“ผมไปพูดเรื่องมนุษย์ต่างดาว จานบิน ที่ไหนๆ หลายคนมองว่าผมบ้า
ผมก็ไม่โกรธเขานะที่เขาคิดไม่เหมือนผม ผมเชื่อของผมอย่างนี้
และผมก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ที่สำคัญประเทศมหาอำนาจของโลกทั้งอเมริกา
รัสเซีย จีน เขาสนใจเรื่องนี้ทั้งนั้น” น้ำเสียงสุขุมนุ่มนวล
ที่หลุดจากปากชายวัย 72 ปี อย่างศาสตราจารย์ ดร.เทพพนม เมืองแมน
ทำให้ได้รับทราบถึง “ความเชื่อ” ส่วนตัวที่เขามีมาต่อเนื่องนานนับ 30
ปีเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวและจานบิน
แม้วันนี้จะยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริงหรือไม่
**********
วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้ว...
ทางช้างเผือกมีจริง
ศ.นพ.เทพพนม เป็นคนไทยคนแรกๆ
ที่กล้าออกมาบอกกับสาธารณชนว่า
มนุษย์เรานั้นไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในจักรวาลนี้
หากแต่เรายังมี “เพื่อนบ้าน”
ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่ามนุษย์อาศัยอยู่ในจักรวาลนี้ด้วย
“นักวิทยาศาสตร์
นักดาราศาสตร์ทั่วโลกพิสูจน์มาแล้วว่าทั้งจักรวาลนั้นมีหลายแสนกาแลกซี
กาแลกซีที่โลกมนุษย์อยู่นี้เพียงแห่งเดียวมีดาวตั้งแสนล้านดวง
ในดาวแสนล้านดวงนั้นคิดง่ายๆว่ามีดวงอาทิตย์หนึ่งดวงมีดาวนพเคราะห์โคจรรอบอยู่ประมาณ
10 ดวง ฉะนั้นดาวนพเคราะห์จะต้องมีอยู่ตั้งหนึ่งล้านล้านดวง
แล้วดาวตั้งหนึ่งล้านล้านดวงแล้วบอกว่าเราเป็นโลกเดียวที่มีมนุษย์อยู่
มันไม่น่าเป็นไปได้” ศ.นพ.เมืองแมน อธิบายสมมติฐานให้ฟัง
ในปัจจุบันองค์การนาซา (NASA) ของสหรัฐฯ ได้นำเอาสมการ “เรกส์”
(RARKE) มาใช้คำนวณหาจำนวนดวงดาวนพเคราะห์ในทางช้างเผือก
(เรกส์นี้เป็นนักดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯ
และเคยไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด)
ว่าหากคำนวณตามสมการเรกส์จะพบว่าในทางช้างเผือกของเรามีดาวนับแสนล้านดวง
จะมีดาวนพเคราะห์ที่มีมนุษย์อยู่และสามารถเดินทางมายังโลกมนุษย์ได้นี้มีอยู่ประมาณหนึ่งล้านดวง
ซึ่งมนุษย์ดาวต่างๆ
ที่ว่านั้นสามารถเดินทางมาโลกมนุษย์เราได้
เพราะเขามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากกว่ามนุษย์หลายร้อยเท่า
ศ.นพ.เทพพนม อธิบายอีกว่า ในระยะ 300-400
ปีที่ผ่านมามนุษย์เราสามารถพิสูจน์ได้ว่า
1. โลกกลมไม่ใช่แบน
2.เมื่อก่อนมนุษย์เชื่อว่าโลกที่เราเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
ดวงอาทิตย์มาหมุนรอบโลกแต่ที่สุดกาลิเลโอก็พิสูจน์ให้เห็นว่าโลกนี้ไปหมุนรอบดวงอาทิตย์
3.มนุษย์ในศตวรรษที่ 21
น่าจะมีการพิสูจน์มาให้เห็นได้แล้วว่ามีมนุษย์อื่นที่อยู่ยังโลกอื่นยังมีอยู่
มนุษย์ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่อยู่ในจักรวาลนี้
“ผมได้ศึกษาเรื่องต่างๆ เหล่านี้มานานถึง 30 ปี
เพราะส่วนตัวผมนั้นผมเคยเห็นจานบินซึ่งมีการศึกษาจากองค์การนาซามาแล้วว่า
มนุษย์ใน
100 คนนั้นจะสามารถเห็นมนุษย์ต่างดาวได้ 5 คนในหนึ่งครั้งในชีวิต
ซึ่งหากเห็นหนึ่งครั้งในชีวิตมันศึกษาไม่ได้มันต้องเห็นหลายๆ ครั้ง
ดังนั้น
ผมได้ไปปรึกษากับดอกเตอร์คนหนึ่งซึ่งหากเอ่ยชื่อไปแล้วคนทั่วโลกรู้จักท่าน
และท่านสนใจทั้งยังเชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวจริง
เพราะดอกเตอร์ท่านนั้นได้เห็นมนุษย์ต่างดาวมาแล้วอย่างน้อย 30
ครั้งซึ่งมันยิ่งทำให้ผมอยากจะรู้มากขึ้น”
หัดทำสมาธิ กรรมฐานกับ 3 อาจารย์ดัง
ศ.นพ.เทพพนม
ได้รับคำแนะนำจากดอกเตอร์คนดังว่าหากต้องการจะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ต้องหัดนั่งสมาธิ
ปฏิบัติกรรมฐาน อย่างต่อเนื่อง
ด้วยความสนใจว่าที่เขาคิดมาตลอดว่ามีมนุษย์จากโลกอื่นมีจริงไม่ใช่สิ่งที่เขาจินตนาการขึ้นเอง
ทำให้ตัดสินใจไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่จังหวัดอุทัยธานี
หัดฝึกสมาธิจนเกิดความชำนาญในระดับหนึ่ง
จนกระทั่งหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมรณภาพจึงเดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัล
และคุณแม่ศิริ กลินชัย
และล่าสุดได้ดั้นด้นไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับโยคีที่มีชื่อเสียงที่สุดในอินเดีย
“อาจารย์ที่ผมไปฝากตัวเป็นศิษย์นี่แต่ละคนล้วนแล้วแต่ได้อภิญญาทั้งนั้น
คนทั่วประเทศก็ยอมรับท่านนะ ส่วนตัวผมผมปฏิบัติทำสมาธิมานานนับ 20 ปีแล้ว
และเท่าที่ได้ถามอาจารย์ทั้งสี่คนท่านก็บอกว่ามนุษย์ต่างดาวน่ะมีจริงๆ
เพราะท่านก็เคยเห็นมาหมด” ศ.นพ.เทพพนม เมืองแมนบอกและว่า อาจารย์ทั้ง 3
คนในเมืองไทยท่านเคยบอกว่าท่านเคยเห็นด้วยตัวท่านเองและในพระไตรปิฎก
พระพุทธเจ้าท่านก็บอกมาตั้งแต่ 2,500 ปี
บอกไว้ว่าท่านเคยไปมาแล้วดาวหนึ่งชื่อ “อุตระประเทศ”
เป็นดาวที่มนุษย์นั้นใจบุญสุนทาน
หน้าตางดงามมากกว่าโลกมนุษย์เราหลายร้อยเท่า
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ได้ทราบข้อเท็จจริงว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริงหรือไม่
ศ.นพ.เทพพนม
จึงพยายามที่จะฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ
จนกระทั่งสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ด้วยการส่ง
“โทรจิต” ผ่านการทำสมาธิที่ฝึกฝนมาหลายสิบปี
จนถึงวันนี้เขาบอกว่าสามารถทำได้ในทุกที่ทุกเวลา และยังสามารถทำให้คนอื่นๆ
ได้เห็นจานบิน และมนุษย์ต่างดาวได้ด้วย
อีก 5 ปี ภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก
หลังจากที่ศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และลองนั่งสมาธิ
ทำกรรมฐานจนสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้แล้วทำให้ ศ.นพ.เทพพนม
สามารถถ่ายรูปมนุษย์ต่างดาว ยานอวกาศได้ด้วยตัวเองนับร้อยๆ ภาพ
เขาบอกว่าภาพถ่ายนี่คือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
คนที่สงสัยว่าผมทำภาพเองก็สามารถนำไปตรวจได้ว่านั่นคือภาพถ่ายที่ถ่ายมนุษย์ต่างดาวจริงๆ
“ใครไม่เชื่อผมก็ไม่ว่านะ เพราะผมรู้ตัวเองว่าผมทำอะไร
ภาพถ่ายที่ผมถ่ายได้ก็เป็นภาพจริงๆ เอาไปตรวจได้เลย
ผมไม่มีความจำเป็นที่จะโกหกใครๆ เพราะสถานะทางสังคม
การเงินหน้าที่การงานมั่นคง ชื่อเสียงของผมก็มี ไม่จำเป็นต้องไปหลอกใคร”
การติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ศ.นพ.เทพพนม บอกว่า
จะต้องติดต่อผ่านการทำสมาธิเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเนื่องจากจะสามารถผ่าน
“ภพภูมิ” ต่างๆไปได้ด้วยจิตที่ละเอียดเพียงพอนั่นหมายถึงการนั่งสมาธิจน
“ถอดจิต” ออกจากร่างได้นั่นเอง
สำหรับคนที่สนใจสามารถศึกษาด้วยตัวเองได้ในพระไตรปิฎกที่เขียนเรื่องภพภูมิไว้อย่างชัดเจน
โดยศาสนาพุทธนิกายหินยานบอกว่าในจักรวาลนี้มีภพภูมิอยู่ถึง 31 ภพภูมิ
ขณะที่ฝ่ายมหายานบอกว่ามีภพภูมิ 32 ภพภูมิ รวมภพ “อันตรภูมิ”
ซึ่งเป็นภพภูมิที่วิญญาณต้องรอกรรมการตัดสินว่าจะไปสวรรค์หรือนรกรวมเข้าไปด้วย
ในขณะที่มนุษย์ต่างดาวที่เขาบอกว่าเขามีความเจริญกว่าเรานั้นบอกว่าในจักรวาลมีตั้งร้อยกว่าภพภูมิ
ิและยังบอกว่า
การเวียนว่ายตายเกิดนั้นเป็นเรื่องจริง
เรื่องภพภูมินี้เราสามารถอธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ได้ ้เพราะผมเคยได้ศึกษาวิจัยร่วมกับ
ศ.ดร.เอียนส์ ซิเวนเซนต์ จากดุกส์ ยูนิเวอร์ซิตี สหรัฐอเมริกา
เรื่องการระลึกชาติโดยศึกษาจากคนไทยที่สามารถระลึกชาติได้ 300 คน
ศึกษาจากคนทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 3,000 คน
ปรากฏว่าเด็กที่ระลึกชาติได้นั้นมีอยู่ทั่วทุกทวีป
แต่ละคนที่เข้าร่วมโครงการสามารถระลึกชาติได้จริงๆ
ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่ามนุษย์เรานี้มีการเวียนว่ายตายเกิด
มีภพมีภูมิที่แตกต่างกันจริงๆ
“มนุษย์ต่างดาวที่มาติดต่อกับผมมาจากหลากหลายที่
เขาเคยบอกผมว่ามนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ล้วนแล้วแต่เกิดตามกระแสกรรม
ใครทำดีย่อมไปเกิดในภพภูมิที่ดีใครทำชั่วย่อมไปเกิดในภพภูมิที่เลวร้าย
พระเจ้าท่านไม่ได้มาเป็นผู้ตัดสินนะ
แต่ตัวมนุษย์เองนั่นแหละเป็นคนกำหนดว่าตัวเองตายแล้วจะไปไหน
นั่นคือเรื่องของการกระทำ หรือที่เราเรียกว่ากรรม
และวิธีตัดสินกรรมอันเกิดจากการกระทำของมนุษย์นี่ถือเป็นการตัดสินที่ยุติธรรมที่สุด”
ศ.นพ.เทพพนม บอกว่า
การที่มนุษย์ต่างดาวเลือกที่จะติดต่อกับเขานั้นเป็นเพราะในภพภูมิหนึ่งเคยได้เป็นส่วนหนึ่งของเขา
ทำให้เขาสามารถสื่อกับมนุษย์ต่างดาวได้และเขาเชื่อว่าเขาถูกส่งมาเพื่อยกจิตวิญญาณของมนุษย์ให้ดีขึ้น
แต่มาถึงวันนี้ยังไม่สามารถทำตามวัตถุประสงค์ได้
ซึ่งมนุษย์ต่างดาวบอกว่าเพราะมนุษย์นั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายและก็มาถึงยุคสุดท้ายที่มนุษย์จะถูกทำลายล้าง
“ผมไม่รู้นะว่าจะมีคนเชื่อผมแค่ไหน
แต่เท่าที่ผมได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวเขาบอกว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้
มนุษย์จะเผชิญกับภัยพิบัติมากมาย
ที่เขาบอกผมมันไปตรงกับภาวะโลกร้อนเข้าพอดี ซึ่งสหรัฐฯ
ได้ทำการวิจัยแล้วว่าโลกมนุษย์กำลังเผชิญกับช่วงแม่เหล็กเปลี่ยนขั้ว
โดยทุกๆ 26,000
ปีแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนขั้วแบบเหนือเป็นใต้ ใต้เป็นเหนือเลยซึ่งเรื่องนี้คนที่ทำคือมนุษย์
กอรปกับจุดดับในดวงอาทิตย์ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้โอกาสที่จะเกิดภัยพิบัติต่อโลกภายในปี
คศ.2012 มากมาย”
สำหรับการศึกษาเรื่องแม่เหล็กเปลี่ยนขั้วนี้ สหรัฐฯ
เป็นผู้ดำเนินการเขาทำการศึกษามาแล้วว่าโลกมนุษย์เราเกิดแม่เหล็กเปลี่ยนขั้วมาแล้ว
8 ครั้งแต่ละครั้งจะทำให้เกิดพายุหมุน แผ่นดินไหว อุณหภูมิเปลี่ยน
ประเทศที่ร้อนอย่างประเทศไทยก็อาจจะมีหิมะตก
นอกจากนี้
ภาวะแม่เหล็กเปลี่ยนขั้วจะทำให้เกิดภัยพิบัติอันเนื่องมาจากโรคระบาดมากมาย
ไวรัสเปลี่ยนสายพันธุ์ เช่น เชื้อไวรัสไข้หวัดนก
ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถติดจากสัตว์มาสู่คนได้แล้ว
ต่อไปมันต้องพัฒนาจนสามารถติดจากคนสู่คนได้ซึ่งเรื่องนี้วงการแพทย์เรากลัวมาก
“เรื่องเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่ติดจากคนมาสู่คนนั้นมีรายงานทางการแพทย์มาหลายประเทศแล้ว
ทั้งอินโดนีเซีย จีน ไทย และเวียดนาม
เพียงแต่มันยังมีไม่มากทางการแพทย์จึงยังถือว่ามันไม่เกิดขึ้น
แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นแล้วเชื่อว่าโลกเราจะเผชิญกับโรคระบาดที่รุนแรงและน่ากลัว
เช่นเดียวกับที่เราเคยเผชิญกับเชื้อกาฬโรคมาแล้วในอดีต
ซึ่งจะทำให้มนุษย์เสียชีวิตมากมายทีเดียว” ศ.นพ.เทพพนม เมืองแมนกล่าว
จิตแพทย์ฟันธง
“หมอเทพพนม” ไม่บ้า
ด้วยความเชื่อที่แปลกแหวกแนวของ ศ.นพ.เทพพนม
เมื่อเทียบกับนายแพทย์คนอื่นๆ ทำให้ “ผู้จัดการรายสัปดาห์”
ได้สัมภาษณ์จิตแพทย์จากกรมสุขภาพจิต อย่างน้อย 3 คน
ว่าการมีความเชื่อเช่นนี้เขามีความผิดปกติหรือไม่ อย่างไร
และเราได้คำตอบตรงกันว่า ในลักษณะของ นพ.เทพพนม
นั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และปัจจุบันท่านยังสามารถจำวันเวลา สถานที่
ประกอบกิจการงานได้ และยังเป็นที่ปรึกษาบริษัทอีกหลายๆ แห่ง
แสดงว่าท่านมีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ ดังนั้น ที่ใครๆ
คิดว่าท่านบ้านั้นไม่จริงแน่นอน
เพียงแต่ท่านอาจจะมีความเชื่อและความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ เท่านั้นเอง
ที่มา-
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/news/2007-10-04-1.html
เมื่อ 10 พฤษภาคม 2567 07:50
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv