วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือน

ชีวิตที่สมบูรณ์แบบนั้น บางคนคิดว่าคือความสุขที่มาจากทรัพย์บางคนก็คิดว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยความเสียสละ และบางคนอาจคิดว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานคือความสมบูรณ์แบบ https://dmc.tv/a14319

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ข้อคิดรอบตัว
[ 20 ก.ย. 2555 ] - [ ผู้อ่าน : 18277 ]
ข้อคิดรอบตัว
 
 
โดย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ
เรียบเรียงจากรายการนานาเทศนา ทาง DMC
 
วัฑฒิสูตร
 
        ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในมุมมองของแต่ละคนนั้น อาจมีความหมายที่แตกต่างกันไป บางคนอาจคิดว่าความสุขจากทรัพย์คือความสุขที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ บางคนก็คิดว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยความเสียสละนั้นคือความสมบูรณ์แบบ และบางคนอาจคิดว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานคือความสมบูรณ์แบบ
 
วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือน
วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือน
 
        วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือน ถ้าเราอยากรู้ว่าการที่เราเกิดมาแล้วในชาตินี้นั้นคุ้มค่าหรือไม่ สำเร็จหรือไม่ สามารถเอา วัฑฒิสูตร เป็นตัววัดได้เลย มีทั้งหมด 10 ข้อ ใน วัฑฒิสูตร ทั้ง 10 ข้อนั้นท่านแบ่งเป็น 2 อย่าง คือ ถ้าเกิดมาคุ้ม ต้องประกอบด้วย โลกียทรัพย์ 5 ประการ และ อริยทรัพย์ อีก 5 ประการ ถ้ามีครบทั้ง 10 ข้อนี้ก็คุ้มค่า 100%
 
        การเจริญด้วยโลกียทรัพย์ 5 ประการ ถ้าอยู่ในช่วงที่บุญส่งผลจะทำให้เราเจริญด้วยสิ่งเหล่านี้ คือ
 
        1. เจริญด้วยนาและสวน หมายถึง อสังหาริมทรัพย์(ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้) ทั้งหลาย เช่น ตึกราม บ้านช่อง ที่ดิน ที่มีไว้ในครอบครอง ฯลฯ
 
        2. เจริญด้วยทรัพย์และข้าวเปลือก หมายถึง สังหาริมทรัพย์ทั้งหลาย(ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้) เช่น เงินสด เงินฝาก หุ้นที่ถืออยู่ เครื่องประดับมีค่าทั้งหลายที่มีไว้ในครอบครอง ฯลฯ
 
        3. เจริญด้วยบุตรและภรรยา คือ มีครอบครัวดี
 
        4. เจริญด้วยลูกน้องและบริวาร ในสมัยพุทธกาลใช้คำว่าทาส กรรมกร และคนใช้ ในปัจจุบันคือลูกน้อง พรรคพวก บริวาร ที่ดี มีความสามารถ ช่วยงานเราได้ดี
 
        5. เจริญด้วยสัตว์ 4 เท้า เช่น ช้าง ม้า แพะ แกะ วัว ควาย ฯลฯ ในปัจจุบันก็คือ มียานพาหนะในการอำนวยความสะดวก หรือมีอุปกรณ์ในการทำงานที่สะดวก เพราะสมัยก่อนต้องใช้สัตว์ 4 เท้าเป็นเครื่องมือในการทำงาน แต่ในปัจจุบันอาจต้องใช้เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ มีโรงงานในการทำงาน
 
        โลกียทรัพย์ทั้ง 5 ประการนี้ ได้มาด้วยอำนาจของบุญที่สั่งสมทานบารมีไว้มาก และถึงพร้อมด้วยความเป็นผู้มีหัวใจเศรษฐี 4 ประการด้วย คือ
 
        1. อุฏฐานสัมปทาน แปลว่า ขยันทำงานหาทรัพย์
 
        2. อารักขสัมปทาน คือ รู้จักเก็บรักษาทรัพย์
 
        3. กัลยาณมิตตา คือ มีเพื่อนดี มีเครือข่ายคนดี
 
        4. สมชีวิตา คือ ใช้ทรัพย์พอสมตัว
 
        ในสมัยโบราณเวลาจะทำบุญ ขึ้นบ้านใหม่ เปิดร้านใหม่ จะนิมนต์พระไปทำพิธี พระท่านก็จะสอนหัวใจเศรษฐี บางครั้งท่านก็เขียนยันต์ว่า อุ อา กะ สะ โยมก็ชอบเพราะรู้สึกว่าขลังดี ได้ยันต์แล้วรวยเอาๆ ความจริงแล้ว อุ ก็ย่อมาจาก อุฏฐานสัมปทาน คือ ขยันทำงานหาทรัพย์นั่นเอง ถ้าไม่ขยันทำงานทรัพย์ก็ไม่มา เป็นหัวใจเศรษฐีข้อแรก ข้อนี้คนทั่วไปมักจะพอรู้อยู่ แต่นึกว่ามีแค่ข้อเดียว คนไหนที่ขยันทำงานแล้วเห็นว่ายังไม่รวย ก็ให้ไปตรวจดูว่าอีก 3 ข้อที่เหลือนั้นเราสมบูรณ์หรือไม่
 
อุ อา กะ สะ คาถาหัวใจเศรษฐี
อุ อา กะ สะ คาถาหัวใจเศรษฐี
 
        อา ย่อมาจาก อารักขสัมปทาน คือ รู้จักเก็บรักษาทรัพย์ ในข้อที่ 2 ท่านบอกว่า หามาได้เท่าไหร่ก็ต้องรู้จักเก็บรักษา แล้วจะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นเศรษฐีได้
 
        กะ ย่อมาจาก กัลยาณมิตตา คือ มีเพื่อนดี มีเครือข่ายคนดี ถ้าเราคบเพื่อนอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น อย่างที่โบราณว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล ท่านจึงบอกว่าถ้าอยากรวยเป็นเศรษฐีต้องคบคนดี เพราะนอกจากเขาจะไม่เอาความเสื่อมมาให้เราแล้ว เขายังเอาโอกาสและช่องทางมาให้เราด้วย
 
        ปัจจุบันคำว่า สายสัมพันธ์(connection) นั้นสำคัญมาก การรู้จักคนนั้นคนนี้มาก ถึงคราวจะทำธุรกิจอะไร ชวนมาร่วมหุ้นลงทุนกัน ว่ากันว่าสายสัมพันธ์
(connection) นั้นเมื่อตีราคาแล้วเงินสิบล้าน ร้อยล้านยังซื้อไม่ได้เลย ฉะนั้นเครือข่ายคนดี เพื่อนดีที่เราคบหานั้นจะมีส่วนในการเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างมาก
คนจีนที่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วตั้งตัวได้เร็ว ก็เพราะเขามีเครือข่ายคนดีเกิดขึ้น จะเห็นว่าคนจีนเขาชอบตั้งสมาคม มีการรวมตัวกัน ถ้ามีคนจีนที่เพิ่งย้ายมาใหม่และยังไม่รู้จักใคร ก็ต้องรีบไปหาก่อนว่ามีคนบ้านเดียวกันอยู่แถวไหนบ้าง ให้มีผู้หลักผู้ใหญ่ฝากฝังมา ก็สามารถช่วยเหลือกันได้ในหลายๆ ด้าน ทำให้คนมาใหม่มีกำลังใจและตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ถือว่ารอดตายแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับขยายสร้างเนื้อสร้างตัวได้ในที่สุด
 
        การมีเครือข่ายคนดีคอยช่วยเหลือกันนั้น ทำให้สามารถตั้งหลักได้ง่าย และคนที่ช่วยก็ไม่สูญเปล่า เพราะเมื่อผู้ถูกช่วยประสบความสำเร็จในชีวิตวันใดวันหนึ่ง เขาจะมีความกตัญญูรู้คุณ สอนไปถึงลูกหลานว่า ที่ตัวเองมีวันนี้ได้เพราะคนนั้นคนนี้คอยช่วยเหลือเอาไว้ ลูกหลานทั้งหลายจึงต้องสำนึกในบุญคุณเขาเอาไว้ ในอนาคตมีอะไรขึ้นมาถ้าช่วยได้ต้องไปตอบแทนบุญคุณท่าน เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่อยู่มาก่อนพอที่จะมีกำลัง การจะช่วยคนมาใหม่นั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ยิ่งช่วยมากก็ยิ่งได้คนมีฝีมือมาทำงานมาก ก็จะมีคนที่สำนึกในบุญคุณเราคอยเป็นกำลังในด้านต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น ถ้ามีเพื่อนและมีพวก ความสะดวกก็มี ความสำเร็จก็จะรออยู่ข้างหน้า คนไหนไปเดี่ยวๆ คนเดียวนั้นมักจะรอดยาก เครือข่ายคนดีจึงมีความจำเป็นมาก
 
        สะ ย่อมาจาก สมชีวิตา คือ การใช้ทรัพย์พอสมตัว หมายถึงการใช้จ่ายที่ไม่เกินตัว โบราณสอนว่า มีสลึง พึงบรรจบ ให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของ ต้องประสงค์ มีน้อยใช้น้อย ค่อยบรรจง อย่าจ่ายหลงให้มาก จะยากนาน แต่ปัจจุบันนี้ต้องสอนใจตัวเองมากกว่าเดิมเป็น 10 เท่า เพราะตอนนี้มีบัตรเครดิต เมื่อนำไปรูดก็ติดลบได้ง่ายๆ เป็นการใช้เงินในอนาคต มีดอกเบี้ยแพงมาก รูดไปรูดมาจนเพลินก็มีหนี้ท่วมหัวทำให้กลุ้มใจได้ตลอด เขาบอกว่าความสุขที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือความสุขจากการไม่มีหนี้ ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องใช้จ่ายให้สมตัว อย่าให้เกินตัว อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ใช้ สิ่งที่จะช่วยได้คือการทำบัญชีง่ายๆ แค่เขียนว่าวันนี้จ่ายอะไรไปบ้าง เงินที่ออกไปไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ให้จดหมด รวมแล้ววันนี้ใช้ไปเท่าไหร่ ทั้งรายรับและรายจ่ายให้เขียนจดไว้ทุกวัน แค่เราทำบัญชีอย่างนี้ทุกวันเท่านั้นเอง เมื่อเรามานั่งดูเราจะเห็นเลยว่าเราใช้ไปได้อย่างไรตัวนั้นตัวนี้ ที่มันไม่จำเป็นเลย จะทำให้เราคิดได้ว่า ถ้าเราตัดรายการซื้อของที่ไม่จำเป็นออกไปจะทำให้เรามีเงินเหลือเท่าไหร่ จะทำให้วางแผนได้ ฉะนั้นถ้าอยากเป็นเศรษฐีก็ต้องเห็นคุณค่าของเงิน เริ่มลงมือทำบัญชีแล้วควบคุมการใช้จ่ายของเราให้รัดกุมตั้งแต่วันนี้ ถ้าได้ 4 ข้อนี้ คือทั้ง ขยัน รู้จักเก็บ มีเพื่อนดี ใช้จ่ายพอสมตัว อย่างนี้รวยแน่นอน
 
        การเจริญด้วยอริยทรัพย์ อีก 5 ประการ เป็นการสร้างบุญใหม่ให้กับเรา ถ้าเราใช้แต่บุญเก่าโดยไม่สร้างบุญใหม่ เมื่อบุญหมดก็แย่ ฉะนั้นถ้าเรามีบุญเก่าดีแล้วกำลังที่เราจะสร้างบุญใหม่ก็ย่อมง่าย ดังนั้นต้องเอาบุญต่อบุญ ใช้จังหวะโอกาสที่มาถึงเรานั้นมาสร้างบุญใหม่ จะสร้างบุญใหม่ได้ต้องมี 5 อย่าง คือ
 
        1. เจริญด้วยศรัทธา
 
        2. เจริญด้วยศีล
 
        3. เจริญด้วยสุตะ แปลว่า ความรู้ ซึ่งมาจากการฟัง สุตะ แปลว่า ฟัง
 
        4. เจริญด้วยจาคะ คือรู้จักการเสียสละ การบริจาค การให้ทาน
 
        5. เจริญด้วยปัญญา
 
        ทั้ง 5 ข้อนี้คือ อริยทรัพย์ติดตัว คนที่มีศรัทธาจะเป็นตัวเริ่มต้น ต้องมีศรัทธาถ้าไม่มีบุญอย่างอื่นก็จะไม่เกิด มันต้องมีศรัทธาก่อนถึงจะมีอารมณ์ทำบุญ รักษาศีล นั่งสมาธิ ถ้าไม่มีศรัทธาแล้วแม้แต่บาทเดียวก็ไม่อยากให้ แต่ถ้ามีศรัทธาแล้วก็ถึงไหนถึงกัน
 
        ศรัทธา คือ ความเชื่อมั่น เลื่อมใสในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นั่นเอง ถ้าไปเชื่อหมอดู ไสยเวทย์ต่างๆ นั้นแล้วเขาไม่เรียกว่าศรัทธาแต่เขาเรียกว่างมงาย เพราะไม่มีเหตุผล
 
        การเจริญด้วยศีล คือต้องมีศีล อย่างน้อยศีล 5 ในวันพระหรือวันสำคัญพิเศษต่างๆ เช่น วันเกิด ก็ควรรักษาศีล 8 ถ้าเรารักษาแต่ศีล 5 อย่างเดียว บางจังหวะเกิดใจตกเดี๋ยวจะไปทำผิดศีลเข้า เราจึงควรยกใจเราให้สูงขึ้น นอกจากศีล 5 เป็นพื้นแล้วยังขยับมาเป็นศีล 8 เป็นระยะด้วย พอใจเราเข้มแข็งถึงศีล 8 ได้ ถึงเวลาจะร่วงลงมาอย่างน้อยก็ยังอยู่ที่ศีล 5 ยังเอาตัวรอดได้ เพราะถ้าหลุดศีล 5 เมื่อไหร่ก็อันตราย จึงควรต้องมีศีลเป็นเกราะแก้วคุ้มครองผองภัยให้เรา โดยมีศีล 5 เป็นพื้น
 
        การเจริญด้วยสุตะ คือ ความรู้ ความรู้ในที่นี้เราเน้นที่ความรู้ในธรรมะ คือรู้ว่าอะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาป อะไรดีอะไรชั่ว อะไรเป็นกุศลหรืออกุศล รู้ว่าเราเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน ความรู้ 3 ข้อนี้สำคัญมาก คำว่าตายแล้วจะไปไหน จะโยงไปถึงคำตอบสุดท้ายว่า เป้าหมายสุดท้ายของชีวิตเราคือที่ใด นี่คือความรู้พื้นฐานของชีวิตมนุษย์ และคุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์คือ การรู้ว่าเราเกิดมาสร้างบารมี รู้ว่าคนเราไม่ได้เกิดมาแล้วตายในชาติเดียว มันต้องเวียนว่ายตายเกิดหลายภพหลายชาติ จะเกิดแล้วดีหรือไม่ก็อยู่ที่บุญบาปที่สร้างไว้ ใครสร้างบุญไว้มากเกิดมาก็สบาย ใครสร้างบาปไว้มากเกิดมาก็ลำบาก พิการ ยากจน มีปัญหาและอุปสรรคในชีวิตมากมาย ต้องมีความเข้าใจตรงนี้ รู้วงจรพื้นฐานชีวิตอย่างนี้ นี่คือความรู้ที่สำคัญเพราะเป็นความรู้ที่ทำให้เราเองเอาตัวรอดได้ มีความรู้ทางโลกไว้ทำมาหากิน แต่ถ้าไม่มีความรู้ทางธรรมเลยก็ยังไม่แน่ว่าจะรอดหรือไม่ ตายแล้วจะไปอบายหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ถ้ารู้ทางโลกพอประมาณแล้วรู้ทางธรรมดี รู้บุญรู้บาป รู้ดีรู้ชั่ว รู้กาลควรไม่ควร เราก็จะรอด สั่งสมบุญมากขึ้นๆ เราก็จะรอดแล้วไปสวรรค์ได้
 
        การเจริญด้วยจาคะ คือรู้จักการเสียสละ การบริจาค การให้ทาน คือเป็นการสละทรัพย์สินสิ่งของเป็นทาน หรือจะเป็นการสละอารมณ์ที่ไม่ดีให้เป็นทานก็ตาม อารมณ์โกรธต่างๆ ไม่เก็บไว้ในใจสละออกไปเลย  สิ่งนี้จะเป็นอริยทรัพย์ติดตัวเราไปด้วย
 
        บุญที่เราเองสั่งสมไว้ในพระพุทธศาสนาที่ถูกเนื้อนาบุญนั้น มีอานิสงส์มหาศาล ถ้าเราเห็นบุญแล้วเราจะปลื้มใจ เวลาบนโลกมนุษย์นั้นสั้น อายุเฉลี่ยมนุษย์แค่ 75 ปี แต่บนดุสิตบุรี สวรรค์ชั้น 4 นั้น อายุขัยของเทวดานางฟ้าบนนั้นเท่ากับ 576 ล้านปี เมื่อเราทำความดีแล้วบุญส่งอยู่บนสวรรค์มีความสุขที่เป็นทิพย์ มีรูปร่างหน้าตาสวยสดงดงาม ดูราวมีอายุประมาณ 16-18 ปีอยู่อย่างนั้นจนตลอดอายุขัย 576 ล้านปีเลย ผู้หญิงนั้นสวยงามกว่านางงามจักรวาลอีก นางงามจักรวาลนั้นยังสวยไม่จริงเสียด้วยซ้ำ แต่ว่าเลือกเอาที่พิการน้อยที่สุดเขาเลยยกให้เป็นนางงามจักรวาล
 
        สมบัติทั้งหลายบนสวรรค์ก็ครบถ้วนบริบูรณ์หมด ด้วยอำนาจแห่งบุญที่สร้างไว้ ฉะนั้นเมื่อเราเกิดมามีโอกาสรู้อย่างนี้แล้ว ก็ควรขยันตั้งใจทำความดีกันให้มากๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา บุญทุกบาทที่เราทำมันให้ผลยิ่งกว่าพันล้านเท่าอีก ฉะนั้นให้อยู่ในบุญแล้วปลื้มปีติในบุญทุกบุญที่เราได้ทำ นึกถึงบ่อยๆ แล้วตั้งใจทำให้ยิ่งๆ ขึ้นไป บุญนั้นจะส่งผลให้เราปิดอบายไปสวรรค์ได้อย่างแน่นอน
 
        การเจริญด้วยปัญญา ตรงนี้จะเป็นตัวคุมท้ายภาพรวมทั้งหมดเลย ทำให้เข้าใจทุกอย่างได้ดี มีปัญญา รู้ที่มาที่ไป เมื่อมีปัญหาอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขได้ มีปัญญามองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด ซึ่งจะเกิดขึ้นจากใจที่ใสๆ อยู่ในสมาธิ เป็นปัญญาขั้นสูง ที่หลวงพ่อเคยบอกไว้ว่า “เมื่อคิดอะไรไม่ออก ให้ออกจากความคิด ทำจิตให้สงบ แล้วจะพบทางออก” ให้จำสูตรนี้เอาไว้ เพราะนี่คือปัญญาที่เกิดจากการรู้แจ้งภายในจากการภาวนา
 
        ทั้ง 5 ข้อนี้จะเป็นทางมาแห่งอริยทรัพย์ เป็นบุญใหม่ที่เราสร้างให้เรามีความสุข ไม่ต้องรอชาติหน้าคือสุขตั้งแต่ชาตินี้ ส่งผลไปถึงชาติหน้า ส่งผลไปถึงทุกภพทุกชาติจนถึงที่สุดแห่งธรรมเลย เหมือนที่นางวิสาขาเคยทำได้ ซึ่งเป็นแบบอย่างทางฝ่ายหญิงที่ดีมาก อริยทรัพย์ 5 ประการ นางวิสาขามีครบ โลกียทรัพย์ 5 อย่างก็มีครบถ้วนหมด
 
นางวิสาขามหาอุบาสิกา ยอดอุปัฏฐายิกาคู่บุญพระพุทธศาสนา
นางวิสาขามหาอุบาสิกา ยอดอุปัฏฐายิกาคู่บุญพระพุทธศาสนา
 
      ฉะนั้นเราเองให้ตั้งใจเดินตามรอยอย่างนางวิสาขามหาอุบาสิกานี้เถิด ให้พรั่งพร้อมบริบูรณ์ทั้งโลกียสมบัติ และอริยสมบัติ เราจะได้ตอบตัวเองได้ว่า เกิดมาชาตินี้คุ้มจริงๆ เพราะโอกาสอันประเสริฐมาถึงพวกเราแล้ว ต้นทุนที่สำคัญที่สุดคือ เราได้ความเป็นมนุษย์ เพราะกายมนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถสั่งสมบุญบารมีได้ และถ้าเราได้เดินหน้าทำความดีแล้ว พวกเราจะมีบุญอย่างชนิดที่ว่า ไม่น้อยหน้านางวิสาขาเลย

http://goo.gl/Ii9pD


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำไมจีวรพระต้องเป็นสีเหลือง
      ขอไม่นับถือพระสงฆ์
      ข้อคิดธรรมะของพระสุธรรมญาณวิเทศ (สุธรรม สุธมฺโม) จากหนังสือ "หน้าสุดท้าย"
      I can’t respect monks, can I?
      กราบไหว้ทำไม งมงาย !
      Why do people have to pay homage? Ignorant!
      โซเดียม อันตรายใกล้ตัว
      บวชให้สุก
      พลังหญิง
      ตักบาตรใส่บุญ(ตอนที่2)
      ตักบาตรใส่บุญ (ตอนที่1)
      ปัญหามรดก
      ยิ่งใหญ่ในรายละเอียด




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related