ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 42

ครั้นท้าวเธอได้สดับดังนั้น ก็ทรงมีพระราชหฤทัยโสมนัสเปรมปรีด์ เพราะธรรมดาแก้วมณีนั้น ชื่อว่าเป็นของมงคลล้ำค่า และหาได้ยากยิ่ง ท้าวเธอจึงเปล่งพระอุทานขึ้นว่า “โอ...วันนี้ช่างเป็นวันมหามงคลจริงเชียว ไหนล่ะมณีรัตนะ ช่วยนำมาให้เราได้ทัศนาสักทีซิ” https://dmc.tv/a2846

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ทศชาติชาดก > มโหสถบัณฑิต
[ 18 ม.ค. 2551 ] - [ ผู้อ่าน : 18266 ]
 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 42


        จากตอนที่แล้ว   มโหสถบัณฑิตได้ทูลถามพระเจ้าวิเทหราชว่า  “หากพระองค์จะทรงสำคัญว่า บิดาย่อมประเสริฐกว่าบุตรในที่ทั้งปวง ลาตัวนี้ก็ย่อมประเสริฐกว่าลูกม้าอัสดร ถ้าเช่นนั้น ขอพระองค์โปรดทรงรับลาตัวนี้ไว้เถิด แต่หากว่าพระองค์จะทรงสำคัญว่า บุตรอาจประเสริฐกว่าบิดาได้บ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้น ม้าอัสดรก็ควรค่าที่พระองค์จะทรงรับไว้แทนลาตัวนี้ ทั้งหมดที่ข้าพระองค์กราบทูลมานี้ สุดแต่พระองค์จะทรงเลือกเอาระหว่างลากับม้าอัสดรเถิดพระเจ้าข้า”

        ท้าวเธอได้สดับคำกราบทูลของมโหสถลง ก็ทรงโสมนัสยิ่งนัก เพราะยิ่งทรงตรองตามคำทูลของมโหสถ ก็เห็นว่าเป็นจริงตามนั้นโดยมิอาจปฏิเสธได้ พระพักตร์ที่โศกสลดก็กลับเปล่งปลั่งขึ้น ข้าราชบริพารทั้งปวง  ก็ปีติยินดี พากันปรบมือเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

        ฝ่ายอาจารย์เสนกบัณฑิตเห็นการณ์กลับตาลปัตรเช่นนั้น ก็ถึงกับนิ่งอึ้งสีหน้าซีดเผือด เหงื่อตก กระสับกระส่ายด้วยความขุ่นแค้น ซึ่งแทนที่จะได้โอกาสหยามมโหสถ แต่กลับถูก มโหสถเย้ยหยันด้วยเหตุผลที่ไม่อาจปฏิเสธได้ จนถึงกับต้องยอมจำนนในที่สุด

        ในเวลานั้น พระเจ้าวิเทหราชทรงเกิดปีติโสมนัส ถึงกับทรงหลั่งน้ำจากสุวรรณภิงคารลงในมือของสิริวัฒกเศรษฐี ประกาศว่า “นับแต่นี้ไป ท่านสิริวัฒกเศรษฐี จงปกครองปาจีนยวมัชฌคามเยี่ยงพระราชาเถิด” เสร็จแล้วก็ทรงขอรับตัวมโหสถไว้ในฐานะราชกุมารของพระองค์
 
        ฝ่ายท่านสิริวัฒกเศรษฐีนั้น คาดคิดไว้แต่ต้นแล้วว่า อย่างไรเสียพระราชาคงไม่พ้น ต้องทรงขอบุตรชายของตนไว้เป็นแน่  แม้นว่าตนจะเห็นแก่ความเจริญรุ่งเรืองของบุตรก็จริงอยู่ แต่ความห่วงใยบุตร เป็นวิสัยที่ผู้เป็นบิดาไม่อาจหลีกพ้น

        ในที่สุดจึงได้กราบทูลทัดทานว่า “ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดพระเจ้าข้า แต่ข้าพระองค์เกรงว่า มโหสถบุตรของข้าพระองค์ยังเด็กนัก แม้นถึงวันนี้กลิ่นน้ำนมในปากของเธอก็ยังฟุ้งอยู่  ต่อไปภายภาคหน้า เมื่อเธอเจริญวัยเติบโตเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจึงจักถวายให้เป็นข้าบาทมูลอยู่ในราชสำนักของพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า”

        พระราชาจึงตรัสด้วยพระสุรเสียงบ่งถึงพระประสงค์อย่างเต็มที่ว่า “ท่านคฤหบดี ท่านอย่าได้ห่วงใยไปเลย เพราะนับแต่นี้ไป เราจักให้การเลี้ยงดูเธออย่างดี เรื่องนี้ขอท่านจงวางใจเถิด”

        เมื่อท้าวเธอตรัสรับรองด้วยพระสุรเสียงหนักแน่นเช่นนั้น ท่านสิริวัฒกเศรษฐีก็สุดที่จะทัดทานต่อไป เพราะเกรงว่าจะเป็นการขัดพระราชหฤทัยของท้าวเธอได้ จึงรีบถวายบังคมแทบเบื้องพระยุคลบาทเพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  แล้วจึงหันมาทางบุตรชาย สวมกอดมโหสถไว้แนบอก จุมพิตศีรษะของลูกน้อยด้วยความรัก พลางให้โอวาทแก่มโหสถว่า
 
        “พ่อมโหสถเอย เจ้าเป็นดุจแก้วตาดวงใจเพียงดวงเดียวของพ่อ หากแววตาดวงนี้ยังคงแจ่มใสรุ่งเรืองอยู่ ชีวีของพ่อก็จักอยู่เป็นสุข แต่คราใด แววตาดวงนี้กลับอับแสงโรยรา ก็เห็นทีว่า ครานั้นชีวีของพ่อคงจักต้องอับเฉาตามไปด้วย  พ่อมโหสถผู้บัณฑิต เจ้าน่ะเป็นที่รักยิ่งของพ่อ เจ้าเป็นที่พึ่งที่หวังอันสูงสุดในชีวิตของพ่อนะลูก จำเดิมแต่นี้ไป เจ้าอย่าได้ทำให้พ่อต้องเป็นปราศจากที่พึ่ง ขอเจ้าจงปรนนิบัติบำรุงพระราชาผู้เป็นเจ้าชีวิต และเอาใจใส่ในราชกิจของพระองค์ อย่าได้หลงมัวเมาประมาทนะลูกรัก”

        ครั้นสิริวัฒกเศรษฐีกล่าวให้โอวาทจบลง มโหสถก็ก้มลงกราบแทบตักของบิดา พลางกล่าวปลอบให้บิดาเบาใจว่า “ท่านพ่ออย่าได้เป็นห่วงไปเลยขอรับ ขอจงวางใจในตัวลูกเถิด และโปรดเรียนท่านแม่ของลูกด้วยว่า แม้นว่าลูกมิได้มีโอกาสกราบลาท่านแม่ แต่ก็จักประพฤติปฏิบัติตน ตามครรลองแห่งบัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลาย  ให้สมกับที่ท่านพ่อและท่านแม่ได้เมตตาพร่ำสอน”  

        ท่านเศรษฐีแม้อดที่จะห่วงใยบุตรชายมิได้ แต่พอได้ฟังคำของมโหสถแล้ว ก็เบาใจ ทั้งมีความมั่นใจเหลือเกินว่า ถึงอย่างไรมโหสถก็จักไม่ทำให้ตนผิดหวังอย่างแน่นอน ครั้นแล้วจึงได้กราบถวายบังคมพระราชา เพื่อทูลลากลับสู่ปาจีนยวมัชฌคาม
 
        ภายหลังจากที่ท่านเศรษฐีกลับคืนสู่เรือนแล้ว พระเจ้าวิเทหราชจึงรับสั่งถามมโหสถว่า “มโหสถกุมารเอย บัดนี้เจ้านับว่าเป็นข้าหลวงของเราแล้ว เจ้าปรารถนาจะเป็นข้าหลวงฝ่ายใน หรือข้าหลวงฝ่ายนอกกันหล่ะ”

        มโหสถดำริในใจว่า บริวารของเรามีมากมาย หากจะอยู่ในพระราชวังในฐานะข้าหลวงฝ่ายในนั้น ก็เกรงว่าจะแออัดเกินไป อย่าเลย เราควรจะขอรับพระราชทานเป็นข้าหลวงฝ่ายนอกจึงจะเป็นการสมควร”

        คิดดังนั้นแล้ว ก็กราบบังคมทูลว่า “ขอเดชะ พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ข้าพระบาทขอรับพระมหากรุณาเป็นข้าหลวงเรือนนอกเถิด พระเจ้าข้า"

        พระเจ้าวิเทหราชจึงได้พระราชทานเคหสถานอันสมควร ให้แก่มโหสถบัณฑิตและเหล่ากุมารผู้เป็นบริวารทั้งหนึ่งพันคน  พร้อมกับพระราชทานข้าวของเครื่องอุปโภคบริโภคที่ประณีต ให้ได้อยู่กินและใช้สอยอย่างสะดวกสบาย นับแต่นั้นมา มโหสถบัณฑิตจึงมีหน้าที่เข้าเฝ้าพระเจ้าวิเทหราชอยู่เป็นประจำ เพื่อคอยช่วยเหลือราชกิจตามที่ท้าวเธอทรงมีพระราชประสงค์  ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญที่มโหสถจะใช้ปัญญานุภาพที่มีอยู่ล้นเหลือ ก่อประโยชน์แก่แว่นแคว้นของตนให้ได้มากที่สุด

        แต่ถึงกระนั้น มโหสถก็มิได้อยู่อย่างสุขสบายเท่าใดนัก เพราะยังต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์ทั้ง ๔ อันมีท่านเสนกบัณฑิตเป็นผู้นำ ซึ่งวางตนเป็นปรปักษ์ คอยคิดจ้องจะเล่นงานมโหสถอยู่ทุกขณะ

        ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้มโหสถผู้เป็นบุรุษชาติอาชาไนย ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเพื่อมิให้เพลี่ยงพล้ำได้ และจักต้องขับเคี่ยวกับอาจารย์ทั้ง ๔ นี้เรื่อยไปจนกว่าพวกเขาจะยอมจำนน

        ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราช เมื่อทรงรับตัวมโหสถเข้ามาเป็นข้าหลวงฝ่ายนอกแล้ว ก็ทรงมีพระทัยยินดี ใคร่จะหาโอกาสทดลองปรีชาสามารถของมโหสถ เพื่อให้เห็นประจักษ์แจ้งด้วยสายพระเนตรของพระองค์เอง แม้จะทรงรอคอยอยู่นาน แต่ก็ยังไม่ได้โอกาสอันเหมาะสม  กระทั่งวันหนึ่ง  มีราชบุรุษนำความมากราบทูลพระองค์ว่า  “ข้าแต่มหาราชเจ้า ในสระโบกขรณีอันตั้งอยู่ในทิศทักษิณ ไม่ไกลจากประตูเมือง ได้ปรากฏมีดวงแก้วมณี ส่องแสงเจิดจ้าแวววาว  อยู่ในสระนั้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง พะยะค่ะ”

        ครั้นท้าวเธอได้สดับดังนั้น  ก็ทรงมีพระราชหฤทัยโสมนัสเปรมปรีด์  เพราะธรรมดาแก้วมณีนั้น ชื่อว่าเป็นของมงคลล้ำค่า และหาได้ยากยิ่ง  ท้าวเธอจึงเปล่งพระอุทานขึ้นว่า “โอ...วันนี้ช่างเป็นวันมหามงคลจริงเชียว ไหนล่ะมณีรัตนะ ช่วยนำมาให้เราได้ทัศนาสักทีซิ” 

        แต่เนื่องจากดวงแก้วมณีนั้น ปรากฏให้เห็นเพียงแสงที่แวววาวเท่านั้น ยังไม่มีใครสามารถนำขึ้นมาจากสระได้ เมื่อราชบุรุษได้ฟังรับสั่งเช่นนั้นจึงอึกอัก กราบทูลสิ่งใดไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อได้สติแล้ว พวกเขาจะกราบทูลอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

http://goo.gl/UtyN9

     
Tag : เทศนา  อาจารย์  พระราชภาวนาวิสุทธิ์  พระพุทธเจ้า  ปัญญา  บารมี  บริวาร  ชาดก  dhamma  

พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 2 ต้นเหตุแห่งเภทภัย
      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 1 การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 195
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 194
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 193
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related