เป็นทุน อันนี้หนีไม่พ้นนะ พอเป็นเครือข่ายกันแล้วที่จะใช้ทรัพย์ช่วยเหลือกัน  
 
2.เราจะใช้ความรู้ความสามารถเป็นทุน ข้อนี้เราก็ชัดกันอยู่แล้ว เอามาแลก เอามาเปลี่ยนกัน แต่ว่าอย่าลืมเอาความดีทั้งหลายแหล่ที่ต่างคนต่างมี คือ ความรู้ธรรมะ ความสามารถในการปฏิบัติธรรม เทคนิคในการเข้าถึงธรรม เทคนิคในการรักษาศีล ตั้งแต่ทีละวัน ทีละเดือน ทีละพรรษา ทีละปีอย่างไรก็ตามที เทคนิคแห่งการประพฤติปฏิบัติธรรมในแง่มุมต่างๆ เอามารวมเป็นทุนกันไปด้วย เป็นทุนทางด้านอริยทรัพย์นะ ไม่ใช่โลกียทรัพย์  
 
ถ้าเป็นอย่างนี้ เครือข่ายของนักธุรกิจ เครือข่ายของคนดี มันจึงจะมีเต็มแผ่นดิน และเมื่อมันมีเต็มแผ่นดินอย่างนี้แล้ว การรวมทุนกันมันจะไม่ยาก รวมทุนก้อนโตๆกันได้คงไม่ยาก และเมื่อนั้นการที่จะถูกต่างชาติมาบีบมาคั้น มาดูดเอาเงินจากเมืองไทย เลือดไหลทางเศรษฐกิจไม่หยุดจะได้หมดไปเสียที หลวงพ่อขออนุโมทนาด้วยนะ รีบสร้างเร็วๆนะ แล้วให้จำเริญๆเถอะนะ

http://goo.gl/KNOpN


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำอย่างไรจึงจะไม่ท้อไม่เหนื่อยในการทำงาน
      สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น
      "สังคมเปลี่ยนไป" แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตามพระพุทธศาสนามีคำแนะนำอย่างไร ?
      หลักการขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
      คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาหรือไม่
      อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยก
      การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร
      ทำไม ? จีวรต้องเป็นสีเหลือง
      เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร ?
      เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร ?
      เราควรจะเลือกทำงานด้วยทัศนคติอย่างไรที่จะส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
      การเกิดขึ้นของนิสัยดี นิสัยชั่วมีที่มาอย่างไร
      การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related