ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2554

บวชเพราะแอนตี้วัด                                     

 
 
พลิกชีวิตด้วยบุญบวช
บวชเพราะแอนตี้วัด
เรียบเรียงจากโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับ
 
 
พระพลายวู๊ด  ฐิตสิริโก  
พระพลายวู๊ด  ฐิตสิริโก
 
        ผมมีชื่อเท่ห์ๆ ว่า พระพลายวู๊ด ครับ พลาย แปลว่า ช้าง วู๊ด แปลว่า ไม้ ผสมกันแล้วเป็น ช้างไม้ ส่วนฉายาของผมก็คือ ฐิตสิริโก อายุ 47 ปี เข้าบวชในโครงการแสนรูปเข้าพรรษา ปี 53 ณ ศูนย์อบรมวัดพระธรรมกาย ระเบียง 2 ปัจจุบันรับบุญเป็นพระพี่เลี้ยงอยู่ที่วัดหนองปรือ จ.ชลบุรีครับ
               
        หลวงพ่อครับ..ผมเป็นผู้ชายธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาครับ เพราะตั้งแต่ 5 ขวบ โยมพ่อกับโยมแม่เกิดปลื้มอะไรก็ไม่ทราบ เอาผมไปปล่อยไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วก็ไม่มารับผมกลับเลย ทำให้ชีวิตผมจากที่เคยมีเพื่อนนิดๆ ก็กลายเป็นมีเพื่อนเน็ทๆ ที่เป็นเด็กกำพร้าด้วยกันถึง 300 คน แต่อยู่ที่นี่ก็ดีนะครับ เพราะผมได้แต่งตัวหล่อๆ จนทุกคนต้องหันมามองผม ด้วยสายตาอันระยิบระยับ เนื่องจากต้องแสดงลิเกให้กับญาติโยมที่มาวัดดู จนกระทั่งผมอายุ 18 ปี ผมก็ใช้วิสัยทัศน์สอดส่ายหางานอื่น ที่น่าจะทำให้ผมมีเงินใช้ ได้มากกว่านี้ จนทำให้ผมผ่านประสบการณ์ในการทำอาชีพหลายอย่างมาอย่างโชกโชน จนกระทั่งมาเป็นไกด์ทัวร์ นำนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาเมืองไทยเที่ยว เพราะผมสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แต่ต่อมาสถานการณ์บ้านเมืองเราผันผวน ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวซบเซาลงอย่างแรง  ผมจึงต้องทำอาชีพเสริมหลายอย่าง เช่น ทำการตลาดปลาทับทิม เปิดตลาดไก่จ๊อ  5 ดาว เป็นนายหน้าขายบ้านและที่ดิน จากชีวิตที่เจอคนมาเยอะ ต้องทำงานติดต่อกับผู้คนจำนวนมากมาตลอดเวลานี่เองครับ ทำให้เวลาไปที่ไหนก็จะเจอแต่คนพูดวิพากษ์วิจารณ์วัดพระธรรมกายต่างๆ นานา
 
        โดยเฉพาะช่วงที่วัดโดนโจมตีหนัก 2 ปี จนผมก็รู้สึกแอนตี้ไม่ชอบวัดไปด้วย  ทั้งๆที่ก็ไม่เคยมาวัดนี้หรอกครับ แต่จากสำนวนไทยที่ว่า สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น ผมเกิดครึ้มๆนึกเล่นๆขึ้นมา ว่า สิบตาเห็น ก็ไม่สู้เข้าไปสืบ แต่ถ้าผมจะปลอมตัวทำเนียนมาวัดแบบฉาบฉวย ก็คงสืบอะไรไม่ได้มาก ผมจึงคิดต่อว่า งั้น..ต้องปฏิบัติการขั้นพิเศษ คือ ต้องแทรกซึมเข้าไปเป็นคนวงใน ซึ่งจะเป็นคนวงในได้นั้น ก็ต้องมาบวชเป็นพระวัดนี้ แต่ผมก็คิดเล่นๆ ขำๆ ไปอย่างนั้นแหละครับ ไม่ได้คิดว่าจะมาบ่งมาบวชอะไรถึงขนาดนั้นหรอก แต่จู่ๆ ผมเกิดฝันประหลาดในคืนวันที่ 3 ก.ค. 53 ผมฝันเห็นพระภิกษุขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ พอตื่นขึ้นมันก็คาใจยังไงชอบกล ประจวบกับผมได้ทราบข่าวว่า วัดพระธรรมกายจะจัดบวชเข้าพรรษาทั่วประเทศ ผมก็คิดว่า ไหนๆ เราก็ฝันถึงพระแล้ว อีกทั้งก็อยากรู้ด้วยว่าวัดนี้เป็นยังไง ผมเลยรีบจู่โจมมาสมัครบวชที่วัดพระธรรมกายทันที เพื่อให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยว่า ที่นี่มันเป็นยังไงกันแน่ ซึ่งพอเข้ามาบวช ผมก็เจอสิ่งที่ไม่พอใจทันทีเลยครับ คือช่วงฝึกภาคสนาม จนผมต้องถามว่า จะให้มาบวช หรือให้มาเกณฑ์ทหารกันแน่วะ พระพี่เลี้ยงก็ให้เหตุผลว่า การอยู่ร่วมกันหมู่มาก ต้องฝึกให้ทุกคนมีวินัยและความอดทน แต่ตอนนั้น..ผมยังไม่เข้าใจหรอกครับ จนคิดจะหิ้วกระเป๋ากลับบ้านแล้ว แต่พอได้สติ ก็พูดกับตัวเองว่า เฮ้ย.. ถ้ากลับก็ไม่รู้สิว ผมจึงเปลี่ยนใจอยู่ต่อไปก่อน ช่วงแรกของการอบรม ผมไม่ได้ตั้งใจอะไรกับเขาเลย แถมยังนั่งขัดสมาธิกับพื้นก็ไม่ได้ เพราะปวดเข่า เนื่องจากเป็นโรคเก๊าท์ หนำซ้ำน้ำหนักตัวผมก็ปาไปถึง 97 กก. ผมจึงขออนุญาตเขานั่งเก้าอี้
 
        แต่พออบรมไปเรื่อยๆ พระอาจารย์ท่านก็เล่าถึงประวัติหลวงปู่กับคุณยาย ผู้ให้กำเนิดวัดนี้ พอผมฟังแล้วก็เกิดอาการ เฮ้ย ! ตลอดการฟังเลยครับ เฮ้ย.. ที่ว่านั้นก็คือ เฮ้ย..! ดีว่ะ!!! เฮ้ย..! เสียสละกันขนาดนี้เลยรึวะ! ไหนจะเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการเข้าถึงธรรม ไหนจะเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างวัด จนกลายเป็นโรคขาดอาหาร แต่พอมองไปรอบๆวัด ก็รู้สึกว่าท่าจะจริงแฮะ ถ้าไม่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน คงสร้างไม่ได้อย่างนี้ และขนาดโดนโจมตีหนัก คนก็มากันเป็นล้านจริงๆ ซึ่งถ้าเจ้าอาวาสวัดนี้ สามารถล้างสมองคนได้เป็นระดับล้านจริง ท่านคงต้องเป็นผู้วิเศษ ที่น่าจะขอเข้ามาเป็นสาวก มากกว่าจะมาว่าท่าน แล้วที่สำคัญ..ถ้าวัดไม่ดีจริง ต่อให้ถูกล้างสมองไปกี่น้ำ ก็ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก   และที่มากไปกว่านั้น เจ้าอาวาสวัดนี้ ท่านป่วยเป็นเบาหวาน ขาก็เจ็บ แต่ก็ทำงานทั้งวี่ทั้งวัน แถมต้องมาฝืนสังขารสอนพวกผมทาง DMC  จนถึง 4 ทุ่มทุกวัน และสิ่งที่ท่านสอนก็ดี้ดี สอนให้หักดิบอบายมุขทุกอย่าง ไม่เห็นจะสอนอะไรที่ไม่ดีตามที่เขาลือเลย
 
        แถมยังสามารถสอนคนให้เป็นคนดีขั้นสูงได้อย่างรวดเร็ว จะไม่ให้พูดอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ ก็เพราะท่านเล่นให้เรานึกถึงแต่องค์พระใสๆ กลางท้องตลอดเวลา ก็คิดดูเถอะครับ หากนึกถึงองค์พระตลอดเวลาแล้ว ใครมันจะอยากทำชั่ว อีกทั้งพอนึกถึงพระแล้ว เรื่องชั่วๆ ก็เข้ามาแทรกไม่ได้ เพราะใจเรามันคิดได้ทีละอย่าง มันช่างเป็นวิธีที่ตรง เร็ว ลัด ง่าย และได้ผลดีอย่างยอดเยี่ยม แล้วพอผมลองเปิดใจทำตาม ผมก็พบความสุข จนผมเกิดความรู้สึก เฮ้ย! ขึ้นมาอีกแล้วครับ  คือ เฮ้ย.! การบวชนี่ดีว่ะ สุข สงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ผิดกับทางโลกที่ผ่านมาถึงครึ่งชีวิต และทุกวันนี้ผมก็ศรัทธาครูบาอาจารย์ของเรามากครับ  เพราะผมได้เจออานุภาพท่านกับตัวเองจะๆ คือ ผมเป็นโรคเก๊าท์ครับ ซึ่งดูจากสภาพร่างกายแล้ว ผมไม่มีทางเดินธุดงค์วันละ 14 กม.หลายวันติดๆกัน ได้เลยครับ ผมจึงคิดว่า หากเราทำไม่ได้ด้วยตัวเอง ก็ต้องใช้ปาฏิหาริย์ช่วย ผมจึงอธิษฐานขอหลวงปู่ว่า  ถ้าลูกมีบุญ ที่จะได้บวชที่วัดพระธรรมกายต่อ ขอให้ลูกเดินธุดงค์ได้ และนั่งสมาธิขัดสมาสกับพื้นเหมือนเพื่อนได้ ซึ่งปรากฏว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ผมสามารถเดินธุดงค์ได้ครบกิโล ครบตามจำนวนวันที่กำหนดไว้เลยครับ อีกทั้งยังนั่งสมาธิกับพื้นได้เป็นชั่วโมง จนบัดนี้ผมเลิกใช้เก้าอี้แล้วครับ
 
        สุดท้ายนี้ ผมขออนุญาตมีหลวงพ่อเป็นไอดอลครับ เพราะหลวงพ่อ เป็นพระแท้ผู้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ซึ่งตอนนี้ผมได้ยกสมบัติให้ลูกแท้ๆของผมไปแล้ว และขอพลิกชีวิตจากไกด์นำเที่ยว มาเป็นไกด์นำคนขึ้นสวรรค์ และจะขออาสามาฟื้นฟูศีลธรรมโลกตามหลวงพ่อด้วยคนครับ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
พระพลายวู๊ด  ฐิตสิริโก
 
รับชมวีดีโอ แค่สักครั้งหนึ่ง
รับชมวิดีโอ
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง