ตายแล้วไปไหน
ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
การพิสูจน์ปรโลก ตอนที่ 2การพิสูจน์ปรโลกด้วยพุทธวิธีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความรู้ เป็นศาสนาที่เกิดจากการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเป็นสัจธรรม ได้แก่ อริยสัจ 4 ซึ่งเป็นความจริงอย่างแท้จริง ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาแห่งความจริง พระพุทธองค์ทรงประกาศสัจธรรมที่ตรัสรู้นั้นแก่ชาวโลก เพื่อให้ชาวโลกได้รู้ความจริง รู้จักกฎแห่งกรรม ทรงสั่งสอนให้รู้ว่า ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ทำบุญต้องได้บุญ ทำบาปต้องได้บาป สอนให้รู้กฎเกณฑ์แห่งชีวิต หรือวงจรแห่งชีวิตที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย การเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อันเนื่องมาจากการกระทำของตนเองการเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ตามกรรมของตนหากจะพูดถึงวิธีการพิสูจน์แล้ว มีอยู่ 2 วิธีใหญ่ คือ 1. พิสูจน์ตอนมีชีวิตอยู่ 2. พิสูจน์ตอนตาย แต่เชื่อมั่นว่า ทุกท่านคงไม่เลือกวิธีที่ 2 อย่างแน่นอน คงต้องเลือกวิธีที่ 1 ดังนั้นเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องศึกษาวิธีการที่จะไปพิสูจน์เรื่องราวของปรโลกให้เห็นจริง เพื่อจะได้ไม่ลังเลในการทำความดีวิธีการพิสูจน์นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบ และปฏิบัติจนเป็นผลสำเร็จ รู้ความเป็นไปของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง รู้เห็นการกำเนิดของสัตว์ การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ เราจะได้ศึกษาถึงวิธีการที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบความจริงของชีวิตหลังความตายว่าตายแล้วไปไหนเมื่อจิตสงบจึงพบความสว่างการพิสูจน์แบบพุทธวิธีนั้น ทำได้ด้วยการเจริญสมาธิภาวนาตามแบบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงนั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์ สละชีวิตเป็นเดิมพันใต้ควงไม้ศรีมหาโพธิ์ จนกระทั่งจิตสงบพบความสว่างไสวภายในอันไม่มีประมาณ น้อมจิตปล่อยใจตามกระแสธรรมทำให้บรรลุคุณวิเศษ ที่เรียกว่าวิชชา 31) อันประกอบด้วย1. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้สามารถระลึกชาติในอดีตได้ หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง จนกระทั่งนับภพนับชาติไม่ถ้วน2. จุตูปปาตญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้รู้การเกิด การตายของสัตว์โลกทั้งหลาย ด้วยกรรมอะไรจึงทำให้มีผิวพรรณเลว ละเอียดประณีต ได้ดี ตกยากอย่างไร ด้วยทิพยจักษุ3. อาสวักขยญาณ คือ ปัญญาหยั่งรู้ที่ปราบกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปในวิชชาทั้ง 3 นั้น วิชชาที่ทำให้เกิดความรู้เรื่องภพภูมิ การกำเนิดขึ้นของสัตว์ในภพภูมิต่าง ๆ คือ วิชชาจุตูปปาตญาณ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทิพยจักษุ ดังที่มีกล่าวไว้ใน เทวทูตสูตร2) ว่า“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนเรือน 2 หลัง มีประตูตรงกัน บุรุษผู้มีตาดียืนอยู่ระหว่างกลางเรือน 2 หลังนั้น พึงเห็นมนุษย์กำลังเข้าเรือนบ้าง กำลังออกจากเรือนบ้าง กำลังเดินมาบ้าง กำลังเดินไปบ้าง ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล”หมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมเราย่อมมองเห็นหมู่สัตว์กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมทราบชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมได้ว่าสัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยะ เป็นสัมมาทิฏฐิ เชื่อมั่นกรรมด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไปแล้ว เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ก็มีสัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยะ เป็นสัมมาทิฏฐิ เชื่อมั่นกรรมด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไปแล้ว บังเกิดในหมู่มนุษย์ก็มีสัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ เชื่อมั่นกรรมด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ เมื่อตายไปแล้ว เข้าถึงเปตติวิสัยก็มีสัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ เชื่อมั่นกรรมด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ เมื่อตายไปแล้ว เข้าถึงกำเนิดสัตว์เดียรัจฉานก็มีสัตว์ผู้กำลังเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ เชื่อมั่นกรรมด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ เมื่อตายไปแล้ว เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกก็มี”ผลกรรมของสัตว์โลกผู้ประพฤติผิดศีล ผิดธรรมนอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบเรื่องปรโลกแล้ว ในสมัยพุทธกาลยังมีบุคคลที่สามารถพิสูจน์และยืนยันเรื่องปรโลกนี้อีกจำนวนมาก บุคคลที่โดดเด่นมีอยู่ 2 ท่านด้วยกัน คือ พระอนุรุทธะ ผู้เลิศด้านทิพยจักษุ เป็นผู้หนึ่งที่ชอบตรวจตราการเกิดขึ้นของสรรพสัตว์ทั้งหลายในภพภูมิต่างๆ และอีกท่านหนึ่ง คือ พระมหาโมคคัลลานะ ท่านมักจะไปเยี่ยมเยือนชาวสวรรค์อยู่เสมอด้วยฤทธิ์ของท่าน แล้วสอบถามบุพกรรมของการได้เสวยทิพยสมบัติอันอลังการของเทพบุตร เทพธิดาเหล่านั้น นำมาแนะนำญาติโยม โดยนำมาเล่า ณ เบื้องหน้าพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่ได้เห็นว่า สิ่งนั้นเป็นเรื่องจริง แต่การที่พระอนุรุทธะใช้ตาทิพย์ตรวจตราการเกิดตายของสรรพสัตว์ได้ก็ดี หรือการที่พระโมคคัลลานะใช้ฤทธิ์ไปเยี่ยมเยือนชาวสวรรค์ด้วยกายหยาบก็ดี เป็นผลมาจากการเจริญสมาธิภาวนาจนกระทั่งบรรลุคุณวิเศษแล้วด้วยกันทั้งสิ้นดังนั้นเราได้ทราบแล้วว่า วิธีการพิสูจน์ตามพุทธวิธีนั้นมีอยู่ ปรโลกนั้นมีอยู่จริง ก็ควรจะเร่งฝึกฝนตนเอง ทำความเพียร เจริญสมาธิภาวนาให้เกิดเป็นผลสำเร็จ ตามอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระเถระผู้ทรงคุณทั้งหลาย ที่ทำไว้เป็นแบบอย่างแล้วในอดีต ดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้ ขอให้มีความเพียรอย่างสม่ำเสมอ ทำถูกหลักวิชชา เชื่อมั่นว่า จะต้องไปถึงจุดนั้นได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง อย่างไรก็ดี อย่างน้อยการทำภาวนาก็มีผลเบื้องต้นให้ใจสงบ แม้ไม่ได้ในชาตินี้ ก็เชื่อมั่นได้ว่า ชีวิตในปรโลกของเราต้องเป็นฝ่ายสุคติอย่างแน่นอน
ซีรีย์ที่เกี่ยวข้อง
อบายภูมินรกเปรตสวรรค์มนุสสภูมิพรหมภูมิอรูปพรหมภูมิโลกุตรภูมินิพพาน














